เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 262 ปราณไม้ร่วมสุข

ในตอนที่กรงเล็บของผู้อาวุโสฝ่ายอธรรม กำลังจะเข้ามาถึงส่วนคอของถังหว่านเอ๋อ หมายที่จะปลิดชีพไปในกระบวนท่าเดียวนั้น พลังโจมตีที่รุนแรงระลอกหนึ่งก็ได้พุ่งเข้า

ไม่แปลกใจเลยที่เขาเป็นผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมที่ผ่านศึกมานับร้อย ในขณะที่กำลังพุ่งเข้าหาถังหว่านเอ๋อก็ได้รู้สึกถึงความผิดปรกติ จนต้องถอยออกมาด้วยความรวดเร็ว

“ตูม”

ชั่วพริบตาที่เขาถอยออกไป เงาดาบอันน่าหวาดกลัวสายหนึ่งก็ได้ฟาดฟันลงมา จนพื้นดินแหลกเป็นหลุมยาว

ผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมตะโกนขึ้นมาเสียงดัง เพราะไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อใดกัน ที่หลงเฉินซึ่งเกือบตายอยู่รอมร่อจู่ๆก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง ตลอดทั่วทั้งร่างกายยังเปี่ยมไปด้วยพลังลมปราณไหลเวียนไปมา ราวกับได้เกิดใหม่ก็มิปาน

ผู้ที่มาขัดขวางก็คือหลงเฉิน เมื่อครู่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงได้ถูกฉู่เหยาช่วยเหลือเอาไว้ ฉู่เหยาเองก็ได้ไหลเวียนพลังแห่งชีวิตขนาดใหญ่ เพื่อทำการรักษาอาการบาดเจ็บของเขา

แต่ว่าเนื่องจากร่างกายของหลงเฉินนั้นแข็งแกร่งมากจนเกินไป แม้ว่าฉู่เหยาเองจะมีพลังแห่งชีวิตที่มากมายมหาศาล เพียงแค่ชั่วขณะก็พบว่าไม่อาจที่จะทำให้เขาฟื้นคืนกลับมาได้ทัน

เมื่อพบเห็นถังหว่านเอ๋อและพวกกำลังเผชิญหน้ากับอันตราย หลงเฉินที่พึ่งจะฟื้นคืนพลังลมปราณกลับมา ก็คิดที่จะพุ่งออกไป แต่กลับถูกฉู่เหยาขวางเอาไว้

“หลงเฉิน เจ้าเชื่อข้าหรือไม่?” ฉู่เหยากล่าวออกมาด้วยความเคร่งขรึม

“ต้องเชื่อแน่นอน ทำไมหรือ? ” หลงเฉินรู้สึกสงสัยว่าในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ทำไมยังจะถามคำถามเช่นนี้ขึ้นมาอีก

ภายในดวงตาคู่งามของฉู่เหยาก็ได้ทอประกายขึ้นมาเป็นสาย อมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยแล้วกล่าว “ในเมื่อเจ้าคิดว่าเชื่อใจข้า ก็จงเบิกผนึกจิตวิญญาณของเจ้าเสียเถอะ เพื่อที่จะได้ทำให้ข้าผสานจิตวิญญาณเข้ากับจิตวิญญาณของเจ้า เช่นนั้นเจ้าจึงจะสามารถเอาชนะเฒ่าประหลาดแห่งฝ่ายอธรรมผู้นั้นได้”

ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าฉู่เหยากล่าวอะไรออกมา ทว่าในเมื่อมีความเชื่อใจต่อฉู่เหยา หลงเฉินก็ไม่จำเป็นต้องคิดให้เสียเวลา เขารีบปลดเขตการป้องการของจิตวิญญาณออกไปในทันที

จิตวิญญาณของคนปกติมักจะกักเก็บเอาไว้อยู่ภายในหว่างคิ้ว ทั้งยังมักอยู่ในสภาวะที่ปิดเอาไว้อยู่ทุกเวลา เนื่องจากเกรงว่าจะถูกผู้อื่นโจมตีจิตวิญญาณได้

ขณะนี้หลงเฉินถึงกับเบิกผนึกจิตวิญญาณของตนเองออกมาให้แก่ฉู่เหยา ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรจากการนำเอาชีวิตของตนเอง ยื่นมอบให้แก่ฉู่เหยา

ถ้าหากฉู่เหยาคิดที่จะฆ่าหลงเฉิน ขอเพียงแค่ใช้เพียงความคิดเท่านั้น หลงเฉินก็จะต้องตายจนกลายเป็นร่างไร้วิญญาณอย่างแน่นอน

เมื่อพบว่าหลงเฉินเชื่อใจตนเองถึงเพียงนี้ ฉู่เหยาก็รู้สึกฝาดที่จมูกขึ้นมา รู้สึกได้ว่าเริ่มที่จะหายใจเข้าออกลำบากขึ้น มืออันขาวผ่องก็ได้ใช้เคล็ดวิชา จนเกิดรอยประทับที่หน้าอกขึ้นมา

เมื่อรอยประทับนั้นได้ปรากฏขึ้นมา ฉู่เหยาก็ได้ค่อยๆนั่งสมาธิลงไปบนพื้น ตลอดทั่วทั้งร่างราวกับไม้แกะสลักก็มิปาน แค่พริบตาเดียวพลังแห่งชีวิตก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว

“ปราณไม้ร่วมสุข”

หลังจากที่ฉู่เหยากล่าวคำพูดประโยคนั้นขึ้นมาเบาๆ พลังสภาวะทั่วทั้งร่างกายก็ได้สลายหายไป ในเวลาเดียวกันพลังจิตวิญญาณของหลงเฉินก็ได้เกิดการสั่นไหวขึ้นมาเป็นสาย

พริบตานั้นห้วงความทรงจำมากมายก็ได้หลั่งไหลกันเข้ามา เพียงแค่พริบตาเดียวหลงเฉินก็ได้มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นบนร่างกายของฉู่เหยาจนหมดสิ้น

ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้เข้าใจขึ้นมาว่า ปราณไม้ร่วมสุขนี้ ก็คือการที่ฉู่เหยาชักนำพลังแห่งจิตวิญญาณพลังอันมหาศาล เพื่อเข้ามาแบ่งปันให้แก่ตนนั้นเอง

ฉู่เหยาที่เป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ธาตุไม้ พลังที่อยู่ในตัวนางมหาศาลดุจมหาสมุทรก็มิปาน ดังนั้นเมื่อนางได้ปล่อยพลังอันมหาศาลออกมา ก็เรียกได้ว่าเล็กน้อยเท่านั้น

แม้ว่าฉู่เหยาจะมีพลังที่มากมายมหาศาลแต่กลับไม่ได้มีพลังฝีมือที่แข็งแกร่ง ทว่าหลงเฉินนั้นถือว่ากลับกันโดยสิ้นเชิง เพราะเขามีพลังฝีมือที่แข็งแกร่ง แต่กลับมีพลังที่ไม่เพียงพอ

ในชั่วพริบตาเดียวที่ฉู่เหยาได้แบ่งปันพลังให้แก่หลงเฉิน ที่แผ่นหลังของหลงเฉินก็ได้ปรากฏใบไม้ที่ยาวเหยียดขึ้นมาถึงสามใบ

ทว่านี่ไม่ใช่ใบไม้ที่แท้จริง แต่เป็นเพียงสิ่งที่ถูกรวมขึ้นมาจากพลังแห่งอักขระ เหมือนกับของจริงแต่กลับไม่ใช่ คล้ายกับเลือนลางแต่ไม่เลือนลาง คล้ายกับสิ่งที่มีเนื้อแท้ แต่กลับแฝงด้วยพลังมายาไร้อนันต์

เมื่อใบไม้ทั้งสามใบได้ปรากฏขึ้นที่แผ่นหลังของหลงเฉิน หลงเฉินก็รู้สึกขึ้นมาได้ในทันทีว่าใบไม้ทั้งสามใบ กำลังถ่ายเทพลังอันมหาศาลดุจมหาสมุทรเข้ามา

เมื่อลองเทียบกับพลังอันมหาศาลในจุดดารากักวายุของตนเองแล้ว กลับยังหนาแน่นมากกว่าถึงสิบกว่าเท่าด้วยซ้ำ ที่สำคัญที่สุดก็คือพลังอันมหาศาลเหล่านั้นกลับเสมือนเป็นของเขาเอง จึงสามารถที่จะใช้ออกมาได้ตลอดเวลา

เมื่อมีพลังอันมหาศาลเช่นนี้คอยสนับสนุน หลงเฉินคล้ายกับว่าได้กลับมามีชีวิตใหม่ซึ่งเปี่ยมล้นไปด้วยพลัง เมื่อเห็นถังหว่านเอ๋อตกอยู่ในอันตราย จึงได้ฟันออกไปหนึ่งดาบในทันที

เมื่อพบว่าหลงเฉินได้ฟื้นพลังกลับมาแล้ว ถังหว่านเอ๋อจึงหยุดอาการหวาดกลัวเอาไว้ได้ เมื่อครู่นางยังคิดว่าตนเองจะต้องตายไปแล้วเสียอีก ผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมก็ช่างน่าหวาดกลัวมากเกินไปแล้ว

“หว่านเอ๋อ พวกเจ้าอย่าได้ลงมือ คุ้มครองฉู่เหยาเอาไว้ อย่าได้ให้ผู้ใดเข้ามาใกล้ได้”

หลงเฉินทราบว่าในเวลานี้ฉู่เหยาได้ตกอยู่ในสภาวะประหลาดชนิดหนึ่งอยู่ คล้ายกับมีสะพานเชื่อมจิตวิญญาณ ที่สามารถถ่ายเทพลังอันมหาศาล จนแม้แต่นางเองก็ไม่อาจที่จะควบคุมได้ พลังป้องกันทางร่างกายจึงกลายเป็นศูนย์

หลังจากที่มอบหมายเสร็จ ทลายมารในมือหลงเฉิน ก็ได้ฟาดออกไปอีกครั้ง ฟาดเข้าหาผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมที่กำลังทอสีหน้าตกใจอยู่ในขณะนี้

“วันนี้หว่างคิ้วของเจ้ามีรอยย่นสีดำอยู่ เจ้าคงจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”

“ตูม”

ผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมข่มกลั่นอาการตกใจเอาไว้ เขาปล่อยหมัดด้วยพลังทั้งหมดเพื่อปะทะกับทลายมารของหลงเฉิน ผลสุดท้ายก็ถูกซัดจนกระเด็นออกไป

กว่าที่เขาจะหยุดร่างกายเอาไว้ได้ ก็ลอยออกไปไกลหลายร้อยจั้งแล้ว ในขณะที่กำลังลุกขึ้นมา เขาก็ได้ทอสีหน้าดุร้ายขึ้นมา

“เป็นไปได้อย่างไรกัน เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรกัน ? ”ผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมอดไม่ได้ที่จะตะโกนขึ้นมาด้วยความคลุ้มคลั่ง

ในตอนนี้หลงเฉินเรียกได้ว่าแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก เขาได้ใช้พลังทั้งหมดเพื่อรับการโจมตีของหลงเฉิน ทว่ากลับไม่อาจที่จะต้านทานได้ จึงไม่แปลกใจเลยที่เขาจะคลุ้มคลั่งขึ้นมาขนาดนั้น

ความจริงแล้วไม่ใช่ว่าหลงเฉินนั้นแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้เพียงอย่างเดียว แต่ตัวเขาเองก็อยู่ในสภาพที่อ่อนล้าเต็มทีแล้ว ก่อนหน้านี้หลงเฉินได้ใช้กระบวนท่าเบิกสวรรค์ไปแล้วครั้งหนึ่ง จนทำให้แขนของเขาถูกทำลายไปได้ข้างหนึ่ง

ตอนนี้่ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บถึงภายใน เพียงแต่เมื่ออยู่ภายใต้ความเดือดดาล แม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้ถึงสภาพร่างกายของตนเอง เมื่อตกอยู่ในสภาพที่อ่อนล้าถึงขั้นนี้ แม้แต่กระบวนท่าธรรมดาสามัญของหลงเฉิน เขาก็ยังไม่อาจที่จะทานรับเอาไว้ได้

หลงเฉินค่อยๆเดินเข้าหาผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมอย่างช้าๆ ในระหว่างนั้นที่ใต้ฝ่าเท้าก็ได้เกิดพลังสภาวะประหลาดขึ้นมา วงแหวนแห่งเทพปรากฏขึ้นมาที่ด้านหลังของหลงเฉินอีกครั้ง วงแหวนแห่งเทพนั้นเรียกได้ว่ามีเส้นผ่าศูนย์กลางกว่าร้อยจั้ง คล้ายดั่งสายรุ้ง สั่นครอนสภาพอากาศเป็นทางยาว

ในระหว่างที่วงแหวนแห่งเทพได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง สภาวะบนร่างกายของหลงเฉินก็เป็นดั่งภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุขึ้นมา รอบกายมีพลังหลั่งไหลไปมาในรัศมีกว่าร้อยจั่ง สภาพอากาศบริเวณนี้เกิดการสั่นไหวขึ้นมาไม่หยุด

เมื่อได้มองดูจากที่ห่างไกลออกไป หลงเฉินก็เหมือนกับเงาร่างที่เย็นเยียบ ทั้งแข็งกล้าทั้งแปลกพิศดาร ทำให้ผู้คนไม่อาจมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาได้

ในระหว่างที่หลงเฉินก้าวออกไปทีละก้าว ที่ฝ่าเท้าก็ได้ทำลายพื้นดินจนแหลกเป็นชิ้นๆ คล้ายกับเทพสวรรค์ลงมาจุติ ออกมาย่างกรายในโลกหล้า จนทำให้หมื่นสรรพสิ่งจำต้องสยบ

ทุกคนที่ได้พบเห็นหลงเฉินในสภาวะเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะหรืออธรรม ต่างก็ต้องตกใจกันขึ้นมา หลงเฉินถือเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง อีกทั้งยังแข็งแกร่งอย่างไร้ข้อจำกัด

“ตาย”

ทันใดนั้นหลงเฉินก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมา พร้อมกับออกแรงที่ฝ่าเท้าเต็มแรง เขาลอยออกไปดุจพายุคลั่ง มุ่งหน้าพุ่งเข้าไปหาผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมด้วยพลังที่รุนแรง หลงเฉินคล้ายกับยมบาลที่จะเข้ามาช่วงชิงชีวิต ทลายมารในมือได้ฟาดฟันออกไปอีกครั้ง

ทว่าครั้งนี้กลับแตกต่างจากที่ผ่านๆมา เนื่องจากดาบที่ผ่านมาของหลงเฉินจะหอบสายลมออกไปด้วยเสมอ แต่ว่าครั้งนี้กลับไม่มีแม้แต่วี่แวว

สิ่งนี้เกิดจากพลังที่หลงเฉินใช้ในการฟาดฟันมันมหาศาลจนเกินไป จนทำให้ห้วงอากาศเกิดการสั่นไหวขึ้นมา จนทำให้ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเลยด้วยซ้ำ

“ข้าขอแลกกับเจ้า”

ในเวลานี้ผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมทั้งแตกตื่นทั้งเดือดดาล ทั้งหวาดระแวงทั้งหวาดกลัว แต่เขาก็หยิบยืมประสบการณ์การต่อสู้ที่โชกโชน เขารู้ว่าตอนนี้มีแต่จะต้องแลกเท่านั้น จึงจะสามารถรอดชีวิตไปได้ เขาไหลเวียนพลังทั้งหมด ผนึกรวมเอาไว้อยู่บนฝ่ามือ

“กรงเล็บมารเพชฌฆาต”

“ตูม”

เกิดเสียงดังสนั่นทั่วทั้งสนามรบ มีเงาร่างสายหนึ่งพุ่งลอยออกไปดุจกระสุนปืน กระแทกเข้ากับภูเขาลูกใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบลี้

ทั่วทั้งสนามรบเกิดหลุมยาวขึ้นมาเป็นสาย ซึ่งเกิดจากการกระเด็นออกไปของเงาร่างนั้น จนกระทั่งกระแทกเข้ากับภูเขาลูกใหญ่จึงค่อยหยุดลงได้

พื้นที่ที่เขากระแทกถือว่าเป็นหน้าผาที่ทอดยาวลูกหนึ่ง หลังจากที่ผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมได้กระแทกเข้าไปอย่างรุนแรงแล้ว ทั่วทั้งร่างก็ได้จมลึกเข้าไปภายในหินผา

หน้าผาเกิดรอยร้าวเป็นวงกว้าง ทว่ากลับไม่ได้แตกออกไปจากกัน จึงทำให้ผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมถูกฝังอยู่ตรงนั้น เขาทอดวงตาเหม่อมองไปที่สนามรบ ทว่าภายในแววตาคู่นั้นกลับไร้ซึ่งประกายที่เจิดจ้า เขาแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาอย่างชัดเจน

“ซูม”

หลงเฉินสูดลมหายใจเข้าคำหนึ่ง จากนั้นก็เอาทลายมารพาดไว้บนหัวไหล่ เขารู้สึกตื่นเต้นจนแทบร่ำไห้ออกมา

ความรู้สึกที่สามารถใช้พลังอย่างฟุ่มเฟือยเช่นนี้ได้ ถือเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง การผลาญพลังลมปราณอย่างสุรุ่ยสุร่ายเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกเพลิดเพลินอย่างมาก เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ทุกครั้งตนเองจะต้องแบ่งพลังลมปราณอย่างรัดกุม

เมื่อมีพลังอันมหาศาลที่แบ่งปันมาจากฉู่เหยา จากที่หลงเฉินเสียเปรียบอยู่ ก็พลิกสถานการณ์กลับมาราวกับวีรบุรุษ ทั้งยังไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลว่าพลังของตนเองจะแห้งเหือดอีกต่อไป

“เหล่าพี่น้องฝ่ายธรรมะ ชายชาตรีอย่างเราเกิดมาก็ต้องเป็นฝ่ายฆ่า ฆ่าคนย่อมไร้ไมตรี อย่าสนใจว่าอาภรณ์จะเปี่ยมไปด้วยคราบเลือด อย่าไปสนว่าอาวุธจะชะโลมไปด้วยคาวเลือด

ใช้อาวุธในมือของพวกเจ้าโบกสะบัดออกไป ทิ่มแทงใส่ร่างของเหล่าศัตรู อย่าได้ปล่อยให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว เพื่อล้างแค้นให้แก่พี่น้องของพวกเราที่ได้ล้มหายตายจากไป พวกเขาต่างก็กำลังมองดูพวกเราอยู่บนสวรรค์ เหล่าพี่น้องทั้งหลาย บุกกันเข้าไป ! ”หลงเฉินตะโกนปลุกระดมเสียงดังกึงก้อง จนสั่นสะเทือนไปทั้งสนามรบ

“บุก”

“บุก”

“บุก”

เดิมทีเมื่อหลงเฉินได้สังหารผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมไป ทั่วทั้งสนามรบต่างก็อยู่ในสภาพที่สงบ ทว่าเมื่อเสียงของหลงเฉินดังขึ้นมา ดวงตาของศิษย์ฝ่ายธรรมะก็แดงก่ำขึ้นมาในพริบตา เมื่อนึกถึงพี่น้องข้างกายของตนเองที่ได้ล้มลงไป ก็ทำให้เลือดลมพรุ่นพล่านขึ้นมา พวกเขาโบกสะบัดอาวุธในมือ มุ่งหน้าเข้าไปเข่นฆ่าศิษย์ของฝ่ายอธรรมในทันที

ขณะนี้ทั่วทั้งสนามรบ ทั้งศิษย์ฝ่ายธรรมะและศิษย์ฝ่ายอธรรมเมื่อได้ลองเปรียบเทียบกันแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็เหลืออยู่เพียงแค่สองพันกว่าคนแล้วเท่านั้น

ศิษย์ฝ่ายธรรมะเดิมทีมีอยู่สามพันกว่าคน ตอนนี้ลดมาเหลือสองพันกว่าคน ทว่าศิษย์ฝ่ายอธรรม ที่เดิมทีแล้วมีถึงหนึ่งหมื่นกว่าคน กลับหลงเหลือเพียงแค่สองพันกว่าคนเท่านั้น

ที่ศิษย์ฝ่ายอธรรมลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ ก็เนื่องจากการที่ฝ่ายธรรมะมีสองสุดยอดนักรบ หนึ่งในนั้นก็คือเสี่ยวเสว่ย จนถึงตอนนี้มันเองก็ยังปล่อยคมวายุออกมาไม่หยุด เพื่อทำการฆ่าล้างศิษย์ฝ่ายอธรรมเป็นวงกว้าง ถ้าหากมันไม่ต้องไปคอยดูแลศิษย์สายตรงคนอื่นๆตามคำสั่งของหลงเฉิน มันก็คงจะสังหารศิษย์ฝ่ายอธรรมได้มากกว่านี้แน่

อีกด้านหนึ่งกัวหรานก็ถือเป็นพระเอกเช่นกัน ในเวลานี้กัวหรานกำลังถือดาบใหญ่อยู่เล่มหนึ่ง ทั้งยังได้ทำการฆ่าฟันศิษย์ของฝ่ายอธรรมอย่างบ้าคลั่ง

เพราะเมื่อครึ่งชั่วยามก่อนหน้านี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีอยู่ก็ถูกใช้ออกไปจนหมดแล้ว จนทำให้เขาต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแทบจะคลั่งตาย กัวหรานจำต้องทำเฉกเช่นคนอื่นที่ใช้อาวุธในการประหัดประหาร

แต่ว่าพลังการต่อสู้ของเขานั้นเรียกได้ว่าธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง มีบางครั้งที่ต้องใช้อยู่หลายลมหายใจ จึงจะสามารถฆ่าศิษย์ธรรมดาของฝ่ายอธรรมได้ อีกทั้งโดยส่วนมากแล้วศิษย์ธรรมดาพวกนั้นต่างก็ถูกคนอื่นฟันกันไปหลายดาบแล้ว

นี้ทำให้กัวหรานแทบจะบ้าคลั่งขึ้นมา เขาได้สาบานเอาไว้แล้วว่าวันข้างหน้าจะไม่ปล่อยให้ตนเองต้องมาอยู่ในสภาพที่หมดพิษสงเช่นนี้อีก

ขณะนี้ศิษย์ฝ่ายธรรมะคุมสถานการณ์เอาไว้ได้อย่างเด็ดขาด หลังจากที่ผ่านการต่อสู้ไปแล้วหลายครั้ง ศิษย์เหล่านี้ก็ได้กลายเป็นยอดฝีมือที่ไม่อาจที่จะดูแคลนกันได้อีกแล้ว

เมื่อเห็นสภาพของสนามรบทางด้านนี้อยู่ในการควบคุมแล้ว หลงเฉินก็ได้มองไปยังทางด้านที่ห่างไกลออกไป ณ สนามรบของระดับศิษย์พี่ ซึ่งดุเดือดเสียยิ่งกว่า เพราะเนื่องจากมีคนอยู่มาก อีกทั้งกำลังพลของทั้งสองฝ่ายกลับไม่แตกต่างกันมากนัก

หลงเฉินรีบยกทลายมารขึ้นมาและพุ่งเข้าไปยังสนามรบระดับศิษย์พี่ ภายใต้การโบกสะบัดของดาบยาว เพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น หลงเฉินก็ได้ทำการสังหารศิษย์ที่มีพลังแข็งแกร่งของฝ่ายอธรรมไปไม่น้อย อีกทั้งโดยส่วนมากแล้วต่างก็เป็นยอดฝีมือในระดับขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นระดับสูงสุดแล้ว

เมื่อมีพลังลมปราณที่ยิ่งใหญ่ของฉู่เหยาคอยสนับสนุน หลงเฉินก็ได้กระตุ้นพลังอักขระขึ้นมาจากทลายมาร ดาบที่เปี่ยมไปด้วยพลัง ทั้งยังหนักถึงหนึ่งพันชั่ง นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนจะต้านทานเอาไว้ได้เลย

“ตูม”

เพียงแค่ดาบเดียวของหลงเฉินก็ได้สังหารยอดฝีมือที่ล้อมศิษย์พี่ว่านไปได้ ศิษย์พี่ว่านทอสีหน้าลิงโลดขึ้นมาทันที

“หลงเฉินยอดเยี่ยมมาก ข้าดูเจ้าไม่ผิดเลยจริงๆ”ศิษย์พี่ว่านหัวเราะฮาฮาขึ้นมายกใหญ่ เขาคิดมาตลอดเลยว่า หลงเฉินจะต้องเติบใหญ่จนกลายเป็นสุดยอดยอดฝีมือได้อย่างแน่นอน

“ที่นี่ข้ายังคุมสถานการณ์ไหว เจ้าไปดูทางด้านนั้นว่าพอที่จะร่วมมือกับคนผู้นั้นได้หรือไม่ ไปจัดการกับคนที่ชื่อว่าหยินหลออะไรนั้นซะ ทว่าก็ระวังเอาไว้ด้วยล่ะ พลังการต่อสู้ของเขาแน่นอนว่าย่อมไม่ด้อยไปกว่าเจ้า”

เมื่อได้ยินศิษย์พี่ว่านกล่าวออกมาเช่นนี้ หลงเฉินก็ได้แต่พยักหน้าไปมา ในระหว่างนั้นก็ได้ขยับมือสังหารเด็กน้อยไปอีกหลายคน ก่อนจะวิ่งตะบึงออกไปทางสนาบรบของหยินหลอกับม่อเนี่ยน

.

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset