เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 70.2 เสี่ยวเสว่ย

​นี่เป็นโอสถระดับสองชนิดหนึ่งที่มีไว้ใช้เพื่อทะลวงพันธนาการของผู้ที่ติดอยู่ในพลังขั้นต่อไป เป็นการเพิ่มความสามารถในการปะทุพลังให้เพิ่มสูงขึ้น

ทว่าจากการหลอมโอสถทลายอุปสรรคจากความทรงจำของจักรพรรดิโอสถ การใช้สมุนไพรเช่นเดียวกันทุกสิ่งอันทว่ากลับใส่ส่วนผสมเหล่านั้นไม่เท่ากัน ก็จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ต่างกันไปด้วย

อีกทั้งหนึ่งในสมุนไพรหลักก็คือหญ้ากระดูกมังกรอันเป็นสมุนไพรที่มีความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง สามารถเพิ่มคุณลักษณะของโอสถได้เป็นอย่างดี โอสถทลายอุปสรรคเม็ดนี้ของเขาจึงต่างจากที่มีอยู่ทั่วไปโดยสิ้นเชิง

โอสถทลายอุปสรรคเม็ดนี้เป็นโอสถสำหรับทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น โดยปกติแล้วโอสถทลายอุปสรรคระดับล่างจะมีผลลัพธ์ช่วยเพิ่มโอกาสในการทลายพันธนาการหนึ่งระดับ ทว่าเป้าหมายของหลงเฉินกลับต้องการหลอมให้ได้ระดับสูง เพื่อผลลัพธ์ในการทลายพันธนาการเพิ่มขึ้นไปอีกสามส่วน

โอสถชนิดนี้เป็นที่ต้องการมากกว่าโอสถผลัดกล้ามเนื้อเปลี่ยนกระดูกที่ถูกประมูลไปครั้งก่อนเสียอีก โอสถผลัดกล้ามเนื้อเปลี่ยนกระดูกเม็ดนั้นถือว่ามีจุดบกพร่องอยู่มาก เพียงแต่หลงเฉินไม่ได้บอกกล่าวออกไปก็เท่านั้น

หากร่างกายของมนุษย์ถูกตัดจนขาดด้วนไป แล้วใช้โอสถนั้นรักษาในทันทีก็จะสามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้ อีกทั้งยังไม่ส่งผลใดใดตามมาอีกด้วย

หลังจากที่ได้ทำการรักษาไปแล้ว คนผู้นั้นจะถูกสลายพลังดั้งเดิมของรากปราณไปอยู่ในระดับกลาง อีกทั้งจะถูกกัดกินการก้าวข้ามของพลังที่จะเข้าสู่ขั้นต่อไป

……

“ตูม”

เสียงระเบิดดังทะลุออกจากเตาหลอม บ่งบอกได้ถึงความสำเร็จในการหลอมโอสถ เมื่อเปิดฝาเตาขึ้นก็พบโอสถสามเม็ดกำลังกลิ้งไปมาอยู่ภายใน รอบเม็ดโอสถทอประกายแสงเจิดจ้าจนสายตาพร่ามัวด้วยความมึนงง บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอ่อนล้าของหลงเฉินก็ได้ปรากฏรอยยิ้มกว้างขึ้นมา

นี่เป็นโอสถเตาที่สามแล้ว เตาที่หนึ่งสำเร็จถึงสามเม็ด เตาที่สองเกิดการไหลของพลังออกมาจนเตาระเบิดทำให้สูญเสียโอสถไปทั้งหมด

การหลอมโอสถย่อมไม่มีสิ่งใดแน่นอน ต่อให้มีความทรงจำทั้งหมดของจักรพรรดิโอสถก็ยังไม่อาจที่จะหลุดพ้นจากความผิดพลาดไปได้

เดิมทีเพียงแค่สองเตาก็คงจะเพียงพอแล้ว ทว่ากลับระเบิดไปหนึ่งเตา จึงต้องหลอมเตาที่สามขึ้นมา ทำให้หลงเฉินมีสภาพร่างกายที่อ่อนล้าโรยแรงอย่างที่เป็นอยู่

เมื่อทำการเพิ่มหญ้ากระดูกมังกรในโอสถทลายอุปสรรคทำให้การหลอมยุ่งยากมากยิ่งขึ้น แม้แต่หลงเฉินที่มีพลังแห่งจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งก็ยังต้องรู้สึกเหนื่อยล้าแทบล้มทั้งยืน

แต่ในที่สุดก็ได้โอสถมาทั้งหมดหกเม็ด ความเหนื่อยล้าที่ได้ทุ่มเทลงไปก็ถือว่าคุ้มค่าอย่างถึงที่สุด จากนั้นหลงเฉินก็นำโอสถทั้งหกเม็ดมอบให้เฉินเฟยที่มีสีหน้าตื่นตระหนกอยู่ไม่เสื่อมคลาย พร้อมกับแนบจดหมายอีกหนึ่งฉบับส่งมอบให้กับบิดาของเขาอีกด้วย

ยังไม่ทันที่ฟ้าจะสางเฉินเฟยก็รีบเดินทางกลับไปทันที หลงเฉินเองก็ได้พักผ่อนไปจนเต็มอิ่มจนฟื้นฟูจิตสมาธิให้กลับคืนมาอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังรู้สึกโล่งใจขึ้นมามหาศาลอย่างบอกไม่ถูก

เรื่องราวของบิดาที่เป็นเหมือนกับก้อนหินก้อนใหญ่กดทับลงมาอยู่เต็มทรวงอก ขณะนี้คล้ายกับถูกยกย้ายออกไปจนเกือบหมดเมื่อได้ทราบถึงสถานการณ์ของบิดา จนภายในจิตใจของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาและความกังวลไปพร้อมกัน

เนื่องจากเฉินเฟยเองก็ยังไม่ทราบว่าผู้ใดคิดจะจัดการกับบิดาของเขากันแน่ ทางด้านของบิดาเองก็ยังไม่เคยพบร่องรอยของผู้บงการมาก่อนเลยเช่นกัน

หลังจากฟื้นตื่นขึ้นมาจากที่นอน หลงเฉินก็ได้อุ้มเสี่ยวเสว่ยออกมา เสี่ยวเสว่ย (หิมะน้อย小雪) ก็คือชื่อที่หลงเฉินตั้งให้แก่หมาป่าหิมะแดงเพลิงที่เป็นตัวเมียตัวนั้นนั่นเอง

เสี่ยวเสว่ยยังคงหลับตาอยู่ อีกทั้งยังส่งเสียงร้องฮือฮือออกมาวุ่นวายอย่างไม่หยุดหย่อน หลงเฉินยิ้มออกมาเมื่อเห็นความน่ารักน่าเอ็นดูของเจ้าหนูน้อยตัวนี้ พลันก็ยกนิ้วมือขึ้นมาแล้วกัดฝังเขี้ยวลงไปจนมีโลหิตไหลรินออกมาหยดหนึ่ง เขายื่นนิ้วมือข้างนั้นไปใกล้ปากของหมาป่าหิมะแดงเพลิง

เสี่ยวเสว่ยก็ได้เลียไปที่หยดโลหิตนั้น ดวงตาที่เคยปิดสนิทอยู่กลับค่อยๆ ตื่นลืมขึ้นมาอย่างช้าๆ ดวงตาประดุจไข่มุกที่ส่องสกาวระยิบระยับจ้องมองมายังหลงเฉินด้วยความประหลาดใจ เมื่อมองรวมกับเส้นขนปุกปุยสีแดงบนหน้าผากก็ทำให้หลงเฉินแทบจะอ่อนระทวยลงไปในทันที

สัตว์มายาแรกเกิดที่ได้ลิ้มลองรสชาติของโลหิตบริสุทธิ์หยดแรกไปแล้ว จะไม่มีวันลืมเลือนกลิ่นอายนั้นไปชั่วนิจนิรันดร์ อีกทั้งยังจดจำกลิ่นอายของผู้เป็นเจ้านายเสมือนกับเป็นครอบครัวของมัน ทว่ามีข้อยกเว้นกับสัตว์มายาที่เป็นสัตว์เลือดเย็นไว้จำพวกหนึ่ง พวกนี้จำเป็นที่จะต้องใช้วิธีที่พิเศษเฉพาะยิ่งกว่า

หลังจากที่เสี่ยวเสว่ยได้ลืมตาขึ้นมาแล้ว มันก็จะเริ่มปีนป่ายไปตามร่างกายของหลงเฉินในทันที ถึงแม้ว่าช่วงขาจะยังสั้นอยู่พร้อมที่จะร่วงหล่นลงมาได้ทุกเวลา ทว่ายังคงมุ่งมั่นที่จะปีนป่ายไปมาอย่างไม่คิดชีวิต

ภายในจิตใจหลงเฉินก็บังเกิดความอบอุ่นขึ้นมาหลายสาย ด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งของเขาย่อมสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงพลังปราณจิตวิญญาณส่วนลึกที่บ่งบอกถึงอารมณ์ความรู้สึกของเสี่ยวเสว่ยได้

เดิมทีหลังจากที่เจ้าหนูตัวนี้สามารถจดจำหลงเฉินได้แล้ว เขาก็ควรเริ่มไหลเวียนพลังแห่งจิตวิญญาณเข้าสู่กระบวนวิชาลับที่ลู่ฟางเอ๋อสั่งสอนเอาไว้ เพื่อประทับสัญญาทาสลงไปยังใจกลางของปราณจิตวิญญาณของเจ้าหนู เช่นนี้มันก็ไม่สามารถที่จะหักหลังเขาไปได้ตลอดกาลแล้ว

กระนั้นหลงเฉินก็ลังเลอยู่ไม่น้อยเลยไม่ได้ประทับสัญญาทาสลงไป การที่จะให้เจ้าหนูที่น่ารักน่าเอ็นดูเช่นนี้ต้องมากลายเป็นทาส แค่คิดก็ไม่อาจกระทำได้ลงคอแล้ว เสี่ยวเสว่ยปีนป่ายไปทั่วจนขึ้นมาใกล้ใบหน้าของเขาแล้วทำการชำระล้างใบหน้าของหลงเฉินด้วยลิ้นของมันอย่างเป็นมิตร

หลงเฉินหัวเราะฮาฮาออกมาพร้อมกับอุ้มเสี่ยวเสว่ยขึ้นมาแล้วมุ่งตรงออกจากจวนตระกูลหลงไปยังด้านนอกทันที ขณะนี้เจ้าหนูได้ลืมตาขึ้นมาอย่างเต็มที่แล้ว เขาจึงพามันออกมาเดินเที่ยวชมบรรยากาศภายนอกเสียหน่อย

พลังชีวิตของสัตว์มายาเป็นสิ่งที่แกร่งกล้าเป็นอย่างยิ่ง ขอเพียงลืมตาขึ้นมาแล้วก็สามารถเริ่มกินอาหารด้วยตัวเองได้เลย พวกมันไม่สามารถอดทนต่อความหิวได้ ช่วงนี้จึงจำเป็นที่จะต้องกินอาหารของทารกแรกเกิดด้วย

ทว่าหลังจากที่ออกห่างจากประตูใหญ่ได้ไม่ไกลนัก เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าจำเป็นจะต้องไปหาคนผู้หนึ่งก่อน หากพาเขาไปด้วยคงจะดีเสียกว่า ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม หลงเฉินก็ได้มาถึงทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์แห่งหนึ่ง

“ฮูม”

ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดดังขึ้นมา ผืนแผ่นดินต่างก็สั่นไหวไปตามๆ กัน พลันมุมปากของหลงเฉินก็ปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา . . .

** 9 ดารา**

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset