หลงเฉินเดินมาตามเส้นทางที่ผู้เฒ่าบอกจนมาหยุดอยู่ที่หุบเขาลึกแห่งหนึ่งอันมีต้นไม้สูงใหญ่สูงเสียดฟ้าขึ้นมามากมาย ด้านบนของพุ่มไม้มีเถาวัลย์ยักษ์ประดุจงูเหลือมตัวหนึ่งพันเกี่ยวกันเป็นทางยาว
“ฮูม”
วานรเพชฌฆาตขนาดมหึมาตัวหนึ่งที่สูงถึงสามจั่งกำลังส่งเสียงคำรามอันเต็มไปด้วยโทสะจนดังสนั่นกึกก้องไปทั่วทั้งผืนป่าแม้แต่ต้นไม้ที่สูงเสียดฟ้ายังต้องสั่นไหวจนใบไม้ร่วงหล่นลงมา เพราะท่ามกลางพื้นที่อันว่างเปล่าผืนนั้นมีร่างของมนุษย์ผู้หนึ่งกำลังจับจ้องไปในดวงตาของมันอยู่
ชายหนุ่มผู้นั้นมีรูปร่างสง่างาม เส้นผมสีดำพลิ้วไหวไปตามสายลม ลักษณะของเขาประดุจจักรพรรดิจากสรวงสวรรค์ลงมาจุติบนโลกมนุษย์อย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งตลอดทั่วร่างกายของเขาแผ่ซ่านพลังคุกคามออกมาอย่างมหาศาล ชายหนุ่มผู้นั้นก็คือหลงเฉินนั่นเอง
ป่าลึกที่เคยเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่จำนวนมากมายกลับกลายเป็นพื้นที่ราบเรียบในระยะร้อยจั่งที่มีสภาพยุ่งเหยิงของต้นไม้ที่ล้มระเนระนาดเกลื่อนกลาด อีกทั้งในบรรยากาศยังเต็มไปด้วยฝุ่นละอองของก้อนศิลาที่ถูกระเบิดจนกลายเป็นผุยผง
หลงเฉินดูตามแผนที่ที่ได้จากหัวหน้าหมู่บ้านซึ่งมีเครื่องหมายขีดเขียนเอาไว้ว่าจุดนี้เป็นจุดที่อันตรายที่สุดอันเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์มายาระดับสองตัวหนึ่ง
สัตว์มายาระดับสองตัวนั้นก็คือวานรเพชฌฆาตตัวใหญ่ยักษ์ที่กำลังเกรี้ยวกราดยู่ตรงเบื้องหน้าของหลงเฉินนั่นเอง ผู้เฒ่าเล่าว่าเหล่าบรรพบุรุษของเขานั้นไม่ทันจะได้ระวังตัว จึงเผลอเหยียบย่างเข้ามายังเขตแดนของมันจนต้องพบเจอกับความตายไปส่วนหนึ่ง ผู้คนในหมู่บ้านแห่งนั้นจึงเกลียดชังและหวาดกลัวต่อเจ้าวานรเพชฌฆาตตัวนี้เป็นอย่างยิ่ง
และหลงเฉินเองก็ได้ปฏิเสธน้ำใจของทุกคนในหมู่บ้านไปทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่เสี่ยวฮวา เขาเดินทางมาตามแผนที่เพียงลำพังและพบว่าที่แห่งนี้ช่างเป็นพื้นที่ที่หาได้ง่ายมาก
วานรเพชฌฆาตตัวนี้เป็นสัตว์มายาระดับสองที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตแดนนี้ เมื่อหลงเฉินเหยียบย่างเข้ามาในผืนป่าแค่เพียงครึ่งก้าวก็ถูกโจมตีในทันที
“โฮก”
วานรเพชฌฆาตใช้กำปั้นขนาดเท่าถังน้ำทุบไปที่หน้าอกของมันอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังประดุจการลั่นกลองเพื่อเคลื่อนกองทัพใหญ่อย่างไรอย่างนั้น ในขณะที่มันคำรามออกมานั้นก็ได้เตะเท้าข้างหนึ่งมาที่หลงเฉินอย่างรวดเร็ว
วานรเพชฌฆาตเป็นสัตว์มายาประเภทที่เน้นใช้พละกำลังของกายเนื้อ เมื่อผนวกกับการเป็นสัตว์มายาระดับสองไปด้วยแล้วก็ยิ่งทวีความน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง ร่างกายที่กำยำและใหญ่โตของมันนั้นหนาแน่นประดุจขุนเขาขนาดเล็กลูกหนึ่งที่เคลื่อนไหวได้ อีกทั้งระดับความเร็วในการหลบหลีกก็ช่างว่องไวเสียยิ่งกว่าสิ่งใด เพียงชั่วพริบตาเดียวเท้าของนั้นของมันก็มาถึงเบื้องหน้าของหลงเฉินแล้ว
หลงเฉินกำมือใหญ่ทั้งสองข้างจนแน่น พลันก็ได้ออกหมัดไปอย่างรวดเร็วจนตลอดทั้งร่างทะยานไปด้านหน้าคล้ายกับพายุหมุนอันบ้าคลั่งหอบหนึ่งเคลื่อนที่ไปในระยะสิบจั่งด้วยเวลาเพียงพริบตาเดียว
เขาต่อสู้วานรเพชฌฆาตไปกว่าครึ่งชั่วยามแล้ว ทว่าวานรตัวนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนล้าโรยแรงไปเลยแม้แต่น้อย เพราะมันเป็นถึงสัตว์มายาระดับสอง อีกทั้งยังมีพละกำลังอันมหาศาลอย่างถึงที่สุดเมื่อเทียบกับเหล่าสัตว์มายาระดับเดียวกัน
วานรเพชฌฆาตตัวนี้ใช้เพียงกระบวนท่าง่ายๆ ออกมาก็มีพลังทำลายนับหลายหมื่นชั่งแล้ว ถ้าหากไม่ใช่หลงเฉินที่มีพลังอยู่ในขอบเขตก่อโลหิตเกรงว่าเพียงแค่พลังกายเนื้อคงไม่เพียงพอต่อการรับมือกับมันได้อย่างแน่นอน
การต่อสู้ของเขากับวานรเพชฌฆาตได้ล่วงเลยมานานเกินไปแล้ว หากวัดจากพละกำลังของกายเนื้อทั้งสองฝ่ายนั้นมีความสูสีกันมาก ฉะนั้นหลงเฉินจึงไม่อยากให้เวลาสูญเปล่าอีกต่อไป
“หมัดทลายวายุ”
หลงเฉินแผดเสียงตะโกนออกมาพร้อมกับพุ่งหมัดข้างหนึ่งออกไป คมหมัดตัดผ่านสายลมจนเกิดเป็นประกายอันเย็นเยียบขึ้นมาชั้นหนึ่งเข้าห่อหุ้มหมัดเอาไว้
“ตึง”
หมัดของหลงเฉินกระแทกเข้าไปที่ไหล่ของวานรเพชฌฆาตจนเกิดเสียงทุ้มดังขึ้นมาระลอกหนึ่ง วานรเพชฌฆาตที่มีขนาดใหญ่ประดุจขุนเขาขนาดเล็กลูกหนึ่งถูกซัดจนกระเด็นถอยหลังออกไปหลายสิบจั่ง แผ่นหลังของมันกระแทกชนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านหลังจนโค่นล้มเรียงรายต่อกันไปกว่าสิบต้น
เมื่อเทียบพลังทำลายของหมัดทลายวายุกับช่วงที่หลงเฉินยังอยู่ในขอบเขตขั้นก่อรวมอยู่นั้นถือได้ว่าแข็งแกร่งกว่าเป็นอย่างมากถึงมากที่สุด อีกทั้งเมื่อผนวกเข้ากับพละกำลังเดิมแล้วถึงกับสามารถโจมตีจนสัตว์มายาระดับสองถอยกระเด็นออกไปได้เลย
หลงเฉินคิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากก้าวเข้าสู่ขอบเขตก่อโลหิตแล้วนั้นร่างกายของเขาจะเพิ่มพูนพลังขึ้นมาได้สูงถึงเพียงนี้ หลังจากนี้เขาคงจะสามารถใช้ทักษะยุทธ์ออกมาได้สมดั่งใจนึกคิดแล้ว
“ฮูม”
แม้วานรเพชฌฆาตจะถูกโจมตีอย่างรุนแรงทว่ามันก็ยังคงดุร้ายอย่างไม่เสื่อมคลาย มันปะทุเสียงคำรามขึ้นมาอีกครั้ง อีกทั้งยังเป็นเสียงที่โกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าหลายรอบที่ผ่านมา ดวงตาของมันราวกับมีโคมไฟขนาดเล็กเฉิดฉายอยู่ภายในอย่างไรอย่างนั้น
มันคงจะคิดว่ามันเป็นราชาของแถบถิ่นนี้มาหลายร้อยปี แล้ววันนี้ก็คงจะเป็นครั้งแรกที่ถูกมนุษย์ตัวเล็กๆ ผู้หนึ่งเข้ามาท้าทาย อีกทั้งยังโจมตีเข้ามาไม่หยุดยั้ง
“ตูม”
วานรเพชฌฆาตยันหมัดสองข้างลงบนพื้นดิน ขนสีดำทั่วทั้งร่างของมันชูชันขึ้นมา บรรยากาศโดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยความเย็นยะเยือกอันน่าหวาดกลัวชนิดหนึ่ง
หลงเฉินแตกตื่นขึ้นมาเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของวานรเพชฌฆาต ไม่เคยคิดว่าสัตว์มายาตัวนี้จะยังมีแรงหลงเหลืออยู่อีก
วานรเพชฌฆาตแยกเขี้ยวอันแหลมคมเผยให้เห็นใบหน้าที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ดวงตาที่เต็มไปด้วยรังสีสังหารจดจ้องมาที่หลงเฉินอย่างเอาเป็นเอาตาย จากนั้นร่างกำยำของมันก็สาวเท้าออกมาสองสามครั้งแล้วกระโจนตัวเข้ามายังเบื้องหน้าของหลงเฉินอย่างรวดเร็วราวกับดาวตกสายหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
หลงเฉินสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลจึงไม่กล้าที่จะได้ใจอีกต่อไปแล้ว พลันก็ได้ปะทุพลังทั่วทั้งร่างขึ้นมาแล้วออกหมัดทลายวายุไปอีกครั้งหนึ่ง
ทว่าเมื่อหมัดกระแทกเข้าไปที่วานรเพชฌฆาตกลับทำให้หลงเฉินสั่นเทาไปทั่วทั้งร่างและเป็นฝ่ายหลุดลอยถอยหลังออกไปถึงยี่สิบจั่งแล้วกระแทกลงกับพื้นอย่างรุนแรง
“การโจมตีที่เทียบเท่ากับยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นผู้หนึ่งอย่างนั้นหรือ ไม่คิดเลยว่าร่างกายของสัตว์มายาจะน่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้”
หลงเฉินบีบนวดไปยังแขนที่มีอาการชาด้านขึ้นมาเล็กน้อย การโจมตีของวานรเพชฌฆาตเปี่ยมไปด้วยพลังทำลายที่มีอานุภาพสูงส่งจนน่าประหลาดใจ หากเขาไม่ได้อยู่ในขอบเขตก่อโลหิต แขนข้างนี้คงจะเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสไปแล้วอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าการโจมตีในครั้งนี้ยังไม่อาจเทียบชั้นได้กับพลังของยิงฮวา ทว่ากลับห่างชั้นกันเพียงแค่ขั้นเดียวเท่านั้น ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดสัตว์มายาในสายตาของเผ่ามนุษย์จึงถือเป็นการคงอยู่ที่ไร้ซึ่งผู้ต้าน
เห็นได้ชัดว่าวานรเพชฌฆาตตัวนี้ยังมีไพ่ตายอยู่อีก ที่มันปลดปล่อยออกมาในครั้งนี้คงจะเป็นพลังสภาวะที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วเป็นแน่แท้
วานรเพชฌฆาตโห่ร้องเสียงดังอีกครั้งหนึ่งแล้วมุ่งหน้ามาที่ด้านหลงเฉินอย่างไม่รีรอให้เขาเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ทันใดนั้นเองการเคลื่อนไหวสายหนึ่งก็ได้แหวกสายลมออกไปทางวานรเพชฌฆาตในทันที
“ผัวะ”
ประกายคมกล้าสีเขียวสายหนึ่งพุ่งตัวผ่านอากาศไปอย่างรวดเร็ว จนวานรเพชฌฆาตไม่ทันได้สังเกตเห็น กว่าจะมีปฏิกิริยากลับคืนมาก็ถูกประกายคมกล้าสายนั้นแทงเข้าไปที่ร่างเสียแล้ว
ประกายคมกล้าสายนั้นไม่อาจแทงทะลุร่างกำยำของวานรเพชฌฆาตได้ ทว่าที่ผิวหนังของมันกลับฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแทน
หลงเฉินตกใจขึ้นมาเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นเสี่ยวเสว่ยที่เคยหลบซ่อนตัวอยู่ในที่ที่ห่างไกลออกไปกลับกำลังวิ่งเข้ามายืนอยู่ข้างกายของเขา
“คมวายุ?”
หลงเฉินเพียงแค่เคยได้ยินจากคำเล่าลือมาว่าสัตว์มายาตั้งแต่ระดับสามขึ้นไปจะทักษะยุทธ์เฉพาะเป็นของตัวมันเอง ทว่าวันนี้กลับได้มาเห็นเต็มสองดวงตาจึงบังเกิดความตื่นตะลึงอย่างถึงที่สุด นี่เป็นความจริงอย่างนั้นหรือ
ถึงแม้ว่าเสี่ยวเสว่ยจะพ่นคมวายุออกมาได้ทว่าพลังทำลายของมันยังน้อยนิดจนน่าสงสารยิ่งนัก แต่ถึงอย่างไรเสี่ยวเสว่ยที่เพิ่งจะอายุได้ไม่เท่าใดกลับสามารถใช้การโจมตีเช่นนี้ได้ก็เป็นเรื่องที่น่าตกใจจนเกินไปแล้ว เพราะแม้แต่สัตว์มายาระดับหนึ่งยังไม่สามารถใช้การโจมตีจากระยะไกลเช่นนี้ได้เลย
เมื่อเจ้าหนูน้อยเห็นว่าการโจมตีของตัวเองไม่ได้ส่งผลอันใดต่อศัตรูเลย จึงได้อ้าปากอีกครั้งหมายจะโจมตีด้วยกระบวนท่าเมื่อครู่นี้อีก ทว่าเมื่อร่างกายขนาดเล็กนั้นกำลังจะมุ่งหน้าออกไปก็มีมือใหญ่คู่หนึ่งโอบอุ้มเอาไว้ในทันที
“อย่าได้วุ่นวายเชียว”
หลงเฉินโยนเสี่ยวเสว่ยออกไปยังพื้นที่ที่อยู่ห่างออกไป เสี่ยวเสว่ยคงจะเห็นว่าเขากำลังพบเจอกับอันตรายอยู่จึงรีบเข้ามาช่วยเหลือ
ทว่าด้วยการโจมตีอันน้อยนิดเช่นนี้ แม้แต่จะช่วยเกาอาการคันบนผิวหนังของวานรเพชฌฆาตก็ยังไม่ได้เลย อีกทั้งหลงเฉินก็เกรงกลัวว่าหากอยู่ใกล้เขาจะทำให้มันได้รับบาดเจ็บจึงได้โยนมันออกนอกวงต่อสู้อีกครั้งหนึ่ง
จากนั้นหลงเฉินจึงหันมาสนใจร่างกำยำของวานรเพชฌฆาตอีกครั้ง พร้อมทั้งตะโกนออกมาว่า
“ออกมาเถิดวงแหวนแห่งเทพ”
ซูม!
ทันใดนั้นที่แผ่นหลังของหลงเฉินก็ได้ปรากฏประกายวงแหวนที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางกว่าพันจั่งอันเกิดจากการเชื่อมต่อกันของพลังหนุนทั้งสิบสามสายจนกลายเป็นวังวนขุมหนึ่ง
การปรากฏของวงแหวนแห่งเทพทำให้ผืนพสุธาและฟากฟ้าเกิดการสั่นไหวเป็นระลอกไปโดยรอบ ระยะร้อยลี้นั้นถูกปกคลุมด้วยพลังลมปราณของหลงเฉินที่แผ่ซ่านออกมาอย่างท้วมท้น หลงเฉินรู้สึกได้ถึงพลังสมาธิที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมนับร้อยเท่าจวบจนพลังร่างกายที่ปะทุขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งด้วย
หลงเฉินรู้สึกว่าพลังหนุนทั้งสิบสามสายที่ได้รวมเข้าด้วยกันนั้นช่างมีผลลัพธ์คล้ายกับตอนที่เขาชักนำพลังลมปราณภายในจุดดารากักวายุออกมา
ในขณะเดียวกันวานรเพชฌฆาตก็ได้กระโจนร่างยักษ์ใหญ่ของมันเข้ามาใกล้หลงเฉินอีกครั้ง ชายหนุ่มจึงง้างฝ่ามือแล้วกวาดไปยังเบื้องหน้าในทันที
“ปึก”
แรงระเบิดสั่นไหวไปทั่วทั้งผืนฟ้าจนทำให้พลังอันน่าหวาดกลัวดีดตัวออกมาโดยรอบ การออกกระบวนท่าของหลงเฉินนั้นงดงามประดุจผีเสื้อกำลังร่ายรำอยู่ในอากาศ วงแหวนแห่งเทพที่แผ่นหลังหนุนเสริมพลังให้แก่หลงเฉินอย่างมหาศาล
การโจมตีของวานรเพชฌฆาตถูกหลงเฉินต้านทานเอาไว้ได้ ในขณะเดียวกันหลงเฉินก็สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มพูนมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาเคยดูแคลนพลังหนุนเพราะไม่เคยเข้าใจถึงความสามารถของมัน ทว่าในตอนนี้กลับเกิดความกระจ่างแจ้งถึงขุมพลังอันน่าหวาดหวั่นของมันอย่างถึงที่สุด
ส่วนเคล็ดกายานวดาราของเขานั้นถือว่าเป็นวิชาที่เข้าใจยากยิ่งกว่าพลังหนุนทั้งสิบสามสายเสียอีก ทว่าเมื่อไหลเวียนพลังลมปราณจากจุดดารากักวายุเข้าสู่พลังหนุนกลับยิ่งทวีความแข็งแกร่งได้มากขึ้นกว่าเดิม ฉะนั้นเคล็ดวิชานี้คงจะเป็นห้วงที่ไร้ซึ่งจุดสิ้นสุดอย่างหนึ่ง เขาจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจกับเคล็ดกายานวดาราให้ลึกล้ำมากยิ่งขึ้นไปอีก
“รับ”
หลงเฉินตะโกนออกมาสุดเสียงประดุจอัสนีบาตรฟาดลงมาในยามกลางวันที่มีแสงแดดเจิดจ้า ร่างกายที่หนาถึกของวานรเพชฌฆาตถูกหลงเฉินกระแทกเข้าไปเต็มที่จนลอยคว้างอยู่กลางอากาศหลายพริบตา
“เชอะ”
กระบี่หนักแหวกอากาศขึ้นไปยังร่างของวานรเพชฌฆาตเป็นทางยาวประดุจแส้ยาวสายหนึ่งกำลังพุ่งแสกกลางอากาศอย่างไรอย่างนั้น พลันก็มีสายโลหิตสีแดงชาดทาทับทั่วทั้งผืนฟ้าในทันที
“ตึงตึง”
ร่างยักษ์สองส่วนร่วงหล่นลงสู่พื้นดินจนเกิดเสียงกระแทกดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมาสองสาย
“นี่แค่ทักษะยุทธ์ระดับพสุธาเท่านั้น ทว่ากลับมีพลังต่อสู้จนน่าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
หลงเฉินไม่ทราบมาก่อนว่าทักษะยุทธ์ระดับพสุธานั้นจะมีพลังโจมตีที่เหนือชั้นได้ถึงเพียงนี้ เพราะทักษะยุทธ์โดยส่วนใหญ่ต่างก็ถูกใช้ขึ้นมาเพื่อเสริมพลังให้กับยุทโธปกรณ์กันแทบทั้งสิ้น
การพลิกแพลงของลี้ลมสามรูปแบบถือเป็นทักษะยุทธ์ที่ใช้หลักการควบคุมพลังภายในร่างกายเพื่อสร้างเป็นสายลมรูปแบบหนึ่งออกมาพร้อมกับรังสีกระบี่อันเป็นการโจมตีที่เหนือชั้นเป็นอย่างมาก
ด้วยทักษะยุทธ์อันสูงส่งเช่นนี้จึงไม่มีผู้คนใช้มากนัก ที่สำคัญที่สุดก็คือทักษะชนิดนี้มีคุณสมบัติของธาตุลมอยู่ผู้ฝึกยุทธ์จึงต้องมีพลังลมปราณมากมายมหาศาลกักเก็บเอาไว้ภายในร่างกายด้วย
ซึ่งแตกต่างจากทักษะยุทธ์ระดับพสุธาโดยทั่วไปที่ไม่จำเป็นจะต้องสนใจคุณสมบัติของธาตุแต่อย่างใด ขอเพียงสามารถชักนำพลังลมปราณเข้าสู่ภายในยุทโธปกรณ์ได้ก็สามารถใช้ออกมาได้แล้ว
และหลงเฉินก็เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ในระดับที่มีอยู่เกลื่อนกลาด เขาไม่เคยล่วงรู้ถึงคุณสมบัติของธาตุว่าหมายความว่าอย่างไรมาก่อน การฝึกยุทธ์ของเขาก็เป็นดั่งการงมเข็มในมหาสมุทร ทว่าในตอนนี้เขาสามารถฝึกทักษะยุทธ์นี้ขึ้นมาได้สำเร็จ หากเซี่ยฉางเฟิงยังมีชีวิตอยู่แล้วทราบถึงเรื่องราวเช่นนี้ขึ้นมาคงจะมีโทสะจนตายไปอีกรอบอย่างแน่นอน
“โบร๋ว…”
ในขณะที่หลงเฉินเข้าสู่ห้วงแห่งความคิดอันว้าวุ่นอยู่นั้น เขาก็ถูกเรียกสติกลับมาด้วยเสียงครางของเสี่ยวเสว่ยที่กำลังวิ่งเข้าไปยังร่างของวานรเพชฌฆาตที่นอนแน่นิ่งและถูกแบ่งเป็นสองท่อน จากนั้นมันก็เริ่มกัดกินเนื้อของวานรอย่างดุเดือด
กายเนื้อของวานรเพชฌฆาตนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ทว่าเสี่ยวเสว่ยก็ยังสามารถแทะเล็มและขบเคี้ยวเนื้อหนังของวานรออกเป็นชิ้นๆ ได้อย่างง่ายดาย
เสี่ยวเสว่ยนั้นมีร่างกายคล้ายกับอาหมาน นั่นก็คือการสูบกินโลหิตและเนื้อสัตว์เพื่อใช้เป็นแหล่งพลังสะสมสำหรับการเติบโต เมื่อได้พบเห็นชิ้นเนื้อมากองอยู่ตรงหน้าก็แทบจะกัดกินอย่างไม่คิดชีวิตเลยทีเดียว
หลงเฉินชักดาบสั้นออกมาตัดเนื้อออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วส่งให้เสี่ยวเสว่ย ทว่าเจ้าหนูน้อยกลับไม่สนใจ ยังคงกัดแทะเนื้อน่องของวานรเพชฌฆาตด้วยตัวเองต่อไป
เดิมทีแล้ววานรเพชฌฆาตตัวนี้จะต้องใช้บวงสรวงให้แก่เทพแห่งพงไพร ทว่าตามความเข้าใจของหลงเฉินที่มีต่อเทพแห่งพงไพรนั้น หญิงสาวเป็นผู้ที่มีเมตตากรุณาเป็นอย่างยิ่ง นางคงจะไม่คิดเล็กคิดน้อยด้วยเรื่องเช่นนี้อยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นเพียงแค่เนื้อเพียงเล็กน้อยเช่นนี้
หลงเฉินจ้องมองไปยังร่างเล็กของเสี่ยวเสว่ยที่เดินทางตามหาเขามาด้วยระยะทางนับพันลี้ มันคงจะต้องทนทุกข์ทรมานและพบเจอกับความยากลำบากมามากมายอย่างแน่นอน ถ้าหากไม่ให้เจ้าหนูน้อยตัวนี้กินจนอิ่มหนำสำราญแล้วล่ะก็ เขาคงจะต้องรู้สึกผิดและละอายใจไม่จบไม่สิ้น
เขารอคอยจนเสี่ยวเสว่ยมีท้องพองกลมขึ้นมา จากนั้นก็ได้เก็บกวาดเศษซากของวานรเพชฌฆาตรวบเข้าเป็นกองเนินสูงอยู่บนพื้นดังเดิม
เพราะว่าร่างกายของวานรเพชฌฆาตนั้นใหญ่โตเกินไป แม้แต่แหวนมิติก็ยังไม่อาจใส่ชิ้นส่วนของมันลงไปได้ทั้งหมด อีกทั้งหลงเฉินยังจงใจจะเปิดเผยเอาไว้ จากนั้นเขาก็มุ่งเข้าสู่ส่วนลึกของผืนป่าต่อไป…