เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 83 เสียงลึกลับ

แสงจากตะวันรุ่งอรุณพยายามสาดลอดเข้ามายังกลุ่มแมกไม้ที่หนาแน่น หลงเฉินลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ เวลาล่วงเลยผ่านไปนานเพียงใดก็ไม่อาจทราบได้ อาจจะเพียงหนึ่งชั่วยามหรืออาจจะเป็นวัน

เสียงเรียกขานของเหล่าวานรภายในป่าลึกทำให้เขาสะดุ้งขึ้นมา สายตาเหลือบมองไปยังคราบโลหิตที่อยู่ทั่วร่างกายซึ่งบัดนี้ได้แห้งกรังไปทั้งหมดแล้ว

โชคยังดีที่บาดแผลเหล่านั้นแข็งตัวขึ้นมา ไม่เช่นนั้นแล้วโลหิตอาจจะไหลรินออกจากร่างกายจนแห้งตายไปแล้ว เมื่อเริ่มมีสติสมบูรณ์แล้วหลงเฉินก็ค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ทว่าจู่จู่บรรยากาศโดยรอบก็ราวกับพลิกกลับไปมาจนร่างอันทรุดโทรมของเขาเกือบจะล้มลงทั้งยืน

หลงเฉินเกาะยันไปที่ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านข้างเพื่อคอยพยุงร่างเอาไว้ ผ่านไปครู่หนึ่งเมื่อทุกอย่างเข้าที่อีกครั้ง เขาก็ได้เงยหน้าขึ้นแล้วมองออกไปรอบด้าน พบเห็นแต่ต้นไม้ที่มียอดสูงกว่าสิบกว่าช่วงตัวคนกับวานรส่งเสียงร่ำร้องอย่างไม่คิดชีวิตพร้อมทั้งเขย่ากิ่งก้านของต้นไม้อย่างรุนแรง

หลงเฉินทราบได้ทันทีว่าต้องมีอะไรบางอย่างกำลังคืนคลานเข้ามาในผืนป่าแห่งนี้ ไม่รู้ว่าเป็นสัตว์ร้ายหรือว่าเป็นมนุษย์กัน? ทว่าไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดต่างก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับหลงเฉินเลย จากนั้นเขาก็เก็บกระบี่หนักเอาไว้ภายในแหวนมิติ แล้วนำโอสถออกมาเม็ดหนึ่ง

เมื่อสำรวจไปยังรอยแผลบนร่างกายทั้งหมด หลงเฉินก็กัดฟันแน่น ก่อนจะกลืนโอสถลงเม็ดหนึ่งลงไป แล้วใช้มือข้างหนึ่งวางแนบไปยังบาดแผลที่เริ่มเปิดแยกออกมาจากการเคลื่อนไหวร่างกายของเขาเมื่อครู่

โลหิตสายหนึ่งไหลรินออกมาจากปากแผลในทันที ภายในนั้นมีเศษชิ้นส่วนเล็กๆ ของคมกระบี่ หลงเหลืออยู่ รู้สึกได้ถึงความเย็นจากเหล็กกล้า อันส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการฟื้นฟูร่างกายจึงไม่อาจทิ้งเอาไว้ได้ยาวนานนัก

ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การจัดการกับพวกมัน ทว่าหากปล่อยทิ้งเอาไว้ภายในร่างกาย เศษซากพวกนี้จะเป็นอันตรายต่อเขาในช่วงที่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย

หลงเฉินใช้โอสถห้ามเลือดเอาไว้ แล้วค่อยๆ ไหลเวียนสิ่งอุดตันที่อยู่ภายในเส้นโลหิตจนทำให้มีโลหิตไหลทะลักออกมาด้วยส่วนหนึ่ง ทว่าส่วนนั้นก็ถือว่าเสียไปไม่น้อยเลย จนหลงเฉินไม่มีเรี่ยวแรงมากเพียงพอที่จะเดินทางต่อไปได้อีก

ผ่านไปได้ไม่กี่พริบตาหลงเฉินก็สามารถนำเศษของคมกระบี่ออกมาได้สิบกว่าชิ้น เศษเหล่านั้นเกิดจากการแตกหักของกระบี่ยาวของยิงฮวา จึงทำให้พวกเขาต่างก็ได้รับบาดเจ็บจากมันด้วยกันทั้งคู่

ทันทีที่กำจัดเศษกระบี่ออกไปได้ทั้งหมด หลงเฉินก็เริ่มรู้สึกได้ว่าโลกหมุนเคว้งคว้างอีกครั้ง นี่เป็นผลจากการสูญเสียสายโลหิตที่มากจนเกินไป เขาพยายามหรี่ดวงตาให้เล็กลงแล้วจ้องมองไปยังวานรที่กำลังส่งเสียงร้องดังขึ้นมาเรื่อยๆ จึงตระหนักได้ว่าอะไรบางอย่างที่ว่านั้นกำลังใกล้เข้ามาแล้ว

จากนั้นเขาก็ได้กลืนโอสถลงไปอีกหลายเม็ดแล้วพยุงร่างกายที่อ่อนล้าโรยแรงให้ลุกขึ้นมาแล้วมุ่งหน้าเข้าไปยังหุบเขาอีกด้านหนึ่ง ขณะนี้ยิงฮวาก็ได้หลบหนีไปแล้ว ฉะนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องเสาะหาสถานที่สักแห่งหนึ่งเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บทั่วทั้งร่างกาย

การต่อสู้กับยิงฮวาในครั้งสุดท้ายนั้นเขาได้ใช้ทักษะยุทธ์เบิกสวรรค์ออกมา จนทำให้เส้นโลหิตทั่วทั้งร่างกายขาดสะบั้นจนสิ้น ไม่อาจที่จะใช้ลมปราณได้อีกแล้ว ในตอนนี้ร่างกายของเขาจึงเข้าสู่ช่วงที่อ่อนแอที่สุดก็ว่าได้

หลังจากที่เดินผ่านเส้นทางลาดชันของหุบเขามาไกลนับสิบลี้แล้ว ที่เบื้องหน้าสายตาของหลงเฉินได้ปรากฏสายธารอันกว้างใหญ่สิบช่วงตัวขึ้นมา หลงเฉินกวาดสายตาออกไปมองรอบๆ ก็พบว่าทางใต้ของหุบเขามีขอนไม้ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ เขาออกแรงดันขอนไม้ผุผังนั้นลงไปขวางแนวลำธารในทันที

ด้วยเหตุที่ว่าขอนไม้นั้นทั้งเ**่ยวเฉาและผุจึงกร่อน มันจึงเกิดการลอยตัวขึ้นมาเหนือน้ำ หลงเฉินออกคลานไปตามแนวยาวของขอนไม้จนสามารถนำไปร่างกายให้ไหลไปตามสายธารอันเชี่ยวกราดได้ในที่สุด ทว่าบาดแผลที่ถูกน้ำแทรกซึมเข้า รวมไปถึงสิ่งสกปรกที่ปะปนอยู่ในน้ำก็ได้ทำให้บาดแผลยิ่งทวีความเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก

สายธารไหลไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หลงเฉินเกาะขอนไม้เอาไว้แน่น นี่เขาไหลไปตามเส้นทางสายน้ำกว่าหนึ่งวันเต็มๆ แล้ว ในระหว่างที่โสตประสาทกำลังมึนงงอยู่นั้น จู่จู่ก็ได้ยินเสียงครืดคราดดังขึ้นมาจากเบื้องหน้า

หลงเฉินรีบกวักน้ำอย่างวุ่นวายแล้วมุ่งหน้าเข้าสู่ชายฝั่งในทันที เมื่อมองไปยังต้นเสียงนั้นก็พบเห็นน้ำตกสายหนึ่งที่ไหลชันลงไปตามหน้าผาสูง จึงเกิดความตื่นตกใจขึ้นมาฉับพลัน

น้ำตกสายนั้นมีความสูงเกือบหนึ่งร้อยจั่ง ถ้าหากรู้สึกตัวช้ากว่านี้คงจะร่วงหล่นลงไปยังเบื้องล่างอย่างแน่นอน และด้วยความสูงระดับนี้ชีวิตย่อมต้องจบสิ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

หลังจากที่หลงเฉินขึ้นไปบนชายฝั่งอย่างปลอดภัยแล้ว เบื้องหน้าของเขาก็มีผืนป่าแถบหนึ่งที่เหมาะจะเป็นสถานที่เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ หลงเฉินได้ทิ้งร่องรอยของเขาไปตามสายธารที่เข้าสู่อีกเส้นทางหนึ่ง หากมีคนเสาะหาเขาขึ้นมาก็คงจะต้องเสียเวลาอันเสียหน่อยแล้ว

จากนั้นเขาก็ได้มุ่งหน้าเข้าไปในผืนป่าที่อยู่กึ่งกลางของหุบเขาลึก ทว่ากลับเป็นหุบเขาลึกที่ไม่ได้กว้างใหญ่มากนัก เพราะมีลานศิลาขนาบอยู่ทั้งสองฝั่ง สถานที่เช่นนี้คงจะเสาะหาถ้ำได้ไม่ยากซึ่งถือเป็นเสมือนเขตคุ้มกันโดยธรรมชาติ

เมื่อฝีเท้าก้าวไปยังเบื้องหน้าได้ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นเองหลงเฉินก็รู้สึกถึงความหวั่นไหวภายในจิตใจ เสียงลมโหยหวนดังขึ้นมาจากด้านหลัง และกำลังพุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“ซูม”

สัตว์ป่าขนาดใหญ่มหึมาตัวหนึ่งกระโดดขวางทางอยู่เบื้องหน้า หากหลงเฉินรู้สึกตัวช้าไปกว่านี้คงจะต้องเหยียบจมพื้นพสุธาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย

หลงเฉินเกลือกกลิ้งไปบนพื้นหลายตลบเพื่อหลบจากการจู่โจมของสัตว์ร้ายตัวนั้น เมื่อร่างกายหยุดลง เขาก็ได้เงยหน้าไปมองอย่างช้าๆ ก็พบกับร่างใหญ่ของหมีตัวหนึ่งที่มีความสูงมากกว่าหมีธรรมดาอยู่หนึ่งเซียะกำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยแววตาดุร้าย

“หมีศิลา”

หลงเฉินฉงนสงสัยขึ้นมาภายในจิตใจ นี่เป็นสัตว์มายาระดับหนึ่งที่มีเส้นขนสีอิฐ พวกมันสามารถอำพรางตัวอยู่ท่ามกลางโขดศิลาได้โดยไม่มีผู้ใดสามารถมองออก

หมีศิลามีร่างกายที่ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก ทว่าความเร็วในการเคลื่อนที่กลับว่องไวเป็นอย่างยิ่ง กรงเล็บและคมเขี้ยวก็แหลมคมอย่างไร้ที่เปรียบราวกับหนามของบอระเพ็ด

หลงเฉินไร้ซึ่งพลังปราณเพราะได้ถูกลดทอนไปจากการบาดเจ็บ จนไม่อาจที่จะตรวจสอบภยันตรายที่อยู่รอบตัวได้เลย

“ซูม”

เมื่อครู่นี้หมีศิลาโจมตีไม่โดนเป้าหมายมันจึงทวีความดุร้ายขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง เท้าหลังถีบยันกับพื้นไปทางด้านหลัง แล้ววิ่งตรงเข้ามาหาหลงเฉินด้วยความเร็วสูงจนน่าหวาดหวั่น

โดยส่วนมากแล้วหมีเป็นสัตว์ที่ไม่ได้น่ากลัว ทว่าร่างกายของหมีศิลานั้นกำยำยิ่งกว่าวัวตัวผู้ตัวหนึ่ง อีกทั้งกรงเล็บและฟันอันแหลมคมของมันยังทำให้มันสามารถขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารของเหล่าสัตว์มายาระดับหนึ่ง

เมื่อเห็นหมีศิลากำลังจะกระโจนเข้ามาด้วยความว่องไวปานสลายฟ้าแลบ หลงเฉินก็สบถออกมาอย่างเย็นชา มือข้างหนึ่งลูบไปที่แหวนมิติแล้วหยิบกระบี่หนักออกมาถือไว้ในมือ จากนั้นเขาก็ฟาดฟันมันออกไปยังร่างของหมีศิลาที่อยู่เบื้องหน้า

“ซูม”

ขณะที่กระบี่หนักกำลังจะแทงเข้าที่ศีรษะของหมีศิลา จู่จู่แขนของหลงเฉินก็สั่นสะท้านขึ้นมาจนไม่อาจกุมกระบี่หนักเอาไว้ได้จนถูกชนกระเด็นออกไปด้วย

“บัดซบ เรี่ยวแรงมีไม่ถึงหนึ่งในสิบเสียด้วยซ้ำไป”

หลงเฉินแตกตื่นขึ้นมายกใหญ่ ตอนนี้เขาไม่สามารถใช้พลังลมปราณได้แม้แต่เล็กน้อย อีกทั้งร่างกายยังอ่อนล้าจากอาการบาดเจ็บอยู่

กระบี่หนักยังสามารถแทงเข้าไปในศีรษะของหมีศิลาได้ ทว่าด้วยแรงอันมหาศาลของสัตว์ป่าตัวนั้นทำให้ร่างของเขาปลิวไปตามแรงปะทะด้วยเช่นกัน บาดแผลบนร่างกายเริ่มปริแตกออกจากกัน สายโลหิตเริ่มไหลรินออกมาเป็นสายอีกครั้งหนึ่ง

“โฮก”

กระดูกะโหลกของหมีศิลาถูกแทงจนทะลุ มันส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดออกมาเสียงดัง หากเป็นสัตว์ป่าตัวอื่นโดยทั่วไปที่โดนการโจมตีอันหนักหน่วงเช่นนี้คงจะต้องเจ็บปวดจนหลบหนีไปแล้วอย่างแน่นอน

ทว่าขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์มายาแล้วต้องยกย่องให้กับความแข็งแกร่งของพวกมัน สัตว์มายาทุกตัวมักจะมีกระดูกที่แข็งและหนา อีกทั้งยังมีสัญชาตญาณของความดุร้ายมาตั้งแต่กำเนิดแล้ว การโจมตีของหลงเฉินจึงเปรียบเสมือนการปลุกเร้าสัญชาตญาณอันดุร้ายของมันขึ้นมาอย่างถึงที่สุด จนไม่ได้สนใจโลหิตที่ไหลท่วมศีรษะหรือความเจ็บปวดของบาดแผลเลยแม้แต่น้อย หมีศิลาส่งเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดแล้วพุ่งเข้ามาหาหลงเฉินอีกครั้ง

หลงเฉินร่นถอยหลังไปบนพื้นเพื่อหลบเลี่ยงกรงเล็บของหมีศิลา ทันใดนั้นเขาก็ได้ยกเท้าออกไปข้างหนึ่งแล้วยันไปที่ศีรษะของหมีศิลาเต็มแรง ทว่ากลับไม่ได้ทำให้มันบาดเจ็บได้เลยแม้แต่น้อย

“ซูม”

หมีศิลากระโจนตัวลุกขึ้นมาจากพื้นดินพร้อมทั้งพุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ภายในจิตใจของหลงเฉินบังเกิดความว้าวุ่นขึ้นมาอย่างมาก หากมีโอกาสที่จะแทงไปยังศีรษะของมันด้วยอีกหนึ่งคมกระบี่ย่อมต้องสามารถสังหารมันได้อย่างแน่นอน

แต่กระบี่หนักถูกซัดจนลอยกระเด็นห่างออกไปไกลกว่าสิบช่วงตัวแล้วเมื่อครู่นี้ สิบช่วงตัวนั้นไม่ได้ห่างไกลมากหากหลงเฉินอยู่สภาวะร่างกายที่สมบูรณ์ อีกทั้งในขณะนี้ยังหมีศิลาผู้ปราดเปรียวคอยพัวพันอยู่ ระยะสิบกว่าช่วงตัวนี้จึงราวกับอยู่อีกคนละฟากฟ้าอย่างไรอย่างนั้น

“เหอะ”

ร่างกายที่อ่อนล้าโรยแรงทำให้ปฏิกิริยาการตอบสมองทุกอย่างล้าช้าไปด้วย ถึงแม้ว่าจะหลบรอดจากคมเขี้ยวของหมีศิลาได้อย่างหวุดหวิดไปหลายครั้ง ทว่ากลับถูกกรงเล็บของมันกวาดเข้ามาจนถูกแหวกหนังอกเป็นทางยาว

“ครืด”

หลงเฉินถูกเท้าใหญ่ของหมีศิลาเตะจนลอยกระเด็นออกไป ทันทีที่ร่วงลงสู่พื้นสายตาของเขาก็มืดดับลงไป ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่อาจมองเห็นได้อีกแล้ว

หลงเฉินถอนหายใจที่โรยรินออกมา เขาสูญเสียโลหิตมากจนเกินไป จากนั้นก็เข้าสู่ความว่างเปล่าไปในทันที ‘คิดไม่ถึงว่าเลยว่าข้าจะต้องมาพบกับจุดจบที่น่าเวทนาเช่นนี้ได้’

โสตประสาทได้ยินเสียงพัดโบกของสายลมอันเย็นยะเยือก ลิ้มรสคาวขมของโลหิตที่อัดแน่นอยู่ภายในปากที่กำลังเริ่มเข้าสู่ลำคอแล้ว

“ฟุบ”

เสียงบางอย่างดังขึ้นมา เขารับรู้ได้ว่าลำคอกำลังร้อนผ่าวอย่างมาก อีกทั้งยังมีของเหลวไหลผ่านอยู่ในนั้น

จากนั้นก็มีเสียงดังมาจากที่ที่ห่างไกลออกไป นั่นเป็นเสียงของมนุษย์ผู้หนึ่งอย่างแน่นอน ทว่ากลับเล็กแหลมเป็นอย่างมาก คนผู้นั้นคงจะเป็นเด็กสาวอย่างแน่นอน จากนั้นเงาสีดำทมิฬก็เข้ามาใกล้ใบหน้าของหลงเฉินเป็นอย่างมาก

เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองกำลังถูกเคลื่อนย้ายคล้ายกับกำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ แล้วก็ถูกวางลง พลันก็มีเงาร่างสีดำอีกนับไม่ถ้วนเข้ามาใกล้

“เจ้าควรตื่นได้แล้ว เจ้ายังมีเรื่องที่ต้องกระทำอีกมากมายในชีวิต และเรื่องเหล่านั้นก็กำลังรอคอยให้เจ้าไปจัดการให้สำเร็จลุล่วงอยู่”

“เจ้าควรแข็งแกร่งขึ้นได้แล้ว เจ้ามีศัตรูอยู่มากมายและมากมายจนเกินไป รอคอยให้เจ้าไปสังหารอยู่”

“ชะตากรรมของเจ้าก็คือการโค่นล้มโลกหล้าแห่งนี้ จะเทพหรือมารก็ยังต้องหมอบกราบอยู่ใต้เท้าของเจ้า หลงเฉิน รีบตื่นขึ้นมาเถิด”

ท่ามกลางความมืดมิด ก็ยังมีเสียงดังขึ้นไม่หยุดจนกึกก้องไปทั้งโสตประสาทของหลงเฉิน เสียงนั้นมากจากคนละทิศทาง ทางซ้ายบ้างทางขวาบ้างอย่างวุ่นวาย ราวกับมีพลังงานชนิดหนึ่งกำลังชักจูงจิตวิญญาณของเขาอยู่อย่างไรอย่างนั้น

หลงเฉินได้ยินทุกวาจาได้อย่างชัดเจน ทว่าเขากลับไม่อาจขานรับออกไปได้ เพราะไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะเปิดปากออก พอคิดที่จะลืมตาก็ไม่มีเรี่ยวแรงด้วยเช่นกัน เสียงเหล่านั้นคล้ายกับเป็นเสียงจากทั้งอดีตที่ผ่านพ้นมาแล้วและเสียงจากอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

หลงเฉินจดจำทั้งสามประโยคได้จนขึ้นใจ จากนั้นสติก็ดับวูบไปสู่ห้วงความมืดมิดที่ลึกยิ่งกว่าเดิม เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากมือคู่หนึ่งกำลังลูบไล้ไปที่ใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบาคล้ายกับความอบอุ่นจากมารดาอย่างไรอย่างนั้น

……

สีหน้าขององค์ชายสี่เหยเกอย่างถึงขีดสุด สายตาคู่คมจ้องมองไปยังร่างที่นอนแผ่อยู่บนเตียง ทั่วทั้งร่างมีสีดำสนิทที่กำลังส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมาอย่างรุนแรง แทบจะไม่เชื่อสายตาของตนเองได้เลย

ยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นผู้หนึ่งที่ตามไปไล่ล่าเจ้าหนูที่มีพลังขั้นก่อรวมผู้หนึ่ง ทว่ากลับต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ หากไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเองก็คงจะไม่เชื่ออย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้เหล่าพลทหารเบื้องล่างได้รายงานกลับมาว่ายิงฮวาได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส ความคิดแรกที่วูบเข้ามาก็คือยิงฮวาก็จะไปพบเจอกับสัตว์มายาที่น่าหวาดกลัวอย่างแน่นอน

ทว่ายิงฮวาที่อยู่เบื้องหน้าในตอนนี้มีสภาพเสมือนคนที่ตายไปแล้วเสียมากกว่าคนที่ยังมีชีวิตอยู่ จากนั้นยิงฮวาก็ได้ลืมตาตื่นขึ้นมา ภาพใบหน้าของชายหนุ่มผู้หนึ่งปรากฏขึ้นมาเป็นภาพแรก

เมื่อได้เห็นใบหน้าที่คุ้ยเคยนั้น ภายในจิตใจของเขาก็เกิดความว้าวุ่นขึ้นมาจนกระวนกระวาย สิ่งที่เป็นส่วนสำคัญที่สุดของแผนการกลับมาทำให้ล้มเหลวลงไปได้

องค์ชายสี่เองก็ไม่เคยคิดที่จะดูแคลนหลงเฉินมาก่อน ทว่ากลับไม่คิดว่าชายหนุ่มผู้นั้นจะสามารถรอดพ้นจากการลงมือของยิงฮวาไปได้ อีกทั้งยังทำให้ยิงฮวาได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้อีก

“ขออภัย เป็นข้าที่ได้ใจมากเกินไป”

ยิงฮวากล่าวออกมาด้วยความละอายใจ เขาเป็นถึงยอดฝีมือในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นแล้ว ทว่ากลับพลาดท่าให้กับเจ้าหนูที่อยู่ในขั้นก่อรวมเพียงคนเดียว จนเกือบต้องทิ้งชีวิตไปแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่น่าอดสูอย่างถึงที่สุด

องค์ชายสี่ส่ายหน้าไปมาแล้วเอ่ยวาจาแรกขึ้นมา “ด้วยนิสัยของเจ้าแล้วข้าย่อมเข้าใจดี เจ้าไม่ใช่คนที่มีจิตใจเช่นนั้น การพ่ายแพ้กลับมาในครั้งนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเราต่างก็ดูแคลนหลงเฉินมากจนเกินไปแล้ว เช่นนั้นข้าเองก็มีส่วนที่จะต้องรับผิดชอบด้วย”

องค์ชายสี่เป็นผู้ที่ผูกมัดจิตใจของผู้คนด้วยเล่ห์เพทุบายที่แนบเนียน ไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงจะไม่อาจผูกมัดจิตใจของยิงฮวาและหวูโหวที่เป็นถึงยอดฝีมือในระดับสูงได้

เพียงคำพูดเดียวก็ทำให้โทษของยิงฮวาเลือนหายไปได้ทั้งหมด ในเวลาเดียวกันก็ทำให้จิตใจของยิงฮวาเกิดความสงบได้เป็นอย่างมาก นี่ก็คือจุดแข็งขององค์ชายสี่

ในเมื่อเรื่องราวได้ผิดพลาดไปแล้ว การใช้อารมณ์เข้าตัดสินก็คงจะไม่ช่วยให้สิ่งใดดีขึ้นได้ อีกทั้งยิงฮวายังอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง ฉะนั้นการยอมรับความจริงย่อมเป็นผลดีที่สุด ที่สำคัญคือยิงฮวาไม่ใช่คนที่จะได้ใจมากจนเกินไปเมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรู ที่เขากล่าวออกมาเช่นนั้นก็เป็นเพียงข้ออ้างหนึ่งเท่านั้น

ภายในจิตใจขององค์ชายสี่เริ่มว้าวุ่นขึ้นมาอีกครั้ง สภาวะของหลงเฉินนั้นเหมือนกับลมฟ้าอากาศที่แปรปรวนอยู่ตลอดเวลา ประเดี๋ยวคลั่งประเดี๋ยวสงบ

ทว่าเขาได้เข้าร่วมกับชายหนุ่มชุดขาวแล้วจึงวางใจขึ้นมาได้ส่วนหนึ่ง แม้ว่าหลงเฉินจะหนีไปได้ ทว่ากลับไม่ได้ส่งผลเสียกับแผนการของเขาแต่อย่างใด

พลันก็ได้ลูบไปยังแผ่นหยกที่อยู่ภายในมือ นั่นคือสิ่งที่บันทึกทุกฉากในตอนที่หลงเฉินและอาหมานฆ่าสังหารเซี่ยฉางเฟิง มีเพียงแค่สิ่งนี้เท่านั้นที่จะทำให้แผนการของเขาสำเร็จลุล่วงไปได้

“เจ้าวางใจเถิด พรุ่งนี้ปรมาจารย์เว่ยชางจะเข้ามาช่วยทำการรักษาให้ อีกไม่นานก็คงจะหายดี”

“ขอบคุณองค์ชาย” ยิงฮวากล่าวขอบคุณอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าพิษของเขาจะถูกระงับเอาไว้ได้ชั่วคราว ทว่ากลับไม่สามารถขับออกไปได้ โอสถพิษของหลงเฉินช่างน่าหวาดกลัวมากเกินไปแล้ว

ก่อนหน้านี้องค์ชายสี่ได้ส่งคนให้มุ่งหน้าไปขอร้องกับทางชุมนุมผู้หลอมโอสถให้ช่วยรักษาพิษ และปรมาจารย์หวินฉีก็เข้ามาด้วยตัวเอง ทว่าเมื่อได้เห็นอาการบาดเจ็บของยิงฮวาแล้ว เขากลับกล่าวออกมาอย่างเย็นชาว่าไร้หนทางที่จะช่วยเหลือได้

ยิงฮวาก็สัมผัสได้ว่าปรมาจารย์หวินฉีมีลับลมคมในอะไรบางอย่างอยู่ไม่น้อย ฉะนั้นเขาจึงได้ปฏิเสธที่จะช่วยยิงฮวา เมื่อได้ยินว่าเว่ยชางจะมารักษาให้ ยิงฮวาจึงโล่งใจเป็นอย่างมาก ปรมาจารย์ท่านนี้จะต้องช่วยเขาให้มีชีวิตรอดได้อย่างแน่นอน

หลังจากที่องค์ชายสี่กลับมาที่ห้องพักหลังจากการเยี่ยมเยียนยิงฮวา เขาก็ได้นั่งพักอยู่ครู่หนึ่งแล้วหยิบพู่กันขึ้นมาขีดเขียนอักษรบางอย่างแล้ววานให้องครักษ์จัดส่งออกไป

สายตาคู่คมเหม่อมองไปยังท้องนภาอันมืดมิด ไร้ซึ่งแสงดวงดาวและจันทรา องค์ชายสี่ก็ถอนหายใจออกมาอยู่หลายครั้ง: ถึงแม้ว่าหลงเฉินจะหลุดออกจากร่างแหไปได้ ทว่าแผนการก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset