“หลงเฉิน เจ้ากดขี่ผู้คนมากเกินไปแล้ว”
ผู้อาวุโสซุนตะโกนก้อง เมื่อมายังถึงหน้าถ้ำที่พักของหลงเฉิน ในตอนนี้เขากำลังอยู่ในอารมณ์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แววตาสาดประกายดุร้าย จนทำให้ถังหว่านเอ๋อและชิงยวูตกใจ วิ่งหลบออกไปคนทิศ
หลงเฉินเดินออกมาจากภายในห้องอย่างเชื่องช้า ดวงตาจับจ้องผู้อาวุโสซุนที่อยู่ด้านหน้าถ้ำ เขาส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวออกมา
“เจ้าน่ะ อย่างไรก็เป็นถึงผู้อาวุโสของหมู่ตึก แต่กลับมายืนกร่นด่าผู้อื่น เสียงดังเสียยิ่งกว่าแม่ค้าปากตลาด ไม่รู้สึกขายหน้าบ้างหรืออย่างไร? ” หลงเฉินต่อว่า ทอสีหน้าเหยียดหยาม
“ผายลมเถอะ! หลงเฉินเจ้ากล้าหลอกข้า สิ่งของที่เจ้ามอบให้ข้า เจ้าให้มาไม่ครบส่วน!” ผู้อาวุโสซุนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วกล่าว แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็ไม่ได้โกรธจนหูอิ้อตาลาย ยังพอจะยั้งสติได้ มิได้โพล่งเอ่ยชื่อ ‘เคล็ดวิชา’ออกมา ทำเพียงแต่เรียกแทนด้วยคำว่า ‘สิ่งของ’ เท่านั้น
“จะครบส่วนหรือไม่ แล้วจะเป็นอะไรไปเล่า ? ”หลงเฉินกล่าว
“เจ้า!……เป็นเจ้าที่กล่าวว่า ของสิ่งนั้นได้ถูกแบ่งออกเป็นบนล่างสองส่วน……”
“หยุด!”
หลงเฉินโบกมือ ทำท่าทางคล้ายสั่งให้ผู้อาวุโสซุนหยุด ทอใบหน้าจริงจังขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า “ผู้อาวุโสซุน ข้าจำได้ว่าข้าเคยบอกเอาไว้ว่าของชิ้นนั้นข้าได้แบ่งออกเป็นส่วนบนกับส่วนล่าง แต่ข้าไม่เคยกล่าวว่ามีบนล่างสองส่วน ”
“เจ้ากล่าววาจาเหลวไหลอะไร ‘ส่วนบนส่วนล่าง’ กับ ‘บนล่างสองส่วน’ มีอะไรแตกต่างกัน ? ” ผู้อาวุโสซุนกล่าวเสียงดังขึ้นมาด้วยโทสะ
“เจ้าผิดแล้ว สิ่งของนี้ของข้า ส่วนบนนั้นย่อมต้องมีชิ้นเดียว แต่ส่วนล่างนั้นถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ข้ามอบส่วนล่างให้แก่เจ้าไปแล้ว แล้วมันมีอะไรผิดพลาดกัน ! ” หลงเฉินปัดป่ายมือไปมา พร้อมกับกล่าวท่าทีอับจนปัญญา
“ตัวบัดซบ! สิ่งของนั้น เห็นกันอยู่แล้วว่าถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน บน กลาง ล่าง เจ้ามอบแค่ส่วนบนกับส่วนล่างมาให้ข้า แล้วจะมีประโยชน์อะไรกันเล่า ? ” ผู้อาวุโสซุนโกรธเคืองจนใบหน้ากระด้าง ตัวเกร็งแข็งทื่อ
หลังจากที่เขาได้เพทายทมิฬทั้งสองส่วนมาแล้ว ก็นำกลับมาวิเคราะห์เพื่อหาวิธีเชื่อมทั้งสองส่วนเข้าหากัน แต่ยิ่งวิเคราะห์ก็ยิ่งรู้สึกได้ว่ามันมีความผิดปกติอยู่
และเมื่อเขาทดลองไหลเวียนพลังลมปราณของตนเองตามวิถีอักขระที่สลักอยู่บนชิ้นส่วนที่เอามาเชื่อมต่อกันนั้น ก็พบว่าทั้งสองส่วนไม่อาจเชื่อมโยงเข้าหากันได้เลย
เมื่อทดสอบดูอยู่หลายครั้งหลายครา แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จึงเพิ่มพลังไหลเวียนให้รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเส้นลมปราณแทบจะขาดสะบั้น
เมื่อรู้สึกว่ากำลังจะทนไม่ไหว ผู้อาวุโสซุนจึงหยุด แล้วค่อยๆพินิจดูภาพเส้นลมปราณทั้งสองภาพอย่างระมัดระวัง ผ่านไปถึงสองวันสองคืน ในที่สุดเขาก็มองออกถึงเส้นสนกลใน —— ให้ตายเถอะ! ช่วงกลางภาพขาดมันหายไปส่วนหนึ่ง
ในตอนนั้นผู้อาวุโสซุนโกรธจนแทบกระอักเลือด จึงรีบตามหาตัวหลงเฉิน แววตาโกรธแค้น หน้าตาถมึงทึง
“นั่นเป็นสิ่งที่เจ้านึกคิดเข้าใจไปเอง ข้าไม่ได้พูดออกไปเช่นนั้น เจ้าจะโทษข้าได้อย่างไร ? ” หลงเฉินกล่าวด้วยท่าทีเกียจคร้าน คล้ายกับสุกรตัวอ้วนที่ไม่กลัวน้ำร้อนลวกแต่อย่างใด
ถังหว่านเอ๋อและชิงยวูกล่าวอะไรไม่ออก ได้แต่มองใบหน้าเยือกเย็นของผู้อาวุโสซุน และใบหน้าทะเล้นของหลงเฉิน สลับกับไปมา
ผู้อาวุโสซุนที่ทอสีหน้าแข็งกระด้างดุจแท่งเหล็ก บริเวณหน้าอกขยับกระเพื่อมขึ้นลง ดั่งว่าวต้องลม มือกำหมัดแน่น ท่าทางประหนึ่งพร้อมที่จะซัดพลังออกไปได้ทุกเวลา
ทว่าหลงเฉินกลับแสดงสีหน้าเหยียดหยามจ้องมองเขา คล้ายกับประกาศให้รู้ว่าหากผู้อาวุโสซุนคิดจะลงมือ ตัวเขาเองก็ไม่เกรงกลัว
สุดท้ายแล้วผู้อาวุโสซุนก็ไม่ได้ลงมือ เขาเองไม่ใช่คนโง่งม เขาทราบดีว่าตนเองไม่สามารถลงมือสังหารหลงเฉินได้ และหากกระทำเช่นนั้นก็จะกลายเป็นการชักนำปัญหามาสู่ตนเอง ดังนั้นเขาจึงทำได้แต่เพียงอดกลั้นความรู้สึกเอาไว้
“บอกมา เป้าหมายของเจ้าก็คืออะไรกันแน่” ผู้อาวุโสซุนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงติดจะแหบพร่า การถูกยั่วโทสะมากถึงเพียงนี้ แต่ยังสามารถควบคุมตัวเองไม่ให้โกรธจนปากสั่นขึ้นมาได้ ก็นับว่าอดทนได้มากแล้ว
“นี่ก็ถูกต้องแล้ว อายุอานามก็มากแล้ว ใยจึงต้องโมโหมากถึงเพียงนี้ด้วย อ๊ะ! ข้าเตรียมยาเอาไว้ให้เจ้า ขอเพียงแต่เจ้าสามารถจัดหาของเหล่านี้มาให้ข้าได้ รับรองว่าปัญหาทุกอย่างจะถูกคลี่คลาย” หลงเฉินโบกมือขึ้นมาคราหนึ่ง ในมือก็ปรากฎใบรายการยาใบหนึ่งขึ้นมา เขายื่นมันให้แก่ผู้อาวุโสซุน
ผู้อาวุโสซุนยื่นมือสั่นเทาเข้าไปรับใบรายการยาจากมือของหลงเฉิน เมื่อได้อ่านรายชื่อและปริมาณวัตถุดิบที่ถูกระบุไว้บนนั้น ก็แทบจะกระอักเลือดในทันที
“หลงเฉิน เจ้าทำเกินไปแล้ว” ผู้อาวุโสซุนกล่าวขึ้นมาอย่างกราดเกรี้ยว
“เกินไป ? เหอะเหอะ เจ้าแก่จนสมองเลอะเลือนไปแล้วหรืออย่างไร ? ตอนแรกเจ้าทำอะไรลงไปบ้าง ยังไม่รู้ตัวอีกอย่างนั้นหรือ ?
เจ้าไม่ต้องแสร้งทำเป็นไขสือ ข้าขายสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุดให้แก่เจ้า เพื่อที่จะให้เจ้าได้ลิ้มรสชาติของการถูกทารุณว่าเป็นอย่างไร
ก่อนหน้านี้ที่เจ้าบังคับให้ข้าต้องคุกเข่าให้ เจ้าไม่รู้หรือว่านั่นเป็นการคุกคาม ข่มเหงผู้อื่นมากแค่ไหน ? ใช้แรงกดดันของขอบเขตปรือกระดูก กดตัวข้าเอาไว้ เจ้าน่ะร้ายกาจเกินไปแล้ว ตอนอยู่ในสนามรบยังคิดที่จะยืมดาบผู้อื่นฆ่าคน เหอะเหอะ เจ้ามันตาเฒ่าเจ้าเล่ห์!
ตอนนี้ ยังเหลือชิ้นส่วนกลางอยู่ในมือข้าอีกชิ้นหนึ่ง หากอยากจะครอบครอง เจ้าก็ต้องทำตามที่ข้าบอก หรือไม่ก็ไสหัวไปซะ
หากเจ้าอยากลงมือทำร้ายข้า แน่นอนว่าเจ้าย่อมทำได้ แต่หากเจ้ากล้าลงมือจริงๆ เหอะเหอะ ผู้อาวุโสของหมู่ตึกผู้หนึ่งลงมือข่มเหงแม้กระทั่งศิษย์ในสำนักตัวเอง เจ้าก็คงจะหนีไม่พ้นถูกขับไล่ออกจากหมู่ตึกพลิกสวรรค์ในทันทีเป็นแน่” หลงเฉินปากกล้า ด่าทอออกมา
ถึงแม้จะพยายามที่จะข่มความรู้สึกที่เคยถูกกดขี่เอาไว้ แต่เมื่อนึกถึงก่อนหน้านี้ที่ผู้อาวุโสซุนจงใจกลั่นแกล้งตนเองหลายต่อหลายครั้ง อีกทั้งยังทำให้ต้องอับอายอยู่หลายครา และที่ร้ายแรงกว่านั้นคือคิดที่จะฝังเขาให้ตายไปทั้งเป็น จนทำให้ฉู่เหยาและถังหว่านเอ๋อต้องตกอยู่ในอันตราย เรื่องนี้ทำให้รังสีสังหารของเขาลุกโชนขึ้นมา
หลงเฉินมีโทสะ ในมือเขากำเพทายทมิฬชิ้นหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเดียวกับสองชิ้นก่อนหน้านี้ที่อยู่กับผู้อาวุโสซุน
เพทายของหลงเฉินถูกแบ่งออกเป็นบน กลาง ล่าง สามส่วน ผู้อาวุโสซุนนั้น ขาดแต่ชิ้นส่วนสุดท้ายอีกเพียงแค่ชิ้นเดียว ก็จะสามารถที่จะทำให้รูปแบบแผนผังนั้นสมบูรณ์ขึ้นมาทั้งหมดได้
“ตาเฒ่า เจ้าเลือกเองเถอะ เจ้ายินยอมที่จะถูกหลอกครั้งเดียว หรือว่าจะเชื่อข้าอีกครั้ง” หลงเฉินกล่าวพร้อมกับส่งเสียงดังเชอะขึ้นมา
ในเมื่อถูกกระชากหน้ากากแล้ว หลงเฉินเองก็คร้านจะแสร้งแสดงท่าทีเกรงอกเกรงใจต่อเขาอีก หลงเฉินจึงประกาศเจตนาออกมาอย่างชัดเจน “หากเจ้าคิดที่จะรวบรวมให้ครบทุกส่วน ก็จำเป็นต้องถูกข้าหลอกใช้งานอีกครั้ง”
“เจ้าเองก็สามารถที่จะปฏิเสธที่จะเชื่อข้าในครั้งนี้ได้ แต่ทว่าหากเจ้าปฏิเสธไปแล้ว สิ่งของล้ำค่ามากมายที่เจ้าหามาแลกกับเพทายของข้าในครั้งแรกนั้น ก็เท่ากลับสูญเปล่า และเพทายที่เจ้าครอบครองอยู่ก็จะเป็นได้แค่เพียงหินไร้ค่าสองก้อนเท่านั้น”
หากเรื่องนี้ถูกร้องเรียนไปที่หมู่ตึก หลงเฉินก็ยังมีข้อแก้ต่างว่า นี่เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนในรูปแบบหนึ่ง ดังนั้นในเรื่องนี้ ผู้ใดก็ไม่อาจเอาความทำให้เขาลำบากได้ และก็จะกลายเป็นถูกปล่อยเลยตามเลยไป
เพราะต่างฝ่ายต่างก็ได้รับสิ่งของมาจากอีกฝ่ายตามข้อตกลง ทว่าหลงเฉินเพียงแต่เจ้าเล่ห์เพทุบาย พูดจาเล่นแง่ จึงเอารัดเอาเปรียบอีกฝ่ายมากจนเกินไปเท่านั้นเอง เพราะเพทายเพียงสองก้อนนั้น ย่อมไม่อาจทำให้แผนผังสมบูรณ์ขึ้นมาได้อยู่แล้ว หากมิได้นำมารวมกับชิ้นส่วนที่เหลือ ก็เป็นเพียงหินไร้ค่าเท่านั้น
และหลงเฉินนั้น ก็ได้รับวัตถุดิบที่ล้ำค่ามามากมายมหาศาล สิ่งเหล่านั้นถือได้ว่าเป็นของชั้นเลิศที่มีคุณค่าในตัวของมันเอง และแต่ละชิ้นก็มีราคาที่แน่ชัดอยู่แล้ว
เมื่อผู้อาวุโสซุนได้ฟังวาจาของหลงเฉิน ที่กล่าวโน้มน้าว ก็เริ่มตรึกตรองตามไป เขามองจ้องไปที่เพทายทมิฬในมือของหลงเฉิน แล้วก้มลงมองใบรายการในมืออีกครา
“ได้ ข้ายอมรับข้อเสนอของเจ้า แต่ว่าเจ้าต้องสาบานว่า เมื่อได้รับวัตถุดิบตามรายการนี้แล้ว เจ้าจะต้องมอบสิ่งของที่อยู่ในมือของเจ้ามาให้แก่ข้า” ผู้อาวุโสซุนกัดฟันแล้วกล่าวออกมา
เขาพบว่า รายชื่อวัตถุดิบที่อยู่ในใบรายการในครั้งนี้ถึงแม้จะน้อยลงกว่าเดิมอยู่บ้าง แต่ว่ามูลค่าของของแต่ละชิ้นนั้น เมื่อเทียบกับครั้งที่แล้ว ต่างกันจนอยู่คนละระดับชั้น
ไม่จำเป็นต้องคิดเลยว่า ราคาของวัตถุดิบเหล่านี้ เรียกได้ว่าไม่ได้น้อยไปกว่าก่อนหน้านี้เลย หรืออาจถึงขั้นสูงค่ามากกว่าด้วย
หากเป็นเช่นนี้ เงินทองที่เก็บสะสมมาทั้งชีวิตของเขาก็คงจะต้องสูญไปจนหมดสิ้นในครั้งนี้อย่างแน่นอนแล้ว แต่ถ้าหากไม่ตกลง เงินสะสมครึ่งค่อนชีวิตของเขาที่ถูกใช้ไปกับการเสาะหาวัตถุดิบให้หลงเฉินในครั้งแรก ก็จะเหมือนละลายหายไปกับน้ำ ดังนั้นเขาย่อมตัดใจที่จะปฏิเสธไม่ได้อย่างแน่นอน
“ได้ ข้าหลงเฉินขอสาบาน ถ้าหากผู้อาวุโสซุนสามารถนำวัตถุดิบใบรายการนี้ รวบรวมมาจนครบได้โดยที่ไม่ขาดเหลือเลยแม้แต่น้อย ข้ารับรองว่าจะนำของชิ้นนี้ในมือ มอบให้แก่ผู้อาวุโสซุนอย่างแน่นอน หากข้าผิดคำสาบาน ขอให้ข้าถูกสายฟ้าห้าธรณีผ่าจนตาย” หลงเฉินกล่าวสาบานาด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำ
สิ่งที่เรียกกันว่าสายฟ้าห้าธรณี ในหมู่คนทั่วไปถือได้ว่าเป็นคำสาบานที่ร้ายแรงอย่างถึงที่สุด การที่ถูกสายฟ้าลงทัณฑ์ ก็อนาจเกินพอแล้ว หากถูกสายฟ้าห้าธรณีผ่าเข้า ก็จะอนาจยิ่งกว่านับหมื่นเท่า ราวกับว่าหากถูกลงทัณฑ์ด้วยสายฟ้าห้าธรณี แม้แต่วิญญาณก็ยังต้องสลายหายไป จนไม่อาจกลับมาเกิดใหม่ได้อีกเลย
เมื่อได้ฟังคำสาบานของหลงเฉินจบ ผู้อาวุโสซุนก็สูดลมหายใจเข้าครั้งหนึ่ง กำใบรายการนั้นไว้ในมือพร้อมกับหันกายจากไป
ผู้อาวุโสซุนเดินออมาด้วยสีหน้าปั้นยาก ประหนึ่งมีผู้ใดทำให้บิดาเขาตาย ดูหดหู่ใจหาย
“หลงเฉิน ที่แท้แล้วเจ้ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ? ” ถังหว่านเอ๋อที่ลืมเลือนความกระอักกระอ่วนเมื่อวันก่อนไปแล้ว ถามขึ้นมาด้วยสีหน้าเป็นห่วง
เมื่อครู่ ผู้อาวุโสซุนนั้นย่างสามขุมเดินเข้ามาใกล้ หน้าตาท่าทางน่าหวาดน่ากลัว ถังหว่านเอ๋อตกใจอย่างมาก จนเกือบจะซัดฝ่ามือเข้าใส่
ด้านชิงยวูนั้นก็อกสั่นขวัญหาย นางมิใช่ผู้อยู่เหนือขอบเขต เป็นเพียงแค่ศิษย์สายในปกติธรรมดาคนหนึ่ง จึงไม่สามารถต้านทานแรงกดดันมากมายที่แผ่ออกมา ของผู้อาวุโสซุนได้เลย ดังนั้นจนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังคงมีใบหน้าขาวซีดอยู่
“ไม่มีอะไร ตาเฒ่าผู้นั้นคิดที่จะกราบข้าเป็นอาจารย์ แต่ใต้ฟ้าบนดินไม่ได้มีเรื่องดีมากมายนัก คิดจะให้ข้ายอมรับเป็นศิษย์น่ะ ไม่ได้ง่ายดายหรอกนะ”
ข้าได้มอบหมายภารกิจเล็กน้อยให้แก่เขา ถ้าหากทำให้ข้าพึงพอใจได้ ข้าก็ย่อมต้องให้รางวัลแก่เขา ด้วยการอนุญาตให้เขามาเป็นศิษย์ของข้าได้
คิดไม่ถึงว่า ตัวบัดซบผู้นั้น พึ่งจะทำผลงานได้เพียงแค่เล็กน้อย ก็คิดที่จะให้ข้ามอบผลประโยชน์ให้แล้ว มีหรือจะสมหวังได้ง่ายดายเพียงนั้นกัน” หลงเฉินเพียงแค่อ้าปากก็เริ่มที่จะสารยายเรื่องไม่เป็นเรื่องออกมา
แน่นอนว่าถังหว่านเอ๋อ ย่อมไม่เชื่อคำพูดเช่นนั้นของหลงเฉิน นางจับจ้องไปที่เพทายทมิฬในมือของหลงเฉินด้วยความสงสัย ทันใดนั้นก็ทอสีหน้าเข้าใจขึ้นมา :
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”
“ข้าสงสัยอยู่ว่า เหตุใดเจ้าในตอนนั้น ถึงได้ทำหน้าเย็นชาใส่เขา ที่แท้ข้าก็คาดเดาถูกต้องแล้ว หลงเฉิน เจ้าคิดที่จะหลอกผู้อาวุโสซุนจริงอย่างนั้นหรือ ? เจ้าไม่กลัวว่าเขาจะมาจัดการเจ้าทีหลังหรืออย่างไร ? ”ถังหว่านเอ๋อกล่าวขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
นางรู้นิสัยของหลงเฉินดี หากไม่หลอกลวงผู้คนสักวันหนึ่งเขาคงจะเป็นบ้าตายแน่ ในยามที่พึ่งจะเข้ามายังภายในหมู่ตึก นางก็ได้สั่งสอนไปครั้งหนึ่งแล้ว อีกทั้งครั้งนั้นเขายังได้ลวงชีซิ่งจนมีสภาพน่าอเนจอนาจเลยทีเดียว
“เจ้ากล่าวหาว่าข้าหลอกลวงน่ะ ออกจะมากเกินไป เราเพียงแต่ทำการแลกเปลี่ยน ทั้งชัดเจนและมีหลักฐานยืนยัน ว่าข้าจะมอบเคล็ดวิชาของข้า ถ่ายทอดให้แก่เขา ดังนั้นเจ้าจะหาว่าข้าหลอกลวงผู้คนได้อย่างไรกัน” หลงเฉินส่ายหน้าไปมา ทั้งยังกล่าวออกมาด้วยท่าทางเคร่งขรึม
“เชื่อไม่ได้หรอก สายตาของเจ้าเองยังทรยศเจ้าได้เลย อีกทั้งบนหน้าของเจ้ายังเขียนเอาไว้ด้วยว่า : คนที่หลอกลวงก็คือเจ้า ! ” ถังหว่านเอ๋อขยับปากบางไปมา กล่าวเน้นคำพูดของนางทีละคำ ในท้ายประโยค
หลงเฉินแสดงสีหน้าท่าทางตื่นตะหนก “คงไม่หรอกมั่ง ชัดเจนขนาดนั้นเลยหรือ ? ”
เพียงครู่เดียวถังหว่านเอ๋อและชิงยวูก็ถูกหลงเฉินหยอกล้อจนมีความสุข ความเป็นห่วงภายในจิตใจก็ถูกสลายคลายลงไปได้ไม่น้อย ถังหว่านเอ๋อทุบตีหลงเฉินเบาๆอยู่ครู่หนึ่ง ฝืนกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้แล้วกล่าวขึ้นมาว่า “เจ้ามันตัวก่อกวน นี่กำลังคุยเรื่องจริงจังกันอยู่นะ”
หลงเฉินกล่าวประท้วงขึ้นคล้ายกับไม่ได้รับความเป็นธรรม “ข้าก็กำลังพูดเรื่องจริงจังอยู่นี่ไง”
“เจ้ามอบเคล็ดวิชาของเจ้าเองให้แก่เขาจริงอย่างนั้นหรือ ? ” ถังหว่านเอ๋อถามหลงเฉินด้วยความแปลกใจ
“แน่นอนอยู่แล้ว”
“ข้าก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี” ถังหว่านเอ๋อส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวออกมา
“ข้าตั้งใจที่จะนำเคล็ดวิชาชุดนี้ ถ่ายทอดให้แก่เขาจนหมดอย่างแท้จริง แต่ก็นะ ยังไงก็ต้องดูว่าเขามีวาสนาพอหรือเปล่า” หลงเฉินถอนหายใจออกมาแล้วกล่าว
เห็นใบหน้าหยิ่งทะนงของหลงเฉิน ถังหว่านเอ๋อก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา นางเอ่ยปากเตือนเขาว่า “ข้าขอเตือนเจ้านะ อย่าเล่นกับไฟเลย มันอันตรายมากเกินไป”
หลงเฉินเห็นแววไหวหวั่นบนใบหน้าของถังหว่านเอ๋อ ก็กรอกตาไปมาแล้วกล่าวว่า “ข้าขอเตือนเจ้านะ อย่าเล่นกับไฟเลย มันอันตรายมากเกินไป”
ด้วยประโยคที่เหมือนกัน แต่ว่าเมื่อออกมาจากปากของหลงเฉิน กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นและความหมาย ทำให้ถังหว่านเอ๋อหวนนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองคนของเมื่อวันก่อน ใบหน้าน้อยๆขึ้นสีแดงซ่านด้วยความเขินอาย มองดูคล้ายกับผลผิงกั่ว* จนต้องรีบวิ่งเข้าไปหลบซ่อนในห้องนอน แล้วนางก็ทำการปิดตายห้องไปอีกครั้ง
*ผลแอปเปิ้ล
“ข้าขอเตือนพวกเจ้านะ อย่าเล่นกับไฟเลย มันอันตรายมากเกินไป” ชิงยวูเจี่ยทอใบหน้าเคร่งขรึมจ้องมองหลงเฉิน กล่าวเตือนขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หลงเฉินได้ฟังก็เหงื่อแตกพลั่ก นี่ไม่ต่างอะไรไปจากการตบเข้าที่ใบหน้าตัวเอง เขารีบลุกขึ้นยืน พร้อมกับยกมือขึ้นคารวะ และกล่าวว่า “ทราบแล้ว ขอขอบคุณชิงยวูเจี่ยที่สอนสั่ง ! ”
สองวันหลังจากนั้น หลงเฉินก็ทำการหลอมยาผงต่อ ในระยะนี้ ทั่วทั้งหมู่ตึกต่างก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด
เพราะไม่ว่าจะเป็นศิษย์ใหม่ หรือศิษย์เก่า ต่างก็อยู่ในช่วงเก็บตัวฝึกฝน หากยังไม่ครบหนึ่งเดือน โดยส่วนมากแล้วก็จะไม่ออกมาข้างนอก
พวกเขาจำเป็นที่จะต้องทบทวน วิเคราะห์ประโยชน์ที่ได้จากการต่อสู้ที่ผ่านมาให้แตกฉาน เพื่อที่จะได้พึ่งสิ่งนี้ทำให้รากฐานของตนเองให้แกร่งมากยิ่งขึ้น ในเวลาเดียวกันก็เป็นการขัดเกลาวิถีแห่งใจของตนเองด้วย
ผ่านไปสองวัน ผู้อาวุโสซุนก็กลับมาแล้ว