เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 68.1 ข่าวคราวของบิดา

​ขณะที่กำลังสนใจอยู่กับเจ้าหนูขนปุกปุยที่ดิ้นอยู่ในอ้อมอกอยู่นั้น ทว่ากลับจับความรู้สึกของจิตสังหารกลุ่มหนึ่งที่ถูกปลดปล่อยออกมาคล้ายกับมีคนผู้หนึ่งกำลังจับตามองอยู่ พลังกลุ่มนั้นปกคลุมไปทั่วทั้งจวนของตระกูลหลง เมื่อส่งพลังเข้าไปสำรวจกลับไม่พบเห็นผู้ที่น่าสงสัยเลยแม้แต่คนเดียว

ทว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นมานี้ย่อมไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน นั่นเป็นพลังของจิตสังหารอย่างหนึ่ง หลงเฉินจึงเพ่งประสาทการรับรู้ที่เฉียบคมมากที่สุดเข้าตรวจจับพลังสภาวะที่ลี้ลับเสียยิ่งกว่าลี้ลับนี้อีกครั้ง

เขาค่อนข้างเชื่อมั่นต่อความรู้สึกแรกของตัวเองอย่างถึงที่สุด ภายในจวนไม่มีบุคคลต้องสงสัย เช่นนั้นศัตรูคงจะจับตามองจากที่ห่างไกลออกไปอยู่เป็นแน่

บรรยากาศบนท้องนภาเริ่มคืบคลานเข้าสู่ความมืดมิดของยามเย็น หลงเฉินที่กำลังครุ่นคิดถึงพลังกลุ่มนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก็พยุงหมาป่าหิมะแดงเพลิงวางกลับลงไปยังกล่องที่มันเคยอยู่

สายตาก็เหลือบไปเห็นเครื่องมือของใช้สามัญสำหรับสัตว์มายาที่อยู่ในกล่องใบที่ลู่ฟางเอ๋อได้มอบให้ ด้วยจำนวนที่มากมายถึงเพียงนั้นคงจะพอให้เจ้าหนูตัวนี้กินได้หลายมื้อ

จากนั้นหลงเฉินก็ได้เรียกเป่าเอ๋อมารับทารกสัตว์มายาตัวนี้ไปดูแลให้ดี หลังจากที่เขาเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่ที่ห้องหับเสร็จสิ้น ก็เดินออกจากประตูใหญ่หน้าจวนไปยังภายนอกในทันที

ความรู้สึกของหลงเฉินไม่ได้ผิดพลาดไปจริงๆ ช่วงเวลาที่เขากำลังก้าวออกจากประตูใหญ่ก็สัมผัสได้ถึงการจับตามองของคนผู้หนึ่งอยู่ พลันที่มุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยันขึ้นมา และยังคงก้าวเท้าเดินต่อไปอย่างไม่มีหยุดเลยสักนิดเดียว

เขาทราบได้ทันทีว่าคนเหล่านี้ได้เตรียมการมาเพื่อสังหารเขาโดยเฉพาะ หากเป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้จากจิตสังหารคงจะไม่พ้นคืนนี้ไปได้แน่นอน พวกเขาคงจะลอบเข้าไปทำร้ายเขาถึงภายในจวนอย่างไม่ต้องสงสัย

หลงเฉินจึงไม่ต้องการให้คนเหล่านั้นย่างกรายเข้าไปถึงภายในจวนแม้เพียงครึ่งก้าว ฉะนั้นเขาจึงออกมาต้อนรับแทน เมื่อเดินออกมาได้ประมาณสิบลี้บริเวณรอบข้างก็เริ่มมืดสลัวลงแล้ว ไร้ซึ่งเงาของผู้คนที่อาศัยอยู่โดยรอบ ไร้ซึ่งซุ่มเสียงของลมหายใจ ทว่าจู่จู่ก็บังเกิดเสียงบางอย่างหอบสายลมพวยพุ่งเข้ามาสายหนึ่ง ลูกศรดอกหนึ่งปักเข้าไปยังใจกลางแผ่นหลังของหลงเฉินในทันที

“อ่อก”

ขณะที่กำลังตรวจสอบความเคลื่อนไหวขึ้นมาได้ก็สายเกินไปเสียแล้ว แผ่นหลังของเขาต้องเข้ากับลูกศรดอกนั้นอย่างเต็มแรง เขาทำได้เพียงแค่ส่งเสียงดังชิขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์แล้วล้มลงข้างทาง

ซวบซวบซวบ!

จากนั้นก็มีเงาร่างว่าสิบสายห้อมล้อมรอบกายของหลงเฉินเอาไว้ กลุ่มคนเหล่านั้นต่างก็สวมใส่ชุดคลุมสีดำสนิทปกปิดไปจนถึงใบหน้า ในมือถือกระบี่ยาวเอาไว้

“เหอะเหอะ ผู้เยาว์อันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิเฟิงหมิงอะไรกัน แท้จริงแล้วก็เป็นแค่เพียงหุ่นฟางกระจอกเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะตกมาอยู่ในกำมือได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้” เสียงพูดอันเยือกเย็นนี้ได้ดังออกมาจากร่างเงาสายหนึ่งที่มีใบหน้าห้าวหาญซ่อนอยู่ในเงามืด

“อ่อก”

เมื่อกล่าวจบก็ได้มีเข็มพิษเล่มหนึ่งเสียบเข้าไปยังกลางทรวงอกของชายผู้นั้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ชายผู้มีใบหน้าห้าวหาญผู้นั้นเบิกดวงตากลมโตมองไปยังบาดแผลที่ปรากฏขึ้นมาด้วยอาการแตกตื่นจนถึงที่สุด เขารู้สึกเหมือนกับว่าพลังชีวิตกำลังหลั่งไหลออกไปจากร่างอย่างรวดเร็ว

“ตึง”

ชายผู้มีใบหน้าห้าวหาญผู้นั้นล้มหมดสติลงไปกองอยู่กับพื้น ลมหายใจหายไปอย่างที่เขาก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่าตายไปได้อย่างไร แล้วเป็นผู้ใดกันที่ทำการสังหารเขาจนต้องลมลง

“ระวัง!!”

ทันใดนั้นกลุ่มคนที่เหลือรอดก็ได้มีปฏิกิริยากลับคืนมาจนรีบถอยออกไปจากศพของสหายอย่างรวดเร็ว ความแตกตื่นบังเกิดขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงเมื่อมองไปยังหลงเฉินที่ไร้ซึ่งลูกศรที่เคยปักอยู่บนร่าง

ส่วนหลงเฉินเองก็มีท่าทีเหมือนกับไม่ได้ประสบเรื่องราวอันใดมาก่อน ยันแขนลุกขึ้นมาจากพื้นที่เพิ่งนอนกองลงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ใช้มือใหญ่ทั้งสองข้างปัดฝุ่นผงที่ติดตามอาภรณ์อย่างช้าๆ

ในช่วงเวลาที่ลูกศรได้ถูกปล่อยออกมาจากที่แห่งหนึ่ง เขาได้ทำการระวังป้องกันร่างกายเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว มีหรือที่จะถูกซุ่มโจมตีได้อย่างง่ายดาย ในวินาทีที่ลูกศรพุ่งเข้ามาใกล้จะถึงแผ่นหลัง เขาก็ปล่อยพลังสภาวะเข้าหยุดลูกศรเอาไว้ทันที แล้วแสร้งล้มลงไปเพื่อให้ศัตรูตายใจ

หัวลูกศรดอกนั้นไม่ได้เคลือบพิษร้ายเอาไว้แต่อย่างใด เสียงจากการแผลงศรก็ดังสะท้านไปทั่วทั้งบริเวณอีก อีกทั้งยังกระทำการโง่งมด้วยการลงมาตรวจสอบศัตรูแล้วปล่อยให้ศัตรูมาอยู่ตรงหน้าได้อีก

“ลงมือพร้อมกัน”

“ตูม”

ระหว่างนั้นก็ได้มีเงาร่างสายหนึ่งตวาดเสียงดังขึ้นมา ส่งสัญญาณให้คนที่เหลือปะทุพลังทั้งหมดออกมาอย่างพร้อมเพรียงบังเกิดเป็นพลังโลหิตหลายสายพุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้า ไม่นึกเลยว่าพวกเขาจะเป็นถึงยอดฝีมือพลังขอบเขตขั้นก่อโลหิตแล้ว

“ตึง”

ในฝ่ามือใหญ่ของหนึ่งของหลงเฉินปรากฏกระบี่ยาวเพิ่มขึ้นมาเล่มหนึ่ง สิ่งนั้นคืออาวุธของชายชุดดำที่เพิ่งทิ้งลมหายใจไปแล้วเมื่อครู่นี้ เขาใช้ปลายเท้าเขี่ยไปที่ด้ามกระบี่เล่มนั้นให้ลอยล่องขึ้นมาแล้วใช้ต้านทานการโจมตีของชายชุดดำผู้หนึ่งในทันที

ชายผู้นั้นเกิดอาการชาด้านไปทั่วทั้งร่างเมื่อได้สัมผัสพลังสภาวะจากกระบี่ที่หลงเฉินฟาดเข้ามา จนกระบี่ยาวในมือของเขาลอยละลิ่วออกไปไกลหลายช่วงตัว ความตื่นตระหนกทำให้เขาขาดการควบคุมร่างกายจนเปิดเผยจุดอ่อนออกมาจนหมดสิ้น

“ซวบ”

ประกายแสงของคมกระบี่ก็ได้สาดออกไปยังร่างของคนผู้นั้นราวกับมีสายฟ้าฟาดกลางเวหาไปทั้งหมดสองครั้งจนเกิดเป็นฝนโลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วทั้งผืนฟ้า

ขณะนี้หลงเฉินได้ใช้พลังขั้นก่อรวมทั้งสิบเอ็ดสายออกมาทั้งหมด ขุมพลังมหาศาลได้กดดันไปทั่วบรรยากาศจนน่าหวาดหวั่น ทุกการกวัดแกว่งกระบี่อีกทั้งการจู่โจมออกไปจึงเป็นขุมพลังที่รุนแรงอย่างไม่มีสิ่งใดมาเปรียบได้

เสียงฟาดฟันดังสนั่นถึงสองครั้งได้สังหารยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อโลหิตไปได้ผู้หนึ่ง กลิ่นคาวเลือดจากร่างของเขาได้โชยพัดไปเตะจมูกของกลุ่มคนชุดดำที่ยังเหลือรอด และทำให้พลังภายในร่างกายของหลงเฉินถูกกระตุ้นขึ้นมาจนเดือดดาลอย่างรุนแรงโดยที่หลงเฉินยังไม่ได้ทำการไหลเวียนขึ้นมาเลยด้วยซ้ำไป

ผ่านไปไม่ถึงพริบตาเดียวเท่านั้นสหายของพวกเขาก็ได้ถูกฆ่าสังหารไปแล้วสองคน กลุ่มคนที่เหลือจึงเกิดอาการทั้งตกใจทั้งโกรธแค้นขึ้นมา พลันร้องคำรามเสียงดังด้วยเพลิงโทสะที่สุมอยู่ภายในจิตใจ จากนั้นกระบี่ยาวหลายเล่มก็ได้พุ่งเข้าไปยังร่างของหลงเฉินอย่างฉับพลัน

หลงเฉินสบถเสียงชิออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วร่ายกระบี่ยาวในมือไปมาเล็กน้อย ลมปราณภายในร่างกายสายหนึ่งก็ถูกไหลเวียนมารวมไว้ที่แขนและมือทั้งสองข้าง

“ตูม”

หลงเฉินใช้กระบี่ในมือต้านทานสันคมของกระบี่นับสิบที่พุ่งเข้ามาอย่างเอาเป็นเอาตายเอาไว้ได้ทั้งหมด จนบังเกิดเสียงระเบิดของแผ่พลังขุมหนึ่งพุ่งทะลวงออกไปรอบทิศ ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดของผู้คน

พลังอันมหาศาลจากยอดฝีมือกว่าสิบคนที่ได้ผสานกันเข้ามากลับถูกหลงเฉินซัดกลับจนถอยกระเด็นออกไปหลายสิบก้าว ร่างกายของพวกเขากลับไม่เกิดอันใด ทว่ากระบี่ยาวที่อยู่ในมือทั้งสิบไม่อาจที่จะต้านทานพลังอันมหาศาลเช่นนั้นเอาไว้ได้จึงแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ หลงเหลือเพียงด้ามจับที่กำเอาไว้ในมือ

ชายชุดดำสิบกว่าคนต่างอยู่ในสภาวะแตกตื่นขึ้นมา ไม่คิดว่าด้วยการออกแรงเพียงครั้งเดียวจะต้านทานการจู่โจมที่ผสานกันนับสิบเท่าเอาไว้ได้ และควรจะทราบเอาไว้ด้วยว่าในกลุ่มของพวกเขามีการคงอยู่ของยอดฝีมือขั้นก่อโลหิตตอนกลางถึงสามคนเลยทีเดียว

“เป็นโอกาสดี ลงมือพร้อมกันเถิด!!” ชายอีกผู้หนึ่งขานออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

ชายชุดดำทั้งสิบกว่าคนจับมือกุมแน่นไปที่ด้ามของกระบี่ที่ไร้ซึ่งตัวเหล็กกล้าพุ่งจู่โจมไปที่หลงเฉินอย่างรวดเร็ว

หลงเฉินมองไปยังกลุ่มคนเหล่านั้นพร้อมเหยียดยิ้มเย้ยหยันและเยือกเย็นขึ้นมาที่มุมปาก พร้อมกับยื่นมือข้างหนึ่งแตะไปที่แหวนมิติเบาๆ ครั้งหนึ่ง

ทันใดนั้นเองก็มีประกายสีทองทอแสงสว่างไสวไปทั่วทั้งผืนฟ้าออกมาจากขวานขนาดใหญ่เล่มหนึ่งที่ถูกชูขึ้นท่ามกลางอากาศประดุจดวงจันทราเต็มดวงกำลังส่องแสงไปยังตัวขวานอย่างไรอย่างนั้น การปรากฏของขวานยักษ์เล่มนี้คล้ายกับมีพลังอันโดดเดี่ยวของความเจ็บปวดสถิตอยู่ภายในพร้อมที่จะแหวกอากาศออกไปฟาดฟันผู้คนมากมายที่คิดจะเผชิญหน้ากับมัน

“ซวบ”

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset