ณ จักรวรรดิเฟิงหมิงที่เคยมีบรรยากาศอันผ่อนคลายและกลิ่นอายแห่งความเก่าแก่นับพันปีที่ผ่านมา กลับกลายเป็นเมืองที่ไร้ซึ่งผู้คนและการสัญจรของรถลากที่ละลานตาเหมือนเช่นก่อน อีกทั้งยังปกคลุมด้วยกลิ่นอายแห่งความตายไปทั่วทั้งจักรวรรดิ
ด้วยช่วงเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งเดือน ภายในจักรวรรดิก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างหมดจด ข่าวคราวอันอื้อฉาวก็คือเซี่ยฉางเฟิงได้ถูกสอบสังหารจนตาย จึงทำให้ผู้คนทั้งหมดเกิดความตื่นตกใจขึ้นมาเป็นอย่างมาก
ที่ทำให้ตกใจเสียยิ่งกว่านั้นก็คือผู้ที่สังหารองค์ชายต้าเซี่ยนั้นไม่ใช่ใครอื่นไกล คนผู้นี้มีชื่อเสียงลือเลื่องมากที่สุดในจักรวรรดิเพราะเป็นสุดยอดรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งแห่งยุค——หลงเฉินนั่นเอง
ฉากการสังหารอย่างเ**้ยมโหดจากหยกบันทึกภาพได้ถูกฉายออกมาให้ผู้คนทั้งจักรวรรดิได้ชมพร้อมกันที่ลานกว้างแห่งหนึ่งในเมือง ทุกคนต่างก็ตกใจกับเรื่องราวอันแสนเลวร้ายที่หลงเฉินได้กระทำการลงไปอย่างอุกอาจ
อนาคตอันสดใสรุ่งโรจน์ของหลงเฉินถูกทลายลงไปด้วยการกระทำของเขาจนเกิดข้อพิพาทระหว่างสองจักรวรรดิ อีกทั้งยังสร้างความร้าวฉานให้กับความสัมพันธ์อันดีของเฟิงหมิงและต้าเซี่ย
หลังจากที่นั้นเพียงหนึ่งวัน คนในจวนของตระกูลหลงทั้งหมดก็ได้ถูกจับกุมไปกักขังเอาไว้ในคุกสวรรค์ และพลทหารจำนวนมากก็ได้ถูกเรียกตัวกลับมารวมกำลังพลอยู่ภายในเมือง
ประชาชนเกิดความแตกตื่นขึ้นมาเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่ได้รับข่าวสารว่าในเวลาเช่นนี้ได้เกิดสิ่งใดขึ้น จนพบเจอกับการโจมตีจากกองทัพใหญ่แห่งต้าเซี่ยที่ขนกำลังทหารมากว่าสี่สิบหมื่นนาย และกองกำลังทหารของทั้งสองจักรวรรดิก็ได้เผชิญหน้ากัน
ช่วงเวลาอันตึงเครียดและน่าหวาดกลัวอย่างไร้ที่เปรียบได้ปกคลุมไปทั่วทั้งจักรวรรดิ ศึกครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาหลายร้อยปีกลับมาเยือนอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่ว่าผู้ใดก็สามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของสงครามที่กำลังจะทำลายความปกติสุขที่มีมาอย่างเนิ่นนาน
ทว่าไม่นานมานี้สงครามกลับถูกยุติลงไป เมื่อองค์ชายสี่ได้ออกโรงเจรจาต่อจักรวรรดิต้าเซี่ยว่าได้จับตัวฆาตกรที่สังหารองค์ชายต้าเซี่ยเอาไว้แล้ว จึงทำให้จักรวรรดิเพื่อนบ้านถอยทัพห่างออกไป ทว่าก็ไม่ได้จากไปไกลมากนัก เพียงแต่ไปตั้งฐานทัพอยู่ที่ลานกว้างอันร้างแห่งหนึ่งที่อยู่นอกเมืองราวหกสิบลี้ เห็นได้ชัดว่าหากจักรวรรดิเฟิงหมิงไม่ทำการส่งมอบนักโทษตามข้อตกลง แน่นอนว่าย่อมต้องเกิดสงครามระหว่างทั้งสองจักรวรรดิอย่างแน่นอน
กองทัพของจักรวรรดิเฟิงหมิงมียิงฮวาและหวูโหวทำหน้าที่เป็นแม่ทัพใหญ่คอยออกคำสั่งและควบคุมกองกำลังทหารเอาไว้ ทว่าเรื่องราวทั้งหมดได้เกิดขึ้นมากะทันหัน ทางจักรวรรดิจึงไม่สามารถชักนำกำลังพลอีกจำนวนหนึ่งมาได้ทัน หากเกิดการเปิดศึกขึ้นมาในตอนนี้เกรงว่าคงยากที่จะกล่าวถึงผลแพ้ชนะได้ ทว่าผู้คนคงบาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน
ในขณะเดียวกันก็มีผู้คนส่วนหนึ่งเกิดความหดหู่และใคร่สงสัยขึ้นมาว่า ทั้งเฟิงหมิงและต้าเซี่ยนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่ไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงได้ยกกองทัพมาเผชิญหน้ากันอย่างกะทันหันกันเช่นนี้?
ข้อข้องใจมากมายถูกถากถางขึ้นมาอย่างล้นหลาม คงจะต้องมีบางอย่างที่พวกเขาอาจจะคาดคิดไม่ถึงจนทำให้ฝ่ายศัตรูคิดกระทำการขึ้นมาเช่นนี้ได้ ไม่เช่นนั้นคงจะไม่โจมตีเข้ามายังจักรวรรดิอื่นได้อย่างง่ายดายอย่างที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่นี้
เมื่อคนของตระกูลหลงถูกจับกุม และภายในจักรวรรดิก็คล้ายกัลป์ถูกเพลิงบรรลัยกัลป์แผดเผาจนไร้ซึ่งความสงบสุข ประชาชนหลายคนก็ได้หวนนึกถึงผู้รักษาการณ์ของชายแดนจักรวรรดิ ผู้ที่กำลังต่อกรกับเผ่าคนเถื่อนอย่าง——ขุนนางเจิ้งหยวน
ชายฉกรรจ์ผู้ทรงอิทธิพลที่รักษาการณ์อยู่ตามแนวชายแดนของจักรวรรดิมาหลายสิบปี เขากุมอำนาจของกองทัพทหารราวยี่สิบหมื่นนาย และเข้าต่อกรกับเผ่าคนเถื่อนมาเนิ่นนานแรมปี กล่าวได้ว่าชื่อเสียงของเขานั้นได้ลือเลื่องเกรียงไกรไปทั่วทั้งจักรวรรดิอย่างแท้จริง
ตามปกติแล้วจักรวรรดิได้อยู่อย่างสงบสุขมาโดยตลอด หลังจากที่เหล่าทหารภายในเมืองกินอิ่มกันแล้วและยังว่างเว้นจากภารกิจและการศึกใดใดก็ทำได้แค่เพียงฝึกฝนการจัดขบวนเพียงครู่เดียวเท่านั้น ซึ่งไม่อาจเทียบได้กับทหารอีกกลุ่มหนึ่งที่ออกรบและต่อกรกับศัตรูอย่างโชกโชนไม่มีหยุดหย่อน
นั่นก็คือเหล่าทหารที่อยู่ภายใต้อำนาจของขุนนางเจิ้งหยวนนั่นเอง ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาย่อมสามารถใช้หนึ่งต้านได้ถึงสิบ หลังจากไทเฮารับสั่งให้กำลังทหารเข้าจับกุมคนของตระกูลหลง ประชาชนทั้งหลายต่างก็นึกถึงขุนนางเจิ้งหยวนหลงเทียนเซียวขึ้นมาในทันทีว่าจะมีความเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง
เมื่อสิบวันก่อนที่ข่าวเรื่องการลงมือสังหารเซี่ยฉางเฟิงของหลงเฉินถูกปล่อยออกมา ทางจักรวรรดิก็ได้ออกมาแถลงการณ์ว่าการลอบสังหารในครั้งนี้มีองค์ชายใหญ่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ฉะนั้นองค์ชายใหญ่ก็ได้ถูกกักตัวอยู่ในคุกสวรรค์ด้วยเช่นกัน
ภายในคุกสวรรค์ยังมีเหล่าบริวารรับใช้จำนวนไม่น้อยที่ถูกคุมตัวเอาไว้ และวันนี้ก็ถึงวันที่จะต้องสำเร็จโทษกับเหล่า “ฆาตกร” ทั้งหมด
สถานที่แห่งหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่นอกเมืองจักรวรรดิ ลานที่เคยเป็นเวทีประลองยุทธ์ของเหล่าผู้คนได้ถูกจัดเป็นลานประหารขนาดใหญ่ขึ้นมาแทน
สองฝั่งที่ขนาบข้างลานประหารเต็มไปด้วยทหารของฝ่ายจักรวรรดิต้าเซี่ยและฝ่ายจักรวรรดิเฟิงหมิง ที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ มีเพียงลานกว้างขนาดใหญ่ตรงกลางเท่านั้นที่ได้แบ่งแยกบรรยากาศอันตึงเครียดของพวกเขาเอาไว้
ส่วนประชาชนของจักรวรรดิเฟิงหมิงต่างก็รวมตัวกันอยู่ในบริเวณที่ห่างไกลออกไป ทุกสายตาจับจ้องมายังลานประหารที่แผ่กลิ่นอายแห่งความตายออกมาอย่างท่วมท้น นี่ถือเป็นการสังหารนักโทษครั้งแรกในรอบหลายสิบปีของจักรวรรดิเฟิงหมิง
บนลานประหารมีแท่นประหารเรียงรายอยู่สองแถว แถวหน้ามีนักโทษอยู่สิบกว่าคนกำลังคุกเข่าลงกับพื้น ผู้คนเหล่านั้นต่างก็สวมชุดทางการเอาไว้
ถึงแม้พวกเขาเหล่านั้นจะรับรู้ถึงชะตากรรมของตัวเองแล้ว ทว่าบนใบหน้าเหล่านั้นกลับเกิดความหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อยเลย นักโทษแถวแรกมีทั้งอัครเสนาบดีและขุนนางชั้นสูงปะปนอยู่ด้วย ซึ่งตามปกติแล้วพวกเขามักจะไม่ค่อยออกมาให้พบเห็นได้ภายนอก
ที่น่าตกใจเสียยิ่งกว่าผู้ใดนั่นก็คือองค์ชายใหญ่ฉู่หยางที่นั่งคุกเข่าอยู่ในแถวแรกด้วย ความสง่างามขององค์ชายผู้นี้ได้มลายหายไปจนหมดสิ้น สภาพในตอนนี้นั้นไม่ต่างไปจากยาจกข้างถนน ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง สายตาที่เลื่อนลอย อีกทั้งฝีปากก็กำลังพึมพำอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา แถวถัดจากเหล่าผู้มีบรรดาศักดิ์ทั้งหลายประกอบไปด้วยคนใช้หญิง คนรับใช้ และแม่นมที่เป็นคนของตระกูลหลง รวมไปถึงฮูหยินหลงที่กำลังสวมใส่เครื่องจองจำอยู่ ใบหน้าของนางดูอิดโรยและมอมแมม สายตาคู่งามทอดยาวออกไปไกลลับขอบฟ้า ไม่ทราบว่านางกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
คนของตระกูลหลงคนอื่นๆ ต่างส่งเสียงร่ำไห้ออกมาดังระงมไปทั่ว เพราะวันนี้เป็นวันที่พวกเขาจะมีชีวิตอยู่เป็นวันสุดท้ายแล้ว ความสิ้นหวังบังเกิดขึ้นมาเมื่อมองไปยังเงาร่างของเพชฌฆาตที่ยืนอยู่ด้านข้าง “เป็นเราที่ผิดต่อพวกเจ้าเอง หากได้เกิดมาใหม่อีกครั้ง ข้าจะต้องตอบแทนคืนกลับไปให้พวกเจ้าอย่างแน่นอน”
ฮูหยินหลงมองไปยังใบหน้าเคล้าน้ำตาของผู้รับใช้ภายในจวนก็ได้ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะเอ่ยวาจาปลอมประโลมออกไป พวกเขาไม่ได้มีความผิดอันใดเลยแม้แต่น้อย ทว่ากลับต้องมารับความผิดที่ตระกูลหลงเป็นผู้ก่อขึ้นมา
“ฮูหยิน ท่านอย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลย พวกเราเกิดมาเป็นคนของตระกูลหลง ก็ย่อมต้องเป็นผีของตระกูลหลงด้วยเช่นกัน พวกเราไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย” เป่าเอ๋อที่คุกเข่าอยู่ข้างกายของฮูหยินหลงกล่าวออกมาอย่างแน่นขึ้น
“ชิ ยังคิดจะกลับมาเกิดใหม่อีกอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถิด พวกเจ้าเป็นได้แค่กลุ่มคนผู้โง่เง่าเท่านั้นแหละ” ชายหนุ่มที่ในมือกุมดาบยาวเอาไว้อยู่เล่มหนึ่งก็ได้เอ่ยตัดบทขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์
ฮูหยินหลงถลึงตาใส่ชายหนุ่มผู้นั้นด้วยความอาฆาตจนแทบจะกระโดดกัดให้ตายทั้งเป็นไปเสียตอนนี้เลย
“หลี่เฟิง เจ้าคนบัดซบ ต่อให้ข้ากลายเป็นผีสางก็จะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่” ฮูหยินหลงกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น
เพชฌฆาตผู้นี้เป็นหลานชายของฮูหยินเอง เขาเป็นบุตรชายของพี่สาวแท้ๆ ของนาง เมื่อได้เห็นบุคคลผู้นี้ดูถูกเหยียบหยามจึงเป็นความเจ็บปวดขึ้นมาภายในจิตใจราวกับมีเข็มทิ่มแทงเข้ามานับพันหมื่นเล่ม
ในตอนที่ญาติของนางกลับมาเยี่ยมเยือนที่จวน พวกเขาทำให้นางรู้สึกถึงความอบอุ่นของครอบครัวขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะคล้ายกับประจบประแจงอยู่ส่วนหนึ่ง ทว่าพวกนางก็เป็นพี่น้องตระกูลเดียวกัน เช่นนั้นฮูหยินจึงไม่อยากติดใจก็เลยให้อภัยพวกนางไปในวันนั้น
ทว่าในตอนนี้กลับเข้าใจผิดไปอย่างมหันต์ว่าพวกนางจะกลับใจได้แล้ว อีกทั้งยังไม่คาดคิดว่าพวกนางจะผลักไสคนทั้งตระกูลหลงลงสู่หุบเหวแห่งความตายอันลึกล้ำเช่นนี้ การกระทำเช่นนี้ช่างหยาบโลนยิ่งนัก ฮูหยินหลงจึงยากที่จะระงับความอาฆาตมาดร้ายต่อพวกเขาเอาไว้ได้
ในวันที่อาหมานได้กลับมาถึงจวน ฮูหยินหลงก็ได้บอกออกไปเพียงคำพูดประโยคเดียวว่า: จงรีบไปขอความช่วยเหลือจากปรมาจารย์หวินฉี แล้วจากนั้นนางก็สลบไป
อาหมานเห็นว่ายิงฮวาได้ไล่ตามหลงเฉินไปแล้ว อีกทั้งเด็กหนุ่มยังได้รับบาดเจ็บไปทั่วทั้งร่าง เขาจึงพักผ่อนอยู่ตรงนั้นอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อนึกถึงคำสั่งของหลงเฉินได้ เขาก็รีบวิ่งกลับไปยังจักรวรรดิในทันที
แล้วก็ไม่อาจทราบได้ว่าเป็นเพราะอาหมานนั้นโชคดี หรือว่าลูกน้องของยิงฮวานั้นกินหญ้าแทนข้าวกันแน่ เพราะอาหมานสามารถกลับไปที่จักรวรรดิได้โดยไม่ถูกขวางรั้งเอาไว้เลย
ตลอดรายทางที่จะมุ่งไปสู่จวนของตระกูลหลง อาหมานไม่กล้าที่จะหยุดเร่งฝีเท้าลงไปเลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ว่าจะรีบกลับไปแจ้งข่าวต่อฮูหยินหลง หลังจากที่เขาได้บอกกล่าวเรื่องราวทั้งหมดแล้ว จู่จู่เนื้อเยื่อภายในร่างกายก็เข้าสู่การจำศีลอีกครั้ง
ทว่าในช่วงเวลาที่อาหมานกลับมาถึง เขาเห็นว่าฮูหยินหลงกำลังสนทนาอยู่กับพี่สาวของนางอยู่จึงไม่ได้คิดอันใดมากมาย เมื่ออาหมานหมดสติและล้มลง ฮูหยินหลงจึงตกใจขึ้นมายกใหญ่พลันก็ได้ขานเรียกให้คนในจวนเข้ามาช่วย พี่สาวของฮูหยินหลงจึงเข้าปลอบประโลมจิตใจของนางอยู่ไม่ห่าง
ว่าอาหมานคงจะหิวโหยเป็นอย่างมากจึงสลบลงไป ให้ลองปลุกอาหมานก่อนแล้วค่อยว่ากัน และแม้จะให้อาหมานทานโอสถไปมากมายหลายถ้วยแล้ว เด็กหนุ่มก็ยังคงอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่เช่นนั้นไม่เสื่อมคลาย
ทันใดนั้นเองฮูหยินหลงก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกิดขึ้น กลิ่นธูปหอมโชยพัดเข้ามาภายในห้องรับแขกจากนั้นนางก็สลบไปด้วยเช่นกัน ทว่าก่อนที่จะหลับใหลลงไปก็ได้เห็นรอยยิ้มเหยียดหยันของพี่สาวปรากฏขึ้นมา เมื่อฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหลอยู่นานก็พบว่าผู้คนของตระกูลหลงถูกจองจำอยู่ในห้องขังภายในคุกสวรรค์แล้ว จึงทำให้ฮูหยินหลงทั้งเสียใจทั้งเกลียดชังและเอาแต่ตำหนิตัวเอง
หลี่เฟิงจ้องตอบฮูหยินหลงที่กำลังกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น แล้วกล่าวขึ้นมาว่า “เป็นผี? ชิ! ต่อให้พวกท่านกลายเป็นผีก็เป็นได้แค่ผีที่เลอะเลือนเท่านั้น ช่างโง่งมจนไม่รู้จักเวลาและสถานการณ์เอาเสียเลย
สิบกว่าปีก่อนท่านก็ได้เลอะเลือนจนติดอยู่ในหลุมพรางของพวกเราไปแล้ว จวบจนมาถึงตอนนี้ท่านก็ยังเลอะเลือนอยู่ เพียงแค่ได้ฟังคำกล่าวหวานหูไปเจ้าก็คิดว่าเป็นจริงตามนั้นหรือ หากมีคนโง่งมเช่นท่านตายไป สวรรค์ก็คงจะไม่สนใจใยดีอย่างแน่นอน”
ฮูหยินหลงโกรธจนเนื้อตัวสั่นเทาไปหมด พลางน้ำตาก็ได้ไหลรินออกมาจากดวงตาคู่งาม แม้แต่จะด่าทอออกมาก็ยังกล่าวไม่ออก นี่คือญาติของนางจริงๆ อย่างนั้นหรือ?
“ท่านก็อย่าได้คร่ำครวญไปเลย ข้าจะรีบรวบรัดให้สักหน่อยก็แล้วกันเพื่อเห็นแก่ความเป็นญาติของพวกเรา ท่านจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่นิดเดียว” หลี่เฟิงสะบัดดาบยาวที่อยู่ในมือแล้วกล่าวต่ออีกว่า
“ท่านน้า อย่างไรเสียข้าต้องขอบคุณท่านจริงๆ ขอเพียงได้ฟันไปที่คอของท่าน ข้าก็จะสามารถโบยบินขึ้นไปสู่จุดที่สูงขึ้นกว่าเดิมแล้ว จักรวรรดิมีคนตายไปไม่น้อยคงจะหลงเหลือตำแหน่งขุนนางให้ข้าสักตำแหน่งหนึ่งอย่างแน่นอน
หากข้ามั่งคั่งขึ้นมาก็จะไม่มีวันลืมพระคุณของท่านน้าไปเป็นอันขาด ในทุกวันเทศกาลข้าจะซื้อกระดาษเงินเผาส่งไปให้ท่านเป็นจำนวนมากเลย ฮาฮา”
“หลี่เฟิง เจ้าไม่ตายดีแน่”
เมื่อเป่าเอ๋อได้ยินวาจาเย้ยหยันของชายหนุ่มก็ได้ด่าทอออกมาอย่างเดือดดาล การกระทำเช่นนี้ไม่ต่างไปจากสัตว์นรกตัวหนึ่ง ยิ่งเปาเอ๋อได้หวนนึกถึงวันที่พวกเขาเสแสร้งแกล้งทำเป็นนอบน้อมต่อฮูหยินหลงยิ่งทำให้นางโกรธแค้นขึ้นมาอย่างถึงที่สุด
“ไม่ตายดีอย่างนั้นหรือ? หึหึ นั่นมันเป็นพวกเจ้าต่างหาก พอศีรษะของพวกเจ้าได้ร่วงตกพื้นไป ข้าก็อยากจะรู้เช่นกันว่าผู้ใดที่จะไม่ตายดี” หลี่เฟิงแสยะยิ้มแล้วมองไปที่เป่าเอ๋อ
“ปึง”
ทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงดังเกิดขึ้น ร่างของชายผู้หนึ่งถูกโยนมาใกล้บริเวณที่เป่าเอ๋อกำลังคุกเข่าอยู่
“อาหมาน”
เมื่อได้เห็นร่างที่กองอยู่ด้านหลังแล้ว ฮูหยินหลงก็ร้องเสียงหลงออกมา พร้อมกับน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาอย่างไม่อาจอดกลั้นเอาไว้ได้
ทั่วทั้งร่างของอาหมานเต็มไปด้วยเข็มยาวสีเงินทิ่มแทงอยู่เต็มไปหมดคล้ายกับเป็นเม่นยักษ์ตัวหนึ่ง สิ่งนั้นคือเครื่องมือการลงทัณฑ์ชนิดหนึ่งอันมีชื่อเรียกว่าเข็มหนอนกระดูก บนปลายเข็มแต่ละเล่มจะถูกเคลือบด้วยพิษที่สามารถให้หนอนกร่อนกระดูกชอนไชเข้าไปได้จนถึงเนื้อกระดูกของคนผู้นั้น ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจึงไม่อาจพรรณนาออกมาเป็นคำพูดได้ หากเป็นคนปกติก็ไม่อาจทนได้แม้แต่เล่มเดียว หรือต่อให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ฝีมือเก่งกาจก็ยังไม่อาจทนได้เกินห้าเล่ม เพราะความเจ็บปวดที่กัดกินเนื้อกระดูกนั้นถือว่าหนักหนาเสียยิ่งกว่าได้รับความตาย
บนเนื้อหนังที่มีเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงอยู่นั้นก็คงจะทำให้อาหมานเจ็บปวดเป็นอย่างมากจนสลบไป ทว่าเมื่อได้ถูกโยนมาที่พื้นเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้เข็มทิ่มแทงลึกเข้าไปอีกจึงทำให้อาหมานเจ็บปวดจนได้สติขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“มารดา ท่านอย่าได้เป็นห่วงไปเลย อาหมานไม่เจ็บ” เมื่อดวงตาของอาหมานเห็นว่าฮูหยินหลงกำลังร้องไห้ออกมา เขาจึงกล่าวปลอบประโลมขึ้นมาพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้ฮูหยินหลง
ร่างกายของอาหมานซูบผอมลงไปจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก การเหยียดรอยยิ้มขึ้นมาเช่นนั้นคงจะเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างหนึ่งต่อเขาเลยก็ว่าได้
นับตั้งแต่วันแรกที่หลงเฉินได้พาอาหมานกลับมาด้วย หลงเฉินก็มักจะพูดถึงอาหมานให้ฮูหยินหลงฟังอยู่เสมอเพื่อหวังให้มารดารับอาหมานเป็นลูกบุตรธรรม
อาหมานจึงเรียกขานฮูหยินหลงว่ามารดามาโดยตลอด ทว่าฮูหยินหลงกลับยังรู้สึกผิดแปลกอยู่ไม่น้อยจึงไม่ได้ตอบตกลงอันใดออกไป
ทว่าในตอนนี้ความรู้สึกกลับต่างออกไป เมื่อได้ยินอาหมานเรียกขานออกมาก็อดหวั่นไหวขึ้นมาไม่ได้
“อาหมาน เป็นเพราะมารดาทำร้ายเจ้าเอง”….