เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 32 คำเชื้อเชิญของหมู่ตึกฮวาหวิน

“ขอเรียนถามว่าท่านใช่คุณชายหลงเฉินหรือไม่?”

ทันใดนั้นเองก็ได้มีชายหนุ่มวัยกลางคน ผู้ที่มีใบหน้ากระจ่างใสปรากฏกายขึ้นมายังเบื้องหน้าของ เขาประสานมือและโค้งคารวะอย่างสุภาพ

“เป็นข้าเอง”

หลงเฉินเลิกคิ้วขึ้นด้วยความฉงนสงสัย เขาแน่ใจว่าไม่เคยรู้จักมักคุ้นกับชายผู้นี้มาก่อน

“เยี่ยมเลย ข้านั้นได้รับคำสั่งมาจากองค์เหนือหัวให้ส่งมอบสาสน์ฉบับหนึ่งแก่ท่าน” ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้ากระจ่างใสได้กล่าวขึ้นมาด้วยถ้อยคำที่สุภาพ

“เรื่องเป็นเช่นนี้ ท่านอาจจะจำข้าไม่ได้ ข้านั้นเป็นผู้ปกครองภายในหมู่ตึกฮวาหวิน ใคร่ขอเรียนเชิญท่านเพื่อเข้าร่วมงานประมูลที่จัดขึ้นปีละครั้งของพวกเรา”

หลงเฉินเริ่มเข้าใจขึ้นมาได้บ้างแล้ว สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ซ่อนเร้นบางอย่างของภารกิจใหม่ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามา ผู้ปกครองอันใดกัน ไม่ใช่แค่เพียงผู้ที่คอยวิ่งตามหาแขกเข้างานเท่านั้นหรอกหรือ

หลงเฉินนั้นย่อมทราบเป็นอย่างดีอยู่แล้วเกี่ยวกับหมู่ตึกฮวาหวิน เพราะที่แห่งนั้นเป็นสถานที่เพื่อการประมูลอันมีชื่อเสียงเลื่องลือที่สุดของจักรวรรดิเฟิงหมิง ถือได้ว่าเป็นอีกสถานที่ที่มีอิทธิพลแห่งหนึ่งก็ว่าได้

ถึงแม้ว่าไม่อาจเทียบเคียงความมีอำนาจได้เท่าชุมนุมผู้หลอมโอสถ แต่หากว่าด้วยพลังยุทธ์แล้วนั้นย่อมแข็งแกร่งกว่า สถานที่แห่งนี้เป็นเสมือนชุมนุมของเหล่านักผจญภัยที่เข้ารวมตัวกันอยู่อย่างมากมาย

ชุมนุมของเหล่านักผจญภัยเป็นแหล่งรวมตัวกันของนักผจญภัยที่มีความสามารถหลายระดับ อาจจะไม่ได้ยอดเยี่ยมมากทั้งหมด แต่ว่าด้วยจำนวนคนกลับมากมายมหาศาลอย่างยิ่ง

นักผจญภัยเหล่านี้มักจะเดินทางไปยังที่รกร้างและอันตรายอยู่เป็นประจำ ถึงแม้ว่าจะเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง แต่ว่าผลตอบแทนนั้นกลับสูงยิ่งกว่ามาก

หญ้าโอสถที่แปลกประหลาดหลายชนิด หยกอำพันจากเหล่าสัตว์ประหลาด และหากว่าโชคดีอาจจะพบกับของหายากในตำนานหรือโบราณวัตถุชิ้นสำคัญก็เป็นได้

เหล่านักผจญภัยมักจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีต่อหมู่ตึกฮวาหวิน มีพรรคพวกสามัคคีและเหนียวแน่นเป็นปึกแผ่น ด้วยเหตุที่ว่าหมู่ตึกฮวาหวินนั้นดำเนินการด้วยความยุติธรรม รับซื้อวัตถุและสินค้าด้วยค่าตอบแทนที่สูงตามความสามารถของเหล่านักผจญภัย

นักผจญภัยเหล่านั้นไม่จำเป็นที่จะต้องออกพื้นที่ด้วยตัวคนเดียว พวกเขาสามารถเข้าร่วมกับผู้อื่นมากเท่าใดก็ได้ เพราะระหว่างการเดินทางอาจต้องพบกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน อันตรายจากกลุ่มคนชั่วร้ายทั้งภายในเมืองและในที่รกร้างว่างเปล่า

ดังนั้นหมู่ตึกฮวาหวินจึงได้จัดงานประมูลขึ้นมาปีละครั้งเพื่อดึงดูดพ่อค้าจากทั่วทุกสารทิศ โดยในการประมูลนั้นเป็นการรวบรวมเอาทรัพย์สมบัติอันมีค่าและสิ่งของหายากที่เหล่านักผจญภัยได้เจอมาตลอดปีนั้นมาจัดแสดงและให้ประมูลออกไป

ในทุกปีที่มีงานประมูลจัดขึ้นต่างก็เป็นเสมือนประตูสู่สรวงสวรรค์ชั้นดีของเหล่าพ่อค้าอย่างไรอย่างนั้น ผู้คนมากมายให้ความสนใจมากขึ้นหลายเท่าตัวในแต่ละปี ด้วยเหตุนี้กฎเกณฑ์ของการเข้าประมูลจึงได้เปลี่ยนแปลงไปมาตามความยิ่งใหญ่

เมื่อสองปีที่ผ่านมางานประมูลจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการกว่าหลายปีก่อนอยู่หลายเท่าตัว เกิดการคัดกรองผู้ที่จะได้เข้าร่วมงานขึ้นมา หากไม่ได้รับคำเชื้อเชิญก็ไม่อาจที่จะเข้าไปร่วมการประมูลภายในหมู่ตึกฮวาหวินได้

และการคุณสมบัติที่จะได้รับคำเชื้อเชิญจากหมู่ตึกฮวาหวินนั้นจะต้องอยู่ในชนชั้นที่มีฐานะมั่งคั่งและบรรดาศักดิ์อันสูงส่ง ผู้ที่อยู่ในระดับรากหญ้าอย่างหลงเฉินนั้นถือเป็นบุคคลแรกที่ได้รับการเชื้อเชิญเลยก็ว่าได้

“พี่หลง เป็นโชคดีอย่างยิ่งเลยเชียว อย่าได้ทำหน้าเหมือนกับว่ามีเงินไม่พอเช่นนั้น ไปเถิด อย่างน้อยก็ยังดีกว่าเสียผลประโยชน์ไปโดยเปล่านะ” เจ้าลิงผอมกล่าวอย่างชักจูง

การประมูลวัตถุสิ่งของภายในหมู่ตึกฮวาหวินนั้นต่างก็ล้วนแต่เป็นสิ่งของล้ำค่าที่อยู่กลุ่มของสิ่งของล้ำค่าอีกที ราวกับว่าไม่มีชิ้นใดที่ไม่ต้องตาต้องใจเหล่าพ่อค้าเลยแม้แต่ชิ้นเดียว

หากได้ผู้ขายระดับสูงที่มีทักษะในการดึงดูดและการเปิดประมูลด้วยแล้ว ราคาของสิ่งล้ำค่าเหล่านั้นอาจจะพุ่งกระฉูดอย่างลิบลับจนแทบจะกระอักโลหิตตายเลยก็ว่าได้ ฉะนั้นเงินทองต้องมหาศาลอยู่พอควร ไม่เช่นนั้นอาจจะทำได้เพียงนั่งดูอย่างแน่นิ่งเท่านั้น

“มีรายชื่อของเหล่าผู้ขายหรือไม่?” หลงเฉินถามออกไป

“มีแต่เพียงรายชื่อที่รั้งท้ายสิบคนเท่านั้น ท่านสามารถเอาไปดูก่อนได้” บนใบหน้าของชายวัยกลางคนผู้นั้นบังเกิดความรู้สึกผิดอย่างมหันต์แล้วกล่าวออกมา

ด้วยเหตุที่ว่างานประมูลนี้จัดขึ้นเพียงปีละครั้งจึงจำเป็นที่จะต้องเก็บความลับของสิ่งของที่เข้าร่วมการประมูลเอาไว้ สิ่งที่ล้ำค่าย่อมไม่ควรถูกเปิดเผยออกมาก่อนอย่างแน่นอนอยู่แล้ว

หลงเฉินกวาดสายตามองไปยังรายชื่อในแผ่นกระดาษอยู่รอบหนึ่ง พลันดวงตาก็ได้เบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นการปรากฏของอักษรหนึ่งว่า “หญ้าสลายดารา” เขานึกไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกับหญ้าสลายดาราที่มีอายุนับพันกว่าปีอยู่ในที่แห่งนั้นด้วย

โดยปกติทั่วไปแล้วหญ้าสลายดารานั้นมักจะมีอายุราวสิบปีหรือร้อยปีเท่านั้น หลักร้อยปีขึ้นไปนั้นยากที่จะพบเห็นแล้ว ยิ่งหลักพันปีขึ้นไปนั้นคงจะไม่ต้องกล่าวถึง เรียกได้ว่าเป็นขุมสมบัติที่ยิ่งกว่าล้ำค่าเสียอีก

แต่ทว่าสิ่งของชิ้นนี้มีค่าถึงเพียงนี้ยังอยู่รั้งท้ายเอาไว้ ไม่อยากจะคาดคิดเลยว่าสิ่งของที่อยู่ระดับต้นๆ จะล้ำค่ากว่าถึงเพียงใด ภายในใจของหลงเฉินจึงบังเกิดความรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างท่วมท้น

ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้ากระจ่างใสปรากฏรอยยิ้มเหยียดขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นอาการตื่นตระหนกของหลงเฉิน “คุณชายหลงเฉิน ท่านเป็นถึงผู้หลอมโอสถ หากมีโอสถปราณที่ล้ำค่าอันใดก็สามารถแลกเปลี่ยนให้แก่พวกเราได้เช่นกัน ถ้าระดับและชนิดของโอสถนั้นอยู่ในขั้นสูงและหายาก พวกเราจะนำไปพิจารณาเพื่อนำไปเปิดประมูลให้เช่นกัน แต่ทว่าพวกเราอาจจะต้องเก็บผลประโยชน์เอาไว้ห้าส่วน”

ห้าส่วน? ไม่เลวเลย ร้ายกาจมาก ร้ายกาจเป็นอย่างมาก อย่างน้อยผลประโยชน์ครึ่งหนึ่งก็ตกเป็นของพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ายังกล้าคิดจะเอาเปรียบมากไปกว่านี้อีกอย่างนั้นหรือ?

ชายหนุ่มผู้นั้นยิ้มขึ้นมาราวกับว่าอ่านความในใจของหลงเฉินได้อย่างไรอย่างนั้น “ขอเพียงท่านมีสิ่งของอย่างเพียงพอ เมื่อได้ผ่านการบรรจุ ดูแลส่งมอบ จากพวกเราที่เป็นผู้จัดงานประมูลที่มีชื่อเสียงโด่งดังแล้ว ราคาของสิ่งของนั้นย่อมดีดตัวสูงขึ้น เหอะเหอะ……แน่นอนว่ามันอยู่เหนือความคาดหมายของท่านไปไกลอย่างไม่ต้องสงสัยเลย”

เมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนี้ก็ทำให้หลงเฉินเริ่มสบายใจขึ้นมาอยู่ไม่น้อย ไม่อาจที่จะปฏิเสธความเป็นมืออาชีพของชายวัยกลางคนผู้นี้ได้ หลงเฉินเกิดความเลื่อมใสขึ้นมา พลันก็ปรากฏรอยยิ้มที่มุมปาก

การจัดงานประมูลในครั้งนี้ย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน งานที่จัดขึ้นในทุกปีต่างก็มีผู้ร่วมอุดมการณ์อย่างน้อยสามฝ่าย หลงเฉินเองก็ยังไม่ทราบถึงส่วนนี้

พวกเขาจำเป็นจะต้องมีผู้ร่วมอุดมการณ์อย่างน้อยสามฝ่ายเพื่อแบกรับภาระและความยากลำบาก อีกทั้งยังต้องพึ่งหาความสามารถของทั้งสามฝ่ายอีกด้วย

ผู้ร่วมอุดมการณ์เหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นฝ่ายซื้อวัตถุสิ่งของ หรือว่าจะเป็นฝ่ายขายวัตถุสิ่งของ พวกเขาต่างก็ต้องการที่จะได้รับค่าตอบแทนที่มีความแน่นอน

หรือฝ่ายที่ถูกเชื้อเชิญให้เข้าร่วมการประมูล หากซื้อหรือขายออกไปจำนวนมาก ผลกำไรและค่าตอบแทนของพวกเขาก็จะยิ่งถีบตัวสูงขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการเลือกสรรผู้ที่จะเข้าสู่งานประมูล

ทว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ที่สามารถเลือกได้ต่างก็ถูกผู้อื่นเลือกไปจนหมดสิ้นแล้ว ขณะนี้อาจจะกล่าวได้ว่าพวกเขาอยู่ในสภาวะที่กำลังอุดรอยรั่วซึมอยู่ก็ว่าได้

ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้ากระจ่างใสผู้นั้นมีความฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก เขาชิงกระดาษแผ่นนั้นกลับไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่ให้หลงเฉิน เป็นการเชื้อเชิญที่น่าตื่นเต้นราวกับว่าจะถูกผู้อื่นแย่งชิงของล้ำค่าไปต่อหน้าอย่างไรอย่างนั้น

ในขณะนี้หลงเฉินนั้นถือได้ว่าเป็นชายหนุ่มเยาว์วัยอันดับหนึ่งของจักรวรรดิเลยก็ว่าได้ เป็นบุคคลที่สามารถก่อลมฝนขึ้นมาได้ดั่งใจเปรียบเสมือนปลาตัวใหญ่ที่ดึงดูดนักตกปลาได้อย่างแน่นอน

“นี่เป็นแผ่นป้ายของข้อ คุณชายโปรดเชยชมดูก่อน” เมื่อชายผูนั้นกล่าวจบก็ได้ส่งมอบแผ่นป้ายเล็กๆ ให้แก่หลงเฉิน

“ฟู่กุ้ย (富贵มั่งคั่ง)?” หลงเฉินแสยะยิ้มขึ้นมา

“เหอะเหอะ ข้านั้นเกิดมาในตระกูลที่แร้นแค้น บิดามารดาหวังอยากให้ข้ามั่งคั่งใหญ่โต จึงได้ตั้งนามนี้ให้ข้า กลับกลายเป็นเรื่องที่ชวนขำขันของคุณชายเสียแล้ว” ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้ากระจ่างใสยิ้มออกมาด้วยความเขินอาย

วาจาของชายผู้นั้นทำให้หลงเฉินรู้สึกกระอักกระอวนใจขึ้นมาไม่น้อย เขาพยักหน้าตอบรับไปมา “ข้ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้าร่วมงานประมูล ส่วนสิ่งของของข้านั้นมีอยู่พร้อมสรรพแล้ว หากจะนำไปร่วมประมูลกับพวกเจ้า ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรบ้าง?”

ฟู่กุ้ยทอประกายเจิดจ้าขึ้นในแววตาแล้วกล่าวว่า “สมบัติของท่านสามารถนำไปยื่นที่หมู่ตึกฮวาหวินได้เลย หรือว่าจะให้พวกเราไปรับถึงที่ก็ยังได้”

หลงเฉินพยักหน้าไปมา งานประมูลจะจัดขึ้นในเวลาอีกเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น ยังพอจะมีเวลาตระเตรียมให้เรียบร้อยอยู่สักหน่อย หลังจากที่ได้นัดหมายกับฟู่กุ้ยเสร็จแล้ว หลงเฉินก็เดินออกจากเหล่าสุราพร้อมกับพวกพ้องของเขา

“หลงเฉิน อีกเจ็ดวันหลังจากนี้จะมีเทศกาลโคมไฟเฟิงหมิง เจ้าอย่าลืมแวะเวียนมาล่ะ” ซือเฟิงมีใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคาดหวัง

เทศกาลโคมไฟเฟิงหมิงคือวันที่สำคัญที่สุดของทางจักรวรรดิเมืองเฟิงหมิง เป็นเทศกาลที่มีการรวมตัวกันของหนุ่มสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือนทั่วทั้งจักรวรรดิอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง

เหล่าชายหนุ่มที่ยังไม่ออกเรือนต่างก็คล้ายกับวัวตัวผู้ที่คึกคะนองขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น พวกเขาจะใจจดใจจ่อให้ถึงเทศกาลนี้ในเร็ววัน เพื่อที่จะได้พบเจอกับเหล่าสาวงามที่เข้าร่วมงามอย่างมากมาย

ในส่วนของเหล่าหญิงสาวนั้นต่างก็ต้องการที่จะเข้าร่วมเทศกาลโคมไฟเพื่อหาชายหรือคู่ครองที่เหมาะสมในงานประลองยุทธ์ประจำปีของทางจักรวรรดิเมืองเฟิงหมิงที่จะจัดขึ้นในเทศกาลนี้เช่นกัน

ตามปกติแล้วทางจักรวรรดิจะมีมาตรการป้องกันชายหญิงที่เข้มงวดพอสมควร แต่ในช่วงเทศกาลโคมไฟเฟิงหมิงนั้นจะไม่มีข้อห้ามแต่อย่างใด ชายหญิงสามารถที่จะไปมาหาสู่กันภายนอกได้ จึงทำให้เหล่าชายหนุ่มต่างบ้าคลั่งกันยกใหญ่

จึงมีชายหญิงมากมายที่ตั้งหน้าตั้งตารอให้ถึงเทศกาลโดยเร็ว พวกเขาคาดหวังว่าเทศกาลโคมไฟนั้นสามารถมาเติมเต็มความเหงาของตัวเองได้

และที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดก็คงจะเป็นการชิงบัลลังก์นักรบอันดับหนึ่งบนเวทีประลองยุทธ์ของเทศกาลโคมไฟที่ยิ่งใหญ่ โดยผู้ประลองที่มีอายุไม่ครบยี่ปีก็สามารถที่จะขึ้นแท่นประลองได้

การประลองยุทธ์จึงเป็นงานที่ดึงดูดความสนใจของเหล่าสาวงามได้เป็นอย่างยิ่ง ขอเพียงกลายเป็นชั้นแนวหน้าให้ได้ก็จะมีหญิงสาวนับไม่ถ้วนคอยมอบดอกไม้ให้ สำหรับชายหนุ่มเพียงแค่คิดก็ทำให้โลหิตในร่างกายเดือดพล่านขึ้นมาแล้ว

หลงเฉินที่กำลังมองไปยังซือเฟิงก็คล้ายกับกำลังปะทุโลหิตในกายอย่างเดือดพล่านอยู่ไม่น้อยเลย แล้วเขาก็หันไปมองเจ้าอ้วนและพวกพ้อง ที่แท้แล้วเจ้าพวกตัวร้ายเหล่านี้คล้ายกับจะปล่อยน้ำวิสุทธิ์ออกมาอย่างไรอย่างนั้น แววตานี่ทอเป็นประกายขึ้นมาเจิดจ้าเสียจริง

“พี่หลง ท่านต้องไปให้ได้นะ หากท่านไม่ไป พวกเราก็จะไม่ไปเช่นกัน” เจ้าอ้วนอ้อนวอน

“เช่นนั้นก็อย่าไปเลย หาสถานที่ดื่มสุรากันเถิด” หลงเฉินยิ้มเยาะออกมา

“อย่านะท่านปู่หลง พวกเราตั้งตารอคอยกันทุกปีเชียวนะ” เจ้าอ้วนและพวกพ้องกล่าวขึ้น ใบหน้าคล้ายจะมีน้ำตาคลอที่ดวงตา น้ำเสียงอ้อนวอนคล้ายจะคุกเข่าลงกับพื้นแล้วโอบกอดเข้าไปที่ขาอ่อนของหลงเฉินอย่างให้ตายก็ไม่ยอมที่จะปล่อยมือออกเป็นแน่

“หลงเฉิน หากว่าเจ้าไม่ไปก็คงไร้ความหมาย ในขณะนี้ชายหนุ่มที่มีรุ่นราวคราวเดียวกันกับเจ้าในทั่วทั้งจักรวรรดิไม่มีผู้ใดที่จะเทียบเคียงเจ้าได้แล้ว เจ้าได้รับการยกย่องมากที่สุด เป็นบุคคลที่ถูกจับตามองว่าจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งเชียวนะ หากว่าเจ้าไม่ไปอาจทำให้ผู้คนมากมายสิ้นหวังก็เป็นได้!” ซือเฟิงพยายามหว่านล้อมจนถึงที่สุด

“หือ? ตั้งแต่เมื่อใดกัน ข้ามีชื่อเสียงเลื่องลือถึงเพียงนี้เชียวหรือ?” หลงเฉินกล่าวออกมาอย่างสงสัย

“เจ้ายังไม่ทราบอย่างนั้นหรือ? ในขณะนี้ต่อให้เป็นเด็กน้อยก็ยังทราบเลย: โอสถยุทธ์ทั้งสองสายถูกผนึกไว้ในแหวนมิติวงเดียว ก่อเกิดวีรบุรุษจากสรวงสวรรค์ชั้นฟ้า กางปีกโบยบินท่ามกลางชั้นเมฆาแห่งเฟิงหมิง ยิ้มเย้ยมองลงมาจากสรวงสวรรค์ชั้นที่เก้าสู่หลงเฉิน” ซือเฟิงมองไปทางหลงเฉินราวกับว่าเขานั้นเป็นตัวประหลาด

“……”

เรื่องอะไรกัน? ทำไมข้าถึงไม่รู้มาก่อนเลย? นึกไม่ถึงว่าจะถูกราดน้ำมันจนถึงเพียงนี้ หลงเฉินรู้สึกโง่งมขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“เอาเถิด หลงเฉิน พี่น้องมากมายต่างก็ช่วยกระพือชื่อเสียงของเจ้าให้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไปให้ได้นะ”

“ได้ ข้าคงต้องไป” หลงเฉินหัวเราะเล็กน้อยแล้วกล่าวออกมาอย่างขมขื่น เขาคิดที่เวลาที่มีอยู่ในการฝึกยุทธ์ แต่กลับต้องถูกขัดขวางเส้นทางที่จะเดินต่อไป

เมื่อได้ยินวาจาตกลงปลงใจเช่นนั้น เจ้าอ้วนและพวกพ้องก็เกิดความปิติยินดีขึ้นมาอย่างท่วมท้น ราวกับว่าพบเห็นหญิงสาวนับไม่ถ้วนอยู่เบื้องหน้าอย่างไรอย่างนั้น

จากนั้นพวกเขาก็ได้ล่ำลาและแยกย้ายจากกัน หลงเฉินเร่งฝีเท้าเพื่อกลับไปที่จวน แม้แต่อาหารค่ำก็ไม่ได้ทาน ไม่เช่นนั้นอาจจะสิ้นเปลืองเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาจำเป็นที่จะต้องรีบพัฒนาพลังฝีมือให้สูงยิ่งขึ้นในช่วงเวลาอันจำกัด

ขณะนี้หลงเฉินสำเร็จการรวมพลังของดารากักวายุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปรากฏจุดตันเถียนเส้นแรก แต่เขาก็ยังจำเป็นที่จะต้องเพิ่มพลังอีกในเวลาที่กระชับเข้ามา

ในตอนนี้ภายในจุดตันเถียนของเขามีหนทางเพียงสามสายเท่านั้น เขาจำเป็นที่จะต้องรวมพลังเพื่อเข้าสู่ระดับพลังขั้นก่อรวมให้ได้เสียก่อน แต่ว่าด้วยเคล็ดกายานวดารานั้นบันทึกไว้แต่เพียงการรวมพลังของดาราทั้งเก้าเท่านั้น ในการฝึกยุทธ์แบบปกติกลับไม่ได้ถูกจดบันทึกเอาไว้

ครั้งก่อนได้สำเร็จการรวบรวมดารากักวายุ ครั้งต่อไปก็จะเป็นการรวมพลังจากทั้งสามสายเอาไว้ แต่ก็กระทำได้ยากเพราะหลงเฉินนั้นมีความทรงจำที่เลอะเลือนอยู่เกี่ยวกับการรวมพลังนี้

ในครั้งนี้หลงเฉินได้ทำการไหลเวียนพลังจากจุดตันเถียนผ่านทั้งสามจุดไปได้แล้ว เหลือก็แต่เพียงชักนำพลังให้ไหลเวียนส่งกลับมาให้แก่ตัวเขาเองเพื่อให้อยู่ในสภาวะเตรียมต่อสู้ แต่ไม่สามารถคงอยู่ในสภาวะของการฝึกยุทธ์ได้

เมื่อได้ชักนำการคงอยู่ของพลังปราณที่อยู่ภายในของดารากักวายุได้แล้ว ก็ได้ก่อเกิดพลังอันมหาศาลเพิ่มขึ้นมานับสิบเท่า พลังภายในร่างของหลงเฉินได้ปะทุเพิ่มขึ้นมานับสิบเท่าด้วยเช่นกัน แต่ว่าก็ยังคงอยู่ในสภาวะเตรียมต่อสู้เท่านั้น ไม่อาจที่จะนำไปใช้ในการฝึกยุทธ์ได้

หลงเฉินสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง เขาลังเลใจขึ้นมาวูบหนึ่ง จากนั้นก็ได้ไหลเวียนพลังอย่างช้าๆ สูดเอาพลังปราณฟ้าดินที่อยู่ภายนอกเข้ามาช่วย

ทว่าหลงเฉินกลับไม่ได้ชักนำพลังปราณเข้าสู่ร่างกาย กลับผนึกพลังเอาไว้ด้วยกันที่จุดดารากักวายุ

ในระหว่างที่หลงเฉินได้สูดเอาพลังลมปราณฟ้าดินเข้าผนวกไปยังภายในจุดดารากักวายุด้วยนั้น จุดดารากักวายุก็เริ่มเกิดการไหลเวียนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“มีทางแล้ว”

หลงเฉินเกิดอาการดีอกดีใจขึ้นไม่น้อย แม้ว่าจะไม่แน่ใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นก็ตาม แต่ว่านี่ย่อมไม่ใช่แค่พลังที่อยู่ในสภาวะเตรียมต่อสู้อย่างแน่นอน

หลังจากที่ได้พยายามซึมซับพลังเข้ามาได้สักพัก เขาก็ได้ชักนำพลังลมปราณฟ้าดินเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน ดารากักวายุก็ยิ่งเปล่งประกายเจิดจ่าขึ้นเรื่อยๆ จนคล้ายกับดวงอาทิตย์ดวงหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น

“ตูม”

ทันใดนั้นในชั้นของดารากักวายุที่เดิมทีนั้นเป็นดั่งดวงอาทิตย์สาดส่องจากแสงจันทรา เพียงครู่เดียวก็ได้กลับเจิดจ้าขึ้นมาด้วยตัวเอง และในเวลาเดียวกันนั้นภายในจุดตันเถียนของหลงเฉินก็ได้เกิดกลุ่มพลังเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งสาย

“ฮาฮา ในที่สุดก็ได้พบแนวทางการฝึกยุทธ์ที่ชัดเจนแล้ว”

หลงเฉินดีใจขึ้นมายกใหญ่ จากนั้นก็ได้ไหลเวียนพลังไปยังจุดที่สี่ เขาพบว่าเส้นลมปราณภายในร่างกายของตัวเองได้ถูกทะลวงไปทั่วและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ทั่วทั้งร่างกายเริ่มเปล่งประกายบางอย่างขึ้นมา

“ดี คงต้องพยายามต่อไป”

หลงเฉินหลับตาลงอย่างช้าๆ เริ่มต้นการทะลวงเข้าสู่พลังขั้นก่อรวมระดับที่ห้า . . . .

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset