หลงเฉินลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ พลันก็เข้าสำรวจทั่วทั้งร่างกายของตัวเอง ทันใดนั้นดวงตาคู่คมทั้งสองข้างก็เบิกกว้างขึ้นมาอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้
หยาดโลหิตในร่างกายกำลังเกิดการไหลเวียนของพลังลมปราณที่ละเอียดลอออย่างถึงที่สุดอยู่ขุมหนึ่ง ทว่าหลงเฉินก็ยังสัมผัสได้ถึงความอ่อนละมุนของมัน
“ในที่สุดข้าก็เข้าสู่ขอบเขตก่อโลหิตแล้วอย่างนั้นหรือ?”
หลงเฉินตื่นเต้นขึ้นมาเป็นอย่างมาก แท้ที่จริงแล้วพลังขั้นก่อรวมของเคล็ดกายานวดารานั้นมีอยู่ทั้งหมดสิบสามขั้น เมื่อทะลวงผ่านขึ้นไปอีกขั้นก็จะเข้าสู่ขอบเขตก่อโลหิตแล้ว
ขอบเขตก่อโลหิตเป็นการรวมพลังลมปราณภายในร่างกายเข้าสู่หยาดโลหิตที่ไหลเวียนอยู่ภายในเส้นโลหิตเพื่อเข้าไปชำระสิ่งเจือปนที่อยู่ภายในนั้นให้หมดสิ้นเกิดเป็นโลหิตอันบริสุทธิ์ขึ้นมา
เมื่อหยาดโลหิตอันบริสุทธิ์ได้ไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงทั่วร่างกายก็จะทำให้กายเนื้อแข็งแรงขึ้น อีกทั้งพลังลมปราณก็แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นไปด้วย
ในที่สุดหลงเฉินก็สามารถเข้าสู่ขอบเขตก่อโลหิตได้แล้ว ความยินดีปรีดาจนแทบจะร่ำไห้ออกมา ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างเห็นได้ชัดในทันทีก็ตาม
ทว่าขอเพียงขจัดสิ่งเจือปนได้ต่อเนื่อง เขาก็จะสามารถใช้พลังลมปราณที่อยู่ในสายโลหิตออกมาได้ด้วยเช่นกัน อีกทั้งพละกำลังก็จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย หากเป็นเช่นนี้เขาก็สามารถเผชิญหน้ากับขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นอย่างยิงฮวาได้แล้วแน่นอน
ก่อโลหิตถือเป็นขั้นพลังที่ผู้ฝึกยุทธ์โดยทั่วไปควรจะรีบเพิ่มพูนพลังขึ้นมาไปอีก ทว่าหลงเฉินนั้นมีพลังหนุนขนาดยักษ์ถึงสิบสามสายแล้วจึงไม่จำเป็นที่จะต้องรีบร้อนไป เพราะด้วยพลังสภาวะของเขาในตอนนี้ถือว่าฝึกได้รวดเร็วยิ่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์โดยทั่วไปกว่าสิบเท่าแล้ว
ทว่าสิ่งที่หลงเฉินต้องการกระทำก่อนหน้านี้กลับไม่ใช่การเข้าสู่ขอบเขตก่อโลหิต เพียงแต่ต้องการจะเพิ่มพูนพลังฝีมือด้วยทักษะยุทธ์ ใบหน้าของหลงเฉินปรากฏรอยยิ้มเหยียดกว้างขึ้นมา: ข้าขอลองใช้พลังทำลายของทักษะยุทธ์ระดับพสุธาเสียหน่อยดีกว่าว่าจะเป็นเช่นไรบ้าง
เมื่อได้ลองนึกย้อนกลับไปถึงฉากต่อสู้ของเขากับยิงฮวา กระบวนท่าอันน่ากลัวทั้งหลายของยิงฮวานั้นต่างก็เป็นของทักษะยุทธ์ระดับพสุธาด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เช่นนั้นภายในจิตใจของหลงเฉินจึงเกิดความร้อนรุ่มดั่งมีเพลิงสุมขึ้นมาเป็นสาย
ทักษะยุทธ์เล่มนี้เป็นเคล็ดวิชาที่น้อยคนนักจะได้มาครอบครอง อย่างไรเสียเขาคงจะต้องขอบคุณเซี่ยฉางเฟิงที่นำพาโชคดีมาให้
เมื่อพลิกดูสมุดทักษะยุทธ์อย่างละเอียดไปรอบหนึ่งแล้ว ใบหน้าของหลงเฉินก็บังเกิดความสงสัยขึ้นมาส่วนหนึ่ง เดิมทีเขาคิดว่าเคล็ดวิชาลี้ลมสามรูปแบบนั้นจะแบ่งเป็นสามกระบวนท่าที่ต่างกันออกไป
ทว่าเมื่ออ่านดูอย่างรอบคอบแล้วกลับพบว่าเคล็ดวิชานี้มีเพียงกระบวนท่าเดียวที่มีการเปลี่ยนแปลงของสามสถานะซึ่งแบ่งเป็นลี้ลมทลาย ลี้ลมตัด และลี้ลมแทง
ทักษะยุทธ์เล่มนี้ช่างสูงส่งมากเกินไปแล้ว ห้วงแห่งความคิดของหลงเฉินก็เกิดความเงียบงันขึ้นมาในทันที จะกล่าวอันใดออกไปไม่ได้นอกจากติดกับดักเข้าแล้ว
หากทำตามวิธีการเบิกพลังของลี้ลมสามรูปแบบแล้ว หลงเฉินก็สามารถเปลี่ยนเป็นลี้ลมเก้าได้เช่นกันโดยเพิ่มการแปรเปลี่ยนเป็นลี้ลมทลาย ลี้ลมโรยริน ลี้ลมตะปบ ได้ตามต้องการอีกเพียงใดก็ได้ทั้งนั้น
แม้ว่าภายในจิตใจของหลงเฉินจะเกิดความผิดหวังอยู่บ้าง ทว่าเขาก็ไม่ได้เป็นคนที่ไม่รู้จักพอ ฉะนั้นหากเขาได้ทราบเช่นนี้ก็คงจะไม่มีทางซื้อมันอย่างแน่นอน ต่อให้บังเกิดความอัดอั้นขึ้นมาอย่างมากมายเพียงใด สิ่งนี้ก็คงจะเป็นสิ่งที่เซี่ยฉางเฟิงต้องกระทำแทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับเขาเลย
เมื่อมองไปยังเส้นทางของการไหลเวียนพลังลมปราณของเคล็ดวิชาลี้ลมสามรูปแบบ หลงเฉินก็พบว่าการควบคุมของมันนั้นจำเป็นจะต้องควบคุมตำแหน่งทั้งหกแห่งไว้ด้วยกัน หากนำมาเทียบกับตำแหน่งทั้งเก้าจุดของวิชาเบิกสวรรค์แล้วนั้นถือได้ว่าแตกต่างกันมากถึงมากที่สุดเลยก็ว่าได้
พลังลมปราณที่ถูกไหลผ่านในแต่ละตำแหน่งจะมีการเพิ่มพูนความแข็งแกร่งเป็นทวีคูณ ยิ่งไหลเวียนผ่านไปมากเท่าใดก็ยิ่งส่งผลให้พลังสูงยิ่งขึ้นไปเท่านั้นจนไม่อาจคาดเดาได้เลย
ทันใดนั้นเองหลงเฉินก็นึกขึ้นมาได้ว่าวิชาเบิกสวรรค์ที่เขาเคยใช้นั้นเป็นทักษะยุทธ์ระดับพสุธาตอนล่างเล่มหนึ่ง ทว่าหากนำมาเทียบความยากในการไหลเวียนกับลี้ลมสามรูปแบบแล้วนั้นกลับสูงส่งกว่ามากอย่างเห็นได้ชัด
หรือแท้ที่จริงแล้วเบิกสวรรค์อยู่ระดับพสุธาตอนกลาง อีกทั้งยังสามารถเป็นทักษะยุทธ์ระดับที่สูงกว่าอย่างนั้นหรือ?
เมื่อห้วงแห่งความคิดอันว้าวุ่นได้ดำเนินมาถึงตอนนี้ หลงเฉินก็ได้เกิดความปิติยินดีขึ้นมาอย่างยิ่งยวด ไม่แปลกใจเลยที่เบิกสวรรค์นั้นช่างน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดจนเขายังไม่อาจใช้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ที่ยังไม่กล้าใช้ออกมาด้วยพลังทั้งหมดนั้นก็เพราะว่าเส้นลมปราณของเขายังไม่อาจรับพลังอันมหาศาลเอาไว้ได้ อีกทั้งต่อให้เขาไหลเวียนพลังภายในจุดดารากักวายุออกมาทั้งหมดก็ยังไม่อาจเข้าถึงพลังที่แท้จริงของวิชาเบิกสวรรค์ได้
“ซูม”
กระบี่ในมือของหลงเฉินก็ได้ตัดผ่านอากาศไปจนเกิดสายลมหมุนวนออกไปตัดผ่ากลางลำต้นหลิวที่มีความสูงสามจั่งจนล้มลงไปกับพื้น
“แฝงพลังทำลายของสายลมเอาไว้ได้…นี่คือรังสีกระบี่?”
หลงเฉินเกิดความลิงโลดขึ้นมาภายในจิตใจอีกครั้งหนึ่ง ในที่สุดเขาก็เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าเพราะเหตุอันใดทักษะยุทธ์ระดับพสุธาเล่มนี้จึงถูกเรียกว่าลี้ลมสามรูปแบบ นั่นก็เป็นเพราะทักษะยุทธ์นี้แฝงพลังแห่งสายลมเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยมนั่นเอง
ทักษะยุทธ์โดยทั่วไปนั้นมักจะมีการเพิ่มพูนพลังไปตามการไหลเวียนพลังที่ตำแหน่งต่างๆ เปรียบเสมือนกับการเพิ่มพูนพลังด้วยกล้ามเนื้อของยิงฮวา
หรือด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณอันแกร่งกล้าของม่งฉีที่สามารถควบคุมสัตว์มายาได้ หรือการใช้พลังแห่งจิตวิญญาณเพื่อเสริมโครงสร้างจนเกิดเป็นช่องว่างที่สามของแหวนมิติที่ใช้ในการเก็บวัตถุสิ่งของเอาไว้ภายใน
หรือหากเทียบกับการหลอมโอสถแล้วก็คือการใช้พลังจากเพลิงปราณออกมาจนสามารถเผาผลาญนับหมื่นสรรพสิ่งจนหลอมรวมเป็นโอสถขึ้นมา
ทั้งหมดนี้ต่างก็มาจากร่างกายของเผ่ามนุษย์ทั้งนั้น อันเป็นสิ่งที่ไม่อาจล่วงรู้ได้ก่อน ทั้งหมดต่างก็สืบทอดมาตามแบบแผนและวิธีการของคนรุ่นก่อนที่ได้หลงเหลือเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้เสริมสร้างพลังขึ้นมาด้วยความสามารถของตัวเอง
เมื่อพลังลมปราณลี้ลมสามรูปแบบได้ผ่านการหนุนเสริมจากตำแหน่งทั้งหกนั้นแล้ว จึงก่อเกิดเป็นพลังลมปราณออกมานอกร่างกายเปรียบเสมือนกับสายลมแห่งสรวงสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น
ขณะนี้หลงเฉินได้ใช้พลังขั้นต่ำของสายลมแห่งสรวงสวรรค์ออกมาจนสามารถตัดผ่านต้นหลิวได้ จึงทำให้หลงเฉินทั้งแตกตื่นทั้งยินดีขึ้นมาเป็นอย่างมาก
แม้ว่าหลงเฉินจะมีความทรงจำของจักรพรรดิโอสถที่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับเส้นโลหิตทั่วทั้งร่างกายประดุจปรากฏอยู่บนฝ่ามือ อีกทั้งยังสามารถเรียนรู้ทักษะยุทธ์ได้อย่างรวดเร็วแม้จะอ่านผ่านไปเพียงแค่ครั้งเดียว
ทว่าการจะใช้ทักษะยุทธ์ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบจำเป็นจะต้องรู้จังหวะและความเหมาะสมของกระบวนท่านั้นๆ จึงจะสามารถบังเกิดพลังทำลายที่มากที่สุดขึ้นมา ฉะนั้นเขาจะต้องฝึกฝนเพื่อให้เกิดความคุ้นเคยในการใช้ทักษะยุทธ์ออกมา
หากเป็นทักษะยุทธ์ระดับนี้ต่อให้เป็นหลงเฉินเองก็ยังต้องตกใจกับความยุ่งยาก หรือแม้แต่ยิงฮวาที่เป็นถึงยอดฝีมือในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นก็ยังจำเป็นที่จะต้องฝึกฝนทักษะยุทธ์ระดับพสุธาด้วยเวลานับหลายเดือน และหากจะใช้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์จำเป็นจะต้องใช้เวลานานนับปีเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าในขณะนี้หลงเฉินจะยังไม่สามารถใช้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทว่าด้วยความกระจ่างแจ้งต่อเส้นโลหิตในเวลานี้ก็สามารถกระตุ้นลี้ลมสามรูปแบบในขั้นต่ำขึ้นมาได้แล้ว
เมื่อมีประสบการณ์จากการฝึกยุทธ์เบิกสวรรค์มาแล้วก็เสมือนกับเคยกระตุ้นการไหลเวียนไปแล้วเก้าตำแหน่ง ด้วยเหตุนี้ลี้ลมสามรูปแบบจึงเป็นเรื่องที่ง่ายดายเป็นอย่างมาก
อีกทั้งหลงเฉินยังได้รับการช่วยเหลือจากเทพแห่งพงไพรจนเส้นลมปราณขยายใหญ่และหนาตัวขึ้นมาอีกเท่าตัวทำให้ข้อจำกัดที่มีอยู่แต่เดิมถูกทลายลงไป หลงเฉินจึงแข็งแกร่งมากขึ้นจนสามารถฝึกทักษะยุทธ์ระดับพสุธาได้ โดยปกตินั้นจะมีเพียงยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นเท่านั้นที่จะสามารถฝึกเช่นนี้ได้
ลี้ลมสามรูปแบบก็เป็นเพียงกระบวนท่าหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงของสามสิ่งนั่นก็คือตัด ฟัน และแทงนั่นเอง ทว่าการไหลเวียนพลังลมปราณภายในร่างกายนั้นไม่ได้แตกต่างกัน เพียงแต่ช่วงที่ไหลเวียนเข้าสู่อาวุธในมือกลับมีการเคลื่อนไหวไม่เหมือนกันก็เท่านั้นเอง ฉะนั้นหลงเฉินจึงคิดว่าเขาสามารถทำให้มันกลายเป็นลี้ลมเก้ารูปแบบได้เพื่อให้ความรุนแรงในการโจมตีเพิ่มขึ้นไปอีก
หลงเฉินใช้ทักษะยุทธ์ออกมาอยู่หลายครั้งจนเริ่มคุ้นเคยกับการใช้พลังและเส้นทางการไหลเวียนพลังลมปราณของลี้ลมสามรูปแบบ จากนั้นเขาก็ตรงกลับไปยังหมู่บ้านในทันที
การฝึกยุทธ์ในครั้งนี้ถือได้ว่าน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง เขาสามารถทะลวงไปจนถึงขอบเขตก่อโลหิตได้ อีกทั้งยังมีพลังหนุนทั้งสิบสามสายที่ผนวกเข้าหากันเป็นวงแหวนแห่งเทพ ฉะนั้นหลังจากนี้เป็นต้นไปเขาคงจะต่อสู้ด้วยพลังที่มีอยู่ทั้งหมดได้แล้ว
วงแหวนแห่งเทพนั้นเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นไม่ค่อยจะนึกถึงมากเท่าใดนัก โดยส่วนมากก็มักจะพยายามทะลวงพลังขึ้นไปเรื่อยๆ จนหลงลืมรายละเอียดเล็กน้อยเช่นนี้ไป พลังหนุนทั้งสิบสามสายของหลงเฉินได้รวมเข้าด้วยกันแล้ว สิ่งนี้ถือเป็นความจำเป็นอย่างถึงที่สุดในการจะใช้ทักษะยุทธ์ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ
เส้นทางในการฝึกยุทธ์อันไร้ขีดจำกัดนั้นมีหนทางนับพันหมื่นวิธี ทว่าวิธีการใช้ทักษะยุทธ์นั้นกลับเป็นเสมือนเม็ดทรายท่ามกลางขุนเขาพงไพรที่กว้างขวาง อีกทั้งยังมีวิชาทักษะยุทธ์ที่แปลกประหลาดแตกต่างกันออกไปอีกมากมาย มีทั้งใช้ได้และมีข้อจำกัดในการใช้อยู่บ้าง หากไม่เกินเลยจากความสามารถของผู้ฝึกยุทธ์ผู้นั้นจนเกินไปโดยส่วนมากก็สามารถที่จะใช้ทักษะยุทธ์ออกมาได้
บัดนี้หลงเฉินมีวงแหวนแห่งเทพคอยหนุนเสริมพลังทั่วทั้งร่างกายอยู่ ไม่เพียงแต่สามารถเบิกพลังออกมาทั้งหมดเท่านั้น เขายังสามารถเค้นพลังออกมาจากขีดจำกัดสูงสุดได้ด้วย นอกจากนี้ในยามต่อสู้ก็สามารถดูดซับพลังลมปราณฟ้าดินเข้ามาใช้ได้ไม่มีหยุดและนำไปกักเก็บไว้ภายในจุดดารากักวายุจนอัดแน่นด้วยพลังอันมหาศาลจึงเพิ่มระยะเวลาในการต่อสู้ให้ยาวนานขึ้นอีกด้วย
ในตอนนี้หลงเฉินแทบจะอดใจรอที่จะเปิดศึกกับยิงฮวาไม่ไหวแล้วเป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาเกือบจะพลาดท่าเสียทีอย่างใหญ่หลวงให้แก่ยิงฮวา อีกทั้งถ้าหากไม่ได้ถูกเสี่ยวฮวาช่วยชีวิตเอาไว้ เขาก็คงจะกลายเป็นอาหารอันโอชะของสัตว์มายาไปเสียแล้ว
ในขณะเดียวกันนี้ภายในจิตใจของหลงเฉินก็เกิดความวิตกกังวลขึ้นมาอย่างมาก ไม่ทราบว่าที่จักรวรรดิจะเป็นเช่นไรกันบ้าง แล้วบิดาของเขาจะได้รับจดหมายนั่นหรือไม่ แล้วบิดาได้มีการเตรียมการไปแล้วหรือยัง
ห้วงแห่งความคิดอันว้าวุ่นถาโถมเข้ามาอย่างมากมายมหาศาล ทว่าหลงเฉินยังมีเรื่องที่จะต้องสะสางให้เรียบร้อยก่อนที่จะจากไป นั่นก็คือการตอบแทนน้ำใจของผู้คนในหมู่บ้านให้แก่เทพแห่งพงไพร
เทพแห่งพงไพรมาจากดินแดนหลิงเจี่ยที่คงจะอยู่ในโลกอีกแห่งหนึ่งที่เขาไมอาจเห็นได้เพราะท้องฟ้าเบื้องบนช่างกว้างใหญ่ไพศาลเกินไป บนโลกหล้าแห่งนี้ยังมีเรื่องแปลกประหลาดอยู่อีกมากมายอย่างแน่นอน เขาอยู่เพียงภายในจักรวรรดิเฟิงหมิงอันเป็นเพียงแค่พื้นที่เล็กๆ แห่งหนึ่งเท่านั้น เรียกได้ว่ากบในกะลาอย่างแท้จริงเลยก็ว่าได้
ด้วยเหตุนี้หลังจากที่เขาได้สะสางเรื่องทุกอย่างภายในจักรวรรดิจนเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ก็คิดที่จะพาฉู่เหยาออกไปพบเจอกับโลกภายนอกบ้าง อันเป็นโลกที่ไป่หลิงแห่งสำนักฮวาหวินได้เคยบอกกล่าวเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นสำนักที่ม่งฉีก็อยู่ด้วย และปรมาจารย์หวินฉียังกล่าวอีกว่าที่แห่งนั้นเป็นพื้นที่แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งวิถีโอสถที่แท้จริง
โลกหล้าใบนี้ช่างกว้างใหญ่ยิ่งนัก เขาคงจะต้องออกไปสำรวจดูเสียหน่อยแล้ว ทว่าในตอนนี้ยังมีหนี้โลหิตที่รอคอยให้ชำระอยู่มากมาย ไม่เช่นนั้นเขาจะมานั่งฝึกยุทธ์ไปด้วยเหตุอันใดกัน? เป้าหมายเกือบจะทั้งหมดต่างก็ได้ตกอยู่ที่ยิงฮวาทั้งนั้น
เพียงแต่ว่าเขายังไม่แน่ใจว่าเป้าหมายที่แท้จริงของยิงฮวานั้นคือสิ่งใดกันแน่ หรือยังมีผู้ใดคอยบงการอยู่เบื้องหลังอีกมากมาย ถ้าหากมีอีกแล้วเขาผู้นั้นเป็นใครกัน?
ถึงแม้ว่าองค์ชายสี่จะมีอายุมากกว่าเขาทว่าตอนนี้ก็ยังแค่ยี่สิบกว่าปีเท่านั้น อันขัดแย้งกับช่วงเวลาที่แผนการได้ถูกวางเอาไว้มาเนิ่นนาน นั่นก็แสดงว่าองค์ชายสี่ยังมีอายุเพียงแค่ไม่กี่ขวบเลยด้วยซ้ำไป ข้อสงสัยที่จะเป็นองค์ชายสี่นั้นแทบจะตัดทิ้งไปได้เลย
หลงเฉินได้แต่ส่ายหน้าไปมา ในตอนนี้จะสืบสาวราวเรื่องถึงมันก็คงจะไม่มีความหมายอันใด นับตั้งแต่ยิงฮวาคิดจะปองร้ายเขาก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังคอยสังเกตการอยู่อย่างระมัดระวัง เมื่อพบเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องขึ้นมาจึงเปิดเผยตัวตนออกมาให้อยู่ภายใต้แผนการที่ยังคงดำเนินต่อไปดั่งสายน้ำที่หลั่งไหลอยู่ตลอดเวลา
เขามีหน้าที่อย่างเดียวก็คือเพิ่มพูนพลังความสามารถให้ได้มากที่สุดด้วยทุกอย่างที่มีเพื่อปกป้องคุ้มครองผู้คนภายในจวนตระกูลหลง
ถึงแม้ว่าจะได้ส่งมอบโอสถไปให้บิดาแล้ว ทว่าก็ยังต้องดูผู้คนที่ข้างกายเขาว่าจะมีคุณสมบัติเพียงพอหรือไม่ในการทะลวงขีดจำกัดของพลังขึ้นไป
อีกทั้งเงามืดบางอย่างที่หมายจะมุ่งเป้ามาที่ตระกูลหลง ฉะนั้นหลงเทียนเซียวจึงเป็นเป้าหมายหลักและใหญ่ที่สุด ส่วนตัวของเขานั้นเป็นเพียงแค่ตัวหมากเล็กๆ ตัวหนึ่งที่โผล่หัวออกมาก็เท่านั้น
ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้นการที่เขาจะต่อกรกับแผนการอันยิ่งใหญ่ของกลุ่มเงามืดได้นั้น จะต้องมีความแข็งแกร่งที่เข้าควบคุมยิงฮวาได้ อีกทั้งยังต้องแข็งแกร่งขึ้นไปยิ่งกว่านั้นเพื่อจัดการเงามืดที่มุ่งเป้าไปที่บิดาผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ายิงฮวาเสียอีก
เขาจึงหวังว่าในตอนนี้บิดาคงจะใช้โอสถหลายเม็ดที่เขาส่งมอบไปให้ เพื่อช่วยคลีคลายวิกฤตการณ์ของทางด้านนั้นให้ได้มากที่สุด
ส่วนเรื่องราวของจักรวรรดิทั้งหมดเขาจะเป็นผู้จัดการเอง ฉะนั้นช่วงเวลาที่เหลือในตอนนี้ช่างกระชั้นชิดจนเกินไปแล้ว เขาไม่มีเวลามากพอที่จะให้เสียเปล่าไปได้อีก
เมื่อกลับมาถึงภายในหมู่บ้านแล้วหลงเฉินคงจะต้องให้เสี่ยวฮวาบอกเล่าถึงสถานการณ์ทั้งหมดของหมู่บ้านให้เขาฟังอีกสักรอบ เพื่อจะจัดการกับสัตว์มายาที่แข็งแกร่งเหล่านั้น เขาต้องมั่นใจก่อนว่าอย่างน้อยผู้คนในหมู่บ้านจะอยู่อย่างสงบสุขไปได้อีกหลายร้อยปี
เมื่อตะบึงวิ่งได้กว่าสองชั่วยามแล้ว หลงเฉินกลับไม่ได้สิ้นไร้เรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันเขากลับสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าเดิม สภาวะทุกอย่างหลังจากที่เข้าสู่ขอบเขตก่อโลหิตนั้นช่างเข้ากันได้ทั้งหมด จนเขาสามารถชักนำพลังอันมหาศาลเข้ามาเพิ่มพูนเอาไว้ภายในร่างกายได้รวดเร็วมากขึ้น
เมื่อหมู่บ้านปรากฏอยู่ที่เบื้องหน้าแล้ว หลงเฉินก็ได้ลดทอนฝีเท้าลงอย่างช้าๆ แล้วหยุดลงอยู่ที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามเสียงหนึ่งดังออกมาจากใจกลางของหมู่บ้าน….