“สามร้อยกับอีกหนึ่งหมื่น”
ในขณะที่หลงเฉินกำลังเกิดความลิงโลดขึ้นมาในใจว่าจะได้ครอบครองเสือโคร่งทอง ก็ได้มีน้ำเสียงเล็กแหลมของหญิงสาวผู้หนึ่งดังขึ้นมา น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่แสนจะคุ้นหู
ภายในโสตประสาทของหลงเฉินก็ปรากฏเป็นภาพของเซี่ยปายฉือขึ้นมาในทันทีที่ได้ยินเสียง สีหน้าที่เคยดีใจกลับกลายเป็นบึ้งตึงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
นับตั้งแต่การประลองโอสถที่เซี่ยปายฉือได้พ่ายแพ้ให้แก่หลงเฉินไป นางก็เอาแต่เก็บเนื้อเก็บตัวจากความอับอายและหลบหนีจากเสียงกระซิบนินทาถึงเรื่องที่อื้อฉาวของนางกับเว่ยชาง
น้ำเสียงเช่นนั้นของนางทำให้หลงเฉินเกิดความคิดขึ้นมาว่าหญิงสาวผู้โง่เขลานางนี้คงจะไม่ยอมให้เขาได้ครอบครองทารกเสือโคร่งทองไปได้อย่างง่ายดายแน่นอน
“สามร้อยห้าสิบหมื่น”
นี่ถือเป็นจำนวนเงินตราที่หลงเฉินพอจะให้ได้ ถ้าหากเกินราคานี้ไปอาจทำให้เขาต้องเจ็บปวดเนื้อตัวขึ้นมาเป็นแน่ อีกทั้งโอสถที่ตัวเองตั้งใจหลอมมาก็ไม่ได้ถูกนำออกมาทอดขาย ฉะนั้นเขาย่อมไม่อาจให้ราคาที่มากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว
“สามร้อยห้าสิบกับอีกหนึ่งหมื่น”
เมื่อสิ้นเสียงของหลงเฉิน เสียงของเซี่ยปายฉือก็ดังขึ้นมาทันทีอย่างไม่ได้คิดอันใด ทั่วทั้งบริเวณงานประมูลยังคงเงียบงันอยู่ราวกับมีเพียงพวกเขาสองคน
โดยส่วนมากแล้วทารกเสือโคร่งทองจะมีราคาเพียงสองร้อยหมื่นถึงสองร้อยห้าสิบหมื่นตำลึงทองเท่านั้น ทว่าสัตว์มายาตัวนี้เป็นที่ขาดตลาดจึงไม่ใช่สิ่งที่จะหาซื้อได้ทั่วไป
ทารกสัตว์มายาที่เพิ่งจะลืมตาดูโลกจึงจำเป็นที่จะต้องนำออกมาขายให้เร็วที่สุด หากเกินกว่าสิบวันจนถึงครึ่งเดือนขึ้นไปที่ทารกได้เติบโตขึ้น การฝึกฝนให้เชื่องจะยากยิ่งกว่าเดิมหลายเท่าจึงอาจไม่คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป
ด้วยเหตุนี้ราคาที่หลงเฉินเสนอไปอยู่สามร้อยหมื่นตำลึงทองในตอนแรกนั้นถือเป็นราคาที่สมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่งแล้ว โอกาสที่จะได้พบเห็นสัตว์มายาตัวนี้ก็ไม่บ่อยมาก การเสียเงินมากขึ้นนิดหนึ่งก็ย่อมคุ้มค่ากว่า
ทว่าตอนนี้ได้แตะขึ้นไปถึงสามร้อยห้าสิบหมื่นแล้ว หลงเฉินก็เกิดความคิดที่จะไม่เสนอราคาต่อ ทว่าน้ำเสียงของเซี่ยปายฉือทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะต้องปล่อยไป
หญ้าสลายดาราที่เขาได้หมายปองเอาไว้ตั้งแต่แรกคงจะออกมาในเร็วๆ นี้ หากยังให้ตัวโง่งมนางนี้มาทำให้จิตใจของเขาว้าวุ่นขึ้นมาได้ เกรงว่าคงจะได้ซื้อหาหญ้าสลายดารามาในราคาที่สูงลิบลับอย่างแน่นอน
“สี่ร้อยหมื่น” หลงเฉินกัดฟันแน่น เค้นน้ำเสียงที่แฝงด้วยโทสะออกมา
“สี่ร้อยกับอีกหนึ่งหมื่น” เซี่ยปายฉือได้ยินน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะของหลงเฉิน ก็เกิดความสะใจขึ้นมาอยู่ไม่น้อย
หลงเฉินเริ่มตระหนักขึ้นมาได้แล้วว่าตัวโง่งมนางนี้กำลังกวนใจให้เขาหัวเสียอยู่ นางไม่ได้มีความสนใจในทารกเสือโคร่งทองตัวนี้มากมายเท่าใดนัก เห็นได้ชัดว่าต้องการจะแก้แค้นเขากลับก็เท่านั้น
“ห้าร้อยหมื่น” หลงเฉินยังคงเค้นน้ำเสียงออกไป
“ห้าร้อยกับอีกหนึ่งหมื่น”
เมื่อสิ้นสุดคำพูดของหลงเฉินในทุกครั้ง เสียงของเซี่ยปายฉือก็จะดังขึ้นมาในทันทีเช่นกัน ผู้คนทั่วทั้งงานประมูลต่างก็จ้องมองไปที่ห้องพิเศษเพราะต่างก็ทราบเรื่องราวระหว่างหลงเฉินและเซี่ยปายฉือกันดีอยู่แล้ว
“เสียงเล็กแหลมนั้นคงจะเป็นขององค์หญิงแห่งต้าเซี่ย ทว่าที่ห้องพิเศษอีกห้องกลับมีเสียงที่ยังเยาว์วัยอยู่ด้วยอีกเสียงหนึ่ง คล้ายกับว่าเคยได้ยินที่แห่งใดมาก่อนแต่นึกไม่ออก”
“เหอะ เจ้าเป็นกบในกะลาหรืออย่างไรกัน แม้แต่เสียงของผู้เยาว์อันดับหนึ่งแห่งเฟิงหมิงก็ยังจำไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
หลังจากสิ้นเสียงเตือนสติชายผู้นั้นก็คลายความสงสัยไปเป็นปลิดทิ้ง ไม่แปลกใจเลยที่องค์หญิงต้าเซี่ยจึงต่อปากต่อคำไปถึงเพียงนั้น ที่แท้แล้วชายหนุ่มอีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นหลงเฉินนั่นเอง
ในเทศกาลโคมไฟเฟิงหมิงเมื่อหลายวันที่ผ่านมา หลงเฉินได้ทำให้เซี่ยปายฉือพ่ายแพ้ไปด้วยความอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีจนเป็นเรื่องราวที่ถูกเล่าขานไปทั่วจักรวรรดิ ผู้คนทั้งหลายต่างยกย่องสรรเสริญในชัยชนะของหลงเฉินจนเซี่ยปายฉือเกิดความโกรธแค้นจนกระทั่งตอนนี้ไม่ได้มีความคิดเป็นอื่นไปนอกจากแก้แค้นเท่านั้น
เหย่าหนีเชวียนมองหลงเฉินและเซี่ยปายฉือสลับกันไปมา พลันมุมปากก็เกิดรอยยิ้มที่แสนชั่วร้ายขึ้นมาครั้งหนึ่ง รอยยิ้มที่ยากจะหยั่งถึงว่านางนั้นกำลังคิดอันใดอยู่กันแน่
“ปายฉืออย่าได้ก่อเรื่อง งานประมูลเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น พวกเราจำเป็นจะต้องหาสิ่งของที่ควรค่าที่ต้องซื้อ อย่าได้นำเงินทองไปสิ้นเปลืองกับคนต่ำตมเช่นนั้น” เซี่ยฉางเฟิงกล่าวขึ้นมาอย่างแผ่วเบา
“ไม่ได้ ข้าไม่อาจปล่อยเจ้าคนที่ทำให้ข้าเสียหน้าไปได้หรอก ทั้งยังต้องมาสูญเสียสัตว์เพลิงไปอีก ท่านโปรดวางใจ ข้าจะใช้เงินส่วนตัวของข้าเอง” เซี่ยปายฉือกล่าวเสียงแข็งพร้อมกับจ้องเขม็งไปที่หลงเฉินที่อยู่อีกห้องหนึ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย
“เช่นนั้นก็ดี ทว่าภายภาคหน้ายังมีโอกาสแก้แค้นอยู่อีกมาก เจ้าก็สงบลงเสียหน่อยเถิด หากมันยังเรียกขึ้นมาอีกก็ปล่อยไปเถิด”
เมื่อพบว่าเซี่ยปายฉือขัดขืนขึ้นมาถึงเพียงนี้ เซี่ยฉางเฟิงเองก็ไม่อาจชักจูงด้วยวิธีการใดได้แล้ว เพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นถึงศิษย์ผู้หลอมโอสถจึงมีสถานะที่สูงส่งกว่าองค์ชายเช่นเขาอยู่แล้ว
หลงเฉินแสยะยิ้มขึ้นที่มุมปาก ในเมื่อตัวโง่งมเช่นนางคิดที่จะล้อเล่นกับเขา หากคิดจะมาไม้นี้ข้ากฌจะอยู่เล่นเป็นเพื่อนก่อนก็แล้วกัน
“เจ้าชนะแล้ว”
หลงเฉินที่เคยมีน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยโทสะกลับกลายเป็นปล่อยวางไปได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้
ผู้คนทั้งหลายเกิดความสับสนขึ้นมาในทันทีที่สิ้นเสียงของหลงเฉิน เจ้าหนูผู้นี้ก็ช่างร้ายกาจยิ่งนัก นี่ตรงตามตำราที่ว่าแผนซ้อนแผนเข้าจัดการเซี่ยปายฉือได้จนอยู่หมัด
“ยินดีด้วยองค์หญิงปายฉือที่ท่านได้ครอบครองทารกเสือโคร่งทอง” เหย่าหนีเชวียนยิ้มแล้วป่าวประกาศออกมา พร้อมกับผายมือให้ผู้คนด้านข้างนำเอาทารกเสือโคร่งลงไปจากเวที
ทารกเสือโคร่งทองตัวนี้มีราคาพุ่งสูงขึ้นไปถึงห้าร้อยหมื่นตำลึงทอง จนไม่จำเป็นจะต้องขานนับหนึ่งถึงสามเพื่อให้รำคาญหูอีกต่อไป เหย่าหนีเชวียนเคาะค้อนเล็กไปที่แผ่นเหล็กดังตึงตึงตึงเพื่อยุติการเสนอราคาในรอบที่หกนี้
เซี่ยปายฉืองงงันไปวูบหนึ่งแล้วค่อยมีปฏิกิริยากลับคืนมาเมื่อรู้ตัวว่าตกเข้าไปอยู่ในแผนการของหลงเฉินอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงด่าทอด้วยความแค้นเคืองออกมาเสียยกใหญ่
“หลงเฉิน เจ้าไม่ตายดีแน่”
หญิงสาวผู้สูงส่งกลับด่าทอออกมาราวกับเป็นแม่ค้าในตลาด ทางที่ดีควรอย่าเข้าใกล้สุนัขบ้าเช่นนี้เลย อย่างที่หนึ่งคือเจ้าไม่มีวันชนะข้าได้ อย่างที่สองก็คือต่อให้เจ้าชนะก็คงจะเป็นเพียงความอัปยศอย่างหนึ่งเท่านั้น
หลงเฉินหัวเราะร่าออกมาเมื่อภายในโสตประสาทของเขามีภาพใบหน้าที่เหยเกของเซี่ยปายฉือฉายขึ้นมาอย่างชัดเจน
หลังจากนั้นการประมูลก็ได้ดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น สมบัติอันล้ำค่าหลากหลายชิ้นที่ทำให้สายตาทั้งหลายแทบจะทะลุออกมาด้วยความตื่นตะลึง ทว่ากลับไม่อาจทำให้หลงเฉินออกจากสภาวะที่สงบเงียบได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว แต่ก็ต้องแสร้งทำเป็นสนอกสนใจในสิ่งของเหล่านั้น
ขอเพียงหลงเฉินส่งเสียงขึ้นมา เซี่ยปายฉือก็จะตามขึ้นมาติดๆ โดยทันที
“หนึ่งร้อยแปดสิบหมื่น”
“หนึ่งร้อยแปดสิบกับอีกหนึ่งหมื่น”
“สองร้อยห้าสิบหมื่น”
“สองร้อยห้าสิบกับอีกหนึ่งหมื่น”
“……”
เหย่าหนีเชวียนเผยยิ้มที่แสนชั่วร้ายขึ้นอีกครั้งเมื่อมองไปที่พวกเขา โดยไม่เปิดปากกล่าววาจาอันใดออกมา ไม่ว่าทั้งสองฝ่ายจะขานราคาออกมาเช่นไรก็ย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งแล้ว
“ปายฉือ หยุดเสียที เขาต้องการหลอกเจ้าเท่านั้น แม้ว่าเจ้าจะมีเงินทองมากมายเท่าไรก็ไม่อาจเพียงพอหรอก” เซี่ยฉางเฟิงเริ่มข่มเพลิงโทสะเอาไว้ไม่อยู่
เซี่ยปายฉือประมูลสิ่งของไปสิบกว่าชิ้นแล้ว โดยส่วนมากนั้นต่างก็ไม่ได้มีประโยชน์อันใดกับนางเลยแม้แต่ชิ้นเดียว สูญเสียเงินทองไปกว่าสองพันหมื่นตำลึงทองแล้ว
ภายในจิตใจของเซี่ยฉางเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ เดิมทีแล้วเซี่ยปายฉือไม่ได้มีส่วนข้องเกี่ยวกับแผนการนี้แต่อย่างใด แต่นางได้เกิดเรื่องอื้อฉาวกับเว่ยชางจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทั้งจักรวรรดิจนนางไม่กล้าไปเจอผู้อื่นใดเสียด้วยซ้ำ
งานประมูลในปีนี้เซี่ยฉางเฟิงให้เซี่ยปายฉือติดตามมาด้วยเพื่อเปิดหูเปิดตาให้สภาพจิตใจดีขึ้น อีกทั้งยังหวังจะได้รับการช่วยเหลือจากเซี่ยปายฉือเรื่องทรัพย์สินที่นางมีมากกว่าเขาอยู่หลายเท่าตัว
ทว่าในบัดนี้เซี่ยปายฉือได้สูญเงินทองไปมากกว่าสองพันหมื่นตำลึงทองแล้วจนทำให้เขาเจ็บปวดใจขึ้นมาไม่น้อย นั่นไม่ใช่หมากเบี้ยไร้ค่าที่จะทิ้งขว้างไปได้มากถึงเพียงนั้นนะ
ในที่สุดเซี่ยปายฉือก็ได้สติกลับคืนมา นางยังมีเงินทองเหลืออยู่อีกมากทว่าย่อมไม่อาจที่จะกวาดซื้อสิ่งของทุกชิ้นได้แล้ว หากมันเป็นไปเพียงเพราะแก้แค้นหลงเฉิน อีกทั้งยังเข้าทางแผนการอันลวงโลกของหลงเฉินอีกด้วย
“องค์หญิง ความเป็นจริงแล้วไม่ต้องรีบร้อนไปถึงเพียงนั้นก็ได้ หากคิดจะแก้แค้น โปรดรอคอยช่วงเวลาที่หลงเฉินคิดจะลงมืออย่างจริงจัง พวกเราค่อยเสนอราคาตัดกลับไปก็ยังไม่สาย” องค์ชายใหญ่ฉู่หยางกล่าวออกมา พลันก็ยิ้มเล็กน้อยขึ้นมาที่มุมปาก
“ใช่แล้ว พี่ฉู่หยางเอ่ยได้ถูกต้องที่สุด ตามกฎของหมู่ตึกฮวาหวินแล้วที่เขาถูกเชื้อเชิญให้เข้าไปยังห้องพิเศษได้ แน่นอนว่าย่อมต้องมีสิ่งของที่ต้องการซื้ออยู่” เซี่ยฉางเฟิงทักท้วงขึ้นมาอย่างมีเหตุมีผล
เมื่อชายหนุ่มทั้งสองกล่าวเตือนสติขึ้นมา เพลิงโทสะที่กำลังครุกรุ่นของเซี่ยปายฉือก็ได้สลายหายไปไม่น้อย ทว่าความเกลียดชังที่มีต่อหลงเฉินกลับยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก
นางจ้องเขม็งไปที่หลงเฉิน คนโง่งมเช่นนั้นทำให้นางพลาดท่ามาโดยตลอดได้อย่างไรกัน คล้ายกับว่าเขานั้นเป็นเสมือนดาวเพชฌฆาตของนางอย่างไรอย่างนั้น คิดจะพิพากษาให้นางตายทั้งเป็นไปต่อหน้าเลยก็ว่าได้
เซี่ยปายฉือหยุดการต่อรองกับหลงเฉินในทันที ทั้งสองคนกลับคืนสู่ความปกติทำให้การประมูลก็กลับคืนสู่บรรยากาศที่เป็นปกติไปด้วยเช่นกัน
เมื่องานประมูลดำเนินมาจนถึงบัดนี้ที่เบื้องหน้าของผู้คนทั้งหลายก็ได้มีหญิงสาวกว่าร้อยนางกำลังเข็นรถสำรับอาหารเข้ามา ด้านบนของรถเข็นเต็มไปด้วยอาหารและสุราชั้นเลิศถูกจัดเรียงเอาไว้อย่างสวยงาม
“พี่หลง พวกเราก็ไปกันเถิด เมื่อครู่นี้พวกข้าได้ร้อนรนจนเกินไปเสียหน่อย ตอนนี้เลยหิวโหยขึ้นมาอย่างรุนแรงทีเดียว” เจ้าอ้วนกล่าว
“ไม่ต้องลงไปหรอก”
หลงเฉินส่ายหน้าเบาๆ เมื่อเขากล่าวจบก็พบว่ามีหญิงงามอยู่สองนางกำลังเข็นโต๊ะยาวแปดเซียะเข้ามาในห้องที่พวกเขาอยู่
ด้านบนของโต๊ะอันยาวเหยียดนั้นเต็มไปด้วยอาหารชั้นเลิศกว่าสิบอย่างจัดวางอยู่ กลิ่นอันหอมหวนตลบอบอวนไปทั่งทั้งห้องจนพวกเขามีน้ำลายไหลหกออกมาจากริมฝีปาก
เพียงเจ้าอ้วนและพวกพ้องได้จ้องมองไปยังหญิงสาวทั้งสองนั้น ภายในจิตใจก็เกิดความตกตะลึงขึ้นมาในทันทีทันใดแทบจะลืมอาการหิวโหยในตอนแรกไปจนหมดสิ้น
“ท่านทั้งหลายโปรดรับประทานเถิด พวกเราสองพี่น้องจะคอยรินสุราให้กับพวกท่านเอง”
ทว่าหญิงงามทั้งสองไม่ได้สนใจใยดีกับสายตาของเจ้าอ้วนเลยแม้แต่น้อย นัยน์ตาคู่งามนั้นกวาดมองไปยังเรือนร่างของหลงเฉินแล้วก็เกิดอาการเขินอายขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“เอ๊ะ เป็นพวกเจ้าเองหรือ”
หลงเฉินมองไปที่หญิงสาวทั้งสองคนด้วยเช่นกัน ไม่คิดเลยว่านางจะเป็นคนที่หลงเฉินพบเจอเมื่อตอนเข้ามายังหมู่ตึกฮวาหวินเมื่อเช้านี้
“อา หลงเฉินซื่อจื่อ ไม่นึกเลยว่าท่านจะจดจำพวกเราได้”
หญิงสาวทั้งสองร้องอวดครวญขึ้นมาด้วยความขวยเขิน หนึ่งในหญิงสาวสองคนนั้นกรอกตามองไปโดยรอบแล้วล้วงเอาหนังสือเล่มเล็กๆ เล่มหนึ่งออกมา
ใบหน้าของหน้ามีสีแดงก่ำขึ้นก่อนที่จะกล่าวไปว่า “หลงเฉินซื่อจื่อ ได้โปรดให้ท่านช่วยลงนามให้ข้าได้หรือไม่?”
หลงเฉินตกใจขึ้นมาครู่หนึ่ง ทว่าก็รับหนังสือเล่มเล็กๆ มาจากมืออันขาวผ่องข้างนั้น วินาทีนั้นที่เปิดดูภายในก็เบิกตาโตขึ้นมาอย่างถึงที่สุด หนังสือเล่มเล็กนั้น มีภาพวาดของชายหนุ่มรูปร่างสูงยาว ใบหน้าขาวผ่อง ขนคิ้วดุจกระบี่ แววตาดั่งดวงดารา เส้นผมสีดำกำลังระบำอยู่ ดูไปแล้วให้ความเป็นวีรบุรุษที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
เมื่อได้มองกลับไปกลับมาอยู่ครู่หนึ่งก็คิดไม่ถึงว่าจะช่างคล้ายคลึงกับตัวเองกว่าแปดส่วน ทว่าในภาพวาดกลับดูหล่อเหล่ากว่าตัวจริงอยู่มากทีเดียว
“คนผู้นี้คือข้าอย่างนั้นหรือ?” หลงเฉินถามออกมาด้วยความสงสัย
“ท่านไม่ทราบอย่างนั้นหรือ?” ไม่เพียงหญิงสาวทั้งสองนางนี้เท่านั้น แม้แต่ซือเฟิงและพวกพ้องเองก็ยังงุนงงด้วยเช่นกัน
“นี่เป็นภาพวาดที่มีจำกัดอันมีนามว่า《เทพสงครามเฟิงหมิง》มีราคาถึงสามสิบห้าตำลึงทอง กระนั้นพวกเราจึงรวบรวมเงินค่าจ้างกว่าครึ่งปีเพื่อหาซื้อสิ่งนี้มา ได้โปรดท่านช่วยลงนามให้พวกเราด้วยเถิด”
หลงเฉินจ้องมองไปที่คำว่า《เทพสงครามเฟิงหมิง》บนหนังสือเล่มเล็ก ใบหน้าของเขาดูน่าเกรงขามอย่างถึงที่สุด บนโลกใบนี้ช่างมีเรื่องที่เหนือความคาดหมายอยู่มากมายจริงๆ ผู้คนที่ได้รับสิ่งของเฉกเช่นนี้ไปคงจะเกิดความว้าวุ่นขึ้นภายในจิตใจอย่างแน่แท้ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังมีความคิดที่จะไปซื้อหามาอีกด้วย
หลงเฉินปรายตามองไปที่หญิงสาวนางหนึ่งที่ยื่นปากกาขนหยกเข้ามา เขาฝืนยิ้มออกไปอย่างขมขื่น “ไม่ใช่ว่าพวกเจ้านั้นคิดไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วหรอกนะ”
หญิงสาวทั้งสองคนมีใบหน้าแดงก่ำขึ้นมายิ่งกว่าเดิม เมื่อหลงเฉินล่วงรู้ถึงความในใจขึ้นมาได้ว่าที่พวกนางมาส่งอาหารในห้องนี้ก็เพื่อต้องการพบเจอกับหลงเฉินสักครั้งหนึ่ง
หลงเฉินโบกมือขึ้นมาประดุจหางมังกรที่กำลังร่ายระบำอยู่กลางเวหาอย่างไรอย่างนั้น เขาปัดเป่าไปยังกระดาษแผ่นหนึ่งที่เพิ่งจะลงนามของตนเองด้วยอักษรที่ใหญ่โต ในช่วงเวลาที่หลงเฉินยังไม่อาจฝึกยุทธ์ได้นั้นก็ถูกมารดาสั่งสอนให้คัดเขียนอักษรมาโดยตลอด ลายมือของเขาจึงงดงามเป็นอย่างยิ่ง
ขณะนี้เขาสามารถฝึกยุทธ์ได้แล้ว ตัวอักษรแต่ละตัวจึงทวีความหนักแน่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง อีกทั้งความงดงามของการลงเส้นอักษรที่คมชัดดุจปลายกระบี่
หญิงสาวทั้งสองรับหนังสือเล่มเล็กนั้นกลับไปแล้วกล่าวขอบคุณต่อหลงเฉินกันเสียยกใหญ่ ใบหน้าของพวกนางเต็มไปด้วยความปิติยินดีจนรอยยิ้มแทบจะฉีกไปถึงรูหู จากนั้นพวกนางก็รีบวิ่งออกไปโอ้อวดหญิงสาวนางอื่นจนหลงลืมแม้แต่จะรินสุราให้กับพวกเขา
“พี่หลง ที่จวนของข้านั้นก็ซื้อเก็บเอาอยู่หลายร้อยเล่มเช่นเดียวกัน ท่านก็ช่วยไปลงนามทีละเล่มด้วยเถิด” เจ้าลิงผอมกรอกตาขาวไปมาพร้อมกับฉีกรอยยิ้มที่มีเลศนัย
“ให้ตายเถิด ความคิดอันเล็กน้อยของเจ้านั้นก็ทิ้งไปเสียเถิด เจ้าคิดจะนำนามของข้าไปขายให้ได้ราคาที่สูงขึ้นก็กล่าวมาเถิด” ซื่อจื่อคนหนึ่งที่ติดตามมาด้วยกล่าวออกมาด้วยความหยามเหยียด
“กล่าวเหลวไหลไป เห็นข้าเป็นคนเช่นไรกัน?” เจ้าลิงผอมก็ปะทุโทสะขึ้นมายกใหญ่ มองจ้องกลับไปยังสายตามองเหยียดหยามเข้ามา พลันก็สะบัดมือไปมาแล้วกล่าวออกมาว่า “ข้าเองก็แค่อยากจะทราบว่าลายมือของพี่หลงจะสามารถนำไปแลกเปลี่ยนได้กี่ตำลึงกัน”
“อย่าได้กล่าววาจาเหลวไหลต่อเลย รีบกินข้าวกันเถิด”
หลงเฉินไร้ซึ่งอารมณ์ที่จะด่าทอออกไปอีกแล้ว จากนั้นพวกเขาก็เริ่มต้นการกินอย่างตะกละตะกลามจนเมื่อทานเสร็จก็มีหญิงสาวสองนางกลับเข้ามาแล้วเข็นรถสำรับอาหารออกไป จากนั้นพวกนางก็ได้ยกสำรับน้ำชาและของว่างอย่างผลไม้เข้ามาอีกหลายชุด
ขณะที่ช่วงเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูปดับ งานประมูลอบต่อไปก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เหย่าหนีเชวียนป่าวประกาศออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ายวนอีกครั้งหนึ่งว่า
“สิ่งของที่จะนำมาประมูลชิ้นต่อไปก็คือ——หญ้าสลายดาราพันปี” . . .