หยินหลอไม่เคยนึกเคยฝันเลยว่าผู้มีพรสวรรค์ประหลาดที่อยู่เหนือผู้มีพรสวรรค์ทั้งปวงอย่างเขาจะมีช่วงเวลาที่เหมือนกับสุนัขจนตรอกเช่นนี้ไปได้ เมื่อเห็นหลงเฉินกวาดคมดาบเข้ามา เขาก็รีบยกหอกยาวสีทองต้านเอาไว้ในทันที
“เคร้ง”
ประกายคมกล้าสาดแสงสว่างวาบออกไปทุกสารทิศ ด้วยพลังกายเนื้ออันน่าหวาดกลัวของหลงเฉินย่อมไม่เกรงกลัวต่อผู้ใดทั้งสิ้น เพียงพริบตาเดียวที่ศาสตราวุธทั้งสองปะทะกันจนเกิดเสียงดัง บาดแผลบนร่างกายของหยินหลอก็ได้แหวกลึกลงไป ร่างกายอ่อนล้าโรยแรงจนไม่ถือหอกยาวสีทองเอาไว้ได้อีกต่อไป
ทว่าหลงเฉินเองก็ไม่อาจทานรับแรงกระแทกได้จนแขนทั้งสองข้างเกิดความเจ็บปวดขึ้นมาเป็นสาย บาดแผลน้อยใหญ่ปรากฏขึ้นมาทั่วทั้งร่างกาย พลันก็ถอยหลังออกไปอยู่หลายก้าว
หยินหลอถูกซัดออกไปไกลหลายสิบจั่ง หอกยาวสีทองลอยละล่องอยู่กลางอากาศ หลังจากที่กระตุ้นโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าขึ้นมาแล้วก็หวังว่าจะชักนำพลังแห่งฟ้าดินจัดการกับหลงเฉินและม่อเนี่ยนลงไปภายในกระบวนท่าเดียว ทว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้นกลับไม่มีผู้ใดตายตกไปเลยแม้แต่คนเดียว
ในทางกลับกันกลับเป็นตัวเองที่ได้รับผลกระทบร้ายแรงจากการใช้โลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าซึ่งก็คือการแบกรับแรงสะท้อนของพลังแห่งฟ้าดินนั่นเอง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส ทว่าหากไม่รีบจัดการทุกอย่างให้หมดจดโดยเร็วก็คงจะกระทบต่อรากฐานของเขาเป็นแน่
เมื่อพบว่าหลงเฉินเองก็ลอยกระเด็นออกไป หยินหลอก็รีบวิ่งตะบึงไปทางห้วงมิติโปร่งใสบานนั้นอย่างรวดเร็ว แม้แต่หอกยาวสีทองที่หลุดมือออกไปก็ไม่ต้องการอีกต่อไปแล้ว
“หากคิดจะหนีก็ต้องทิ้งชีวิตเอาไว้”
หลงเฉินตะโกนด้วยน้ำเสียงดุดันแล้วกระตุ้นโลหิตทั่วทั้งร่างจนเดือดพล่านขึ้นมา ในมือข้างหนึ่งมีหอกยาวปรากฏขึ้นมาพร้อมกับประกายแสงสว่างเจิดจ้า จากนั้นคมหอกก็ลอยออกไปทางหยินหลอในทันที
ขณะนี้หลงเฉินได้เค้นพลังลมปราณที่มีอยู่น้อยนิดควบคุมอัสนีบาตที่อยู่ในหยาดโลหิตออกมา เดิมทีเขาไม่ต้องการที่จะเปิดเผยไพ่ตายอย่างพลังแห่งอัสนีบาตให้ผู้ใดทราบ อีกทั้งยังไม่ต้องการที่จะใช้มันจนอักขระเลือนหายไปจากหยาดโลหิต
หากต้องสูญเสียสิ่งเหล่านั้นไปย่อมต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูและหลอมอัสนีบาตขึ้นมาใหม่เป็นเวลานาน เขาจึงรู้สึกเสียดายที่จะต้องใช้มันออกมา ทว่าที่เบื้องหน้าสายตาของเขาในตอนนี้กลับเป็นศัตรูที่กำลังจะหลบหนีไปจึงมีทางเดียวเท่านั้นที่จะสามารถหยุดคนผู้นั้นเอาไว้ได้
“ฮูม”
หอกอัสนีหลุดออกจากมือของหลงเฉินคล้ายกับหงส์งามกำลังโผบินไปตามสายลม เพียงพริบตาเดียวก็มุ่งไปอยู่ตรงหน้าของหยินหลอแล้ว
หยินหลอมองไปที่หอกอัสนีของหลงเฉินแล้วกระตุ้นพลังทั่วทั้งร่างกายขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งจนรู้สึกได้ว่าเส้นผมของตัวเองชี้ชันขึ้นมา บรรยากาศบนร่างกายเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายอย่างเข้มข้น
มือข้างหนึ่งลูบไปที่แหวนมิติจนในมือมีกระดาษสีเหลืองแผ่นหนึ่งลอยขึ้นมา กระดาษแผ่นนั้นมีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือของเขาเพียงเล็กน้อย ด้านบนมีรอยขีดเขียนของอักขระประหลาดบางอย่างที่ไม่คล้ายทั้งตัวอักษรโบราณหรือภาพวาด ช่างแปลกประหลาดอย่างถึงที่สุด
ทันทีที่กระดาษสีเหลืองแผ่นนั้นถูกนำออกมา มันก็ขาดออกจากกันเป็นชิ้นๆ แล้วขยายปกคลุมไปทั่วร่างกายของหยินหลอจนโปร่งใสขึ้นมา
“ตูม”
หอกอัสนีพุ่งชนกับเงาร่างโปร่งใสของหยินหลอจนเกิดเป็นฝุ่นควันตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ ประกายอัสนีบาตอันเจิดจ้าปกคลุมทั่วทั้งฟ้าจนผู้คนที่อยู่โดยรอบไม่อาจลืมตามองได้
เมื่อประกายแสงสว่างวาบนั้นเลือนรางหายไปช้าๆ ก็เผยให้เห็นเงาร่างของหยินหลอ เห็นได้ชัดว่าเขาใช้กระดาษสีเหลืองแผ่นนั้นเป็นเสมือนเกราะป้องกันตัวเอง ทว่าแรงระเบิดนั้นก็ส่งผลให้ร่างกายของหยินหลอไหม้เกรียมไปส่วนหนึ่ง อาภรณ์ยาวที่สวมใส่อยู่ก็รุ่ยร่ายเป็นผุยผง ผมที่เคยรวบเอาไว้ก็ยาวสยายออกมา ที่หนักหนาที่สุดก็คือตลอดทั่วทั้งร่างของเขาเกิดการสั่นเทาไม่หยุดราวกับเป็นสุนัขจนตรอกที่แท้จริงไปแล้ว
“หลงเฉิน ข้าจะจดจำเจ้าเอาไว้ เจ้ารอข้าก่อนเถิด” หยินหลอกัดฟันกรอดแล้วกล่าวด้วยความโกรธแค้น
“ข้าไม่ชอบการรอคอย ข้าเป็นคนหัวร้อน ฉะนั้นข้าจะสังหารเจ้าเสียแต่ตอนนี้เลย”
หลงเฉินลากดาบทลายมารตรงไปหาหยินหลอ ทว่าแต่ละก้าวของเขานั้นกลับล่าช้าและหนักอึ้งเป็นอย่างยิ่ง นั่นก็เป็นเพราะไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะถือดาบทลายมารเอาไว้ได้อีกแล้ว วันนี้ช่างเป็นวันที่ร่างกายของเขาได้รับความบอบช้ำไปทั้งตัว
ทั้งพลังกายเนื้อและพลังลมปราณที่เคยมีไม่จำกัดก็ถูกใช้ออกไปจนหมด แม้แต่พลังแห่งอัสนีบาตในกระแสโลหิตอันเป็นไม้ตายก็ถูกรีดเค้นออกไปด้วย คงจะเหลือเพียงพลังแห่งจิตวิญญาณเท่านั้นที่ยังพอจะหลงเหลืออยู่บ้าง ถึงแม้ว่าจะไม่ต่างไปจากสายน้ำที่ไหลอยู่ปลายทางหุบเขาเลย
“สวบ”
ลูกศรสายหนึ่งพุ่งเข้ามาที่หยินหลออย่างไร้ซึ่งซุ่มเสียงราวกับเป็นคมศรของเทพมรณะอย่างไรอย่างนั้น ทว่าด้านหลังของหยินหลอก็คล้ายกับมีดวงตางอกเงยขึ้นมา แม้ว่าจะไม่ได้หันหน้ากลับไปมองแต่อย่างใด ทว่าหยินหลอก็รับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวจึงขยับตัวเบี่ยงออกไป
“พรวด”
หยินหลอสามารถหลบเลี่ยงไม่ให้คมศรทะลุเข้าจุดตายไปได้ ทว่าลูกศรสานนั้นกลับแทงเข้าไปที่หัวไหล่ของเขาอย่างรุนแรงจนกระดูกส่วนนั้นแหลกเป็นผุยผง โลหิตสีแดงสดสาดกระเซ็นออกมา แขนข้างนั้นจึงห้อยตกอยู่ข้างลำตัว
หยินหลอร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด พลันก็พยุงร่างกายเดินโซซัดโซเซไปทางห้วงมิติโปร่งใสบานนั้น เพราะนี่คือความหวังเดียวที่เขาจะมีชีวิตรอดกลับไป
“พรวด”
ในขณะที่หยินหลอกำลังเดินไปถึงหน้าห้วงมิติโปร่งใส ประกายคมดาบสายหนึ่งก็ตัดผ่านร่างกายของเขาอย่างไร้เยื่อใยจนกระแสโลหิตพุ่งกระฉุดขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบน เสียงกรีดร้องดังระงมไปทั่วทั้งหุบเขาพร้อมกับมีขาข้างลอยคว้างอยู่กลางอากาศ
“เจ้าตัวบัดซบทั้งสอง เจ้ารอข้าก่อนเถิด หยินหลอผู้นี้ขอสาบานว่าจะต้องฉีกกระชากร่างกายของพวกเจ้าให้กลายเป็นหมื่นชิ้นให้จงได้ อา……”
ห้วงมิติโปร่งใสที่มีความสูงนับสิบจั่งค่อยๆ เลือนลับหายไปช้า ส่วนอีกฟากหนึ่งก็มีเสียงของหยินหลอด่าทอขึ้นมาไม่หยุด ภายในน้ำเสียงของเขาแฝงเอาไว้ด้วยความอาฆาตที่ทำให้ผู้คนเกิดความหนาวเหน็บขึ้นมา
ม่อเนี่ยนใช้คันธนูสีรุ้งประดุจไม้ค้ำยันพยุงร่างขึ้นมาแล้วค่อยๆ เดินเข้าไปหาหลงเฉิน พลันก็เหลือบตามองดูขาของหยินหลอที่อยู่บนพื้นพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย “ได้ขาข้างหนึ่งมาดูต่างหน้าก็ไม่เลวเหมือนกัน เจ้าอยากจะเอาไปประดับไว้ที่ห้องหับหรือไม่?”
หลงเฉินเก็บดาบทลายมารแล้วทิ้งบั้นท้ายลงกับพื้นอย่างแรง “ขอปฏิเสธ ถึงแม้ว่าข้าจะกินไม่เลือก ทว่าอาหารสดเช่นนี้ย่อมไม่น่าพิสมัยเป็นอย่างยิ่ง”
“เด็กน้อยผู้นั้นเป็นถึงสุดยอดฝีมือของฝ่ายอธรรม ร่างกายของเขาย่อมมีการคงอยู่ของโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้า ฉะนั้นข้าว่าขาข้างนี้เป็นของดีชนิดหนึ่งเลยทีเดียว”
ถึงจะกล่าวออกไปเช่นนั้น ทว่าม่อเนี่ยนก็ไม่ได้คิดเห็นเฉกเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่มือข้างหนึ่งคว้าไปที่ขาของหยินหลอ จู่จู่ห้วงมิติโปร่งใสที่หดตัวลงไปแล้วก็ได้ขยายใหญ่ขึ้นมากะทันหัน
จากนั้นก็ฝ่ามือขนาดใหญ่ที่สามารถปกคลุมไปได้ทั้งผืนฟ้ายื่นออกมา นิ้วมือยาวหลายร้อยจั่งค่อยๆ ลดลงมาหมายที่จะกดหลงเฉินและม่อเนี่ยน
ชายหนุ่มทั้งสองคนทอสีหน้าแตกตื่นขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกัน พลันก็กวาดสายตามองไปโดยรอบ นอกจากถู่ฟางและเฒ่าประหลาดเนตรมารแล้วก็ไม่มีผู้ใดสามารถขยับร่างกายได้อีกแล้ว ราวกับว่าภายใต้โลกหล้าแห่งนี้ถูกแช่แข็งไปทั้งหมด แม้แต่ลมหายใจหรือหัวใจที่เต้นระรังก็ถูกหยุดเอาไว้ ราวกับมีเพียงความตายเท่านั้นที่ผู้คนทั้งหมดจะได้พบพาน
แล้วทันใดนั้นม่อเนี่ยนก็ตะโกนเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งผืนฟ้า บริเวณหว่างคิ้วปรากฏเป็นสัญลักษณ์ประจำพลังของต้นตระกูลขึ้นมาเป็นสาย แล้วมืออันไร้เรี่ยวแรงข้างหนึ่งก็ถูกยื่นออกไปลูบที่แหวนมิติของตัวเองอย่างยากลำบาก
ในขณะที่เกล็ดขนาดครึ่งเซียะแผ่นหนึ่งเพิ่งจะปรากฏอยู่บนใจกลางฝ่ามือของม่อเนี่ยน จู่จู่เขาก็พ่นโลหิตไปที่เกล็ดแผ่นนั้นในทันที
เมื่อโลหิตกระทบไปบนเกล็ดก็ดูดซับจนเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเกล็ดที่มีขนาดครึ่งเซียะก็ขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเท่ากับประตูหนึ่งบาน แล้วบนเกล็ดแผ่นนั้นก็ทอประกายแสงสีเขียวมรกตโอบล้อมร่างกายของเขาและหลงเฉินเอาไว้
เกล็ดที่ม่อเนี่ยนนำออกมานั้นคล้ายกับผิวหนังของสัตว์เลื้อยคลานโบราณ และแน่นอนว่าจะต้องเป็นสัตว์มายาที่มีพลังป้องกันมหาศาลอย่างไร้ที่เปรียบชนิดหนึ่ง ซึ่งเกล็ดแผ่นนี้เป็นสิ่งที่ผู้อาวุโสของเขาได้มอบให้เป็นเครื่องป้องกันในยามฉุกเฉิน ต่อให้เป็นพลังของยอดฝีมืออย่างเฒ่าประหลาดเนตรมารก็ไม่อาจทลายการป้องกันของมันได้
“ตูม”
ฝ่ามือขนาดใหญ่ลากผ่านทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้าจนกลายเป็นทางยาวคล้ายกับเป็นน้ำป่าไหลหลากเข้ามายังหมู่บ้านอย่างรุนแรง
หลงเฉินสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลอันน่าหวาดกลัวที่กำลังโหมกระหน่ำเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ด้วยพลังที่ยากจะต้านทานขุมนั้นก็ทำให้เกล็ดสีเขียวมรกตของม่อเนี่ยนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ภายในพริบตาเดียว
ร่างกายของหลงเฉินและม่อเนี่ยนเกิดความเจ็บปวดขึ้นมาราวกับว่ากำลังจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ในไม่ช้านี้ จากนั้นพวกเขาก็ลอยไปตามการโบกพัดประดุจกระสุนสองลูกที่ถูกเหนี่ยวไกออกไป
หลังจากที่ฝ่ามือขนาดใหญ่นั้นทำลายเกล็ดสีเขียวมรกตไปแล้วก็ได้ลอยออกไปชั่วครู่นี้ ก่อนที่จะกดลงบนพื้นดินอันกว้างใหญ่อย่างรุนแรง แรงสั่นสะเทือนกระจายไปทั่วทุกหนแห่งจนผู้คนทั้งหมดต่างล้มหมอบลงกับพื้น
หลงเฉินและม่อเนี่ยนกลิ้งไปมาอยู่บนพื้นหลายตลบจนออกห่างไปหลายพันจั่งแล้วค่อยหยุดร่างลงได้ พวกเขากระอักโลหิตออกมาหลายคำ ร่างกายที่เคยบอบช้ำกลับทรมานเสียยิ่งกว่าเดิม ช่างเป็นพลังทำลายที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับทำลายสมบัติอันล้ำค่าที่ผู้อาวุโสของม่อเนี่ยนสร้างขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
ทว่าหากไม่มีเกล็ดแผ่นนั้นคุ้มกันเอาไว้ก่อน ร่างกายของพวกเขาคงจะแหลกสลายกลายเป็นเนื้อบดไปตั้งแต่เมื่อครู่นี้อย่างแน่นอน หลงเฉินจึงได้แต่ทอสีหน้าแตกตื่นแล้วมองไปยังเบื้องหน้าสายตา นั่นเป็นสัตว์ประหลาดชนิดใดกันแน่นะ!
ทั่วทั้งขุนเขาแห่งนั้นถูกแรงกดดันอันน่าหวาดกลัวของฝ่ามือขนาดใหญ่หยุดการเคลื่อนไหวเอาไว้ แม้แต่จะหายใจก็ยังติดขัดเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากที่มือข้างนั้นไม่อาจสังหารหลงเฉินและม่อเนี่ยนภายในครั้งเดียวก็ค่อยๆ ลอยสูงขึ้นมาอีกครั้งแล้วฟาดลงไปยังบริเวณที่พวกเขาหมอบคลานอยู่อย่างรุนแรง
“หวู่หลี เล็บของเจ้ายาวเกินไปแล้วนะ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงอันเย็นเยียบดังแทรกขึ้นมาราวกับเป็นเสียงสะท้อนลงมาจากสวรรค์ชั้นเก้า แล้วประกายกระบี่อันคมกล้าสายหนึ่งก็ตัดผ่านอากาศมาที่ฝ่ามือขนาดใหญ่ข้างนั้นในทันที