เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 266 จบการต่อสู้

“สิ่งที่ข้าได้กล่าวออกไปจะไม่มีการต่อรองใดใดทั้งสิ้น ทว่าข้าเป็นคนที่มีน้ำใจอยู่ไม่น้อยเลย ฉะนั้นข้าจะให้เวลาเจ้าค่อยๆ คิดตัดสินใจได้อีกสามชั่วยาม เพราะข้าไม่รีบอยู่แล้ว” หลงเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

เฒ่าประหลาดเนตรมารทอสีหน้าเขียวคล้ำขึ้นมาจนแทบจะสลบเหมือดให้รู้แล้วรู้รอดไป ด้วยสถานการณ์เช่นนี้แน่นอนว่าศิษย์ของเขาย่อมไม่อาจต่อสู้ได้นานถึงสามชั่วยาม เพียงครั่งชั่วยามก็น่าจะรู้ผลแล้ว

“ได้ ข้ายอมรับข้อเสนอของเจ้าแล้ว รีบสั่งให้พวกของเจ้าหยุดมือได้แล้ว!” เฒ่าประหลาดเนตรมารตอบรับข้อเสนอด้วยความเกรี้ยวกราด

เมื่อสิ้นเสียงของเฒ่าประหลาดเนตรมารแล้ว เหล่าศิษย์ฝ่ายอธรรมต่างก็ผ่อนลมหายใจออกมาพร้อมเพรียงกัน จากนั้นก็ลดอาวุธที่อยู่ในมือลงอย่างรวดเร็วด้วยท่าทีที่อ่อนล้าเต็มที ทว่าเบื้องหน้าสายตาของพวกเขากลับยังคงมีรังสีสังหารพวยพุ่งออกมาจากศิษย์ฝ่ายธรรมะไม่หยุด

“เจ้าว่าอย่างไรนะ? ข้าได้ยินไม่ชัดเลย” หลงเฉินเอียงศีรษะเล็กน้อยแล้วกล่าวขึ้นมา

“บัดซบ ข้าบอกว่าข้ารับข้อเสนอของเจ้าแล้ว รีบสั่งให้พวกของเจ้าหยุดมือได้แล้ว” เฒ่าประหลาดเนตรมารแผดเสียงดังด้วยความเดือดดาล ใบหน้าเหี่ยวย่นมีสีเขียวคล้ำขึ้นมาในทันที

“ออ ข้าได้ยินชัดเจนแล้ว พี่น้องทั้งหลายได้โปรดหยุดมือแล้วถอยออกมาก่อนเถิด” หลงเฉินกล่าว ถึงแม้ว่าจะแอบเสียดายที่ไม่ได้กวาดล้างเหล่าศิษย์ฝ่ายอธรรมให้ราบคาบอยู่ก็ตาม

ทว่าหากจะลงมือสังหารศิษย์ฝ่ายอธรรมไปทั้งหมด เฒ่าประหลาดเนตรมารผู้นั้นย่อมไม่อยู่นิ่งเฉยมองดูศิษย์ของเขาตายตกไปทีละคนอย่างแน่นอน อีกทั้งคงจะคลุ้มคลั่งขึ้นมาจนถู่ฟางไม่อาจยับยั้งเขาได้ และกลายเป็นว่าศิษย์ทั้งสองฝ่ายจะต้องบาดเจ็บล้มตายกันไปโดยเปล่าประโยชน์

หลงเฉินเองก็ราวกับว่าล่วงรู้ถึงความคิดของเฒ่าประหลาดเนตรมารได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบกุมความได้เปรียบเอาไว้แล้วกอบโกยผลประโยชน์กลับมาให้ได้มากที่สุด

ส่วนศิษย์ฝ่ายอธรรมที่เหลืออยู่ห้าร้อยกว่าคนนั้นต่างก็เป็นความหวังอันริบหรี่ของฝ่ายอธรรม ทว่าผู้คนเหล่านั้นกลับผ่านการต่อสู้อันยาวนานเช่นนี้มาได้ก็ย่อมต้องเป็นหัวกะทิในหมู่หัวกะทิแล้ว และแน่นอนว่าเฒ่าประหลาดเนตรมารผู้นั้นย่อมต้องทราบความข้อนี้เป็นอย่างดี

หลังจากที่หลงเฉินออกคำสั่งให้ถอยกลับ เหล่าศิษย์ฝ่ายธรรมะทั้งหมดก็เดินกลับมาหยุดอยู่ข้างกายของหลงเฉิน ส่วนศิษย์ฝ่ายอธรรมเหล่านั้นก็ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ แล้วล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้น บางส่วนก็ถึงกับสลบไปในทันที

ช่างเป็นความทรมานและความน่าหวาดกลัวที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลย รวมไปถึงร่างกายและสติสัมปชัญญะเองต่างก็เข้าสู่ความเหนื่อยล้าขั้นสูงสุดแล้ว

ถังหว่านเอ๋อลูบไปที่ใบหน้าอันซีดเผือดของฉู่เหยาก่อนที่ช่วยพยุงร่างกายของนางมาหยุดอยู่ที่เบื้องหน้าของหลงเฉิน หลงเฉินมองไปยังใบหน้าของฉู่เหยาด้วยความรู้สึกเจ็บปวดใจแล้วกล่าวขึ้นมาว่า “ข้าขอโทษที่เป็นตัวล้างผลาญพลังของเจ้า ฟ้ายังไม่ทันสางก็ใช้ค่าขนมของเจ้าไปจนหมดสิ้นแล้ว”

ด้วยการโจมตีครั้งสุดท้ายของหลงเฉินได้ใช้พลังลมปราณที่ฉู่เหยาถ่ายทอดให้มาจนหมดไปในครั้งเดียว ทว่าหากไม่ใช้พลังทั้งหมดก็คงไม่อาจต้านทานกระบวนท่าของหยินหลอได้

ดวงตาคู่งามจ้องมองกลับไปที่หลงเฉิน ภายในจิตใจของฉู่เหยาก็เกิดความอบอุ่นขึ้นมาเป็นสาย ไม่ว่าอย่างไรหลงเฉินก็ยังคงเป็นหลงเฉินที่นางรู้จัก ไม่ว่าจะไปยังแห่งหนใดก็มักจะกลายเป็นผู้ที่ถูกจับตามอง แม้แต่ผู้อยู่เหนือขอบเขตทั้งหลายก็ยังไม่อาจเปล่งประกายได้ทัดเทียมกับหลงเฉินเลยแม้แต่คนเดียว

ในสายตามีเพียงหลงเฉินเท่านั้นที่เป็นผู้กล้าที่แท้จริง ถึงแม้ว่าในตอนนี้นางจะมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ทว่าหลงเฉินกลับไม่ได้อ่อนแอไปกว่านางเลยแม้แต่น้อย ผู้คนภายในสนามรบแห่งนี้ต่างก็ยกให้หลงเฉินเป็นผู้นำที่สามารถทำให้ทุกสรรพสิ่งเกิดขึ้นได้ราวกับพลิกฝ่ามือเท่านั้น

มืออันขาวผ่องของฉู่เหยายื่นออกไปจัดแจงเส้นผมที่ยุ่งเหยิงของหลงเฉินอยู่ครู่หนึ่ง แววตาทอประกายที่เปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นมองไปทางหลงเฉิน แล้วหลังจากนั้นถู่ฟางก็ชักนำเหล่าผู้อาวุโสและศิษย์พี่ของสำนักต่างๆ ลงมารวมตัวกันกับเหล่าศิษย์ฝ่ายธรรมะทั้งหมด

หลงเฉินกวาดสายตามองไปโดยรอบแล้วทันใดนั้นก็ทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง “อาหมานอยู่ที่ใดกัน!”

“ไม่ต้องเป็นห่วง อาหมานเหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้จนหลับไปแล้ว” ถังหว่านเอ๋อยิ้มแล้วกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปทางด้านหลังที่มีผู้คนอยู่เจ็ดถึงแปดคนกำลังอุ้มอาหมานที่กำลังหลับใหลเข้ามา

หลังจากที่อาหมานได้สังหารผู้อยู่เหนือขอบเขตที่ใช้ขวานยักษ์ไปได้แล้ว ร่างกายที่มีอักขระสีแดงก็ได้สลายหายไปในทันที จากนั้นร่างใหญ่ก็ล้มตึงลงกับพื้นแล้วหลับใหลไป จะปลุกอย่างไรก็ไม่ยอมตื่น

ถึงแม้ว่าหลงเฉินจะยังไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดที่อาหมานถึงมีพลังเช่นนั้นอยู่ ทว่าเขากลับสัมผัสได้ว่าสภาวะประหลาดที่เคยเกิดขึ้นกับอาหมานมาแล้วนั้นย่อมเป็นสิ่งที่ดีอยู่ไม่น้อยเลย

ดวงตาคู่คมกวาดมองไปโดยรอยอีกครั้ง นอกเสียจากเหร่ยเชียนซังแล้วก็มีศิษย์สายตรงอีกสามคนที่ตายไประหว่างการต่อสู้ ภายในจิตใจของเขาจึงรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาเล็กน้อย นี่หรือคือความโหดร้ายของการต่อสู้แย่งชิงที่แม้จริง หากไม่อยากให้มีการสูญเสียก็ย่อมไม่มีทางที่จะได้รับชัยชนะ

จากขุมกำลังที่มีอยู่กว่าสามพันคนกลับเหลือเพียงหนึ่งพันกว่าคนเท่านั้น ส่วนศิษย์ของหมู่ตึกพลิกสวรรค์ที่มีอยู่หนึ่งพันเจ็ดร้อยคนก็หลงเหลืออยู่ไม่ถึงแปดร้อยคนเสียด้วยซ้ำไป เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่โหดร้ายต่อผู้คนเป็นอย่างยิ่ง ต่อจากนี้ไปใบหน้าที่คุ้นเคยมากมายก็คงจะไม่ได้พบเห็นอีกต่อไปแล้ว

หลงเฉินจึงรู้สึกเจ็บปวดระคนเดือดดาลขึ้นมา พลันก็หันไปทางฝ่ายอธรรมแล้วตะโกนออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้าพวกตัวบัดซบทั้งหลาย อย่าได้รอช้าอยู่เลย รีบถอดแหวนมิติออกมาได้แล้ว หากมีผู้ใดแอบเก็บซ่อนเอาไว้ ต่อให้ข้าต้องตายไปก็จะไม่ยอมเลิกรา และพร้อมที่จะเปิดศึกขึ้นมาในทันที”

ศิษย์ฝ่ายธรรมะเข้าสู่ความสงบเยือกเย็นไปแล้วครู่หนึ่ง ทว่าเมื่อมองไปทางหลงเฉินที่กำลังทอดวงตาแดงฉานขึ้นมาก็ทราบได้ทันทีว่าหลงเฉินกำลังคิดอันใดอยู่

ถึงแม้ว่าหลงเฉินจะแข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยวเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเขากลับมองผู้คนที่อยู่เคียงข้างกายเป็นเสมือนพี่น้องอย่างแท้จริง ความเจ็บปวดที่อยู่บนใบหน้าของเขาจึงไม่อาจเล็ดรอดไปจากสายตาของพวกเขาได้จนภายในจิตใจของพวกเขาเกิดความรู้สึกที่ไม่ต่างกันขึ้นมา

“จะเปิดศึกขึ้นมาในทันที”

“จะเปิดศึกขึ้นมาในทันที”

“จะเปิดศึกขึ้นมาในทันที”

ศิษย์ฝ่ายธรรมะทั้งหมดตะโกนขึ้นมาพร้อมกับยกอาวุธในมือชูขึ้นสู่ท้องฟ้า อีกทั้งยังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันคล้ายกับเป็นสัตว์ป่ากลุ่มหนึ่งที่พร้อมจะออกล่าเหยื่อ

เดิมทีเฒ่าประหลาดเนตรมารกำลังคิดที่จะฉวยโอกาสที่ศึกกำลังสงบลงในการต่อรองกับหลงเฉิน ทว่าเมื่อเห็นศิษย์ฝ่ายธรรมะฮึกเหิมขึ้นมาจนสามารถเอาชีวิตเข้าแลกได้ทุกเมื่อ เขาจึงรีบบอกกล่าวให้ศิษย์ฝ่ายอธรรมส่งแหวนมิติของตัวเองออกไป

ศิษย์ฝ่ายอธรรมรู้สึกหดหู่ขึ้นมาอย่างรุนแรง ขณะนี้เส้นทางการฝึกยุทธ์ของพวกเขาได้เปลี่ยนไปอย่างรุนแรงเลยก็ว่าได้ กลายเป็นว่าศิษย์ฝ่ายธรรมะมีความโหดเหี้ยมและอำมหิตเสียยิ่งกว่าพวกเขาเป็นอย่างมาก

“เจ้ารอก่อนเถิด ข้าไม่จบแต่เพียงเท่านี้แน่” เฒ่าประหลาดเนตรมารจ้องเขม็งมาที่หลงเฉินแล้วนำพาเหล่าศิษย์ฝ่ายอธรรมที่เหลือจากไป

จากศิษย์ใหม่ที่เดินทางเข้ามากว่าสองหมื่นคนกลับหลงเหลือเพียงห้าร้อยกว่าคนเท่านั้น หากเป็นมุมมองของฝ่ายอธรรมแล้วย่อมเป็นการสูญเสียที่ยากจะทานรับได้ อีกทั้งยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในประวัติการณ์

“หลงเฉิน หอกยาวสีทองเล่มนี้ขอมอบให้เจ้า” ซ่งหมิงเหยียนและโหลวฉางกล่าวขึ้นมาในขณะที่แบกหอกยาวอยู่คนละด้าน

หลงเฉินมองไปที่หอกยาวสีทองของหยินหลอ อาวุธเล่มนี้จะต้องเป็นอาวุธปราณที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งแน่นอน อีกทั้งยังมีน้ำหนักเทียบเท่ากับดาบทลายมารของเขาเลยก็ว่าได้ ทว่าเขากลับไม่ชมชอบการใช้หอกยาวเช่นนี้เสียเท่าใดนักจึงหันไปทางม่อเนี่ยนแล้วกล่าวว่า “รางวัลจากชัยชนะชิ้นนี้ เจ้าเอากลับไปเถิด อย่างน้อยก็จะได้มีเรื่องไปบอกกล่าวกับคนของตระกูลบ้าง”

ม่อเนี่ยนได้เล่าให้หลงเฉินฟังว่าเขาได้ออกมาจากตระกูลเพื่อตามหาหยินหลอและล้มคนผู้นี้ให้จงได้ ทว่าต่อให้หลงเฉินและม่อเนี่ยนผนึกกำลังกันก็ยังไม่อาจโค่นหยินหลอลงไปได้ และหากจะว่าไปแล้วก็ยังมีพลังการสนับสนุนจากฉู่เหยาอีก ซึ่งนั่นก็ยังไม่อาจทำให้พวกเขาสังหารหยินหลอได้ อีกทั้งคงจะต้องตายด้วยกระบวนท่าของหยินหลอไปตั้งแต่แรกแล้ว

“รางวัลจากชัยชนะนั้นข้าได้มาแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีสิ่งใดดีไปกว่าของชิ้นนี้อีกแล้ว” ม่อเนี่ยนกล่าวด้วยความไม่แยแสแล้วยกท่อนขาข้างหนึ่งขึ้นมา จากนั้นก็ลูบไปที่ขาข้างนั้นอยู่สองครั้งด้วยความภาคภูมิใจ

ผู้คนทั้งหมดมองไปทางม่อเนี่ยนด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียน การถือขาข้างหนึ่งพร้อมกับทอสีหน้าที่คล้ายกับกำลังลูบไล้เรือนร่างของสตรีเพศอย่างเมามายนั้นย่อมเป็นภาพที่ไม่น่าพิสมัยเป็นอย่างยิ่ง

หลงเฉินจึงคว้าหอกยาวสีทองเข้ามากวัดแกว่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็คำนวณได้ว่าน้ำหนักของหอกเบากว่าดาบทลายมารเพียงสามส่วน ภายในจิตใจของเขาจึงเกิดอาการลิงโลดขึ้นมา หากมีอาวุธที่ดีเช่นนี้อยู่คงจะไม่ต้องกังวลกับการต่อสู้ในครั้งต่อไปแล้ว ทว่าจะมีผู้ใดในเหล่าศิษย์ใหม่ที่เหมาะสมกับหอกเล่มนี้กัน?

“กู่หยาง” จู่จู่หลงเฉินก็ตะโกนขึ้นมา

กู่หยางค่อยๆ เดินฝ่าท่ามกลางผู้คนมากมายออกมา ในขณะนี้เขาได้ถูกตัดแขนไปทั้งสองข้างแล้ว ทว่าก็ได้รับการรักษาจากยอดฝีมือของตำหนักป่าสวรรค์แล้วเช่นกันจึงทำให้อาการบาดเจ็บเหล่านั้นไม่น่าเป็นห่วงอีกต่อไป

“เจ้าชมชอบการใช้พลังกาย หอกยาวสีทองเล่มนี้คงจะเหมาะกับเจ้า ข้าขอมอบมันให้กับเจ้าก็แล้วกัน ลองใช้ดูก่อนสิ” หลงเฉินกล่าวแล้วยื่นหอกยาวสีทองให้กู่หยาง

กู่หยางมองไปที่หอกยาวสีทองในมือของหลงเฉิน ดวงตาทั้งสองข้างแดงซ่านขึ้นมา อยากจะยื่นมือเข้าไปรับก็ยังไม่กล้า “หลงเฉิน……ข้า……”

“อย่ากล่าววาจาไร้สาระเชียวนะ รีบรับไปซะ หอกเล่มนี้หนักเกินไปจนข้อมือของข้าแทบจะขาดสะบั้นแล้ว” หลงเฉินกล่าวพร้อมกับผลักหอกยาวสีทองไปทางกู่หยาง

กู่หยางทอสีหน้าแตกตื่นขึ้นมายกใหญ่แล้วรีบยื่นมือเข้าไปหอกยาวสีทองมาโอบกอดเอาไว้ ร่างกายกำยำของเขาเซถอยหลังติดต่อกันอยู่หลายก้าวจึงค่อยยืนหยัดอยู่ได้

ดวงตาสั่นไหวมองไปที่หอกยาว จมูกเกิดอาการฟืดฟาดขึ้นมา แม้แต่ตระกูลใหญ่ของเขาก็ยังไม่เคยมีสมบัติที่ล้ำค่าเช่นนี้มาก่อน ทว่าในตอนนี้หลงเฉินกลับยินยอมมอบสมบัติอันล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่เขา ช่างน่าปราบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง เรื่องบาดหมางที่เขาได้ทำต่อหลงเฉินกลับไม่ได้ถูกเก็บไปใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

กู่หยางที่มีนิสัยหยิ่งทระนงตนก็ยังห้ามหยาดน้ำตาเอาไว้ไม่ได้ จากนั้นก็กล่าวออกมาอย่างตะกุกตะกักว่า “หลงเฉิน ข้า……”

“หากจะขอบคุณด้วยภาษากาย ข้าขอบอกก่อนว่าข้าไม่ชมชอบ แน่นอนว่าเจ้าย่อมทราบนิสัยใจคอของข้าอยู่แล้ว ข้าชื่นชอบแต่หญิงงามเท่านั้น” หลงเฉินรีบกล่าวออกมาพร้อมกับส่ายหัวด้วยความเอือมระอา

พวกพ้องทั้งหมดต่างก็หัวเราะฮาฮาขึ้นมายกใหญ่ ถังหว่านเอ๋อทอใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาพร้อมกับลอบมองไปทางฉู่เหยาแล้วก็พบว่าฉู่เหยาก็กำลังมีทีท่าเช่นเดียวกันกับนาง ไม่ได้รู้สึกโกรธหลงเฉินเลยแม้แต่น้อย

“ในเมื่อเรื่องทางนี้จบสิ้นลงแล้ว ข้าก็ควรจะกลับไปเสียที” ม่อเนี่ยนเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของหลงเฉินแล้วกล่าว

.

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset