“ฉับ”
“ตุบ”
เสียงทั้งสองแทบจะดังขึ้นมาในเวลาเดียวกัน สายโลหิตพุ่งกระฉูดขึ้นทาทับทั่วท้องนภา พร้อมทั้งศีรษะหนึ่งที่กำลังกลิ้งเกลือกไปตามพื้นดิน
เท้าข้างหนึ่งที่เซี่ยฉางเฟิงเตะออกมาครั้งสุดท้ายก่อนตายได้รวมพลังสภาวะทั้งหมดเอาไว้จนทำให้ร่างของหลงเฉินลอยกระเด็นไปไกลหนึ่งช่วงตัว จากนั้นก็กลิ้งไปไกลอีกห้าช่วงตัวอย่างรุนแรงจนฝุ่นตลบก่อนจะหมอบราบแน่นิ่งอยู่บนพื้น
เมื่อมองไปยังคราบโลหิตที่ชโลมอยู่บนคมดาบในมือ สลับกับร่างของเซี่ยฉางเฟิงที่ได้กลายเป็นศพอยู่ในที่ที่ห่างไกลออกไป หลงเฉินก็ได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึกอยู่หลายครั้ง
เซี่ยฉางเฟิงผู้นี้จะต้องมีบางอย่างซ่อนเร้นเอาไว้อยู่อีกแน่นอน ภายในจิตใจของหลงเฉินบังเกิดความรู้สึกที่ไม่สบายขึ้นมาหลายส่วน ราวกับว่าในไม่ช้านี้จะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น
ฝ่ามือโลหิตมรณะเป็นกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเซี่ยฉางเฟิง ทว่าชายผู้นั้นกลับโชคร้ายเป็นอย่างยิ่งที่ถูกหลงเฉินจับจุดอ่อนได้ เขาจึงมีโอกาสเพียงหนึ่งในพันครั้งเท่านั้นที่จะสามารถใช้กระบวนท่าเช่นนั้นออกมา
พลังการฝึกยุทธ์ของหลงเฉินนั้นไม่ได้อยู่ในจุดตันเถียนมาแต่เดิมอยู่แล้ว ทว่ากลับถูกซ่อนเอาไว้ที่จุดดารากักวายุ ฉะนั้นเท้าที่เตะออกมาด้วยพลังมหาศาลจึงไม่ได้ก่อความน่าหวาดกลัวให้แก่หลงเฉินได้แม้แต่น้อย
ทว่าเหตุใดบัดนี้ภายในจิตใจถึงรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมาไม่หยุด มีทั้งความกดดันและไม่กดดันกำลังโอบล้อมไปรอบกาย เขาหวาดหวั่นว่าเซี่ยฉางเฟิงจะแสดงพลังฝีมือที่น่ากลัวยิ่งกว่านี้อีก เมื่อสบโอกาสหนึ่งในพันครั้งขึ้นมาได้จึงไม่อาจที่จะปล่อยไปได้อย่างง่ายดาย
ก่อนที่เซี่ยฉางเฟิงจะกลายเป็นร่างไร้วิญญาณไปเช่นนี้ เขาได้ส่งพลังทั้งหมดที่มีทั้งชีวิตออกมาพร้อมกับลูกเตะครั้งสุดท้ายมายังท้องน้อยของหลงเฉิน ด้วยพลังอันมหาศาลอันน่าหวาดกลัวที่เข้าปะทะหลงเฉินจนต้องกระอักโลหิตออกมา แขนขาและศีรษะทั้งห้าส่วนสั่นเทาอย่างรุนแรงแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
หลงเฉินจึงรีบกลืนโอสถชำระภายในลงไปเม็ดหนึ่งเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดจากการบาดเจ็บสาหัส ในเวลาเดียวกันนั้นก็รู้สึกโชคดีขึ้นมาอยู่ไม่น้อย เซี่ยฉางเฟิงผู้นี้ถือได้ว่าเก่งกาจจนน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดผู้หนึ่งเลยทีเดียว
ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงจะขยับเขยื้อนรอคอยจนฤทธิ์โอสถเข้าควบคุมพิษฝ่ามือเอาไว้จนสมบูรณ์แล้ว ก็เริ่มกลับคืนสู่ความปกติดังเดิมอย่างช้าๆ
โอสถที่หลงเฉินได้หลอมและพกพาติดตัวเอาไว้ต่างก็เป็นโอสถที่มีผลลัพธ์ในการช่วยชีวิตแทบทั้งสิ้น อีกทั้งยังอยู่ในระดับสูงทั้งหมด จึงทำให้การฟื้นฟูเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่ก็คือคุณสมบัติอันดีของวิถีโอสถอย่างแท้จริง
หลงเฉินพยุงร่างขึ้นมาจากพื้น เยื้องย่างฝีเท้ามาหยุดลงตรงข้างศพของเซี่ยฉางเฟิง พลันก้มลงถอดแหวนมิติที่อยู่บนมือขององค์ชายออกมาเก็บไว้กับตัวเอง เพราะในตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาดูว่าด้านในนั้นมีสิ่งใดอยู่บ้าง
หลงเฉินเดินจากไปโดยไม่หันไปมองยังศีรษะที่เขาฟันขาดแม้แต่พริบตาเดียว มุ่งหน้าไปยังฉากการต่อสู้ของอาหมานในทันที
เมื่อเข้าไปใกล้บริเวณนั้นเสียงของอาหมานก็ได้กู่ร้องขึ้นมา ขวานยักษ์ในมือหอบสายลมหลายสายเข้าครอบงำบรรยากาศโดยรอบ คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กน้อยโง่เขลาผู้นั้นยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งห้าวหาญมากขึ้น แม้จะไร้ทั้งกระบวนและชั้นเชิงกลับยังสามารถปะทุพลังทำลายอันแปลกประหลาดออกมาได้ถึงเพียงนี้
เดิมทีหวังหมางถือกระบี่หนักของเขาด้วยมือเพียงข้างเดียว ทว่าในเวลานี้กลับใช้ทั้งสองมือกุมแน่นไปที่ด้ามของกระบี่ อีกทั้งสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกกำลังจ้องมองไปยังอาหมาน
ภายในจิตใจของหลงเฉินได้ระบายความอัดอั้นออกมาได้ส่วนหนึ่ง ชะตาชีวิตของเซี่ยฉางเฟิงได้ถูกตัดสินใจให้ตายลงไปแล้ว ส่วนหวังหมางที่เป็นถึงยอดฝีมือที่มีพลังอันแกร่งกล้าผู้หนึ่งกลับยังใช้แค่เพียงโทสะจึงเอาแต่ใช้พละกำลังต่อสู้กับอาหมานเท่านั้น
ถ้าหากมองจากพลังฝีมือที่แท้จริงของชายผู้นั้นแล้ว ขอแค่ใช้ทักษะเฉพาะออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็สามารถจัดการอาหมานลงได้อย่างง่ายดายแล้วแท้ๆ ทว่าในห้วงความคิดกลับมืดบอด เอาแต่ทำการต่อสู้ด้วยพลังกาย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปก็คงไม่อาจทานรับพลังของอาหมานได้
“ตูม”
เสียงระเบิดดังขึ้นมาครั้งที่เท่าใดแล้วนั้นก็ไม่ทราบได้ ในที่สุดหวังหมางก็ได้พ่ายแพ้ลงไป ไร้เรี่ยวแรงที่จะต้านทานอาหมานเอาได้อีกต่อไป จึงถูกสันขวานศึกเบิกผูภาซัดเข้าเต็มแรงจนลอยกระเด็นไปไกล
หวังหมางไม่ได้มีความโกรธแค้นดังเช่นตอนแรกเริ่มอีกแล้ว บนใบหน้าในเวลานี้มีเพียงความตื่นตกใจ เขาได้ใช้พละกำลังที่เหนือธรรมดาของตัวเองเข้าจัดการกับศัตรูมากมายมานับไม่ถ้วน ทว่าเหตุใดวันนี้กลับต้องมาพ่ายแพ้ให้กับเจ้าตัวโง่งมผู้หนึ่งอย่างราบคาบ
“ตึง”
ในขณะที่หวังหมางกำลังจ้องมองไปยังอาหมานด้วยความคิดที่แสนจะซับซ้อนอยู่หลายขุม ก็ไม่ทันได้ตั้งตัวว่าด้านหลังมีเงาร่างของคนผู้หนึ่งเพิ่มขึ้นมาอีกสาย ดาบยาวกวาดเข้ามาอย่างไร้ซึ่งซุ่มเสียงของสายลมผ่านลำคอของเขาไปอย่างฉับพลัน
หวังหมางรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังลอยสูงขึ้น ทว่าปฏิกิริยาแรกที่รู้สึกกลับไม่ใช่การเหาะเหิน สายตาทั้งคู่ก้มลงไปมองเห็นร่างกายของตัวเองยังคงอยู่บนพื้น ทันใดนั้นจิตสำนึกก็ได้ดับวูบเข้าสู่ความมืดมิดไปชั่วนิรันดร์
อาหมานเบิกตากว้างเมื่อพบว่าหวังหมางที่ต่อสู้กับเขาอยู่เมื่อครู่นั้นได้ถูกหลงเฉินลงดาบตัดศีรษะจนปลิวไปกลางอากาศเรียบร้อยแล้ว
“หวา”
ขวานศึกเบิกภูผาที่กำแน่นอยู่ในมือข้างหนึ่งก็ได้ร่วงลงบนพื้นดังตึง
หลงเฉินมองไปยังใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวของอาหมานที่จ้องมองไปที่ศพของหวังหมาง ก็นึกขึ้นมาได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่อาหมานพบเห็นการสังหารผู้คน จะแสดงปฏิกิริยาเช่นนี้ออกมาก็ย่อมไม่ผิดแปลกอันใด
“อาหมาน นี่คือความเป็นจริงอันแสนโหดร้าย หากพวกเราคิดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป พวกเขาก็จำเป็นจะต้องตาย” หลงเฉินกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น
“พี่หลง ข้าไม่เป็นไร” อาหมานส่ายหน้าไปมาด้วยสีหน้าคงเดิม “ขอเพียงพี่หลงเห็นชอบว่าพวกเขาสมควรตาย พวกเขาก็ต้องสมควรตาย”
หลงเฉินฝืนยิ้มออกมาในที่สุด หากกล่าวถึงหลักเหตุผลที่ลึกซึ้งกว่านี้ไป อาหมานก็คงไม่อาจที่จะทำความเข้าใจได้อยู่ดี ทว่าอาหมานกลับยังเชื่อมั่นต่อเขาถึงเพียงนี้ ก็อดที่จะรู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาไม่ได้
“พวกเรารีบไปกันเถิด……”
หลงเฉินเดินนำอาหมานออกจากบริเวณนั้นทันทีกล่าวจบ เขารู้สึกได้ถึงความไม่ถูกต้องบางอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้อย่างมากพอควร จู่จู่ทั่วทั้งร่างก็แข็งเกร็งขึ้นมาราวกับถูกสัตว์โบราณจับจ้องอยู่อย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งบรรยากาศกลับผสมผสานกลิ่นอายแห่งความตายที่โหดเ**้ยมขึ้นมา หลงเฉินหยุดฝีเท้าลงในทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นคล้ายกับอยู่ใจกลางของถ้ำน้ำแข็ง
ร่างที่แข็งเกร็งได้หันกลับไปยังเบื้องหลังที่จากมาเมื่อครู่นี้อย่างช้าๆ เหม่อมองไปยังยอดเขาที่ห่างไกลออกไปหลายสิบช่วงตัว เงาร่างของคนผู้หนึ่งยืนเด่นอยู่ท่ามกลางแมกไม้บนหน้าผาที่สูงชัน สายตาที่คุ้นเคยคู่นั้นก็กำลังจ้องมองมาที่เขาอยู่เช่นเดียวกัน
การปรากฏตัวของคนผู้นั้นทำให้นัยน์ตาของหลงเฉินขยายใหญ่ขึ้นมาในทันที ในที่สุดก็เข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วว่าสิ่งที่ตนกำลังหวาดกลัวได้อยู่ที่นั่นเอง กลับไม่ใช่มาจากแรงกดดันจากเซี่ยฉางเฟิงอย่างที่คาดคิดเอาไว้
“ผัวะผัวะผัวะ”
คนผู้นั้นยื่นมือทั้งสองข้างออกมาปรบมือเบาๆ ด้วยใบหน้าหน้าแฝงความชื่นชมเอาไว้ “ด้วยพลังการฝึกยุทธ์ในขั้นก่อรวม สามารถสังหารยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อโลหิตได้ติดต่อกัน รวมไปถึงยอดฝีมือที่อยู่ในจุดสูงสุดของพลังขั้นก่อโลหิต
เหอะเหอะ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะผู้หนึ่งอย่างแท้จริง สมกับเป็นบุตรชายของหลงเทียนเซียวจริงๆ”
น้ำเสียงเชยชมนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศของพลังธาตุหยินอันแรงกล้า น้ำเสียงที่คุ้นหูเป็นอย่างยิ่ง…ยิงฮวา ทว่าเงาร่างที่อยู่บนหน้าผากลับจ้องมองมาที่หลงเฉินประดุจพยัคฆ์ร้ายตัวหนึ่งจ้องจะตะครุบเหยื่ออย่างไรอย่างนั้น
ภายในทรวงอกของหลงเฉินราวกับถูกบีบคั้นจนอึดอัด ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดถึงได้เนื้อตัวสั่นไหวไปมาอยู่โดยตลอดตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว ที่แท้ก็ถูกยิงฮวาจับจ้องอยู่นี่เอง
ยิงฮวาคงจะมาถึงยังที่แห่งนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่หลบซ่อนแล้วจับตามองมาอยู่ในมุมมืดโดยตลอด ทันทีที่เขาสังหารเซี่ยฉางเฟิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ค่อยปรากฏตัวขึ้นมาในช่วงเวลาเช่นนี้
“เล่ห์เพทุบาย”
หลงเฉินสบถออกมาอย่างเหลืออด ยิงฮวามาเพื่อที่จะฆ่าเขาอย่างแน่นอน
“เป็นองค์ชายสี่ส่งเจ้าอย่างนั้นหรือ?” หลงเฉินใช้เท้าตวัดไปที่กระบี่หนักของหวังหมางเข้ามากุมอยู่ในมือ เพื่อให้เขาเกิดความรู้สึกที่ปลอดภัยขึ้นมาได้บ้าง
ยิงฮวาทอสีหน้างงงัน แล้วรีบเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มขึ้นทันที “เจ้าคิดว่าเป็นเช่นนั้นหรือ?”
หลงเฉินถอนหายใจออกมาก่อนจะตอบกลับไปว่า “ด้วยความชาญฉลาดของข้า มีหรือที่จะไม่รู้ถึงความนัยขององค์ชายสี่ คำพูดเช่นนั้นย่อมคิดขึ้นมาได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว”
“แล้วเหตุใดเจ้าถึงมั่นใจนักว่าข้าถูกองค์ชายสี่ส่งมา? แล้วเหตุใดจึงไม่ตัดสินใจที่ตัวข้าเอง?” ยิงฮวายังคงถามต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ย่อมไม่ใช่เจ้าอย่างแน่นอน ด้วยเรื่องเล็กน้อยในครั้งก่อนที่ทำให้เจ้าเกิดโทสะขึ้นมาอย่างไม่เสื่อมคลายได้นั่นไม่ใช่เจ้า จุดเด่นของเจ้าก็คือความอดทนอดกลั้น หากไม่เป็นเช่นนั้นเจ้าก็คงถูกบิดาของข้าเข้าควบคุมได้แล้ว” หลงเฉินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่สงบเป็นอย่างยิ่ง
ภายในห้วงความคิดก็บังเกิดภาพเรื่องราวขึ้นมาเป็นฉากๆ ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วดุจคลื่นน้ำในมหาสมุทร คำพูดที่ได้สนทนากับยิงฮวาทำให้เขาแน่ใจว่าองค์ชายสี่ต้องการจะสังหารตน
นับตั้งแต่แรกเริ่มองค์ชายสี่ได้คิดที่จะจัดการกับคนของตระกูลหลงอยู่แล้ว ก่อนหน้าที่งานประมูลจะสิ้นสุดลงก็ได้จงใจเปิดเผยโฉมหน้าของชายหนุ่มที่ลอบฆ่าหลี่เฮ่าในการต่อสู้ออกมา แท้ที่จริงแล้วคือการวางแผนมาเพื่อให้เขาจดจำชายผู้นั้นได้
ชายหนุ่มที่ลอบฆ่าหลี่เฮ่าเป็นองครักษ์ขององค์ชายใหญ่ก็แค่เพียงภายนอก ทว่าความจริงกลับเป็นคนขององค์ชายสี่ เป้าหมายก็เพื่อโยนความเกลียดชังทั้งหมดไปกองรวมอยู่ที่องค์ชายใหญ่นั่นเอง
ในช่วงเวลาตอนที่เขาได้ไปเยี่ยมฉู่เหยาก็แสร้งให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี จากนั้นก็ยอมรับว่าเขานั้นได้เคยทำการตรวจสอบเรื่องของตระกูลหลงมาก่อน ทว่าความนัยที่แฝงอยู่ในคำพูดกลับโยนให้องค์ชายใหญ่ว่าเป็นผู้ชักใยอยู่
เดิมทีหลงเฉินก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ทว่าหลังจากที่องค์ชายสี่ได้บอกกล่าวถึงช่วงเวลาและเส้นทางที่เซี่ยฉางเฟิงจะจากไป ก็ได้ชักนำความคิดของหลงเฉินให้กระจ่างแจ้งขึ้นมาอย่างถึงที่สุด
แม้หลงเฉินจะรู้ว่านั่นคือการหยิบยืมดาบเพื่อฆ่าฟันผู้อื่น ทว่าเขาทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อฉู่เหยา ต่อให้รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นกลอุบายอย่างหนึ่ง เขาก็ต้องเดินต่อไปอยู่ดี
หากองค์ชายสี่ทำการขายข่าวของเขาออกไป ก็เพียงแค่เข้าร่วมกับชุมนุมผู้หลอมโอสถ เสาะหาปรมาจารย์หวินฉีเพื่อให้การคุ้มครอง ผู้ใดก็ไม่สามารถจัดการเขาได้แล้ว
หลงเฉินไม่คิดเลยว่าองค์ชายสี่จะโง่เขลาได้ถึงเพียงนี้ ป่าวประกาศออกมาว่าเป็นศัตรูที่แท้จริง ผู้คนที่ฉลาดย่อมไม่กระทำการออกมาเช่นนี้อย่างแน่นอน
ทว่าการปรากฏตัวของยิงฮวาในขณะนี้ทำให้หลงเฉินรู้ว่าที่ตัวเองได้ไตร่ตรองอยู่นั้นยังง่ายดายจนเกินไป เขาประเมินฝีมือขององค์ชายสี่ต่ำเกินไปแล้วด้วยเช่นกัน
ความท้อใจบังเกิดขึ้นมาส่วนหนึ่ง ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าตัวเองได้ติดกับเข้าแล้ว
“หลงเฉิน สายตาที่ข้ามองเห็นเจ้าอยู่ในตอนนี้ช่างเหมือนกับที่ข้าเห็นหลงเทียนเซียวเมื่อตอนนั้นเลย ทั้งสภาวะทั้งท่าทีช่างเหมือนกันยิ่งนัก อีกทั้งความฉลาดเฉลียวก็เช่นกัน
เมื่อนานมาแล้วข้าได้พ่ายให้กับฝีมือของบิดาของเจ้า นับว่าเป็นสิ่งอัปยศที่สุดตั้งแต่เกิดมา ข้าไม่มีโอกาสที่จะแก้แค้นเขามาโดยตลอด
ตอนนี้ข้าสามารถท้าสู้กับหลงเทียนเซียวได้อย่างโจ่งแจ้งแล้ว ทว่าข้าจำเป็นจะต้องหาของขวัญสักชิ้นหนึ่งให้เขาเสียหน่อยหลังจากที่ไม่ได้พบหน้ากันมาเนิ่นนาน
เจ้าว่าหากข้าให้ศีรษะของบุตรชายของเขาเป็นของขวัญ เขาจะมีความสุขมากเพียงใดกัน? เหอะเหอะ ข้าว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่งเลยล่ะ” ยิงฮวาหัวเราะออกมาเสียงดังกังวาน
“ข้ารู้สึกว่าที่เจ้ามีชื่อเทียบเคียงกับบิดาของข้า นั่นถือเป็นความอัปยศของเขาแล้วล่ะ เจ้าไม่อาจได้รับชัยชนะเหนือบิดาของข้าหรอก อีกทั้งยังจะพ่ายแพ้ลงไปภายในไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้น
ในสายตาของบิดา เจ้าเป็นได้เพียงผู้พ่ายแพ้ไปตลอดกาลเท่านั้น แม้แต่คุณสมบัติที่จะไปท้าสู้ก็ยังไม่มี” หลงเฉินส่ายหน้าไปมาด้วยความเห็นอกเห็นใจ
ใบหน้าที่เคยราบเรียบของยิงฮวาได้เปลี่ยนเป็นความดุร้ายขึ้นมาอย่างไร้ที่เปรียบ เห็นได้ชัดว่าคำพูดของหลงเฉินได้เสียดแทงเข้าไปยังก้นบึ้งของจิตใจไปแล้ว
ยิงฮวาประสบผลสำเร็จตั้งแต่เยาว์วัย มีพรสวรรค์อันสูงส่ง ทว่ากลับเกิดมาผิดที่ผิดเวลา เกิดมาในช่วงสมัยที่มีหลงเทียนเซียวอยู่ด้วย
เขาท้าประลองกับหลงเทียนเซียวอยู่หลายครั้ง และได้รับความพ่ายแพ้อย่างไร้ข้อกังขา จนในครั้งสุดท้ายต้องถูกตัดนิ้วไปข้างหนึ่ง
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ยิงฮวาก็ได้ฝึกฝนอย่างหนักหน่วง อีกทั้งจิตใจก็เยือกเย็นมากขึ้นไปด้วย ถึงแม้ว่าภายหลังจะสามารถเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นได้สำเร็จจนกลายเป็นสามสุดยอดแห่งเฟิงหมิง ทว่าภายในจิตใจก็ยังคงมีมีแต่คำว่าพ่ายแพ้ต่อหลงเทียนเซียวเสมอมา
ช่วงเวลาที่เข้าสู่จุดสูงสุดของขอบเขตพลังเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนกลางแล้วก็พบว่านิ้วมือที่ขาดไปไม่อาจทำให้เขาทะลวงสู่ตอนปลายได้ จึงยิ่งเกลียดชังต่อหลงเทียนเซียวจนฝังเข้าไปในกระดูกดำ
ด้วยบุญส่งวาสนาเสริมที่ได้รับโอสถผลัดกล้ามเนื้อเปลี่ยนกระดูกไป นิ้วมือก็ได้งอกกลับมาครบสมบูรณ์อีกครั้ง จนในที่สุดก็สามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตพลังเปลี่ยนเส้นเอ็นระดับที่เจ็ดอันเป็นขั้นพลังตอนปลายได้แล้ว
ในเวลานี้ยิงฮวาจึงมีจิตใจอันแน่วแน่ว่าจะต้องฆ่าสังหารหลงเทียนเซียวให้จงได้ เพื่อยุติความอัปยศอดสูที่ชายผู้นั้นได้สร้างเอาไว้ให้กับเขามานานแสนนาน
และในวันนี้ได้ถือโอกาสมาสังหารหลงเฉินก่อน เพื่อนำศีรษะของบุตรชายไปกระตุ้นโทสะของหลงเทียนเซียว ย่อมเป็นชัยชนะก้าวแรกที่สมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน
ยิ่งได้รับฟังคำพูดแทงใจดำของหลงเฉินยิ่งไม่อาจข่มความเกรี้ยวกราดภายในจิตใจเอาไว้ได้อีกแล้ว คล้ายกับสุภาพบุรุษผู้หนึ่งที่ถูกลอกหนังหน้าเสแสร้งออกมาอย่างไร้เยื่อใย ภายในดวงตาทั้งคู่ของยิงฮวาจึงสาดประกายรังสีสังหารออกไปทั่วทั้งบริเวณ
“ข้าพูดจี้ใจดำเกินไปอย่างนั้นหรือ?บางเรื่องไม่จำเป็นต้องกล่าวก็แสดงออกมาทางสีหน้าอยู่ดีไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นก็จงแบกรับความอัปยศเช่นนั้นเอาไว้บนบ่า แล้วตายไปเสียเถิด” หลงเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ไม่มีความแยแสใดใดทั้งสิ้นแล้ว
ถึงแม้ว่าจะพูดออกไปด้วยท่าทีสุขสบาย ทว่ากระบี่หนักในมือกลับบีบแน่นขึ้นกว่าเดิม พลันก็ได้ไหลเวียนพลังหนุนขึ้นมาอย่างช้าๆ จนร่างกายรู้สึกดีขึ้นมาส่วนหนึ่ง
“เจ้าเดรัจฉานน้อย จงพบกับความตายซะ”
ยิงฮวาตะโกนด่าทอด้วยความเหลืออดเต็มที บรรยากาศโดยรอบปกคุลมด้วยความเย็นยะเยือกของขุมพลังหนึ่ง กว่าหลงเฉินจะตรวจสอบขึ้นมาได้ก็พบว่ายิงฮวาใช้กระบี่ยาวชี้เข้ามายังคอหอยของตัวเองแล้ว . . .