“แน่นอนว่าต้องเชื่อ หากเมื่อครู่นี้เจ้าได้กล่าววาจาโป้ปด ก็คงจะกลายเป็นศพไปแล้ว” หลงเฉินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาและเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง
เฉินเฟยสะดุ้งตัวโยนในทันที พลันก็สำรวจร่างกายไปทั่วก็ไม่พบความเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด จึงทอสีหน้าตึงเครียดขึ้นมา
“โอสถที่ข้าเพิ่งจะโยนออกไปเมื่อครู่มีนามว่าโอสถสลายวิญญาณ ต่อให้เจ้าปิดกั้นลมหายใจเอาไว้ ก็เปล่าประโยชน์ พิษชนิดนี้สามารถซึมผ่านรูขุมขนเข้าไปยังโลหิตอันบริสุทธิ์ภายในร่างกายของเจ้า
ทันทีที่พิษได้แล่นเข้าสู่ร่างกาย หากถูกกระตุ้นด้วยพลังหรือว่าเจ้าคิดจะปะทุพลังต่อสู้ขึ้นมา ก็เสมือนการไหลเวียนฤทธิ์ของพิษเข้าสู่ปราณจิตแห่งวิญญาณอย่างรวดเร็ว เจ้าคงจะตายลงไปตั้งแต่แรกแล้ว” หลงเฉินกล่าวเสียงเรียบ
เฉินเฟยคิดไม่ถึงเลยว่าหลงเฉินจะใช้โอสถพิษที่น่ากลัวออกมากับผู้คนได้ ทว่าในตอนนี้หลงเฉินก็เชื่อใจเขาจนหมดสิ้นแล้ว หลังจากนี้คงไม่อาจหลอกเขาได้อีกต่อไป
“ที่ข้าเชื่อเจ้าไม่ใช่เพราะว่าข้านั้นมีความรู้สูงส่ง เพียงแต่ข้านั้นเชื่อมั่นต่อโอสถของข้าเป็นอย่างยิ่ง เมื่อครู่ข้าได้ซักถามเจ้าไปทว่าเจ้ากลับกล่าววาจาโป้ปดออกมา โลหิตอันบริสุทธิ์ของเจ้าก็จะถูกกระตุ้นขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนหลั่งไหลออกทางทวารทั้งเจ็ดตายไปแล้ว ใช้มันเสีย” เมื่อกล่าวจบหลงเฉินก็ได้โยนโอสถผงถุงหนึ่งให้แก่เฉินเฟย
“หลังจากที่โอสถเม็ดนี้ออกฤทธิ์แล้ว พิษภายในร่างกายของเจ้าก็จะถูกขจัดไปทั้งหมด ทว่าผลลัพธ์จะค่อยๆ เกิดขึ้นที่ละน้อยเท่านั้น ฉะนั้นภายในสามวันนี้เจ้าอย่าได้ฮึกเหิมไปต่อสู้กับผู้ใดล่ะ ไปกันเถิด ตามข้ามา”
หลงเฉินมุ่งหน้ากลับไปที่จวนอีกครั้ง เฉินเฟยเองก็ได้ติดตามไปด้วยฝีเท้าที่รีบเร่งเป็นอย่างยิ่ง ทิ้งให้ชิ้นส่วนของร่างกายและกลิ่นคาวเลือดเอาไว้ยังเบื้องหลัง
……
“บัดซบ เจ้าบังอาจแอบข้าออกไปลอบสังหารหลงเฉินอย่างนั้นหรือ? เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าหรืออย่างไรกัน?” ภายในห้องลับแห่งหนึ่งมีชายหนุ่มชุดขาวชี้นิ้วไปที่ใบหน้าของเซี่ยฉางเฟิง แล้วด่าทอออกมายกใหญ่ราวกับคิดจะฆ่าฟันให้ตายลงไปเสียตรงนั้น
ในเวลาเดียวกันก็ได้มีรังสีสังหารมหาศาลจนน่าหวาดกลัวปะทุขึ้นหลายสาย กดดันทั่วบรรยากาศจนเซี่ยฉางเฟิงหายใจติดขัดราวกับมีอาวุธแหลมคมชนิดหนึ่งพาดอยู่บนคอหอย เพียงแค่ชายหนุ่มชุดขาวเกิดความคิดเช่นนั้นขึ้นมาอย่างแท้จริง เขาก็คงจบชีวิตลงในทันที
“พี่โล้วได้โปรดฟังที่ข้าจะกล่าวก่อน นี่ไม่ใช้การลงมือของข้า เป็นเม่ยเม่ยของข้าที่นำพายอดฝีมือออกไปจัดการ ข้าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย”
เซี่ยฉางเฟิงตัวสั่นเทาพร้อมกับลั่นวาจาออกมาเสียยืดยาว หยาดเหงื่อได้ไหลซึมไปทั่วทั้งอาภรณ์ รังสีสังหารของพี่โล้วผู้นี้ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว แม้แต่เขาที่เป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อโลหิตก็ยังไม่อาจทานรับเอาไว้ได้ รู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงแมลงหวี่ตัวหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นตัวโง่งมหรือไร? นั่นเป็นองครักษ์ของเจ้า หากไม่ใช่เจ้าเป็นคนสั่งการ เม่ยเม่ยที่โง่เขลาของเจ้านางนั้นจะใช้ตามอำเภอใจได้อย่างไรกัน?
เห็นกันอยู่แล้วว่าก่อนเจ้าจะจากไปก็คิดจะจัดการหลงเฉินผู้นี้ทิ้งไปเสีย ยังดีที่หลงเฉินผู้นั้นยังไม่ตาย ไม่เช่นนั้นแผนการใหญ่ในครั้งนี้คงจะวอดวายไปเป็นแน่ ต่อให้เจ้ามีอีกกี่สิบชีวิตก็ไม่อาจทานเพลิงโทสะของเบื้องบนได้อย่างแน่นอน” ชายหนุ่มชุดขาวระเบิดโทสะออกมาอย่างเดือดดาล
เซี่ยฉางเฟิงก้มหน้าก้มตาและไม่โต้แย้งออกมาแม้สักคำเดียว แผนการลอบสังหารหลงเฉินในครั้งนี้เป็นการจัดฉากของเซี่ยปายฉือ ทว่าชายหนุ่มชุดขาวนั้นก็ไม่ได้กล่าวผิดไป เป็นเซี่ยฉางเฟิงนั่นเองที่ให้นางหยิบยืมองครักษ์ไป
เดิมทีเขาคิดว่าถ้าหากสังหารหลงเฉินลงได้ก็จะผลักไสข้อกล่าวหาไปที่เซี่ยปายฉือทั้งหมด เพราะด้วยสถานะผู้หลอมโอสถของเซี่ยปายฉือคงจะไม่เกิดผลกันใดอยู่แล้ว
อีกทั้งเขายังเคยหยิบยืมเงินทองของเซี่ยปายฉือไปไม่น้อย เมื่อถูกเซี่ยปายฉือกดดันจึงไม่อาจปฏิเสธการสนับสนุนให้แก่นางได้
ทว่าผลลัพธ์กลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดเอาไว้ ยอดฝีมือที่มีพลังขอบเขตขั้นก่อโลหิตกลุ่มหนึ่งกลับเหลือรอดกลับมาเพียงสามคน ยิ่งทำให้เขาแตกตื่นขึ้นมาอย่างไม่เสื่อมคลาย และยังไม่ทันจะได้ไถ่ถามองครักษ์ถึงความเป็นไปได้ชัดเจน ชายหนุ่มชุดขาวผู้นี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว
“เซี่ยฉางเฟิง ข้าจะเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เรื่องของเจ้านั้นเล็กน้อยมาก หากยังคิดจะทำให้เรื่องใหญ่เสีย อย่าว่าแต่เจ้าเลยแม้แต่ทั้งจักรวรรดิต้าเซี่ยของพวกเจ้าก็คงไม่อาจทานรับเอาไว้ได้อย่างแน่นอน
แล้วก็กลับไปบอกต่อเม่ยเม่ยผู้โง่เขลาของเจ้าด้วยว่าหากยังดื้อด้านอยู่เช่นนี้ ข้าผู้นี้จะบดขยี้สมองอันน้อยนิดของนางด้วยมือคู่นี้เอง ส่วนเจ้าเฒ่าตัณหากลับเว่ยชางข้าไม่สนใจอยู่แล้ว” ชายหนุ่มชุดขาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมาอย่างถึงที่สุด
“ขอรับ ขอรับ ฉางเฟิงจะไปสั่งสอนนางให้เอง ข้าจะไม่ให้นางก่อเรื่องให้ใต้เท้ารำคาญใจได้อีกอย่างแน่นอน” เซี่ยฉางเฟิงพยักหน้าไปมาอย่างว่าง่ายราวกับเป็นลูกไก่ที่กำลังจิกกินเม็ดข้าวอยู่
“หลงเทียนเซียวเองก็เคยกล่าววาจาเด็ดขาดออกมาว่าหากสองแม่ลูกตระกูลหลงเกิดเรื่องอันใดขึ้น จะวางมือจากข้าศึกที่แนวชายแดนอย่างแน่นอน จากนั้นจะยกกองทัพทหารทั้งหมดเข้าสู่จักรวรรดิในทันที นั่นถือเป็นเรื่องที่พวกข้าหวาดกลัวจนถึงที่สุด เจ้าเข้าใจหรือไม่?” ชายหนุ่มชุดขาวยังคงมีน้ำเสียงเย็นชา
“ในช่วงนี้พวกข้าต้องอดทนอดกลั้นต่อหลงเทียนเซียวเป็นอย่างมาก หลงเทียนเซียวก็ยังไร้วี่แววที่จะตอบรับกลับมา ทว่านั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สนใจต่อบุตรภรรยาของตัวเอง
หากเขาไม่เคลื่อนไหวก็คือไม่ หากเคลื่อนไหวขึ้นมาเมื่อใดคงจะเสมือนอัสนีบาตนับหมื่นสายเสียดแทงลงมาเป็นแน่แท้ ข้าต้องเตือนพวกเจ้าที่โง่เขลาไว้ แม้แต่ความข้อนี้ก็ยังไม่ทราบกัน”
“พี่โล้ว ผู้น้องเข้าใจผิดมาโดยตลอด ทว่าด้วยพลังฝีมืออันแข็งแกร่งของพี่โล้ว เหตุใดถึงไม่จัดการหลงเทียนเซียวทิ้งไปเสียเลยเล่า?” เซี่ยฉางเฟิงเอ่ยถามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“เจ้าโง่ ถ้าสามารถกระทำการได้อย่างเปิดเผย ข้าจะต้องมาร่วมมือกับพวกเจ้าอีกด้วยเรื่องอันใดกัน? อีกทั้งหลงเทียนเซียวยังเป็นถึงยอดฝีมือพลังขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นจะถูกสังหารได้อย่างง่ายดายเลยหรือ?
ถ้าจู่โจมไม่สำเร็จแล้วเปิดเผยร่องรอยขึ้นมา ความรับผิดชอบอันมหาศาลเช่นนี้ผู้ใดจะรับผิดชอบไหว?” ชายหนุ่มชุดขาวด่าทอออกไปอีกชุดใหญ่
เซี่ยฉางเฟิงถูกด่าทอจนกระอักกระอ่วนใจไปทั้งหมดก็ไม่เอ่ยวาจาอันใดออกมาอีก ในเวลาเดียวกันก็ยิ่งทวีความเกลียดชังต่อหลงเฉินมากขึ้นไปอีก
การลงมือของเซี่ยปายฉือในครั้งนี้ช่างตรงกับความปรารถนาของเขาเป็นอย่างยิ่ง หากหลงเฉินยังไม่ตาย ความแค้นภายในจิตใจก็คงไม่มีทางระบายออกมาได้แน่นอน
เมื่อการสนทนาจบลง เซี่ยฉางเฟิงก็ถอยออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงชายหนุ่มชุดขาวที่ยืนถอนลมหายใจออกมาระรัว ไม่ง่ายเลยที่จะดำเนินเรื่องราวให้เป็นไปตามแผนได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากยังปล่อยไว้เช่นนี้เกรงว่าแผนการคงจะย่อยยับลงไป
เมื่อครู่เขาโกรธจนเกือบจะลงมือกับเซี่ยฉางเฟิงให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย ทว่าก็พยายามอดกลั้นความรู้สึกเอาไว้ แผนการที่เขานั่งคิดและคอยบงการอยู่นานหลายปีจะต้องมาทลายลงเพราะมันสมองเพียงน้อยนิดของคนผู้หนึ่งอย่างนั้นหรือ ยังดีที่เพลิงโทสะในท้องยังไม่ถูกทะลวงออกไป ไม่อย่างนั้นเซี่ยฉางเฟิงคงจะไม่ได้กลับจักรวรรดิต้าเซี่ยอย่างแน่นอน
ช่วงเวลาเช่นนี้ยังไม่ถึงช่วงที่ควรจะเปิดเผยตัวตนออกมา ยังจำเป็นจะต้องร่วมมือกับทางจักรวรรดิต้าเซี่ยอยู่ ทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มชุดขาวปรากฏความเจ็บปวดขึ้นมาสายหนึ่ง: ถ้าเรื่องนี้สำเร็จขึ้นมาเมื่อใด จงตายไปให้หมดสิ้นเสียเถิด!