“เป็นกับดัก ทุกคนถอยเร็ว”
ศิษย์สายตรงฝ่ายอธรรมผู้หนึ่งอดไม่ได้ที่จะสะดุ้งขึ้นมายกใหญ่ และตะโกนขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยว หมายที่จะถอยไปทางด้านหลังให้เร็วที่สุด
แต่ว่าในขณะที่พวกเขาเตรียมการจะถอยรน ทันใดนั้นกับดักที่อยู่บนพื้นที่อันกว้างใหญ่นี้ก็กลายเป็นลูกศรนับไม่ถ้วนซึ่งลอยขึ้นมาจากพื้น ขอเพียงมีคนถูกลูกศรเข้า ร่างกายก็จะระเบิดแตกกระจายขึ้นมาไปในทันที
แท้จริงแล้วลูกศรเหล่านั้นก็คือสิ่งที่อัฉจริยะอย่างกัวหรานสร้างขึ้นมานั่นเอง โดยการใช้ศิลาหยินหยางสร้างขึ้นมาจนกลายเป็นศรกัมปนาท ทว่ากลับแตกต่างไปจากศรกัมปนาทก่อนหน้านี้
หลงเฉินได้ให้ศรกัมปนาทแก่เขา พร้อมทั้งยังได้ทำการเพิ่มเติมบางส่วนเข้าไปด้วย จากนั้นก็ได้ฝังวัตถุเหล่านี้เอาไว้ตามพื้นดิน ส่วนที่เพิ่มเติมเข้าไปนั้นก็คือพิษเหลวบนตัวของแมลงป่องเปลือกเงินนั่นเอง
ความรุนแรงของพิษของแมลงป่องเปลือกเงินนั้น ต่อให้เป็นสัตว์มายาระดับสามขั้นกลาง ก็ยังทนไม่ได้แม้ซักเข็มหนึ่ง ถ้าโดนเข้าก็มีแต่ต้องสิ้นชีวาไป
ทว่าก่อนหน้าที่หลงเฉินจะใช้พิษเหล่านี้ เขาได้ตากแห้งจนกลายเป็นผงขึ้นมาและได้อัดมันเก็บเอาไว้ในลักษณะของขี้ผึ้งชิ้นเล็กๆ
เนื่องจากฤทธิ์ของพิษนั้นมีสภาพที่รุนแรงมากจนเกินไป หลงเฉินที่ได้สร้างขี้ผึ้งขึ้นมาจนมีมากกว่าพันชิ้น
ครั้งนี้ถือโอกาสได้นำมันออกมาใช้ ก่อนหน้านี้หลงเฉินยังได้ให้ทุกคนช่วยกันลงไม้ลงมือในการจัดสร้างกับดักนี้
เพราะหุบเขามีลักษณะแคบ ทั้งยังเป็นเส้นทางที่มีความกว้างอยู่เพียงแค่สิบกว่าจั้งเท่านั้น ดังนั้นสถานที่เฉกเช่นนี้จึงเหมาะที่จะวางกับดักเอาไว้เป็นอย่างยิ่ง
ถ้ากล่าวถึงกับดัก หลงเฉินเองก็ถือได้ว่ามีความชอบอยู่อย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะความรู้สึกในขณะที่ลวงผู้คนให้ไปติดกับดักได้ยังรู้สึกน่าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง จนถึงขั้นทำให้เนื้อตัวเต้นระรัวขึ้นมาได้เลยทีเดียว เพียงแค่ความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากสติปัญญา ก็ทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกเช่นนี้ขึ้นมาได้แล้ว
ในเมื่อทางกัวหรานเองก็มีลูกศรอยู่หลายหมื่นดอกอยู่แล้ว ศิลาหยินหยางเองก็มีอยู่นับไม่ถ้วน ขอเพียงมีเวลาพอ เขาก็สามารถที่จะทำการสร้างศรกัมปนาทขึ้นมาได้หลายร้อยดอกแล้ว
หลงเฉินเองก็ได้ล้วงเอาโอสถพิษสิบกว่าเม็ดออกมา แล้วก็ได้เคลือบไว้บนศรกัมปนาทที่วางอยู่ตามพื้น เมื่อศรกัมปนาทถูกกระตุ้นก็จะระเบิดขึ้นมาทันที ในเวลาเดียวกันก็เป็นการกระตุ้นฤทธิ์ของโอสถพิษขึ้นมาอีกทาง
เดิมทีศรกัมปนาทจะมีพลังทำลายที่ไม่ได้มากมายอะไร แต่หลังจากที่ได้เคลือบพิษลงไปแล้ว กลับมีพลังทำลายที่น่าแตกตื่นตกใจเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากที่โอสถพิษได้ระเบิดขึ้นมาแล้ว ผงพิษที่อยู่ภายในก็จะแผ่กระจายครอบคลุมในระยะกว่าร้อยจั้งภายในพริบตา เมื่อศิษย์ที่โง่เขลาในอาณาบริเวณได้สูดดมเข้าไปแล้ว จะเกิดอาการมึนงงขึ้นมาและสูญเสียความรู้สึกไป จนถึงขั้นต้องชีวาวายไปในที่สุด
ทางด้านเด็กน้อยที่มีสติปัญญาอยู่บ้าง มิได้เป็นดั่งศิษย์ที่โง่เขลาเหล่านั้น พวกเขารู้สึกถึงการมีอยู่ของพิษตั้งแต่แรก พวกเขายังพอที่จะมีความสามารถที่จะกลั่นลมหายใจเอาไว้ได้อยู่บ้าง แต่น่าเสียดายที่พวกเขานึกไม่ถึงว่าพิษที่พวกเขาเจอจะเป็นพิษของแมลงป่องเปลือกเงิน
ผงพิษเหล่านั้น มีความสามารถที่จะซึมเข้าสู่ภายในผิวหนังได้ ซึ่งมีความสามารถคล้ายกับกรดก็มิปาน เริ่มต้นจะทำการกัดกร่อนผิวหนัง อีกทั้งยังทำให้แสบคันอย่างมาก จนทำให้อดไม่ได้ที่จะต้องเกาไม่หยุด
แม้ว่าการเกาจะไม่สำคัญอะไรมากนัก แต่อาการคันนั้นเรียกได้ว่าคันเข้าไปถึงจิตใจเลยก็ว่าได้ แม้แต่จิตวิญญาณเองก็ยังเกิดอาการคัน
อาการคันเช่นนี้แทบจะไม่อาจที่จะต้านทานเอาไว้ได้เลย หลังจากที่ได้เกาไปอยู่หลายครา ก็ได้ทำให้ผิวหนังของพวกเขาหลุดลอกออกมา แต่ก็ยังไม่อาจที่จะขจัดอาการคันได้ มีศิษย์อยู่บางคนถึงกับล้มลงกับพื้นด้วยอาการคัน บ้างก็ใช้ดาบตัดทิ้งไปเลยก็มี
แต่ว่าหลงเฉินก็ไม่ได้เตรียมการแค่การวางกับดักเอาไว้อย่างเดียวเท่านั้น ที่ด้านข้างของเขาทั้งสองด้านที่ปกคลุมไปด้วยพื้นหญ้ามากมาย ได้ติดตั้งธนูหน้าไม้เอาไว้หลายสิบชิ้นซึ่งกำลังเปล่งคมศรเข้ามายังทางด้านของศิษย์ของฝ่ายอธรรมเหล่านั้นอย่างบ้าคลั่ง ลูกศรในมือก็ได้ปล่อยออกมาจากมืออย่างไร้เยื่อใย
“เจ้าพวกสารเลวฝ่ายอธรรม ลองลิ้มรสความร้ายกาจของปู่กัวดูหน่อย”
หน้าไม้ขนาดยักษ์ในมือของกัวหราน ก็ได้หันเข้าไปหายังกลุ่มคนที่อยู่ทางด้านล่าง ปล่อยคมศรออกไปอย่างบ้าคลั่ง ปิดตายเส้นทางถอยหนีของพวกเขาไปจนหมดสิ้น
เลือดเนื้อก็ได้ปลิวว่อนอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ระเบิดปะทุไปทั่วทั้งผืนฟ้า ทางด้านล่างของหุบเขาก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยฝุ่นผงและหมอกควันอยู่เป็นสาย
หมอกเหล่านั้นก็คือผงพิษของแมลงป่องเปลือกเงิน ศิษย์ของทางด้านหมู่ตึกพลิกสวรรค์นี้ ต่างก็ได้รับการแจกจ่ายโอสถถอนพิษจากหลงเฉินกันหมดแล้ว จึงไม่เห็นหมอกพิษเหล่านี้อยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ
แต่ว่าศิษย์ของฝ่ายอธรรมเหล่านั้นก็ใช่ว่าจะได้เรื่อง อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่ศิษย์สายตรงหลายคนก็ต้านทานเอาไว้ไม่อยู่ พยายามกลืนโอสถถอนพิษกันอย่างบ้าคลั่งอยู่หลายครา แต่พวกเขาก็พบว่าไม่อาจจะควบคุมพิษเอาไว้ได้
เมื่อได้รู้ว่าพวกตนตกมาสู่กับดักอันร้ายกาจเข้าแล้ว ก็รีบทำการล่าถอยกันไปอย่างบ้าคลั่ง แต่ว่าทางด้านหลังยังมีศิษย์ของทางหมู่ตึกอยู่อีกหลายสิบคนกำลังถือธนูรออยู่ ทั้งยังได้ปล่อยศรกัมปนาทเข้ามาไม่หยุด
ที่น่าหวาดกลัวที่สุดก็คือ เจ้าเด็กน้อยนามกัวหรานผู้นี้สามารถใช้หน้าไม้ขนาดใหญ่ปล่อยศรกัมปนาททั้งหมดหลายร้อยดอกไปในคราเดียวได้ แล้วจึงค่อยเปลี่ยนไปใช้หน้าไม้ตัวใหม่ที่บรรจุลูกศรเอาไว้อยู่แล้วมาใช้
กัวหรานทอแววตาลิงโลดขึ้นมา เขาเติบใหญ่มาจนถึงบัดนี้ ยังไม่เคยรู้สึกภาคภูมิใจมากเช่นในวันนี้มาก่อนเลย
ศรกัมปนาทถูกใช้ออกมาประดุจไม่มีราคาเลยก็ว่าได้ ลูกศรจำนวนมากได้เกิดการระเบิดอย่างบ้าคลั่ง ลูกศรที่ดุจดั่งห่าฝนได้เข้าปกคลุมจนปิดตายเส้นทางทุกสายจนหมด
“ด้านหลังถอยไม่ได้แล้ว บุกไปทางด้านหน้าต่อไป ! ”
ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดที่กล่าวประโยคนั้นขึ้นมา แต่เหล่าศิษย์ของฝ่ายอธรรมที่ไม่อาจถอยไปได้ ก็ได้เริ่มที่จะพุ่งขึ้นมายังทางด้านหน้ากันอย่างบ้าคลั่ง
เพียงแต่ว่าบริเวณโดยรอบทั้งหมดต่างก็ปกคลุมไปด้วยผงพิษ แทบจะไม่อาจมองเห็นสภาพทางด้านหน้าได้เลย หลังจากที่วิ่งตะบึงออกไปได้ไม่ถึงสิบจั้ง จู่ๆพื้นใต้เท้าก็ได้กลายเป็นเพียงความว่างเปล่า
“อา……”
เสียงกรีดร้องดังออกมาไม่หยุด ทว่าเสียงกรีดร้องนี้ก็เรียกได้ว่าทำให้รู้สึกอึดอัดได้อย่างถึงที่สุด
เพราะที่เบื้องหน้าของพวกเขา ได้มีหลุมขนาดใหญ่ที่มีความลึกกว่าห้าสิบจั้งอยู่หลุมหนึ่ง แต่อย่างน้อยนี่ก็ถือเป็นจุดหลบภัยของคนที่มีชีวิตอยู่
แม้หลงเฉินจะไม่ได้จัดการกับพวกเขา แต่ขอเพียงรอให้พวกเขาไม่อาจกลั่นหายใจต่อไปได้อีกสักพัก ด้วยพิษของแมลงป่องเงิน พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะต่อสู้ต่อไปได้
ในแต่ละบริเวณของสนามรบต่างก็เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องดุจผีสางร่ำ แทบจะไม่อาจได้ยินเสียงสภาพแวดล้อมโดยรอบ แต่ว่าหลังจากที่ลองฟังอย่างชัดเจนดูแล้ว ยังมีเสียงของระเบิดดังขึ้นมาไม่หยุดหย่อน จนกลบเสียงกรีดร้องที่อยู่ทางด้านหน้าไปจนหมดสิ้น
ดังนั้นในช่วงระยะเวลานับตั้งแต่แรก ทุกคนต่างก็มุ่งหน้าไปยังทางด้านหน้าอย่างไม่คิดชีวิต ผลสุดท้ายจึงต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ไปในที่สุด
คนที่ถูกลวงให้เข้าไปทางด้านหน้านับตั้งแต่เริ่มแรก หากไม่ได้ตายไปเพราะพิษ ก็จะกลายเป็นถูกคนที่อยู่ทางด้านหลังเหยียบย้ำจนตายไปทั้งเป็น
ทุกคนตะโกนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง โหยหวน แต่ว่ากลับไม่มีประโยชน์แต่อย่างไร รอบบริเวณต่างก็มืดครื้มขึ้นมา แทบจะไม่อาจมองเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
การกรีดร้อง โหยหวน ยิ่งมากก็ยิ่งทำให้สูดผงพิษเข้าไปได้ง่ายยิ่งขึ้น ยิ่งทำให้พวกเขาตายได้เร็วยิ่งขึ้นไปอีก
หลงเฉินมองเข้าไปท่ามกลางหมอกพิษอย่างเย็นชา มองดูศิษย์ของฝ่ายอธรรมแทบจะไม่ต่างอะไรไปจากแมลงวันไร้ศีรษะ ด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ คล้ายกับกำลังชมการแสดงบทหนึ่งอยู่
ศิษย์ของหมู่ตึกที่อยู่ทางด้านหลังของหลงเฉินต่างก็อ้าปากค้าง แม้พวกเขาจะหลับฝันก็ยังไม่เคยนึกเลยว่า ศึกตัดสินระหว่างยอดฝีมือจะสามารถใช้กลยุทธ์เพื่อสร้างความได้เปรียบถึงเพียงนี้
เมื่อได้มองไปยังแผ่นหลังของหลงเฉิน ภายในจิตใจของพวกเขาก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยความเลื่อมใสอย่างยิ่ง นี่ถือได้ว่าเป็นบุรุษที่ประหลาดและพิสดารผู้หนึ่ง แต่ละเรื่องที่บุรุษผู้นี้สร้างขึ้นมาก็ล้วนทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจ
เสียงกรีดร้องของความเศร้าโศกได้ดำเนินต่อไปเป็นระยะเวลาหนึ่งชั่วยาม ภายในหุบเขาก็ยังคงเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมาไม่หยุด หลงเฉินอดไม่ได้ที่จะต้องด่าทอพร้อมกับกล่าวออกมา
“กัวหราน เจ้าเด็กล้างผลาญ ศัตรูก็ตายไปกันหมดแล้ว เจ้ายังไม่หยุดปล่อยคมศรอีกอย่างงั้นหรือ ? นี้คงมิใช่กลายเป็นว่าเจ้าเสพติดมันแล้วหรอกนะ? ”
กัวหรานจึงค่อยข่มความลิงโลดพร้อมกับได้สติกลับคืนมา เนื่องจากความรู้สึกระรื่นเมื่อครู่นี้ ทำให้ลืมเลือนบรรยากาศสุ่มเสียงที่อยู่ทางด้านล่างไปจนหมด จนลืมเก็บหน้าไม้กัมปนาทของตนเอง
“ทุกคนอย่าเพิ่งขยับกัน หมอกพิษยังต้องใช้เวลากว่าครึ่งชั่วยามจึงจะสลายไป ทุกคนคุ้มกันอยู่ในตำแหน่งของตัวเองเอาไว้ ระวังอย่าให้ถูกรวบหัวรวบหางได้”
ทว่าหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม หมอกพิษก็ได้ค่อยๆที่จะสลายหายไป แทบจะไม่ต่างอะไรไปจากการหว่านแหในตำนานเลยก็ว่าได้
เพราะปลาทั้งหมดที่อยู่บนพื้นต่างก็ตายไปจนหมดสิ้น แม้แต่ลมหายใจที่โรยรินก็ยังไม่มีให้พบเห็น ทั้งหมดตายไปจนไม่อาจที่จะตายได้อีก แม้แต่ศิษย์สายตรงที่มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ก็ยังไม่อาจที่จะหลบหนีได้พ้น
ดูเหมือนว่าตนเองจะประเมินพลังฝีมือของฝ่ายอธรรมสูงมากจนเกินไปแล้ว ใช่ว่าทุกคนที่เป็นผู้หลอมโอสถจะสามารถหลอมโอสถถอนพิษระดับสามขั้นสูงขึ้นมาได้
ถ้าหากมิใช่โอสถถอนพิษระดับสามขั้นสูง ก็แทบจะไม่อาจป้องกันฤทธิ์ของพิษแมลงป่องเปลือกเงินได้เลย ผลลัพธ์จึงได้เป็นอย่างที่เห็น
เมื่อทุกคนได้มองไปยังศพที่อยู่บนพื้นดิน ต่างก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น ถึงกับเข่นฆ่าศิษย์ของฝ่ายอธรรมได้อย่างง่ายดายเช่นนี้เลยหรือ ?
เมื่อเทียบกับจิตใจที่ต้องเตรียมพร้อมในการต่อสู้ ที่จำต้องแลกชีวิตอยู่ตลอดเวลา นี่ก็แทบจะเรียกได้ว่าสบายมากจนเกินไปแล้ว สะดวกสบายจนถึงขั้นทำให้ผู้คนไม่อาจที่จะเชื่อได้เลยก็ว่าได้
หลงเฉินได้ใช้พลังแห่งจิตวิญญาณกวาดสภาพสนามรบอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้พบว่าไม่มีจิตวิญญาณใดๆหลงเหลืออยู่อีกแล้ว บอกได้ว่าเด็กน้อยกลุ่มนี้ ได้ตายตกกันไปจนหมดสิ้นแล้ว
“ทุกคนเก็บกวาดสนามรบกัน แล้วก็ระวังพวกคนที่มีความสามารถในการแกล้งตายเอาไว้ด้วย”ถึงแม้จะทราบว่าในที่แห่งนี้จะไม่มีคนมีชีวิตรอดได้อีกแล้ว ทว่ายังไงเสียก็จำเป็นที่จะต้องกระตุ้นพวกเขาเอาไว้ก่อน ดีกว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นโดยที่ไม่ทันจะระวังตัว ทั้งยังเป็นปลูกฝังไม่เกิดความเคยชินที่ไม่ดีของพวกเขาอีกด้วย
“ศิษย์พี่หลงเฉิน หัวของคนเหล่านี้……”ศิษย์ผู้หนึ่งกล่าว พร้อมกับคว้าศีรษะมนุษย์ที่ดําคล้ำขึ้นมา
หลงเฉินหัวเราะแล้วกล่าว “ศีรษะมนุษย์ที่สมบูรณ์ ตัดลงมาให้หมด ไม่ว่าจะดำหรือไม่ดำ ยังไงเสียหมู่ตึกก็ย่อมต้องให้แต้มคะแนนอยู่แล้ว มิได้แยกว่ามีสีหรือไม่มีสีหรอก”
เนื่องจากศีรษะมนุษย์เหล่านั้นได้รับพิษเข้าไป จึงได้กลายเป็นสีดำจนแทบดูอะไรไม่ออก อีกทั้งยังมีอยู่บางส่วนที่เน่าเปื่อยไปอีกด้วย แทบจะไม่เหลือเค้าโครงรูปแบบเดิมเลยก็ว่าได้
ส่วนทางหมู่ตึกคิดจะเอาศีรษะมนุษย์เหล่านี้ไปทำอะไรนั้น เป็นเรื่องของทางหมู่ตึกเพราะทางหมู่ตึกเองก็ย่อมต้องมีวิชาลับของตัวเองอยู่แล้ว
หลังจากที่ได้ผ่านพ้นศึกเมื่อครั้งที่แล้วไป ศิษย์ของหมู่ตึกก็เรียกได้ว่าได้พิชิตความกลัวต่อความตายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งยังเปลี่ยนจนกลายเป็นโหดเหี้ยมขึ้นมาอีกด้วย
เมื่อแม้แต่ความตายก็ยังไม่กลัว ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้พวกเขาหวาดกลัวได้อีกต่อไปแล้ว การตัดศีรษะมนุษย์แทบจะเรียกได้ว่าง่ายดายดุจผ่าลูกแตงโม
ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม การต่อสู้ก็ได้สิ้นสุดลงไปในที่สุด ถึงแม้ว่าศิษย์ของฝ่ายอธรรมจะมีจำนวนมาก แต่ทุกคนต่างก็มีแหวนมิติกันทั้งสิ้น การเก็บกวาดนั้นเพียงแค่นำซากศพเหล่านั้น เก็บเอาไว้ภายในแหวนมิติ จากนั้นจึงค่อยหาสถานที่เพื่อนำไปทิ้งก็เพียงพอแล้ว
ในส่วนสิ่งของที่อยู่ภายในแหวนมิติ ก็จะต้องมอบให้แก่หมู่ตึกในทันที เพราะนี้ถือเป็นข้อตกลงของทางหมู่ตึกข้อหนึ่ง เนื่องจากเป็นเพราะไม่อาจปล่อยให้ศิษย์ของฝ่ายธรรมะฝึกปรือวิชาหรือคัมภีร์ของศิษย์ฝ่ายอธรรมได้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นผู้ที่กระทำผิดเหมือนศิษย์ฝ่ายอธรรม
เมื่อหลงเฉินได้ยินได้ฟังก็เกิดอาการหวาดหวั่นขึ้นมาเล็กน้อย ถ้าหากมีกฎเช่นนี้อยู่ ก็หมายความว่าท่าร่างภูตมืดสงัดที่ตนเองลวงมาได้ ก็คงจะไม่สามารถฝึกฝนได้เป็นแน่
เมื่อมีคำสั่งเช่นนี้ ถ้าศิษย์ของฝ่ายธรรมะต้องการจะฝึกฝนวิชาที่แข็งแกร่งของฝ่ายอธรรม ก็จะทำได้เพียงแค่แอบฝึกเท่านั้น
เพราะวิชาของศิษย์ของฝ่ายอธรรมส่วนมากมักจะอำมหิตผิดปกติ มีพลังทำลายอันน่าหวาดกลัว ก่อนหน้านี้หลงเฉินเองก็ได้ทราบจากกุ่ยซามาไม่ใช่น้อย
แต่วิชาทักษะยุทธ์เหล่านี้ต่างก็จำเป็นที่จะต้องใช้แนวทางการฆ่าคนเพื่อเพิ่มพูนพลัง ต่อให้แข็งแกร่งกว่านี้ หลงเฉินก็ยังทำไม่ได้
ท่าร่างภูตมืดสงัด เป็นวิชาท่าร่างที่ล้ำลึกเป็นอย่างยิ่งชุดหนึ่ง ทั้งยังไม่มีแบ่งแยกเป็นสายธรรมะหรืออธรรม หลงเฉินรู้สึกได้ว่าการที่ลอบเรียนเสียบ้าง ย่อมไม่ถือเป็นปัญหาแต่อย่างไร ขอเพียงตนเองไม่ป่าวประกาศออกไป มีหรือที่ผู้อื่นจะทราบได้กัน ?
ทว่าท่าร่างภูตมืดสงัดนี้แข็งแกร่งรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง ตนเองที่ได้ลอบทดลองใช้อยู่หลายครั้ง ก็แทบจะไม่อาจไหลเวียนพลังออกมาได้ มีแต่ต้องรอคอยจนถึงขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นแล้วจึงค่อยว่ากล่าวกันอีกครา
หลังจากที่ได้จัดการสั่งการให้ทุกคนเก็บกวาดสถานที่การต่อสู้แล้ว ก็ได้เก็บกับดักกลับมาทั้งหมด กัวหรานเองก็ได้เริ่มที่จะทำการสร้างศรกัมปนาทอย่างขมักเขม้น
เด็กน้อยผู้นี้เรียกได้ว่าได้ลิ้มรสชาติของความหอมหวานเข้าแล้ว กัวหรานซ่อนตัวอยู่ภายในระหว่างหุบเขาแล้วทำการวางกับดักเอาไว้ จากนั้นก็เริ่มทำงานโดยไม่หยุดไม่หย่อน
หลงเฉินได้ทำการนับจำนวนคนอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้พบว่ามีด้วยกันทั้งหมดสี่สิบเจ็ดคน ที่ทะลวงพลังไปได้ จึงได้ให้พวกเขาเข้ากะเฝ้ายามแทน และให้คนกลุ่มเดิมนั้นไปทำการทะลวงพลังแทน
เช่นนี้ทุกคนต่างก็จะมีโอกาสในการทะลวงพลังได้แล้ว ภายใต้สภาวะที่คับขันเช่นนี้ ต่อให้ทะลวงไม่ได้ ก็ยังทำให้รากฐานเกิดความมั่นคงขึ้นได้ ยังไงก็มีแต่ข้อดีนับร้อยไร้ซึ่งข้อเสีย
ทว่าหลังจากปรับใช้จนเสร็จไปเพียงสองชั่วยามกว่า ก็ได้มีศิษย์ของฝ่ายอธรรมอีกกลุ่ม เคลื่อนทัพกันเข้ามาอย่างถี่ยิบ
“เหอะเหอะ มีอาหารเข้ามากันอีกแล้ว”
บนใบหน้าหลงเฉินปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเป็นสาย แต้มคะแนนไหลมาเทมา เหอะเหอะ รอบนี้คงจะสามารถรวบรวมวัตถุดิบของดาราแปรแสงได้แล้ว