เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 80.1 การปะทะครั้งสุดท้าย

​เข้าสู่วันที่เก้า เมื่อหลงเฉินเดินผ่านสายธารสายหนึ่งเข้าสู่ผืนป่าทึบแห่งใหม่ที่อยู่ทางด้านหน้า ทันใดนั้นเองที่เหนือศีรษะก็เกิดความเคลื่อนไหวของบางอย่างขึ้นมาเป็นสาย

หลงเฉินเงยหน้าขึ้นไปช้าๆ พลันสีหน้าก็เหยเกขึ้นมาอย่างรุนแรง: ชีวิตข้าจะมาลงเอยเช่นนี้อย่างนั้นหรือ!

วานรตัวหนึ่งห้อยโหนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ แม้จะไม่ได้มีรูปร่างที่ใหญ่โตมากนัก ทว่าช่วงลำคอกลับแข็งทื่อเป็นอย่างยิ่ง ใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยหวาดระแวงกำลังจดจ้องมองมาที่หลงเฉินอย่างไม่กะพริบตา

หลงเฉินไม่กล้าขยับเขยื้อนร่างกายเลยแม้แต่น้อย ภายในจิตใจบังเกิดความเสียใจขึ้นมาเป็นอย่างมาก หลายวันมานี้เขาได้ตลบหลังปั่นหัวยิงฮวาจนหัวหมุนไปแล้ว จนเขาเองเริ่มเกิดความมั่นใจขึ้นมาได้

วานรตัวนั้นคงจะคอยติดตามเขามาโดยตลอด เพียงแต่มันเป็นสัตว์ป่าธรรมดาที่ไม่มีพลังในการจู่โจมอันใด ทว่ากลับทำให้หลงเฉินต้องเข้าสู่ความยุ่งยากอย่างถึงที่สุด

วานรเป็นสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่เป็นกลุ่ม เห็นได้ชัดว่าพื้นที่ของป่าแถบนี้เป็นเขตของมัน ส่วนวานรตัวนี้คงจะเป็นยามรักษาการณ์

เมื่อพวกมันพบว่ามีผู้บุกรุกล่วงล้ำเข้ามาหรือพบเจอกับอันตรายบางอย่าง มันก็จะส่งเสียงร้องก้องกังวานเพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้แก่พวกพ้อง

หลงเฉินเองก็ไม่ได้สังเกตว่าได้ล่วงล้ำเข้าสู่เขตแดนของพวกมันแล้ว พอรู้ตัวอีกทีก็ถึงคราวซวย เขาพยายามที่จะร่นถอยหลังไปอย่างช้าๆ พร้อมนัยน์ตาที่สื่อออกไปว่าตนกำลังจะจากไปแล้ว

ทว่ากลับยังช้าเกินไป เพียงครู่เดียวเจ้าวานรตัวนั้นก็ได้อ้าปากแผดเสียงในลำคอออกมา เสียงร้องของมันดังสะท้อนกับต้นไม้สูงใหญ่หลายสิบจั่งกว่าหลายร้อยต้นลากยาวออกไปไกลอีกกว่าสิบลี้

หลงเฉินเบิกดวงตากลมจนแทบจะถลนออกมา หากเขาสามารถกระโดดไปอยู่ด้านข้างของเจ้าวานรตัวนั้นได้ แน่นอนว่ามันจะต้องถูกสับออกเป็นชิ้นๆ ด้วยคมกระบี่ของเขาเป็นแน่แท้

หลังจากที่วานรตัวนั้นกู่ร้องคำรามออกไปจนเสียงสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทั้งผืนป่า เสียงของวานรตัวอื่นก็เริ่มขานร้องตามไม่หยุดราวกับกำลังแจ้งเตือนอย่างไรอย่างนั้น จนสภาวะจิตใจของหลงเฉินเกิดความว้าวุ่นทุรนทุรายอย่างไม่อาจบรรยายได้ ทันใดนั้นหลงเฉินก็ได้จับจ้องออกไปยังบริเวณที่ไกลห่างออกไป ก็พบเงาร่างของคนผู้หนึ่งกำลังมุ่งหน้าวิ่งตะลุยเข้ามาทางหลงเฉินอย่างปราดเปรียวประดุจดาวตกสายหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น

สายตาหรี่เล็กลงอย่างทันควัน ยิงฮวากำลังวิ่งประดุจเหาะเหินเข้ามาใกล้แล้ว ภายในดวงตาแผ่รังสีฆ่าฟันออกมาอย่างแรงกล้า ยิงฮวาพบเขาเข้าเสียแล้ว จะหนีไปตอนนี้ก็คงเปล่าประโยชน์อันใด

ทางที่ดีหลงเฉินควรละทิ้งหนทางที่จะหลบหนีจะเป็นการดีที่สุด ถูกอีกฝ่ายพบเห็นร่องรอยฝีมือไปแล้วก็ไม่อาจที่จะใช้ออกมาได้อีก ในขณะนี้มีแต่ต้องเอาชีวิตเข้าแลกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

“หลงเฉิน ถ้าหากไม่ได้บดขยี้เจ้าจนกลายเป็นเถ้าถ่านไป ข้าจะไม่ขอใช้แซ่ยิงอีก” ยิงฮวาขบเคี้ยวเขี้ยวฟันพร้อมกับตะบังหน้าตั้งเข้ามาใกล้

ภายในดวงตาทั้งสองของยิงฮวาประดุจมีประกายเพลิงลุกโชนขึ้นมาอย่างเดือดดาล  แปดวันที่ผ่านมานี้ประหนึ่งผ่านไปแรมปี โดยเฉพาะ ’ของขวัญ’ จากหลงเฉินที่ทำให้ยิงฮวาผู้รักความสะอาดแทบจะคิดสั้นฆ่าตัวตายไปให้จงได้

ในวันที่แปดนั้นเขาแทบจะไม่ได้ลิ้มรสอาหารใดเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังคงอาเจียนไม่หยุด จนบัดนี้ความแค้นที่เขามีต่อหลงเฉินอยู่ในระดับที่เกินกว่าของหลงเทียนเซียวไปแล้ว เมื่อเห็นหลงเฉินยังมีชีวิตอยู่ที่เบื้องหน้า ทั่วทั้งร่างก็สั่นเทิ้มขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้

“เจ้าจะแซ่ยิงหรือไม่นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้า ข้าไม่ใช่บิดาของเจ้าจึงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเช่นนี้อยู่แล้ว” หลงเฉินส่ายหน้าไปมา กระบี่หนักเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นมาในมือ

หลายวันมานี้เขาพยายามจะปลุกเร้าความกล้าหาญขึ้นมาในจิตใจ กระทุ้งความฮึกเหิมให้เพิ่มมากขึ้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับยิงฮวาอย่างไม่คาดฝัน และในขณะนี้เขาก็รู้สึกได้ถึงจิตสมาธิที่เข้าสู่ระดับสูงสุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนราวกับว่าขอบเขตของตัวเองได้เพิ่มพูนขึ้นไปด้วย

นี่เป็นความรู้สึกลี้ลับที่ยิ่งกว่าลี้ลับชนิดหนึ่ง ความรู้สึกที่ไม่อาจกล่าวออกมาได้อย่างชัดเจน คงจะแปรเปลี่ยนไปตั้งแต่ช่วงที่ถูกยิงฮวาไล่ล่าเสมือนอยู่ในบรรยากาศแห่งความตาย

“ฮาฮาฮาฮา เจ้ากระตุ้นโทสะของข้าเช่นนี้ คิดจะให้ข้ารวบรัดความตายให้แก่เจ้าหรืออย่างไรกัน? เจ้าอย่าได้ฝันไปเลยว่าข้าจะทำให้เจ้ามีชีวิตอยู่บนโลกหล้าแห่งนี้” ยิงฮวาระเบิดโทสะออกมาอย่างเดือดดาล หมดสิ้นแล้วซึ่งความสุขุมอย่างที่เคยเป็น

“ข้าไม่ได้กระตุ้นโทสะของเจ้า ของขวัญของข้ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง?” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

เมื่อได้ยินคำว่า ‘ของขวัญ’ สีหน้าของยิงฮวาก็ซีดขาวลงไปในทันที ภายในกระเพาะเริ่มกระอักกระอ่วนขึ้นมาอีกครั้ง

“ไปตายเสียเถิด”

ยิงฮวาแผดเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว แล้วขยับกระบี่ยาวในมือครั้งหนึ่งจนสาดประกายคมกล้าสายหนึ่งมายังร่างของหลงเฉินอย่างรวดเร็ว

หลงเฉินได้เตรียมการตั้งรับเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อเห็นว่ายิงฮวายื่นกระบี่เข้ามา เขาก็ยกแขนขึ้นในทันที

“เคร้ง”

เสียงปะทะกันของเหล็กกล้าสร้างแรงระเบิดขึ้นมาเสียงดัง หลงเฉินล่าถอยไปไกลกว่าก้าวจึงค่อยทรงตัวยืนเอาไว้ได้ กลางทรวงอกเกิดอาการโลหิตไหลย้อนขึ้นมาระลอกหนึ่ง

เมื่อมองขึ้นไปทางด้านของยิงฮวากลับพบว่าชายฉกรรจ์ผู้นั้นถอยหลังไปเพียงสามก้าวเท่านั้น หลงเฉินถอนหายใจออกมารัวแรง ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นช่างเป็นอุปสรรคอันยิ่งใหญ่จนเกินไปแล้ว

แม้ในตอนนี้พลังฝีมือของเขาได้ฟื้นฟูกลับมากกว่าเก้าส่วนแล้ว ทว่าก็ยังไม่เพียงพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของยิงฮวาได้ อีกทั้งหากกระตุ้นพลังขึ้นมาจนถึงขีดสุดก็ยังต้องพ่ายให้แก่พลังอันมหาศาลที่คงอยู่อย่างยาวนานของยิงฮวาอยู่ดี

ด้วยความแตกต่างอย่างเหนือชั้นเช่นนี้จึงเป็นเหตุผลว่าเหตุใดยิงฮวาถึงสามารถอยู่ในระดับสูงสุดได้ทั้งที่ทั่วทั้งจักรวรรดิเฟิงหมิงมีผู้ฝึกยุทธ์มากมายนับไม่ถ้วน

แววตาของยิงฮวาจ้องมองไปยังหลงเฉินที่สามารถต้านทานการจู่โจมของตัวเองได้ จึงหรี่ดวงตาเล็กลง แท้ที่จริงแล้วทรัพย์สินของผู้หลอมโอสถคงจะมั่งคั่งเป็นอย่างยิ่งถึงทำให้หลงเฉินที่หลบหนีอยู่ในสภาพปางตายกลับสามารถฟื้นฟูร่างกายขึ้นมาได้หลายส่วนอย่างรวดเร็วเพียงนี้

เมื่อเห็นสภาวะเช่นนั้นของหลงเฉินก็ทราบได้ว่าเขาคงจะใช้โอสถไปไม่น้อยอย่างแน่นอน แม้ยิงฮวาจะไม่ใช่ผู้หลอมโอสถ ทว่าก็รับรู้ได้ถึงระดับพลังฝีมือในการหลอมโอสถของเขาว่าอยู่ในระดับสูงที่จะพบเห็นได้ไม่มากนัก

นี่จึงเป็นเหตุให้ยิงฮวาเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาเต็มจิตใจ หากเขาเองก็เป็นผู้หลอมโอสถผู้หนึ่งหรือว่ามีโอสถติดตัวมามากมาย เขาจะสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาอันทรมานหลายวันนี้ไปได้อย่างไร อีกทั้งจะสามารถฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาถึงกว่าเจ็ดส่วนได้อย่างนั้นหรือ?

เมื่อนึกคิดอย่างวุ่นวายมาจนถึงตรงนี้ ยิงฮวาก็รู้สึกว่าสวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย ท่ามกลางผู้คนที่อยู่รุ่นราวคราวเดียวกับเขาก็ยังมีการปรากฏตัวของหลงเทียนเซียวที่คอยกดขี่เขามาโดยตลอดจนยากที่จะชูเชิดตัวเองขึ้นมาได้

และยิ่งไปกว่านั้นหลงเทียนเซียวยังได้ให้กำเนิดบุตรผู้ไร้ขีดจำกัดทั้งเป็นผู้หลอมโอสถทั้งที่ยังเยาว์วัย ทั้งยังมีวิถีเชิงยุทธ์ที่มีพรสวรรค์สูงส่งจนน่าประหลาดใจ

เมื่อเทียบกับหลงเทียนเซียวแล้ว เขาช่างล้มเหลวอะไรถึงเพียงนี้ จู่จู่ดวงตาทั้งสองข้างก็แดงซ่านขึ้นมา เส้นโลหิตทั่วร่างกายปูดพองราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยง กระบี่ยาวในมือส่งเสียงเอียดอาดคล้ายกับแผ่รังสีอันคมกล้าปกคลุมไปทั่วทั้งผืนฟ้า แล้วตัดผ่านอากาศเป็นทางยาวมุ่งหน้าเข้ามาทางหลงเฉินอย่างรวดเร็ว

หลงเฉินสูดลมหายใจเข้าลึกเฮือกหนึ่ง ยิงฮวาในตอนนี้คล้ายกับคนบ้าผู้หนึ่งไปแล้ว อีกทั้งยังใช้พลังโจมตีออกมาทั้งหมด คงไม่ต้องเอ่ยว่าหลงเฉินจะต้านทานได้กี่กระบวนท่ากัน

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset