ศิษย์ฝ่ายอธรรมกลุ่มใหญ่มุ่งหน้าเข้าสู่อาณาเขตที่เหล่าศิษย์ของทางหมู่ตึกกำลังคุ้มกันเอาไว้ ถังหว่านเอ๋อจ้องมองไปยังกลุ่มคนเหล่านั้นด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
“เตรียมรับมือศัตรู!”
ถังหว่านเอ๋อยืนอยู่ด้านหน้าสุดของทัพฝ่ายธรรมะ ทันทีที่เสียงเจื้อยแจ้วทอดลงไป เหล่าผู้คนทั้งหมดก็ปะทุพลังทั้งหมดขึ้นมาพร้อมกับชักอาวุธเข้าสู่สภาวะต่อสู้
หลงเฉินมองดูพวกพ้องจากบริเวณที่อยู่ห่างไกลออกมาแล้วส่ายหน้าอย่างอดสู การชิงลงมือก่อนถือว่าเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบกว่า ไม่ใช่เป็นกลยุทธ์ทว่าเป็นจิตวิทยาของการรบชนิดหนึ่ง เพราะว่าฝ่ายที่ชิงลงมือก่อนย่อมเป็นผู้ควบคุมการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความฮึกเหิมให้กับจิตใจของผู้คนได้เป็นอย่างดี
หากเปลี่ยนเป็นหลงเฉินแล้วคงจะออกคำสั่งให้เหล่าพวกพ้องโจมตีศัตรูก่อน และขณะที่ชิงลงมือนั้นก็ปลุกเร้าความฮึกเหิมเสียหน่อยก็จะทำให้พวกพ้องมีกำลังใจที่ดีและไร้ซึ่งความกดดัน
ถึงแม้ว่าจะคิดเห็นเช่นนั้นทว่าหลงเฉินก็ไม่ได้กล่าวห้ามปรามหรือเข้าไปหยุดยั้งแต่อย่างใด ดวงตาคู่คมยังคงจับจ้องไปยังเบื้องหน้าอย่างสงบเสงี่ยมเท่านั้น
ศิษย์ฝ่ายอธรรมที่ปรากฏตัวขึ้นมานั้นมีมากกว่าหนึ่งพันห้าร้อยคน ทว่าเมื่อเข้าตรวจสอบดูแล้วก็พบว่าคนเหล่านั้นมีพลังการฝึกยุทธ์อยู่ระดับปลายแถวเท่านั้น ถึงแม้ว่าบรรยากาศของพวกเขาจะดุดันและโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง ทว่าพลังการต่อสู้ที่แท้จริงกลับไม่อาจเทียบกับเหล่าศิษย์ของทางหมู่ตึกได้เลย
ในขณะนี้ศิษย์ของทั้งสองฝ่ายมีจำนวนที่ใกล้เคียงกันเป็นอย่างยิ่ง ขอเพียงศิษย์ของทางหมู่ตึกสามารถสยบความหวาดกลัวภายในจิตใจลงไปได้ แน่นอนว่าศิษย์ฝ่ายอธรรมเหล่านั้นย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เหมาะสมของพวกเขาแน่นอน
เพราะหลงเฉินเองก็ตระหนักดีว่าหากเขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มก็เสมือนกับได้ทำลายความเชื่อมั่นของพวกเขาไปแล้วหลายส่วน ทว่านี่ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะฝึกฝนพลังจิตใจของพวกพ้องได้
เพราะต่อให้เขาจะแข็งแกร่งมากกว่านี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปกป้องพวกพ้องได้ทั้งหมด ฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องทำให้พวกเขาเป็นผู้ช่วงชิงชีวิตของตัวเองมาด้วยกำลังของตัวเอง
“บุก”
ศิษย์ฝ่ายอธรรมที่มีรูปร่างสูงใหญ่ที่อยู่ทางด้านหน้าสุดทอแววตาดุร้ายแล้วตะโกนขึ้นมาเสียงดังด้วยความเกรี้ยวกราด ในมือของเขาถือดาบจันทร์เสี้ยวหันมาที่ถังหว่านเอ๋อ
“เด็กน้อยผู้นี้มอบให้ข้าจัดการเองเถิด”
กู่หยางทะยานขึ้นมาขวางทางด้านหน้าของถังหว่านเอ๋อด้วยความรวดเร็ว ทั่วทั้งร่างทอประกายแสงเจิดจ้าของอักขระ พลันก็ได้ปล่อยคมหมัดเข้าใส่เด็กน้อยผู้นั้นอย่างรุนแรงในทันที
กายเนื้อของกู่หยางเรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ศิษย์สายตรงของหมู่ตึกแล้ว หลังจากที่กระตุ้นพลังอักขระขึ้นมาก็ยิ่งทำให้กำปั้นของเขาเปี่ยมไปด้วยพลังสภาวะที่น่าหวาดกลัวมากขึ้น ทันทีที่กระแทกเข้ากับดาบจันทร์เสี้ยวสีโลหิตก็ได้สร้างความหวาดหวั่นให้กับศิษย์ฝ่ายอธรรมไม่น้อยเลย
หลังจากนั้นเหล่าศิษย์ฝ่ายอธรรมก็ได้พุ่งทะยานเข้ามาพร้อมกับอาวุธอันแหลมคมอย่างบ้าคลั่ง ทว่าภายในจิตใจของถังหว่านเอ๋อกลับอยู่ในอาการนิ่งสงบเป็นอย่างยิ่ง พลันก็เบิกพลังแห่งจิตวิญญาณกวาดผ่านเหล่าศัตรูไปอย่างรวดแล้วก็พบว่ามียอดฝีมือที่เป็นศิษย์สายตรงปรากฏตัวขึ้นมากกว่าฝ่ายของนางถึงสามคนด้วยกัน
“เตรียมพร้อมสู้รบ รุกและรับรวมเป็นหนึ่งเดียว!”
ถังหว่านเอ๋อตะโกนเสียงดังสนั่น นี่เป็นวิธีที่หลงเฉินมักจะใช้ปลุกเร้าจิตใจให้กับพวกเขานั่นเอง เพราะในขณะนี้ทั้งสองฝ่ายมีกำลังหลักแตกต่างกันอยู่ไม่น้อย
“ตูม”
คมวายุขนาดใหญ่ถูกฟาดออกไปทางศิษย์ฝ่ายอธรรมที่อยู่ด้านหน้าอย่างรุนแรง ภายในจิตใจของถังหว่านเอ๋อในตอนนี้ไร้ซึ่งความหวาดกลัวเฉกเช่นครั้งก่อนหน้านี้ มีเพียงจิตสำนึกที่ต้องการจะสังหารอีกฝ่ายลงให้จงได้เท่านั้น
ดาบจันทร์เสี้ยวของศิษย์สายตรงของฝ่ายอธรรมถูกพลังอันมหาศาลของถังหว่านเอ๋อทำลายจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ภายในพริบตาเดียว เงาร่างสายนั้นจึงรีบถอยร่นกลับไปทางด้านหลังเพื่อตั้งหลักอย่างรวดเร็ว
“ศรสะบัดวายุ”
ทว่าหมู่คนเหล่านั้นกลับไม่มีโอกาสที่จะได้ตั้งตัวอีกต่อไปแล้ว ถังหว่านเอ๋อโจมตีออกไปอีกหนึ่งกระบวนท่าในทันที พลังแห่งวายุหอบหนึ่งรวมตัวกันเป็นลูกศรขนาดมหึมาพุ่งทะลุร่างของศิษย์สายตรงเหล่านั้นไป
“พรวด”
สายลมอันแหลมคมที่แฝงพลังอักขระเอาไว้นั้นแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าเหล็กกล้าก็ได้ดับพลังชีวิตของศิษย์สายตรงผู้นั้นไปในทันที
ใบหน้าของหลงเฉินปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา แท้ที่จริงแล้วในหมู่ยอดฝีมือทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่มีพลังแฝงอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ เมื่อได้รับแรงกดดันอย่างที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ก็มีแต่จะต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีอยู่ปกป้องชีวิตของตัวเอง และหากไม่สังหารศิษย์สายตรงเหล่านั้นโดยเร็วก็จะต้องทำให้พวกพ้องที่อยู่ด้านหลังต้องตกอยู่ในอันตราย
ถังหว่านเอ๋อทอสีหน้าตกใจระคนตื่นเต้นมองไปทางศิษย์สายตรงที่ล้มลงไปต่อหน้า ถึงกับใช้เพียงกระบวนท่าเดียวในการสังหารศิษย์สายตรงของฝ่ายอธรรมไปแล้วหนึ่งคนอย่างนั้นหรือ? ถึงแม้ว่าจะตกใจเป็นอย่างมากทว่าตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะคิดสิ่งอื่นให้วุ่นวาย ขอเพียงสังหารศิษย์สายตรงเหล่านั้นลงไปได้โดยเร็วที่สุดก็เพียงพอแล้ว
ความเก่งกาจของถังหว่านเอ๋อทำให้ศิษย์ของฝ่ายอธรรมเกิดอาการแตกตื่นตกใจขึ้นมายกใหญ่ เพราะเพียงกระบวนท่าเดียวก็สามารถสังหารศิษย์สายตรงผู้หนึ่งของพวกเขาไปได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็มีศิษย์สายตรงของฝ่ายอธรรมพุ่งเข้าหาถังหว่านเอ๋อพร้อมกันถึงสามคน
ถังหว่านเอ๋อตะโกนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง พลันสัญลักษณ์ประจำพลังของต้นตระกูลก็ส่องแสงสว่างสีโลหิตขึ้นที่กลางหว่างคิ้ว ในมือทั้งสองมีคมวายุขนาดใหญ่ที่ห่อหุ้มด้วยกระแสลมอันหนาแน่นหันเข้าไปทางศัตรูทั้งสามคนในทันที
“ตูม”
ศิษย์สายตรงทั้งสามคนถูกคลื่นวายุขนาดมหึมากลืนกินเข้าไปจนร่างกายเกิดบาดแผลฉกรรจ์ขึ้นมา ด้วยความรุนแรงของพลังอันน่าหวาดกลัวหอบนั้นจึงได้กวาดผู้คนของฝ่ายอธรรมลอยไปไกลกว่าสิบคน
“คลื่นหมอกวายุหมุน”
ถังหว่านเอ๋อกระตุ้นคมวายุขนาดใหญ่เท่าหนึ่งฝ่ามือขึ้นมานับหมื่นสายรายล้อมอยู่โดยรอบ พลันก็ยื่นมอกออกไปทางด้านหน้า คมวายุนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานแหวกบรรยากาศซัดเงาร่างของศิษย์ฝ่ายอธรรมจนลอยกระเด็นออกไปตามๆ กัน
“พรวด พรวด พรวด พรวด พรวด……”
คมวายุที่แฝงพลังอักขระแหวผ่านร่างกายของศิษย์ฝ่ายอธรรมจนแหลกสลายกลายเป็นชิ้นเนื้อบดไปในพริบตาเดียว ฝนโลหิตสีแดงสดปกคลุมไปทั่วทั้งผืนฟ้า กลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วบริเวณจนน่าสะอิดสะเอียน นอกจากศิษย์สายตรงสามคนแล้ว ยังมีศิษย์ฝ่ายอธรรมอีกกว่าสามร้อยคนถูกกวาดล้างไปด้วยกระบวนท่านี้ด้วยเช่นกัน
“ในที่สุดก็สามารถลงมือได้อย่างอำมหิตแล้ว” หลงเฉินมองไปที่ถังหว่านเอ๋อแล้วยิ้มขึ้นมา
ทว่าหลังจากที่ปลดปล่อยกระบวนท่าในครั้งนี้ออกไปก็ได้ทำให้ถังหว่านเอ๋อมีใบหน้าซีดขาวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด นั่นคงจะเป็นผลกระทบจากการออกกระบวนท่าอันหนักหน่วงติดต่อกันถึงสามครั้ง
“บุกได้ จัดการเจ้าพวกโสมมเหล่านั้นให้หมด”
การกวาดล้างเหล่าศิษย์ฝ่ายอธรรมของถังหว่านเอ๋อได้ทำให้พลังการต่อสู้ของผู้คนของหมู่ตึกเพิ่มสูงขึ้น ทันทีที่ได้ยินคำสั่งก็ได้แยกย้ายกันหอบอาวุธเร่งฝีเท้ามุ่งเข้าหาศัตรูกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
ในขณะนี้เหล่าศิษย์ฝ่ายอธรรมได้ถูกถังหว่านเอ๋อสร้างความแตกตื่นจนจิตใจหวาดหวั่นกันไปทั้งหมด การลงมือเพียงไม่กี่กระบวนท่าถึงกับสังหารพรรคพวกของพวกเขาจนตายตกไปมากมายเป็นอย่างยิ่ง ทว่าพวกเขากลับไม่ได้ร่นถอยหนีไปเลยแม้แต่คนเดียว ในทางกลับกันกลับยิ่งปะทุความโหดร้ายและอาฆาตขึ้นมาจนถึงขีดสุด
ศิษย์สายตรงของฝ่ายอธรรมจดจ้องไปยังใบหน้าที่ซีดขาวของถังหว่านเอ๋อแล้วแสยะยิ้มชั่วร้ายขึ้นมา เพียงแค่มองไปครู่เดียวก็ทราบได้ทันทีว่านางได้ใช้พลังทั้งหมดออกมาแล้วคงจะไม่สามารถรวบรวมพลังกันมหาศาลออกมาได้อีกครั้ง พลันก็รีบมุ่งหน้าเข้ามาหาถังหว่านเอ๋ออย่างรวดเร็ว
“เจ้าพวกลูกเต่า ไสหัวมาหาบิดาของเจ้าซะ” ซ่งหมิงเหยียน หลี่ฉี และโหลวฉางตะโกนด่าทอขึ้นมายกใหญ่แล้วพุ่งทะยานเข้าสู่เบื้อหน้ากันโดยพลัน
ถังหว่านเอ๋อได้สังหารยอดฝีมือที่เป็นศิษย์สายตรงของฝ่ายอธรรมลงไปถึงสี่คนติดต่อกันจึงทำให้ทั้งสองฝ่ายมีศิษย์สายตรงมีจำนวนเท่ากัน ความได้เปรียบจึงเริ่มเอียงมาทางฝั่งของหมู่ตึกแทน
ถังหว่านเอ๋อกัดฟันแน่นขึ้นมาพร้อมกับหอบคมวายุพุ่งเข้าหาศิษย์สายตรงของฝ่ายอธรรมสองคนที่กำลังปลดปล่อยรังสีสังหารออกมา ถึงแม้ว่าพลังสภาวะของนางในตอนนี้จะอ่อนโทรมจนไม่อาจสังหารยอดฝีมือระดับศิษย์สายตรงให้ตายลงไปได้ภายในพริบตาเดียว ทว่าหากต้านทานเอาไว้เพื่อรอคอยให้พวกพ้องเข้ามาช่วยเหลือคงไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
หลงเฉินเหม่อมองไปยังสนามรบที่เปี่ยมไปด้วยกระแสโลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วทุกหนแห่งอย่างวุ่นวาย บรรยากาศโดยรอบตลบอบอวลไปด้วยความหิวกระหายและประกายดาบเงากระบี่
ถึงแม้ว่าฝ่ายธรรมะจะสามารถชิงความได้เปรียบเรื่องจำนวนได้ ทว่าการเผชิญหน้ากับศิษย์ฝ่ายอธรรมที่โหดเหี้ยมก็ยังไม่อาจกล่าวได้ว่าได้รอดพ้นจากความตายแล้ว จากนั้นเพียงไม่นานนักก็มีผู้คนได้รับบาดเจ็บกันเพิ่มมากขึ้น
ศิษย์จากศาลาการแพทย์มากมายต่างก็รีบขึ้นมาทำการรักษาให้ผู้คนที่ต่อสู้ในแนวหน้า ถึงแม้ว่าช่วงเวลาเช่นนี้จะเกิดความโกลาหลและวุ่นวายเป็นอย่างยิ่งทว่าก็ยังคงดำเนินต่อไปได้ ทั้งยังเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบ้างแล้ว
การต่อสู้ในตอนนี้ทำให้ศิษย์สายตรงของฝ่ายธรรมะร่วมมือกันลงมือกันอย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังลงมือด้วยความบ้าคลั่งเป็นอย่างยิ่ง เพราะพวกเขาเป็นห่วงว่าพวกพ้องที่อยู่ทางด้านหลังจะไม่อาจต้านทานเอาไว้ได้จนก่อให้เกิดการบาดเจ็บและล้มตายไปเป็นจำนวนมาก
ด้วยเหตุนี้พวกเขาแต่ละคนจึงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันฟาดฟันออกไปด้วยกระบวนท่าอันแข็งแกร่งที่สามารถทำให้บาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย ราวกับว่าชีวิตก็ต้องแลกชีวิตอย่างไรอย่างนั้น ภายในห้วงสมองคิดเพียงว่าขอเพียงสังหารอีกฝ่ายให้เร็วที่สุดก็เพียงพอแล้ว
และในขณะที่พวกเขาใช้พลังทั้งหมดเข้าห้ำหั่นศัตรูอยู่นั้นก็ได้มีอยู่หลายคนที่ปรากฏแสงสว่างวาบขึ้นมาบนหน้าผาก เมื่อสิ่งนั้นปรากฏขึ้นมาก็ยิ่งทำให้พลังการต่อสู้ของพวกเขาทวีความรุนแรงและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ทว่าพวกเขาทั้งหมดอยู่ในสภาวะการต่อสู้อย่างบ้าคลั่งจึงไม่อาจรับรู้ถึงแสงสว่างสายนั้นเลยแม้แต่คนเดียว
ส่วนศิษย์ธรรมดาทั้งหมดก็ได้ต่อสู้กับศัตรูกันอย่างวุ่นวายและเรียกได้ว่าอันตรายเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีผู้คนไม่น้อยเลยที่ต่อสู้จนดาบลอยกระบี่บินไปทั่วทั้งผืนฟ้าราวกับว่าสามารถทิ้งชีวิตไปได้ทุกเมื่อ
ทว่าในทางกลับกันแล้วพวกเขาทุกคนได้ลืมเลือนความหวาดกลัวที่อยู่ภายในจิตใจไปจนหมดสิ้น ตระหนักเพียงแต่ว่าจะต้องปกป้องแผ่นหลังของสหายเอาไว้ ต่อให้ต้องตายไปก็จะไม่ยินยอมให้คนอื่นโจมตีเข้าใส่พวกพ้องได้
“พรวด”
ศิษย์ของพรรคฟ้าดินผู้หนึ่งได้ใช้คมดาบสะบัดไปที่ศีรษะของศิษย์ฝ่ายอธรรมจนสิ้นใจไปในครั้งเดียว ทว่าเขากลับคาดไม่ถึงว่าศิษย์ฝ่ายอธรรมผู้นั้นจะยังกวาดดาบเข้ามาทางเขาอย่างเอาเป็นเอาตายด้วย ทั้งยังมีศิษย์ฝ่ายอธรรมอีกคนหนึ่งกำลังพุ่งเข้ามาจากอีกทางหนึ่งพร้อมกับแทงดาบจันทร์เสี้ยวมายังใจกลางหน้าอกของเขาอีกด้วย แม้แต่คิดที่จะหลบเลี่ยงก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว
ศิษย์ของพรรคฟ้าดินผู้นั้นจึงทอสีหน้าไม่ยินยอมขึ้นมา หากตัวเองตายตกไปในตอนนี้ เหล่าพวกพ้องที่อยู่ด้านหลังจะเป็นเช่นไรเล่า? ดวงตาฉายแววความเจ็บปวดขึ้นมาเป็นสายพร้อมกับมองดูดาบที่กำลังพุ่งเข้ามา
“พรวด”
ทันใดนั้นศีรษะลูกหนึ่งก็ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ หยาดโลหิตส่องแสงสว่างวาบขึ้นมาสายหนึ่ง จากนั้นดวงตาของเขาก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังยกนิ้วหัวแม่โป้งให้เขา
“หลง……”
หลงเฉินได้ซุ่มมองดูอยู่จากบริเวณที่ไกลออกไปได้ครู่หนึ่งแล้ว เขาเองก็เห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าภายในกลุ่มกำลังวุ่นวายเป็นอย่างมาก ทว่าเขาก็ยังไม่คิดที่จะลงมือหรือเข้าไปช่วยเหลือแต่อย่างใด ได้แต่คอยจับตาดูสภาพการณ์ทั่วทั้งสนามรบเอาไว้ ขอเพียงมีพวกพ้องคนใดที่กำลังจะถูกสังหารค่อยลอบลงมือก็ยังไม่สาย
ในครั้งนี้เป็นครั้งที่เจ็ดที่เขาได้ลอบลงมือ ทว่าทุกครั้งที่เข้ามาก็ได้ส่งสัญญาณมือห้ามปรามไม่ให้พวกพ้องส่งเสียงตะโกนออกไป และก่อนที่จะจากไปก็ได้ฟาดศิษย์ฝ่ายอธรรมที่อยู่รอบข้างจนตายตกไปหลายคนแล้วเขาจึงค่อยลับหายไปอย่างรวดเร็ว
หลงเฉินไม่อยากจะเปิดเผยตัวให้พวกพ้องทราบเพราะเขาต้องการให้ทุกคนแบกรับสภาวะกดดันเอาไว้อย่างถึงที่สุดจนสามารถระเบิดพลังและความแน่วแน่ที่แท้จริงของตัวเองออกมา
เมื่อพบกับวิกฤติครั้งหนึ่งแล้วได้รับการช่วยเหลือ หลังจากนี้ไปพวกเขาเหล่านั้นก็จะไม่หวาดกลัวต่อความตายอีก อีกทั้งยังได้ค้นพบหลักแห่งความเป็นจริงของการฝึกยุทธ์ด้วย
หลงเฉินมองไปทางศิษย์สายตรงที่ต่อสู้อยู่ในแนวหน้าด้วยความรู้สึกปิติยินดี พวกเขาเหล่านั้นได้ปลุกสัญลักษณ์ประจำพลังจากต้นตระกูลขึ้นมาโดยไม่ทันรู้ตัวเสียด้วยซ้ำไป จึงแน่ใจได้ว่าพวกเขาทั้งหมดมีจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาที่อยากจะปกป้องแล้ว
หลังจากที่การต่อสู้ดำเนินมาถึงตอนนี้ เหล่าศิษย์ฝ่ายอธรรมก็ลดทอนกำลังลงไปเรื่อยๆ และพลังการต่อสู้ของศิษย์ฝ่ายธรรมะกลับมีความมั่นคงมากขึ้นด้วยเช่นกัน ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับศิษย์ฝ่ายอธรรมที่โหดเหี้ยมมากกว่านี้ก็ไม่เกรงกลัวอีกต่อไปแล้ว
“ฮาฮาฮาฮา บุกเข้ามา อย่าได้คิดหนีไปเลย เพราะข้าจะเป็นคนตัดศีรษะของพวกเจ้าเอง”
หลงเฉินหัวเราะฮาฮาดังสนั่นไปทั่วทุกสารทิศจนถังหว่านเอ๋อและพวกพ้องทั้งหมดเกิดความรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาเป็นสาย
“ตัดพายุคลั่ง”