เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 70.1 เสี่ยวเสว่ย

“กลับไปไม่ได้อย่างแน่นอน”

เฉินเฟยก้มหน้าลงมองกับพื้นแล้วกล่าวว่า “ก่อนที่ข้าจะออกเดินทาง โหวเยว่ได้ออกคำสั่งด้วยเครื่องหมายของกองทัพว่าต่อให้ต้องตายก็ต้องปกป้องซื่อจื่อและฮูหยินให้ปลอดภัยให้จงได้”

หลงเฉินส่ายหน้าไปมาแล้วตอบกลับไปว่า “ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นยอดฝีมือที่มีพลังก่อโลหิตตอนปลาย ทว่าเจ้าอยู่ในระดับที่ไม่สามารถปกป้องข้าได้อีกแล้ว ในช่วงเวลาที่ข้าอยู่บนเวทีประลองเป็นตาย เจ้ายังไม่ได้ลงมือเลยแม้แต่น้อย เช่นนั้นก็บ่งบอกได้แล้วว่าเจ้านั้นหวาดกลัวมากถึงเพียงใด

หรือแม้แต่รอให้ข้าเผชิญกับช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายแล้วเท่านั้น เจ้าถึงจะลงมือออกมา ทว่าต่อให้เจ้าลงมือก็ใช่ว่าจะจัดการกับปัญหาได้ ข้ากล่าวได้ไม่ผิดใช่หรือไม่!”

เฉินเฟยเกิดความลังเลใจอยู่ไม่น้อยจนไม่อาจเอื้อนเอ่ยวาจาโต้ตอบอันใดออกมาได้ เพราะหลงเฉินกล่าวออกมาได้ถูกต้องทุกประการจนไม่สามารถหาข้อโต้แย้งได้

“ภายในจักรวรรดิแห่งนี้ บุคคลที่คู่ควรให้เจ้าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้ คงจะต้องเป็นยิงฮวาแล้วกระมัง?” หลงเฉินเอ่ยถามออกไป

เฉินเฟยถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วพยักหน้าไปมา “ไม่มีผิด ก่อนที่โหวเยว่จะให้ข้าน้อยออกเดินทางก็กำชับเป็นหมื่นย้ำว่าห้ามไม่ให้ยิงฮวาพบได้ ไม่เช่นนั้นชีวิตคงจะหาไม่แล้ว

ข้าน้อยไม่ได้กลัวตาย แต่เกรงว่าจะทำให้เสียเรื่องใหญ่ของโหวเยว่ไป ฉะนั้นช่วงเวลาที่ซื่อจื่อถูกกลั่นแกล้งมาอย่างเนิ่นนาน ข้าน้อยจึงไม่อาจลงมือมาโดยตลอด รู้สึกอัดอั้นในใจเป็นอย่างยิ่ง ขอโปรดซื่อจื่อยกโทษให้ด้วย”

“บิดาของข้ากับยิงฮวามีความแค้นต่อกันอย่างนั้นหรือ?” หลงเฉินถามต่อ

“นิ้วมือข้างนั้นของยิงฮวาเป็นโหวเยว่ที่ตัดจนขาดไป” เฉินเฟยยิ้มน้อยๆ แล้วตอบกลับไป

หลงเฉินเบิกตากว้างขึ้นมาในทันที ไม่แปลกใจเลยที่ยิงฮวาได้มุ่งเป้ามาที่เขา บิดาก็ช่างโหดเ**้ยมเกินไปเสียจริงๆ ทว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากันเลย บิดาทำให้นิ้วมือของยิงฮวาขาดสะบั้นไปข้างหนึ่ง อีกทั้งเขาก็เพิ่งจะทำให้ยิงฮวาอับจนจนแทบจะสิ้นเนื้อประดาตัว

“เจ้ามายังจักรวรรดิตั้งแต่เมื่อใดกัน?” หลงเฉินถามต่อ

“สามปีก่อน”

“ข้างกายของบิดามียอดฝีมือเช่นเจ้าทั้งหมดกี่คน?”

“เดิมทีมีทั้งหมดเจ็ดคน ทว่าเมื่อปลายปีก่อนได้ตายในสนามรบหนึ่งคน จึงเหลือเพียงหกคน”

“เจ้าทะลวงพลังขั้นก่อโลหิตไปถึงระดับแล้ว?”

“ระดับที่เก้า น่าเสียดายที่ไม่อาจจะทะลวงขึ้นไปสู่อีกขอบเขตได้แล้ว” เฉินเฟยก็ได้ถอนหายใจออกมาหลังจากกล่าวจบประโยค เขานั้นมีอายุถึงสามสิบเจ็ดปีแล้ว หากล่วงเลยไปจนถึงสี่สิบปีแล้วยังไม่อาจที่จะทะลวงพลังต่อไปได้ก็เรียกได้ว่าหมดหวังโดยสิ้นเชิงแล้ว

ในขณะนั้นเองหลงเฉินก็อดไม่ได้ที่จะแตกตื่นตกใจอย่างยกใหญ่ ถึงแม้ว่าเฉินเฟยจะมีลักษณะการซ่อนเร้นอันลึกล้ำ ทว่าหากมองไปยังระหว่างคิ้วของเขากลับปรากฏกลุ่มพลังหนึ่งที่ใช้บ่งบอกได้ถึงพลังการฝึกยุทธ์ที่หลอมรวมเข้ากับโลหิตบริสุทธิ์จนไปถึงแก่นแท้แล้ว จนสามารถปรากฏให้เห็นออกมาเช่นนี้ได้

เช่นนี้เฉินเฟยในตอนนี้ก็ถือเป็นยอดฝีมือที่ไปถึงจุดสูงสุดของพลังขอบเขตก่อโลหิตแล้วผู้หนึ่ง ทว่าต้องมาติดอยู่ที่ปากขวดเช่นนี้ก็เท่านั้นเอง

การทะลวงพลังจากขอบเขตขั้นก่อโลหิตเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นนั้นถือได้ว่ายากเย็นแสนเข็ญอยู่ไม่น้อยเลย ทั่วทั้งจักรวรรดิเฟิงหมิงมียอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อโลหิตอยู่นับหลายพันคน ทว่าขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นนั้นมีเพียงแค่สามขุนนางใหญ่เท่านั้น ด้วยเหตุนี้การจะทลายพันธนาการเข้าสู่ระดับนั้นได้ก็คงเปรียบเสมือนกับการว่ายไปตามคลองหงโกว

*鸿沟 คลองหงโกวนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นสายน้ำที่เชี่ยวกราดที่สุด (ชื่อคลองที่ใช้ลำเลียงในสมัยโบราณปัจจุบันอยู่ในมณฑลเหอหนาน)

“เฉินเฟย ในคืนนี้ข้าจะหลอมโอสถให้เจ้านำไปส่งมอบแก่บิดาของข้า” หลงเฉินครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจเอ่ยวาจาเด็ดขาดออกมา

“ซื่อจื่อ……”

หลงเฉินโบกมือไปมาเพื่อตัดบทพูดของเฉินเฟย แล้วกล่าวต่ออีกว่า “ถึงแม้เจ้าจะมีพลังฝีมือที่แข็งแกร่ง สามารถหลบรอดจากยิงฮวาได้ อีกทั้งยังจับตา ดูแล และความคุ้มครองจวนตระกูลหลง

ทว่าในตอนนี้ทั่วทั้งจักรวรรดิต่างก็จับตาดูข้าอยู่ เกรงว่าหากเกิดการเปลี่ยนแปลงของฟ้าดินขึ้นมากะทันหัน เจ้าจะอยู่ต่อไปก็เปล่าประโยชน์

ลองคิดดูให้ดีว่าถ้าหากที่แห่งนี้เกิดเภทภัยครั้งใหญ่ขึ้นมาจริง ด้วยความสามารถของเจ้าจะสามารถจัดการได้หรือไม่กัน?”

“ข้าน้อยสามารถพาซื่อจื่อตะลุยฝ่าวงล้อมออกไปได้อย่างแน่นอน” เฉินเฟยยืนยันเสียงหนักแน่น

หลงเฉินทอประกายเย็นเยียบออกมาจากดวงตา แล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “เช่นนั้นมารดาของข้า เจ้าจะทำอย่างไร?”

ช่วงพริบตาเดียวเฉินเฟยก็เหมือนกับถูกอุดปากเอาไว้อย่างหนาแน่น ถึงแม้ว่าเขาจะมีพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่งทว่ากลับเป็นมีอยู่อย่างจำกัด เดิมทีเขามีความเชื่อมั่นว่าต่อให้เป็นยิงฮวาลงมือเอง เขาก็มีสามารถกว่าแปดส่วนที่จะพาหลงเฉินฝ่าฟันออกไปได้

แต่เมื่อหลงเฉินกล่าวถามออกมาเช่นนั้นอีก กลับยิ่งทำให้เขากล่าวอันใดออกมาไม่ได้ อย่างมากที่สุดก็คงจะนำพาไปได้คนเดียว หากตามความสัตย์แล้วก็คงต้องเสียสละฮูหยินหลงแล้ว

“ต้องขออภัยซื่อจื่อด้วย นี่เป็นคำสั่งของโหวเยว่ ข้าน้อยมีหน้าที่เพียงกระทำตามเท่านั้น” เฉินเฟยได้แต่ส่ายหน้าแล้วกล่าวออกมา

หลงเฉินเกิดความรู้สึกทั้งตกใจทั้งโกรธเคือง ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าบิดาจะช่วยเหลือเขาจนถึงกับยอมปล่อยมารดาไว้ ห้วงแห่งความคิดอันโหดร้ายเช่นนี้ก็ทำให้ดวงตาของชายหนุ่มแดงก่ำขึ้นมา สัมผัสได้ถึงความรักของบิดาที่มีต่อเขา ทว่าเป็นสิ่งที่เขารับไม่ได้อย่างถึงที่สุด

เมื่อตั้งสติได้แล้ว หลงเฉินก็สูดลมหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่ง ยับยั้งความโกรธเกรี้ยวภายในจิตใจเอาไว้ แล้วบอกกล่าวต่อไปอีกว่า “เฉินเฟย ข้าไม่ได้กำลังเจรจาอยู่กับเจ้า ทว่าเป็นคำสั่งที่สั่งให้เจ้ากลับไป หยุดการกระทำตามคำสั่งที่โง่เขลาเช่นนั้นได้แล้ว เพราะสิ่งนี้มีแต่จะทำร้ายพวกเราสองแม่ลูก

ในตอนนี้ข้าจำเป็นจะต้องเดินทางไปยังชุมนุมผู้หลอมโอสถเพื่อหาซื้อสมุนไพรส่วนหนึ่งมาหลอมโอสถให้บิดา

อย่าได้เอาแต่กล่าววาจาโง่เขลาอย่างเรื่องที่จะมาปกป้องพวกเราอีกเลย ด้วยสภาวะพลังของข้าในตอนนี้ หากหมายจะเอาชีวิตของเจ้าขึ้นมาก็แทบจะไม่ต้องเปลืองแรงเลยแม้แต่น้อย

ข้ายังพอที่จะปกป้องจวนตระกูลหลงให้อยู่รอดปลอดภัยได้อยู่ อนาคตจะเป็นเช่นไรก็คงต้องดูต่อไป ทว่าข้ายังต้องการความช่วยเหลือจากบิดาอยู่

ด้วยเหตุนี้ข้ามีทางเลือกให้เจ้าอยู่สอง เชื่อฟังคำพูดของข้าแล้วกลับไปอยู่ข้างกายบิดา หรือไม่ก็ตายอยู่ในที่แห่งนี้ไปเสีย พิษภายในร่างกายยังคงอยู่ เจ้าอาจจะตายได้อย่างไม่ต้องสงสัย”

เฉินเฟยมีสีหน้าซีดเซียวขึ้นมาในทันที แววตาสอดส่องไปยังหลงเฉินที่กำลังเกิดโทสะอยู่มากทีเดียว ราวกับว่ากำลังมองเห็นเงาร่างของหลงเทียนเซียวกำลังโกรธเกรี้ยวขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น ถ้าหากเขาหาญกล้าที่จะท้าทายหลงเฉิน หลงเฉินก็คิดที่จะเอาชีวิตของเขาจริงอย่างนั้นหรือ?

เขาไม่ได้เกรงกลัวความตาย ทว่าการตายอย่างไร้ซึ่งความหมายเช่นนั้นช่างไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย เขาจึงทำได้เพียงแค่ส่งยิ้มออกไปอย่างขมขืน ภายในจิตใจคล้ายกับอมบอระเพ็ดเอาไว้ หลังจากที่กลับไปแล้วสมควรที่จะเผชิญหน้ากับโหวเยว่อย่างไรดีเล่า?

หลงเฉินมุ่งหน้าไปยังสภาอย่างไม่ลดละ ขณะนี้ในกระเป๋าที่พองโตมีเงินอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่จำเป็นจะต้องหยิบยืมสมุนไพรอีกต่อไปแล้ว เขาสามารถซื้อสมุนไพรมากมายกลับมาได้ทันที

หลงเฉินย่างก้าวเข้าสู่ชุมนุมผู้หลอมโอสถถือเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดอย่างถึงที่สุด สมุนไพรที่เขาจำเป็นที่จะต้องใช้กลับมีครบทั้งหมด จากนั้นก็เดินทางกลับจวนอย่างรวดเร็ว

เขาให้เฉินเฟยคอยคุ้มกันอยู่ด้านนอก แล้วเริ่มจุดเพลิงขึ้นมาจนเกิดความอบอุ่นให้แก่เตาหลอมโอสถ ครั้งนี้โอสถที่หลงเฉินจะหลอมขึ้นมามีชื่อว่า——โอสถทลายอุปสรรค

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset