เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 59 ทักษะยุทธ์ระดับโลกา

“สิ่งของชิ้นต่อไปที่จะนำมาประมูลนี้ อย่าได้กระพริบตาไปแม้แต่เสี้ยวเดียวเลยล่ะ”

เสียงเร้าอารมณ์อันทรงเสน่ห์ของเหย่าหนีเชวียนกึงก้องไปทั่วทั้งงานประมูล จากนั้นมืออันขาวผ่องข้างหนึ่งก็ถูกยื่นออกไปยังสิ่งของชิ้นใหม่

สิ่งนั้นก็คือสมุดเล่มเล็กเล่มหนึ่ง การปรากฏตัวของสมุดเล่มนี้ทำให้บรรยากาศทั่วทั้งงานเงียบสงัดลงอีกครั้ง เป็นที่ทราบกับโดยทั่วกันว่าในทุกสามปีหมู่ตึกฮวาหวินจะนำของล้ำค่าที่พวกเขาเก็บสะสมเอาไว้ออกมาประมูล ของสิ่งนั้นก็คือทักษะยุทธ์หนึ่งเล่ม

ทันทีที่ทักษะยุทธ์ถูกสะท้อนด้วยแสงไฟบนเวทีก็ทำให้บรรยากาศภายในงานกึกก้องไปด้วยเสียงโห่ร้องอย่างคึกครื้น หากเป็นเพียงทักษะยุทธ์ธรรมดาสามัญก็คงจะไม่ดึงดูดจิตใจของผู้คนมากมายได้เช่นนี้อย่างแน่นอน เพราะว่าทักษะยุทธ์ที่กำลังประจักษ์ต่อสายตาทุกคู่ในตอนนี้นั้นก็คือ ‘ทักษะยุทธ์ระดับโลกา’ ในตำนานนั่นเอง

กล่าวได้ว่าทักษะยุทธ์เล่มนี้เป็นเสมือนสมบัติประจำจักรวรรดิเฟิงหมิงเลยก็ว่าได้ เนื่องด้วยเคล็ดวิชาที่อยู่ในระดับขั้นโลกาบางส่วนที่ถูกบันทึกเอาไว้จะมีเพียงผู้ที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์เท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติเพียงพอจะฝึกปรือได้

ด้วยเหตุนี้ทักษะยุทธ์ระดับโลกาจึงเป็นเพียงคำเล่าขานสืบต่อกันมาเท่านั้น ไม่มีผู้ใดเคยพบพานกับสมุดเล่มนี้มาก่อน ทว่าในขณะนี้กลับมาปรากฏอยู่ต่อหน้าผู้คนภายนอกเช่นนี้ช่างโชคเข้าข้างเสียจริงๆ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีบุญยาวาสนามากพอที่จะใช้เคล็ดวิชาอันมีมนต์ขลังที่บันทึกเอาไว้ภายในสมุดเล่มนั้นออกมาได้ก็ตาม

“ทักษะยุทธ์ระดับโลกา——เลี่ยงวายุสามวิถี ราคาประมูลเริ่มที่สองพันหมื่นตำลึงทอง การประมูลในรอบนี้——เริ่มได้”

“ตูม”

เหย่าหนีเชวียนไม่ได้พูดพร่ำพรรณนาให้มากความดังเช่นสิ่งของชิ้นก่อนๆ ทักษะยุทธ์ระดับโลกาเล่มนี้ล้วนแล้วแต่เป็นที่จดจำของชนชั้นสูงทั้งหมดอยู่แล้ว เพียงแค่ตัวอักษร ‘ระดับโลกา’ ที่สะท้อนแสงไฟจนเกิดประกายวิบวับออกมาก็ทำให้ผู้คนทั่วทั้งงานเกิดอารมณ์เดือดพล่านขึ้นมาได้แล้ว

“สามพันหมื่น”

เสียงของเซี่ยฉางเฟิงดังออกมาจากห้องพิเศษห้องหนึ่ง หลังจากที่องค์ชายผู้นั้นได้ครอบครองเกราะศึกสีทองชั้นดีไปในรอบแรก นี่ก็เป็นอีกครั้งที่เซี่ยฉางเฟิงสนใจจะประมูลด้วย

เซี่ยฟายเฉิงเสนอราคาขึ้นมาเป็นคนแรก อีกทั้งยังเพิ่มราคาสูงไปอีกพันหมื่น การประมูลที่ก้าวกระโดดเช่นนี้ช่างน่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งยวดเลยทีเดียว

หลงเฉินมองไปยังทักษะยุทธ์เล่มนั้นก็อดเกิดความหวั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าเขาไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะแย่งชิงมาได้อีกแล้ว สามพันหมื่นตำลึงทองของเซี่ยฉางเฟิงถือว่าเป็นราคาประเดิมที่มหาศาลเกินไปแล้ว

“ห้าพันหมื่น”

น้ำเสียงทุ้มต่ำฟังดูมีอายุขัยเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากห้องพิเศษห้องถัดไปที่นับตั้งแต่เริ่มต้นการประมูลก็ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใดมาก่อน เห็นได้ชัดว่าคนผู้นั้นไม่คิดที่จะเปิดเผยตัวตนตั้งแต่แรกแล้ว

ภวังค์แห่งความคิดของหลงเฉินเต็มไปด้วยความขุ่นมัวขึ้นมา: ดูเหมือนว่าเฒ่าชราผู้นี้คงจะมีเป้าหมายอยู่ที่ทักษะยุทธ์ระดับโลกาอยู่ก่อนแล้ว และเกรงว่าชายผู้นี้คงจะอยู่ในระดับที่สูงส่งเช่นเดียวกัน

“หกพันหมื่น”

เสียงเล็กแหลมเสียดแก้วหูเสียงหนึ่งดังขึ้นจนผู้คนทั่วทั้งงานยกมือขึ้นป้องใบหูด้วยความไม่สบายกันเสียยกใหญ่ ราวกับมีเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงเข้ามาอย่างไรอย่างนั้น

เสียงแหลมประหลาดนั้นเต็มไปด้วยพลังธาตุหยิน บัดนี้ร่างของชายวัยกลางคนที่ไว้เคราแพะผู้เป็นเจ้าของเสียงก็กำลังยืนอยู่ด้วยเช่นกัน

“แปดพันหมื่น” เสียงทุ้มต่ำของยิงฮวาดังขึ้นมา

บรรยากาศภายในงานเงียบงันลงราวกับอยู่ในป่าช้า นอกจากเซี่ยฉางเฟิง เฒ่าชราผู้ลี้ลับ ชายเคราแพะ และยิงฮวาแล้วก็ไม่มีผู้ใดหาญกล้าเสนอราคาขึ้นมาอีกเลย ด้วยราคาเช่นนี้ต่อให้ตรากตรำหาเงินทองทั้งปีก็ยังห่างไกลมากจนเกินไป

“หนึ่งอี้” เซี่ยฉางเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกเฮือกหนึ่งแล้วเสนอราคาออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

*อี้ = ร้อยล้าน

หลงเฉินตกใจกับการประมูลในรอบนี้เป็นอย่างยิ่ง หมู่ตึกฮวาหวินแห่งนี้มีกำลังทรัพย์มากมายจนสามารถครอบครองทักษะยุทธ์ระดับโลกาได้ อีกทั้งยังสามารถขายในราคาที่มากถึงหนึ่งอี้ขึ้นไปได้อีกด้วย

หรือพวกเขาจะคัดลอกขึ้นมาหลายเล่มกัน? เนื่องจากโดยส่วนมากแล้วคนที่ได้ครอบครองทักษะยุทธ์เช่นนี้ต่างก็ต้องเก็บซ่อนเอาไว้อย่างเอาเป็นเอาตายเป็นแน่

ความคิดที่พลันแล่นขึ้นมาของหลงเฉินทำให้เขารู้สึกระแคะระคายกับเบื้องหลังของหมู่ตึกฮวาหวินขึ้นมาเป็นอย่างมาก กล้านำสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ออกมาประมูลยังไม่พอ ยังไม่เกรงกลัวว่าผู้คนจะเกิดความละโมบจนเปิดศึกแย่งชิงกันขึ้นมาอย่างนั้นหรือ

ราคาหนึ่งอี้จากฝีปากของเซี่ยฉางเฟิงได้สร้างความหวั่นไหวขึ้นภายในใจของเขาด้วยเช่นกัน ทว่าขอเพียงสามารถกุมช่วงเวลาเพียงอึดใจเดียวนี้ได้ก็คงจะคุ้มค่าแล้ว

“หนึ่งอี้หนึ่งพันหมื่น”

เฒ่าชราผู้ลี้ลับเสนอราคาขึ้นมาอย่างไม่ลดละ เป้าหมายของเขาอยู่ที่ทักษะยุทธ์ระดับโลกาเพียงเท่านั้น ย่อมไม่อาจปล่อยให้หลุดลอยไปง่ายดายอย่างแน่นอน

“หนึ่งอี้สามพันหมื่น”

ทางด้านของชายเคราแพะก็ไม่หวั่นเกรงเช่นกัน ขานราคาขึ้นมาอย่างมีจุดยืนด้วยความคิดคำนวณมาเป็นอย่างดี

ทั่วทั้งงานประมูลยังคงอยู่ในบรรยากาศที่เงียบเชียบเช่นเดิม มีเพียงเสียงตัวเลขหลักอี้ตะโกนขึ้นมาดังกึกก้องอย่างไม่สิ้นสุด

“หนึ่งอี้ห้าพันหมื่น”

“หนึ่งอี้หกพันหมื่น”

“หนึ่งอี้แปดพันหมื่น”

ราคาที่สูงลิบลับเช่นนั้นถูกขานออกมาอย่างไม่คิดชีวิต ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เงินทองของผู้คนที่คอยสังเกตการณ์อยู่โดยรอบ ทว่าก็ได้ทำให้พวกเขาเหล่านั้นหายใจติดขัดขึ้นมาเป็นอย่างยิ่ง

บนใบหน้าของเซี่ยฉางเฟิงชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ ก่อนหน้านี้เส้นสายภายในก็ได้คอยส่งข่าวเกี่ยวกับงานประมูลในครั้งนี้เป็นครั้งคราวอยู่แล้ว ปีนี้มีการนำทักษะยุทธ์ระดับโลกาออกมายิ่งทำให้เซี่ยฉางเฟิงบังเกิดความปรารถนาขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

ในตอนนี้หากนำตำลึงทองออกมาจนหมดเอ่อตู้คงจะมีถึงสองอี้ได้ ทว่าราคาประมูลกลับถูกเรียกขึ้นไปถึงหนึ่งอี้แปดพันหมื่นแล้ว อีกทั้งยังไม่ทีท่าว่าจะหยุดอยู่ที่สองอี้อย่างแน่นอน เซี่ยฉางเฟิงจึงอดเกิดอาการร้อนรนขึ้นมาเป็นไม่ได้

“ปายฉือ เจ้ามีเอ่อตู้หลงเหลืออยู่เท่าใดกัน?” เซี่ยฉางเฟิงหันไปหาเซี่ยปายฉือแล้วถามขึ้นมาอย่างรีบร้อน

หญิงสาวนางนั้นมองไปยังบัตรมรกตที่อยู่ในมือแล้วตอบกลับไปว่า “มีอีกสามอี้กับอีกหกพันหมื่น”

เซี่ยฉางเฟิงแสะยิ้มขึ้นมาอย่างทันควัน “เม่ยเม่ยคนดี หากว่าพี่มีเงินไม่เพียงพอจะขอหยิบยืมจากเจ้าก่อนได้หรือไม่ เมื่อกลับไปยังต้าเซี่ย ข้าค่อยคืนให้กับเจ้า”

เซี่ยปายฉือก็ได้กล่าวเสียงแข็งขึ้นมาว่า “การหยิบยืมย่อมไม่ใช่ปัญหา ทว่าท่านจะต้องจัดการเด็ดศีรษะของหลงเฉินมาให้แก่ข้าโดยเร็วที่สุด”

เซี่ยฉางเฟิงรู้สึกจุกขึ้นมากลางทรวงอก ความรู้สึกกระอักกระอ่วนคล้ายกับจะอาเจียนออกมาในทันที ขณะนี้องค์ชายใหญ่ฉู่หยางก็อยู่ในที่แห่งนี้ด้วย การกระทำหยาบคายของนางช่างเกินเลยไปหน่อยแล้ว

“ปายฉือ เรื่องเช่นนี้…กลับไปค่อยว่ากันอีกที”

“ไม่ได้ หากท่านไม่ตอบตกลง ข้าก็ไม่ให้หยิบยืม” เซี่ยปายฉือยื่นคำขาดออกมาอย่างไม่เห็นแก่หน้าของพี่ชายเลยแม้แต่น้อย

ฉู่หยางที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กล่าวขึ้นมาว่า “หลงเฉินผู้นั้น ข้าก็ไม่ได้ชื่นชอบเขานัก หลังจากนี้เจ้าก็คงจะมีศักดิ์เป็นน้องสาวของน้องเขยของข้าแล้ว ที่เจ้าได้กล่าวออกมาข้าจะแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินก็แล้วกัน”

เมื่อได้ยินฉู่หยางกล่าวออกมาเช่นนั้น เซี่ยฉางเฟิงก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาภายในจิตใจเล็กน้อย “ขอบพระคุณท่านพี่มากที่เมตตา”

“งั้นข้าตอบตกลง เอาบัตรมรกตมาให้ข้า”

เซี่ยฉางเฟิงยื่นมือไปรับบัตรมรกตจากเซี่ยปายฉือ รวมมูลค่าของบัตรที่อยู่ในมือของเขาในตอนนี้แล้วก็มีเอ่อตู้อยู่กว่าห้าอี้แล้ว

“สามอี้”

เมื่อราคาได้ดีดตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เซี่ยฉางเฟิงจึงตะโกนตัดบทขึ้นมาเพื่อหวังจะฉวยโอกาสให้คู่แข่งแตกตื่นจากการรุกฆาตอย่างรวดเร็วเช่นนี้แล้วถอยหนีไป

หลังจากสิ้นเสียงขององค์ชายต้าเซี่ย ผู้คนอื่นก็เกิดความลังเลขึ้นมาครู่หนึ่ง ตามความสัตย์จริงแล้วทักษะยุทธ์ระดับโลกาเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงควรจะมีไว้ครอบครอง ทว่าราคาเช่นนี้ช่างเกินกว่าความจำเป็นไปแล้ว

ราคาตั้งต้นโดยทั่วไปของทักษะยุทธ์ระดับโลกานั้นน้อยกว่านี้เป็นอย่างมาก อีกทั้งโดยทั่วไปแล้วจะมีการประทับตราของผู้ใช้ก่อนหน้านี้ลงไปเสมือนกับเป็นสินค้ามือสองอย่างไรอย่างนั้น

ทว่าทักษะยุทธ์ระดับโลกาที่หมู่ตึกฮวาหวินนำออกมาประมูลในครั้งนี้กลับไร้ซึ่งตำหนิติเตียนใดใดฉะนั้นราคาประเดิมจึงสูงขึ้นไปถึงเพียงนี้ได้

หลังจากที่ผู้คนทั้งหมดตกอยู่ในสภาพที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกันไปถ้วนหน้า อันรวมไปถึงเฒ่าชราลี้ลับ ชายเคราแพะ และยิงฮวาด้วย เสียงของเหย่าหนีเชวียนก็ได้ทอดลงราวกับกำลังกระตุ้นความปรารถนาของเซี่ยฟางเฉิงขึ้นมา

“องค์ชายเซี่ยฉางเฟิงได้เสนอราคามาที่สามอี้ ยังจะมีผู้ใดให้ราคาที่สูงกว่านี้หรือไม่ สามอี้ครั้งที่หนึ่ง สามอี้ครั้งที่สอง——”

การประมูลในวันนี้ช่างอยู่เหนือความคาดหมายของนางไปแล้ว โดยเฉพาะทักษะยุทธ์ระดับโลกาเล่มนี้ที่สามารถประมูลออกไปด้วยราคาสูงถึงสามอี้จนทำให้นางเกิดความลิงโลดขึ้นมาอย่างไม่อาจที่จะเก็บซ่อนเอาไว้ได้อีกแล้ว

“สี่อี้”

เสียงหนึ่งดังขึ้นมาอย่างหย่อนยานคล้ายกับทาสผู้เกียจคร้าน

หลงเฉินขานแทรกเข้าขัดจังหวะการนับของเหย่าหนีเชวียน สายตาจากผู้คนทั่วทั้งงานประมูลหันไปมองที่ต้นเสียงอย่างเป็นหนึ่งเดียว รวมไปถึงเหย่าหนีเชวียนเองก็ตกใจขึ้นมาเป็นอย่างมาก

ในขณะที่นางยังไม่ทันจะมีปฏิกิริยากลับคืนมา ทันใดนั้นเองเสียงดังเสียงหนึ่งก็ได้สะท้านเข้าไปในโสตประสาทของทุกผู้คน จนเหย่าหนีเชวียนเองก็ดึงสติกลับคืนมาได้แล้วบนใบหน้าอันงดงามก็ได้ปรากฏรอยยิ้มกว้างขึ้นมาที่มุมปาก

“บัดซบ”

เป็นที่ประจักษ์ต่อหน้าทุกสายตาแล้วว่าเซี่ยฟางเฉิงกำลังจะได้ครอบครองทักษะยุทธ์ระดับโลกาเล่มนั้นอยู่แล้ว ทว่ากลับถูกหลงเฉินสอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยวจนได้ เพลิงโทสะภายในจิตใจจึงพุ่งพล่านขึ้นมาจนร้อนรุ่มออกไปทั่วทั้งร่างกาย

“หลงเฉิน ข้าไม่เชื่อว่าเจ้ามีเงินถึงสี่อี้ เจ้าคิดจะก่อเรื่องให้วุ่นวายหรืออย่างไรกัน” เซี่ยฉางเฟิงระเบิดคำพูดออกมาอย่างเดือดดาล

“เจ้าโง่งม หากข้าไม่มีเงินเพียงพอ จะขานรับขึ้นมาได้อย่างไรกัน? อย่าได้หลงลืมไปว่าข้าเป็นถึงผู้หลอมโอสถผู้หนึ่ง” หลงเฉินตอบกลับออกไปด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

ตลอดช่วงเวลาของการประมูลในรอบนี้ได้อยู่ภายในสายตาของหลงเฉินมาตั้งแต่แรกแล้ว ด้วยระยะห่างระหว่างห้องพิเศษแต่ละทั้งนั้นห่างกันเพียงสิบช่วงเท่านั้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ยินว่าพวกเขากล่าวอันใดออกมา ทว่าเพียงเดาจากการขยับเขยื้อนของริมฝีปากก็พอจะทราบถึงเลศนัยจากการสนทนาได้บ้าง

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเซี่ยฉางเฟิงที่ปรารถนาจะครอบครองทักษะยุทธ์ระดับโลกาเล่มนั้นให้จงได้ เขาจึงไม่เกิดความลังเลเลยสักน้อยนิดที่จะขานเรียกราคาถึงสี่อี้ออกไป

ทว่าบัดนี้ภายในใจของหลงเฉินกลับเต้นระรัวจนแทบจะทะลุออกมาจากอกช่างขัดกับท่าทางที่ผ่อนคลายที่แสดงออกมาภายนอก หากเซี่ยฉางเฟิงเกิดแตกตื่นจนยอมจำนน เขาคงจะต้องซื้อมันเอาไว้อย่างกล้ำกลืนฝืนใจเป็นแน่แท้

สมุดเล่มละสี่อี้เชียวหรือ? เกรงว่าหากหลอมโอสถไปจนตัวตายก็คงไม่อาจชดใช้ได้หมด ทว่าที่เซี่ยปายฉือได้ทำให้เขาสูญเงินถึงสองพันหมื่นเพื่อซื้อหญ้าสลายดารามา จำเป็นจะต้องเอาคืนเสียหน่อย

“ห้าอี้ หากเจ้าสามารถ ก็ตามมาอีกสิ” เซี่ยฉางเฟิงตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราดราวกับเป็นวัวคลั่งตัวหนึ่งไปแล้ว

ตามกฎเกณฑ์ของหมู่ตึกฮวาหวิน เมื่อมีผู้ใดเรียกขานราคาขึ้นมาแล้วพบว่าเอ่อตู้ภายในบัตรมรกตไม่พออาจจะเกิดความวุ่นวายบางอย่างขึ้นมาได้ หรือไม่ก็คงจะต้องถูกขับไล่ออกไปอย่างไม่ต้องสงสัย

“อย่าได้ว้าวุ่นใจไปเช่นนั้น ในบัตรของข้าก็เหลืออยู่เพียงแค่นี้ เจ้าเพิ่มอีกเพียงแค่หมื่นเดียวก็สามารถชนะประมูลไปได้แล้วเชียว

นับตั้งแต่ข้าได้ลืมตาดูโลกหล้าช่างน้อยครั้งนักที่จะชื่นชมผู้อื่น ทว่าท่านที่นำหนึ่งอี้มาใช้เหมือนเป็นแค่หนึ่งหมื่น ไม่อาจทำให้ข้าปฏิเสธได้เลยว่าท่านช่างมั่งคั่งเสียจริงๆ”

หลงเฉินดัดเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเลื่อมใสขึ้นมาอย่างถึงที่สุด ทว่าเซี่ยฉางเฟิงที่ได้ยินถ้อยวาจาเช่นนั้นกลับคล้ายเป็นถูกดูหมิ่นอย่างร้ายกาจและเย้ยหยันจนถึงที่สุด

“เจ้า…พรวด!!”

เซี่ยฉางเฟิงที่เพิ่งจะสบถถ้อยคำออกมาได้คำหนึ่ง ก็มีสายโลหิตสายหนึ่งขับขึ้นมาจากช่องท้องแล้วพุ่งออกจากปากของเขาอย่างกะทันหัน ความโกรธแค้นและความตื่นตระหนกผสมผสานเข้าด้วยกันจนทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาในช่องท้อง

ผู้คนโดยรอบต่างเบิกตาอ้าปากกันด้วยความตื่นตระหนก เป็นที่ทราบกันดีว่าหลงเฉินเพียงต้องการจะยั่วยุเซี่ยฉางเฟิงก็เท่านั้น

“ในเมื่อไม่มีผู้ใดเสนอราคาเพิ่มเติม เช่นนั้นก็ขอแสดงความยินดีกับองค์ชายเซี่ยฉางเฟิงเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับทักษะยุทธ์ระดับโลกาไป” เหย่าหนีเชวียนพยายามรวบรัดคำพูดให้จบลงอย่างรวดเร็ว

เมื่อทักษะยุทธ์ระดับโลกาได้ถูกประมูลไปแล้ว ผู้คนทั้งหลายก็เริ่มผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ เตรียมตัวที่จะออกไปจากงานกันทั้งสิ้น ทว่าในเสี้ยววินาทีนั้นเองเหย่าหนีเชวียนก็ได้เผยรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ขึ้นมา

“ทักษะยุทธ์ระดับโลกาได้ถูกประมูลออกไปแล้ว ทว่าในปีนี้กลับมีสิ่งที่พิเศษยิ่งกว่ารอพวกท่านอยู่”

เหล่าผู้ร่วมงานประมูลหันไปตามเสียงป่าวประกาศ ยังมีของที่ล้ำค่ากว่าทักษะยุทธ์ระดับโลกาอีกอย่างนั้นหรือ? จากที่กำลังลุกขึ้นอย่างพรวดพราดก็ได้รีบนั่งลงที่เดิมอีกครั้ง แววตาทุกคู่จ้องมองไปยังทางเวทีอย่างเอาเป็นเอาตาย

หลงเฉินเองก็ตื่นเต้นขึ้นมาไม่น้อยเช่นกัน เหอะเหอะ ของดีมาแล้ว  . .

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset