สมุนไพรเก้าหยิน (九阴草) หลอมสำเร็จแล้ว
รากมังกรพสุธา (地龙根) หลอมสำเร็จแล้ว
กลิ่นอายแห่งเพลิง (炎味子) หลอมสำเร็จแล้ว
……
หลงเฉินใช้เวลาไปหลายชั่วยามเต็มๆ จนสามารถหลอมสมุนไพรกว่าสามสิบชนิดขึ้นมาทีละชิ้นได้สำเร็จ
การหลอมโอสถกับการปรุงโอสถนั้นต่างกัน การหลอมจำเป็นที่จะต้องสกัดความบริสุทธิ์ของสมุนไพรออกมาให้ได้ในทุกชิ้นเพื่อแยกสิ่งเจือปนออกหลอมสำเร็จจนกลายเป็นผง
แต่ว่าเปลวเพลิงในมือของหลงเฉินเรียกได้ว่าไร้พลังและริบหรี่อย่างถึงที่สุดทำให้การหลอมโอสถเกิดสิ่งเจือปนมากจนเกินไป แต่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
ประการแรกก็คือการฝึกฝนของหลงเฉินยังไม่เพียงพอที่จะควบคุมพลังเพลิงเพื่อใช้ในการหลอมโอสถได้ อีกทั้งระดับพลังเพลิงยังไม่แรงกล้ามากพอ
ประการที่สองคือหลงเฉินในตอนนี้ไม่มีพลังปราณมากพอที่จะหยิบยืมเพลิงจากสิ่งอื่นได้จึงสามารถทำได้เพียงเท่านี้
โอสถกักวายุเป็นโอสถที่อยู่ในระดับแรก ปกติจะมีเพียงผู้ฝึกหลอมโอสถในระดับโอสถสามัญจึงจะสามารถหลอมโอสถขั้นที่หนึ่งนี้ขึ้นมาได้
หากคิดที่จะฝึกวิชาหลอมโอสถนอกจากจะต้องมีพลังเพลิงที่แรงกล้าแล้ว ยังจำเป็นจะต้องมีพลังปราณอันทรงพลังและควบคุมได้อย่างเหมาะสม แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ยังหนีไม่พ้นคือพลังแห่งจิตวิญญาณที่ต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
พลังที่ว่ามาทั้งสองอย่างยังไม่ถือว่ายากเกินควร ถ้าเงื่อนไขทุกอย่างพร้อมสรรพ ผู้ใช้เพลิงจะสามารถจับสัตว์มายาชนิดเพลิงมาเป็นสัตว์เลี้ยงและหยิบยืมเพลิงของสัตว์มายาเพื่อใช้บ่มเพาะเป็นพลังเพลิงของตนเองได้ หากทำได้เช่นนี้ก็จะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากทีเดียว
ร้อยละเก้าสิบเก้าของผู้หลอมโอสถต่างก็ใช้สัตว์มายาชนิดเพลิงโดยทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าถ้าหากมีชนิดเก่าแก่ระดับโบราณก็จะมีพลังในการฟื้นฟูพลังให้แก่ผู้หลอมโอสถด้วย และยังสามารถควบคุมพลังระหว่างฟ้าดินได้
ภาพจำในความทรงจำที่ผ่านมาของหลงเฉินเคยใช้เพลิงชนิดหนึ่งที่แสนร้ายกาจอย่างถึงที่สุดในหมู่ของเปลวเพลิงแห่งฟ้าดินทั้งปวง
ต่อให้ร้ายกาจมากถึงเพียงใดในตอนนี้ก็คงทำได้เพียงใช้เพลิงขยะนี้ไปอย่างขื่นขม การหลอมรวมพลังติดต่อกันได้อย่างยาวนานยังคงเป็นสิ่งที่อยู่แค่เพียงภายในความทรงจำเท่านั้น อย่างไรเสียก็คงจะเอาออกมาใช้ไม่ได้
เมื่อพักผ่อนอย่างเพียงพอแล้วหลงเฉินก็ได้สูดลมหายใจเข้า
ฟูว
บริเวณใจกลางฝ่ามือปรากฏเปลวเพลิงสีเหลืองอร่ามราวครึ่งเซนสั่นไหวไปมา และส่งผ่านความร้อนออกมากลุ่มหนึ่ง
“ยังได้อยู่ เมื่อครู่ก็เสร็จสิ้นการหลอมไปแล้ว พลังเพลิงก็ใช้ได้นานขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ช่างเถิด จะกล่าวไปก็ไม่มีประโยชน์อันใดอยู่ดี”
จากนั้นเขานำสมุนไพรที่สมบูรณ์ทั้งเจ็ดชนิดออกมาส่งเข้าสู่เตา หลงเฉินเบิกพลังแห่งจิตวิญญาณขึ้นจนเกิดเป็นเปลวเพลิงสั่นไหวริบหรี่อยู่ใจกลางฝ่ามือของเขาอีกครั้ง เมื่อเทียบกับครั้งก่อนหน้าถือว่าแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า
“ใช้พลังแห่งจิตวิญญาณในการควบคุมเพลิง หากให้ผู้ฝึกโอสถอื่นมาเห็นเข้าอาจตระหนกตกใจจนตายได้เลยไหมนะ?” หลงเฉินหัวเราะฝืด
สิ่งล้ำค่าที่สุดของผู้หลอมโอสถนั้นคือพลังแห่งจิตวิญญาณ พลังแห่งจิตวิญญาณของมนุษย์โดยส่วนมากมักจะมีมาตั้งแต่กำเนิด แล้วจะค่อยๆ เพิ่มระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ตามการฝึกฝนอีกทั้งและสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อีกหลายเท่าตัว
พลังแห่งจิตวิญญาณเป็นรากฐานของการหลอมโอสถ ระหว่างที่อยู่ในขั้นตอนการหลอมโอสถจำเป็นที่จะต้องใช้พลังแห่งจิตวิญญาณอย่างมหาศาลเพื่อควบคุมแรงของเพลิง ลดทอนสิ่งเจอปนที่ไม่ต้องการ ทั้งยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้โอสถถูกหลอมจนเป็นผงโอสถออกมา ถ้าเป็นโอสถที่มีฤทธิ์แข็งแกร่งมากสามารถระเบิดเตาออกเป็นเสี่ยงๆ ได้เลยทีเดียว
ผู้หลอมโอสถที่อยู่ในระดับโอสถสามัญจะไม่สามารถบรรจุพลังแห่งจิตวิญญาณลงไปในช่วงเวลาแรกของการหลอมได้ ส่วนมากจะเริ่มกันในช่วงหลัง เมื่อโอสถใกล้ถึงเวลาที่จะสุกงอม ผู้หลอมจะเริ่มใช้พลังแห่งจิตวิญญาณคอยควบคุมแรงของเพลิงอย่างละเอียดลออซึ่งเป็นช่วงที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก
ช่วงเวลานั้นถือได้ว่าเป็นช่วงสำคัญที่สุดของการหลอมโอสถเลยก็ว่าได้การควบคุมแรงของเพลิงนั้นไม่อาจที่จะหยุดลงหรือมีความเปลี่ยนแปลงได้แม้แต่น้อย ระยะเวลาสั้นยาว ระดับเปลวเพลิงจะต้องคงที่ตลอด เป็นขั้นตอนอันแสนจะสิ้นเปลืองพลังแห่งจิตวิญญาณอย่างมากที่สุด
หากพลังวิญญาณเหือดแห่งลงแม้เพียงเล็กน้อย โอสถในเตานี้อาจกลายเป็นเพียงสิ่งไร้ค่าได้ในชั่วพริบตาเดียว ถึงเเม้ว่าหลงเฉินจะใช้พลังแห่งจิตวิญญาณมาตั้งแต่แรกเริ่มกระบวนการเลยก็ตาม
นอกเหนือจากการใช้พลังแห่งจิตวิญญาณอันเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับผู้หลอมโอสถแล้ว การเพิ่มความแรงของเพลิงหลงเฉินยังใช้ฉายเหอ (柴禾) ในการกระตุ้นการปะทุของเพลิง ไม่ว่าจะเป็นผู้หลอมโอสถคนใดถ้าเห็นเช่นนี้แน่นอนว่าคงจะต้องด่าทอออกมากันเสียยกใหญ่อย่างแน่นอน ต่อให้เป็นผู้หลอมโอสถที่บ้าบิ่นก็คงไม่มีใครทำอย่างหลงเฉินอีกแล้ว
*ฉายเหอ (柴禾) ไม้เปลือกที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการต้มโอสถและราคาแสนถูก
แต่ว่าหลงเฉินกลับไม่เกรงกลัวต่ออะไรทั้งนั้น หากแต่เพียงทำตามภาพจำในความทรงจำของเขาก็เท่านั้น พลังแห่งจิตวิญญาณของเขาในวันนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้หลอมโอสถโดยทั่วไปอย่างแน่นอน
ระดับขั้นของการหลอมโอสถแบ่งออกมาเป็น — โอสถสามัญ โอสถปัญญา เชี่ยวชาญโอสถ ราชาโอสถ ราชันโอสถ จ้าวโอสถ เซียนโอสถ ปราชญ์โอสถ และจักรพรรดิโอสถ —
ภาพจำในความทรงจำของหลงเฉินแสดงให้เห็นว่ามีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่ไปจนถึงขั้นจักรพรรดิโอสถ เขาเป็นเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะขึ้นไปขั้นสูงสุดนั้นได้
หลังจากหลงเฉินตื่นขึ้นมาในครั้งนี้ พลังแห่งจิตวิญญาณของเขาก็ได้เปลี่ยนไปมากจนน่าประหลาด แข็งแกร่งจนไม่อาจหยุดคิดได้ว่าเขามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะสามารถทำได้
กุกๆ
หลงเฉินตรงไปยังเตาโอสถที่อยู่ด้านหน้า ขยับมันไปมาอย่างช้าๆ ครู่หนึ่งก็ได้มีเสียงดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบา
“หึหึเชื้อเพลิงถูกเติมเข้าสู่เพลิงแล้ว น่าจะช่วยทำให้เร็วขึ้นได้อีกไม่น้อย”
ต่อมาเขานำสมุนไพรสามชนิดใส่เข้าไปในเตาอย่างรวดเร็ว ผ่านไปเพียงครู่เดียวหลงเฉินกลับมีเหงื่อไหลอาบไปทั่วร่างของเขา
เขาเด็ดหญ้าสมุนไพรที่มีความยาวประมาณสองนิ้วต้นหนึ่งแล้วใส่เข้าไปภายในไหยาใบหนึ่ง จากนั้นเขาใช้ช้อนคนของเหลวที่อยู่ในไหให้เข้ากันก่อนจะนำไปวางเอาที่หัวมุมหนึ่งของห้อง สูดลมหายใจเข้าลึกไปฟอดหนึ่ง
ราวกับว่าของเหลวนั้นได้ไหลผ่านเข้าไปสู่เส้นลมปราณ ซึมผ่านทางรูขุมขนทั่วทั้งร่างกาย เริ่มต้นดูดซับพลังจิตแห่งฟ้าดินอย่างบ้าคลั่ง พลังที่มีความลับบางอย่างหลบซ่อนอยู่ภายในตั้งแต่แรกกำลังจะถูกเบิกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
นี่เป็นสิ่งที่หลงเฉินได้เตรียมการเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว อีกทั้งนี่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการหลอมโอสถกักวายุ ไม่เช่นนั้นแล้วพลังแห่งจิตวิญญาณที่มีเพียงน้อยนิดของเขาในตอนนี้กับความคิดที่จะหลอมโอสถคงจะเป็นเพียงแค่เรื่องขบขันอย่างแน่นอน
มุมปากก็กำลังคาบเฉาเกิน (ก้านหญ้า草梗) เอาไว้เพื่อสูดพลังของของเหลวเข้าไป จากนั้นเขาก็เริ่มใช้พลังจิตจากภายในร่างกายออกไป
หากเทียบพลังแห่งจิตวิญญาณของหลงเฉินคนก่อน พลังของเขาตอนนี้ถือว่าแข็งแกร่งกว่าหลายเท่า เวลาผ่านไปเพียงสองวันกลับทำให้หลงเฉินเริ่มอ่อนแรงลงไปทุกขณะเพราะพลังแห่งจิตวิญญาณที่ถูกใช้ออกไปมากมายมหาศาลจนเกินไป
ณ เวลานี้เอง สมุนไพรภายในเตาโอสถที่เขาได้ทุ่มเทมอบพลังกายพลังใจทั้งหมดหลอมขึ้นมาก็สำเร็จเสียที เหลือแค่การเก็บกวาดงานเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น กลิ่นหอมของโอสถโชยตลบอบอวลออกมาดั่งอยู่ท่ามกลางสวนสมุนไพร
ถึงแม้ว่าในความทรงจำของหลงเฉิน การสร้างโอสถระดับแรกขึ้นมานั้นง่ายราวกับกะพริบตาก็สามารถที่จะหลอมขึ้นมาได้ทันที แต่ว่าในตอนนี้กลับไม่เหมือนก่อนแล้ว มันเป็นเหมือนสิ่งสำคัญอันหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของเขาได้เลย จึงไม่อาจที่จะล้อเล่นเช่นนั้นได้
กุก
ทันใดนั้นเตาโอสถก็ได้เกิดการเคลื่อนไหวแปลกไปเล็กน้อย เกิดเสียงดังกุกกักขึ้นต่อเนื่อง บรรยากาศภายในเตาโอสถเริ่มปะทุรุนแรงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
หลงเฉินไม่ได้รู้สึกประหลาดใจทันทีกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่มุมปากปรากฏรอยยิ้มขึ้นทีละน้อยเมื่อเริ่มเข้าใจว่ามันคือสัญญาณบ่งชี้ถึงการหลอมโอสถที่ได้สำเร็จลุล่วงแล้ว นับเป็นช่วงเวลาอันสำคัญยิ่งของการหลอมโอสถ
พลังแห่งจิตวิญญาณทั้งมวลเกิดการไหลเวียนขึ้นมาอีกครั้ง เปลวเพลิงปะทุขึ้นมาอย่างดุเดือด กลางฝ่ามือเกิดพลังอันมหาศาลที่ไร้รูปร่างและเข้ารายล้อมอยู่รอบเตาหลอมโอสถนี้เอาไว้
วิชาฝ่ามือนี้มีชื่อเรียกว่า ‘ผนึกฟ้าปิดกั้นพสุธา (封天锁地) ‘ ภายในความทรงจำของหลงเฉิน วิชานี้ถือเป็นอีกหนึ่งกระบวนท่าที่ตนเองใช้อยู่เป็นประจำ สามารถช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการปะทุของโอสถจนเกินไปเพื่อปิดกั้นการแตกระเบิดของเตาโอสถที่อาจจะเกิดขึ้นได้
จากกระบวนท่ามากมาย ท่านี้เป็นท่าที่สามารถใช้ได้ดีและมีประโยชน์ อีกทั้งยังใช้เวลาเพียงสั้นๆ เพื่อทำการปิดกั้นฤทธิ์โอสถที่อยู่ภายในทั้งหมดไม่ให้โอสถหลุดรอดออกมาอย่างสูญเปล่า
ตามปกติของผู้หลอมโอสถมักจะใช้กระบวนท่านี้ในช่วงสุดท้ายของการหลอมโอสถเพื่อป้องกันการแตกระเบิดของเตาโอสถ ผู้ใช้จำเป็นที่จะต้องใช้พลังฝีมือที่นุ่มนวลหยุดยั้งสภาวะนั้นเอาไว้
ถึงแม้การทำเช่นนี้จะช่วยทำให้โอกาสที่จะเกิดอันตรายถูกลดทอนเหลือน้อยลง แต่ว่าความบริสุทธิ์ของโอสถอาจสูญเสียไปมากเช่นกัน เมื่อกล่าวถึงผลลัพธ์ของโอสถที่จะได้ก็ยังถือว่าเป็นปกติของโอสถสามัญ
ปึก
หลงเฉินได้ควบคุมพลังแห่งจิตวิญญาณทั้งหมดเอาไว้ การเคลื่อนไหวภายในเตาโอสถที่ดุเดือดเมื่อก่อนหน้า บัดนี้ได้ค่อยๆ เงียบลงและหายไปจนหมดสิ้น
หลงเฉินมองไปยังเตาโอสถที่สงบลงตรงหน้า เขาแทบไม่อาจปิดกั้นความดีใจอย่างบ้าคลั่งที่เกิดขึ้นภายในใจของตัวเองในตอนนี้ได้ ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยหยาดน้ำไหลออกมาไม่หยุด
จนถึงตอนนี้พลังของหลงเฉินเริ่มฟื้นฟูขึ้นมาได้ส่วนหนึ่งพร้อมด้วยจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยปิติ เขาเปิดฝาเตาออกมา แล้วก็ใช้มือล้วงเข้าไปภายในนั้น
ก้อนกลมสีดำทั้งห้าเม็ดกลิ้งไปมา ดึงดูดสายตาของหลงเฉินเอาไว้ อีกทั้งกลิ่นหอมของมันยังลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณนั้น และกระจายปกคลุมทั่วทั้งห้องในเวลาถัดมา
“ระดับล่างสองเม็ด ไร้ค่าสูญเปล่าไปสามเม็ด อืม…ถ้าผู้อื่นรู้เข้า ข้าคงขายหน้าแย่” บนใบหน้าของหลงเฉินปิดบังความตื่นเต้นเอาไว้ไม่หยุด ขัดกับคำพูดที่เอ่ยขึ้นมา
หลงเฉินพยายามกลั้นอาการหัวเราะเอาไว้ ภาพในความทรงจำของเขาผสานรวมเข้ากับของจักรพรรดิโอสถอันดับหนึ่ง ดูเหมือนว่าจักรพรรดิโอสถผู้นี้จะเป็นคนหยิ่งยโสอยู่พอตัวเลยทีเดียว
บัดนี้เขาไม่สนใจเลยว่าจะขายหน้าหรือไม่ แล้วก็เริ่มจัดเก็บโอสถที่อยู่ตรงหน้าทั้งห้าเม็ดเอาไว้อย่างรวดเร็ว
โอสถระดับล่างสองเม็ดยังคงส่งกลิ่นหอมออกมาทั่วบริเวณนั้น สร้างความสดชื่นให้แก่จิตใจของผู้คนที่ได้สูดดมเข้าไปและยิ่งทำให้เกิดสมาธิระดับสูงได้อีกด้วย
หลงเฉินไม่อาจปิดกั้นความตื่นเต้นที่ล้นอยู่ภายในใจเอาไว้ได้ นั่นก็เพราะว่าหนึ่งในสองเม็ดนั้นมีความสมบูรณ์เป็นอย่างมาก หากว่านำไปขายให้ผู้คนในจักรวรรดินี้อย่างน้อยก็คงจะได้อย่างน้อยหลายแสนตำลึงทองเป็นแน่
ส่วนโอสถที่ไร้ค่าอีกสามเม็ดภายในมือ เมื่อเทียบกับก้อนยาที่มารดาไปขอซื้อมายังถือได้ว่าดีกว่าอย่างยิ่ง อย่างน้อยก็ยังมีฤทธิ์โอสถที่บริสุทธิ์อยู่ถึงสามส่วนที่ถูกกักเก็บไว้ภายในโอสถนั้น
ความบริสุทธิ์ของโอสถที่มีอยู่ห้าส่วนจะถูกเรียกว่าเป็นโอสถระดับล่าง ในโลกของโอสถร้อยละกว่าแปดสิบขึ้นไปต่างก็เป็นโอสถระดับล่างโดยทั้งสิ้น
ส่วนโอสถที่มีความบริสุทธิ์ตั้งแต่หกส่วนขึ้นไปจะถูกเรียกว่าเป็นโอสถระดับกลาง เจ็ดส่วนเรียกว่าอยู่ในระดับสูง แปดส่วนเรียกว่าระดับชั้นยอด และเก้าส่วนนั้นเรียกว่าระดับสุดยอด รวมไปทั้งระดับสิบส่วนอีกด้วย …….หึหึ
หลงเฉินในตอนนี้กำลังคิดว่ามันยังอยู่ในระดับที่ห่างไกลจนเกินไป และมักจะมีผู้คนสงสัยว่าโอสถที่ส่งผลลัพธ์ห้าส่วนและหกส่วนมีอันใดที่แตกต่างกัน?
ถ้าได้กินโอสถระดับล่างทั้งสองเม็ดเข้าไปถือว่าสามารถส่งผลได้มากกว่าระดับกลางหนึ่งเม็ดอย่างนั้นหรือเปล่า? ถ้าหากมีคนถามเช่นนี้ออกมา คงจะต้องกลืนน้ำลายลงให้ติดคอตายอย่างแน่นอน
นอกจากความบริสุทธิ์ของโอสถที่ต้องมีแล้ว อีกสิ่งที่ต้องคำนึงถึงและไม่ให้เกิดขึ้นคือสิ่งเจือปน สิ่งเจือปนทั้งหมดทั้งมวลคือสิ่งที่ร่างกายไม่อาจซึมซับเข้าไปได้ และสิ่งเจือปนเหล่านี้ยังสามารถดูดซับความบริสุทธิ์ของโอสถให้หายไปได้อีกด้วย
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ถูกเรียกว่า ยาที่มีพิษสามส่วน (药三分毒) เปรียบดั่งคำพังเพยอยู่ประโยคหนึ่ง และมักใช้กล่าวอ้างหลักเหตุผลในช่วงเวลาที่สร้างโอสถ ยากที่สามารถสร้างโอสถที่เป็นพิษได้ แต่หารู้ไม่ว่าในโอสถก็แอบแฝงส่วนที่เป็นพิษอยู่ หากใช้ในระยะยาวก็อาจจะเกิดอันตรายได้แม้ผลอาจไม่เห็นชัดเจนมากนัก
หากแต่ว่าร่างกายของผู้ฝึกยุทธ์นั้น โอสถเป็นดั่งปัจจัยที่ชีวิตไม่ได้ขาดไปได้และไม่อาจทราบได้ว่าทั้งชีวิตจะต้องกินเข้าไปมากน้อยถึงเพียงใด เมื่อร่างกายได้ก่อพลังจากโอสถพิษในระดับหนึ่ง โอสถพิษนี้ก็จะกลายเป็นนักล่าคร่าชีวิตแทน
โอสถพิษเป็นพิษชนิดหนึ่งที่ถือได้ว่ายากแก่การกำจัดออกไปจนสิ้น หากได้แทรกซึมเข้าสู่เลือดเนื้อ กระดูก หรือจิตวิญญาณ และหากเป็นโอสถในระดับสูงแล้ว ประโยชน์ที่จะได้รับเข้าไปก็จะลดทอนน้อยลงจากโอสถพิษที่มีอยู่แล้วทั่วร่าง
ดังนั้นโอสถระดับล่างและโอสถระดับกลาง ระหว่างทั้งสองระดับนี้ก็มีผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ระดับคุณค่าจะต่างกันนับสิบเท่า และราคายิ่งต่างกันนับร้อยเท่า
หลงเฉินได้เก็บโอสถทั้งห้าเม็ดเอาไว้แล้วจัดเก็บเตาโอสถ รวมถึงของทั้งหมดเป็นอย่างดี พลันคิดว่าจะไม่แตะต้องมันอีก เขาเอนตัวลงหนุนหมอนแล้วหลับไป
ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าเขานอนหลับไปนานเพียงใด แต่ใบหน้าของหลงเฉินกลับรู้สึกถึงบางอย่างคล้ายถูกสัมผัสจากมืออันแสนอบอุ่นของใครคนหนึ่ง และระหว่างนั้นเองก็มียินเสียงสะอื้นไห้ดังผ่านโสตประสาท แต่ทว่าเขากลับเหน็ดเหนื่อยจนเกินไป แม้แต่จะลืมตาขึ้นดูก็ทำไม่ได้
เมื่อหลงเฉินตื่นขึ้นมา เวลาก็ได้ผ่านพ้นไปแล้วถึงสามวัน พยาธิในท้องของเขาเริ่มประท้วงหาอาหารอย่างตะกละตะกลาม
หลังจากที่ใช้โอสถไร้ค่าไปหนึ่งเม็ด หลงเฉินใช้พลังแห่งจิตวิญญาณดูดซับฤทธิ์โอสถเข้าไปยังเส้นเชวียนซิว (泉穴) ที่ใต้ฝ่าเท้า ตรงนั้นเป็นจุดของดาราดวงที่หนึ่งของเคล็ดกายานวดารา —— ดารากักวายุ อันนับเป็นจุดก่อรวมของพลัง
ปึก
จากนั้นหลงเฉินได้ลองขยับเท้าขวา เหยียบลงไปยังพื้นจนเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องไปรอบบริเวณนั้น พื้นแตกร้าวละเอียด
“ยอดเลย สามารถหาจุดเดินเส้นลมปราณที่แรกเจอได้แล้ว ต่อจากนี้ก็ถึงเวลาที่จะได้ทะลวงพลังขึ้นไป”
หลงเฉินแสยะยิ้มขึ้นมา ฝ่ามือกำโอสถระดับล่างอีกสองเม็ด เขากระดกยกโอสถนั้นกลืนเข้าไปในปาก ทันใดนั้นก็เกิดเป็นพลังบริสุทธิ์ปะทุขึ้นอย่างมหาศาล หลงเฉินชักนำพลังบริสุทธิ์เข้าไปยังจุดเชวียนซิวที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของตนในทันที
เมื่อขยับเคลื่อนไหวจุดเชวียนซิวที่ใต้ฝ่าเท้า พลังดุจสายน้ำก็เอ่อล้นขึ้นมาอย่างเต็มเปี่ยม เขาดูดซับฤทธิ์โอสถก่อนจะทะลวงไปในแต่ละจุดทั่วร่างคล้ายดั่งมังกรวารีที่เวียนว่ายไปมาอย่างบ้าคลั่ง
ตูม
เสียงหนึ่งปะทุดังขึ้นมา ความรุนแรงนี้มหาศาลเหลือเกิน แผ่กระจายออกมาจนร่างกายของหลงเฉินไม่อาจขยับเขยื้อนได้ บรรยากาศปกคลุมไปด้วยความมืดมนน่ากลัวไปทั่วทั้งห้อง เกิดแรงสั่นสะเทือนพร้อมกับควันลอยคลุ้งไปทั่ว อัดแน่นแทบหายใจไม่ออก
จากนั้นควันก็ค่อยๆ เริ่มจางหายไป เผยให้เห็นใบหน้าของหลงเฉินที่ขณะนี้มีแววตาเป็นประกายปรากฏความปิติยินดีขึ้นมาอย่างเปี่ยมล้น สัมผัสได้ถึงแหล่งกำเนิดของพลังที่มีขนาดเล็กเท่าเม็ดถั่วฝังอยู่ในร่างกาย ทั้งยังมีพลังอันมหาศาลนับไม่ถ้วนที่ได้อัดแน่นอยู่ในนั้นจนแทบจะทำให้หลงเฉินโบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้าได้ก็มิปาน
เหตุการณ์ครึกโครมที่เกิดขึ้นเมื่อชั่วครู่ของหลงเฉินตกเป็นเป้าสายตาและได้รับความสนใจจากผู้คนมากมายที่ได้ยินจนตามมามุงดูอย่างเนืองแน่น
เมื่อหันไปพบมารดาที่กำลังเดินเข้ามา หลงเฉินก็ได้กล่าวออกมาอย่างร้อนรน “มารดาของข้า วันนี้เป็นวันที่เหล่าลูกขุนนางจะไปร่ำเรียนที่ไท่เสวียนกู่ (太学宫สถานศึกษาในพระราชวังเหล่าขุนนาง) ข้าจะต้องรีบไปแล้ว”
กล่าวจบก็ทิ้งให้ผู้คนมากมายที่มุงดูอยู่ต้องอ้าปากตาค้างราวกับเป็นอัมพาตไปตามๆ กัน เมื่อทำการเปลี่ยนชุดที่สะอาดสะอ้านแล้วก็ได้เดินทางไปยังไท่เสวียกู่