หลงเฉินส่งเสียงขึ้นมาอย่างเย็นชา แล้วก็ได้ผนึกฝ่ามือข้างหนึ่งนาบเอาไว้ที่หน้าอก พริบตานั้นพลังแห่งจิตวิญญาณก็ได้ถูกเบิกขึ้นมา
“ซูม”
ช่องว่างอากาศก็ถูกแหวกออกมา มีเงาขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากทางด้านหลังของหลงเฉิน เมื่อเงานั้นปรากฏขึ้นมาก็ได้อ้าปากขึ้นในทันที ลูกลมสายหนึ่งที่มีขนาดผ่าศูนย์กลางหนึ่งเชียะก็ได้ถูกพ่นออกมา ลอยเข้าหาหยินหลอไปในทันที
ลูกลมนั้นที่เพิ่งจะปรากฏขึ้นมามีเสียงดังแสบแก้วหูดังขึ้นไปทั่วทั้งสภาวะอากาศ ถ้าหากลองมองดูอย่างละเอียดก็จะสามารถที่จะมองออกได้ว่า ใจกลางลูกลมนั้นได้แฝงเอาไว้ด้วยคมวายุที่สามารถบดขยี้เนื้อชิ้นเล็กให้กลายเป็นหมื่นพันล้านชิ้นได้เลยก็ว่าได้
คมวายุนับไม่ถ้วนถูกห่อหุ้มไว้อยู่ภายในใจกลาง หรือก็คือศูนย์กลางของลูกลมนั่นเอง ซึ่งคล้ายกับของเหลวที่มีลักษณะเหมือนกับลาวา อีกทั้งภายในยังแฝงเอาไว้ด้วยการหมุนที่รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง
แท้จริงแล้วก็คือเสี่ยวเสว่ยนั่นเอง หลงเฉินที่ได้เตรียมการกับเสี่ยวเสว่ยเอาไว้ตั้งแต่แรก ให้มันทำการรวมพลังเอาไว้ก่อนแล้วจึงค่อยชักนำมันออกมา เพื่อปลดปล่อยการโจมตีออกมาในช่วงเวลานับตั้งแต่แรกแล้ว
นี้ก็คือทักษะเฉพาะตัวของเสี่ยวเสว่ย แล้วก็ยังเป็นการโจมตีที่รุนแรงมากที่สุดของเสี่ยวเสว่ยอีกด้วย หลังจากที่ได้เลื่อนระดับจนถึงขั้นที่สี่แล้ว นี่ถือเป็นการโจมตีที่ทุ่มพลังทั้งหมดออกมาเป็นครั้งแรกอีกด้วย
หยินหลอคิดไม่ถึงว่าหลงเฉินสามารถที่จะมาไม้นี้ได้ หอกยาวเองก็อยู่นอกวิถีไปแล้วเช่นกัน การโจมตีของเสี่ยวเสว่ยที่ได้พุ่งเข้ามาทางด้านหน้า จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต้านรับเอาไว้ได้
“ผ้าคลุมกระดูกทรายมายา”
ทางด้านหน้าหยินหลอก็ได้กลายเป็นภาพมายาขึ้นมาภายในพริบตาห่อหุ้มเอาไว้ คล้ายกับถูกโอบล้อมไปด้วยโครงกระดูกอยู่เต็มไปหมด จนห่อหุ้มหยินหลอเอาไว้ตลอดทั่วทั้งร่างขึ้นมา
“ตูม”
เสี่ยวเสว่ยที่ได้พ่นลูกลมสายนั้นออกไปกระแทกเข้ากับร่างของหยินหลอ แล้วก็ได้เกิดเสียงระเบิดขึ้นในทันที พริบตานั้นลูกลมก็ได้ระเบิดออก คมวายุหลายพันล้านก็ได้ปกคลุมไปตลอดทั่วทั้งผืนฟ้า
“แย่แล้ว”
หลงเฉินตกใจขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าการโจมตีของเสี่ยวเสว่ยจะน่าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้ คมวายุที่น่าหวาดกลัวนั้นไม่แบ่งแยกศัตรูหรือฝ่ายเรา มีแต่การทำลายเท่านั้น มีหรือจะสามารถรอดพ้นจากการกลายเป็นเนื้อบดไปได้ ?
ในขณะที่หลงเฉินเพิ่งจะไหลเวียนพลังอันมหาศาลขึ้นมาเพื่อป้องกัน ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเบื้องหน้ามืดขึ้นมาจนไม่อาจที่จะพบเห็นสิ่งใดได้เลย
“เสี่ยวเสว่ย”
หลงเฉินงุนงง แล้วก็พบว่าตัวเขาเองได้เข้าไปอยู่ภายในปากของเสี่ยวเสว่ย เป็นเสี่ยวเสว่ยเองที่ได้ดึงเขาเข้าไปอยู่ภายในปากของมัน
“โครม”
ทันใดนั้นหลงเฉินก็รู้สึกสั่นเทาไปทั่วทั้งร่างอย่างรุนแรง ร่างกายถึงกับสั่นไหวจนไม่อาจที่จะควบคุมได้ หลงเฉินคว้าจับเข้าไปที่เขี้ยวของเสี่ยวเสว่ย กอดเอาไว้จนแน่นไม่กล้าที่จะปล่อยมือลง
และรู้สึกได้ว่าร่างกายเสี่ยวเสว่ยเกิดการสั่นไหว คล้ายกับว่ากำลังล้มกลิ้งไม่หยุด หลังจากเวลานั้นเพียงไม่กี่ลมหายใจเสี่ยวเสว่ยก็ได้อ้าปากขึ้น หลงเฉินจึงได้พบเห็นแสงสว่างขึ้นมาอีกครั้ง
“เสี่ยวเสว่ย”
หลงเฉินกระโดดออกมา ในเวลานั้นก็ได้พบเห็นเสี่ยวเสว่ยที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลอยู่เต็มไปหมด
เห็นได้ชัดว่าแม้แต่เสี่ยวเสว่ยเอง ก็ยังไม่อาจที่จะต้านทานการโจมตีอันน่าหวาดกลัวนั้นเอาไว้ได้ เสี่ยวเสว่ยที่ถือได้ว่าเป็นสายโจมตีระยะไกล ตัวมันเองย่อมต้องมีพลังการป้องกันที่ด้อยยิ่งกว่าพลังการโจมตีของมันเองอยู่แล้ว
“พลังฝีมือที่ดี ช่างเป็นพลังฝีมือที่ยอดเยี่ยมเลยจริงๆ”
เสียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเสียงหนึ่งก็ได้ดังขึ้นมา หลงเฉินที่ตกใจอยู่ ก็ได้หันกลับไปมองทางด้านทิศทางของเสียง
ในเวลานี้ทั่วทั้งผืนฟ้าที่ได้ถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยหมอกควันก็ได้สลายหายไป ภายในพื้นที่รอบบริเวณหลายสิบลี้ ที่ถูกการโจมตีจากเสี่ยวเสว่ยก็แหลกลานจนกลายเป็นฝุ่นผง
หยินหลอที่อยู่ห่างออกไปทั่วทั้งร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือด กำลังทอสีหน้าดุร้ายจ้องมองไปที่หลงเฉิน
อาภรณ์ที่สวมใส่อยู่ทั่วทั้งร่างของหยินหลอในเวลานี้ ได้ถูกความน่าหวาดกลัวของคมวายุ ฉีกกระชากจนกลายเป็นชิ้นๆไปแล้ว ทั่วทั้งร่างกายก็เต็มไปด้วยบาดแผล ไม่ได้มีกล้ามเนื้อส่วนใดที่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์
เดิมทีบนใบหน้าอันหล่อเหลา ก็ได้เกิดรอยแผลขึ้นสลับกันไปมา ที่ริมฝีปากของเขากลับยิ่งรุนแรงยิ่งกว่าจุดอื่น หากอ้าปากก็จะสามารถมองเห็นฟันทุกซี่ของเขาได้เลยทีเดียว น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
หยินหลอในเวลานี้ทั้งแตกตื่นทั้งเดือดดาน คิดไม่ถึงว่าหลงเฉินจะถึงกับเป็นผู้ฝึกสัตว์ได้ อีกทั้งด้วยเป็นเพียงขอบเขตก่อโลหิตตัวน้อยๆ แต่กลับมีสัตว์มายาระดับที่สี่เป็นพาหนะได้
เพราะผู้ฝึกสัตว์ต้องมีพลังแห่งจิตวิญญาณแข็งแกร่งน่ากลัวอย่างไร้ที่เปรียบ จนสามารถที่จะเบิกช่องว่างผนึกตราจิตวิญญาณ เพื่อให้สัตว์มายาเข้าไปผนึกกับจิตวิญญาณได้ จนทำให้มันกลายเป็นข้าบริวารของตนเอง
ความน่าหวาดกลัวของผู้ฝึกสัตว์ย่อมไม่จำเป็นที่จะต้องพูดเลยก็ว่าได้ แต่ว่าในความแข็งแกร่งของผู้ฝึกสัตว์เองก็ถือได้ว่ามีจุดอ่อนที่เป็นเหมือนกับจุดตายอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือนอกเสียจากที่พวกเขาจะมีพลังแห่งจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งแล้ว แต่ราวกับว่าก็ไม่มีพลังในการโจมตีแม้แต่น้อย
โดยเฉพาะในด้านร่างกายที่อ่อนแอของพวกเขา ถือได้ว่าอ่อนโทรมเกินกว่าที่จะคาดคิดได้เลยทีเดียว สิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นเหตุและผลที่ไม่อาจที่จะเปลี่ยนแปลงได้นับตั้งแต่โบราณกาล
ในการต่อสู้บนสนามรบระหว่างธรรมะอธรรมสนามรบก่อนหน้านี้ หยินหลอเองก็ได้ถูกเสี่ยวเสว่ยลอบโจมตีไปแล้วครั้งหนึ่ง ทว่าเขาเมื่อในเวลานั้นกลับหาได้เกิดความสงสัยในความสัมพันธ์ของเสี่ยวเสว่ยกับหลงเฉินแต่อย่างไร
ร่างกายของหลงเฉิน กล่าวได้ว่าแข็งแกร่งจนผิดแปลกมากจนถึงไป บุคคลเช่นนี้มีหรือที่จะเป็นผู้ฝึกสัตว์ที่มีร่างกายอ่อนโทรมไปได้อย่างไรกัน ?
ไพ่ตายที่หลงเฉินมีอยู่ ถือได้ว่าทำให้หยินหลอแตกตื่นได้เป็นอย่างยิ่ง คงจะมีแต่เพียงสถานภาพอย่างผู้ฝึกสัตว์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ที่อยู่นอกเหนือจากการคาดเดาของเขาไปได้
การโจมตีเมื่อครู่นั้นถ้าหากเป็นหลายเดือนก่อนหน้านี้ ที่ยังไม่ได้ฝึกปรือพลังผ้าคลุมกระดูกทรายมายาที่เป็นวิชาลับของฝ่ายอธรรม ในเวลานี้เขาก็คงต้องตายไปแล้ว
ผ้าคลุมกระดูกทรายมายานั้น เขาเองก็ได้เคยทดสอบการรับพลังทำลายมาก่อน ต่อให้เป็นยอดฝีมือขอบเขตแปดบวงสรวงโจมตีออกไปด้วยพลังทั้งหมด ก็ยังไม่อาจที่จะทำอะไรเขาได้เลยแม้แต่น้อย
ด้วยความแข็งแกร่งของผ้าคลุมกระดูกทรายมายานั้น ภายใต้การเผชิญหน้ากับการโจมตีของเสี่ยวเสว่ย ก็ยังสามารถต้านทานเอาไว้ได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นก็แตกกระจายไป
เดิมทีที่เขาคิดที่จะบดขยี้หลงเฉินให้ไม่ต่างอะไรไปจากแมลงตัวหนึ่ง แต่ขณะนี้เขาเองเกือบที่จะตายอยู่ภายในเงื้อมมือของหลงเฉินเลยทีเดียว มีหรือที่จะไม่ทำให้เขาเกิดโทสะได้ ?
“ไปตายซะเถอะ”
หยินหลอตะโกนขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยว บริเวณใจกลางหน้าอกก็ได้มีประกายแสงสีดำทมิฬปรากฏขึ้นมา ถึงแม้ว่าภายในร่างกายของเขาจะได้รับบาดเจ็บ แต่เนื่องจากด้วยพลังความฉับไว หอกยาวในมือก็ยังสามารถที่จะพุ่งเข้าใส่หลงเฉินได้อยู่
“ตูม”
หลงเฉินได้ต้านทานเอาไว้ด้วยความรีบร้อน ไม่ทราบว่าหยินหลอผู้นี้ใช้วิชาลับอันใด ถึงกับสามารถที่จะสะกดอาการบาดเจ็บสาหัสลงไปได้ภายในพริบตา อีกทั้งพลังทำลายยังไม่ได้ลดทอนลงไปเลยแม้แต่น้อย
ด้วยพลังทำลายจากหอก คล้ายกับแรงภูผากดทับเข้ามา จนหลงเฉินไม่อาจที่จะต้านทานเอาไว้ได้ ถึงกับถูกซัดกระเด็นออกไปภายในหอกเดียว ที่กระทบเข้าใส่บนร่างของเสี่ยวเสว่ย
ทันทีที่หลงเฉินและเสี่ยวเสว่ยถูกพลังอันมหาศาลซัดกระเด็นออกไป จนกระอักเลือดออกมาคำโต หลงเฉินกับหยินหลอในตอนนี้ถือได้ว่าแตกต่างกันเป็นอย่างมากเลยก็ว่าได้
แม้ว่าจะกระตุ้นกายาศึกกักวายุออกมาจนถึงขีดสุด อีกทั้งยังมีวงแหวนแห่งเทพคอยหนุนเสริม แต่ก็ยังไม่อาจที่จะทานรับพลังอันมหาศาลเอาไว้ได้อยู่ดี จนอวัยวะภายในได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
เสี่ยวเสว่ยเองก็ใช่ว่าจะดีไปกว่ากัน เนื่องจากอยู่ในระยะที่ใกล้จนเกินไปมันจึงได้ถูกคมวายุของตนเองเชือดเฉือนร่างไปด้วย จนได้รับบาดแผลลึกจนเห็นกระดูก กล้ามเนื้อหลายส่วนยังมีบาดแผลขนาดใหญ่อีกหลายแห่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีบางจุดที่สามารถมองเห็นอวัยวะภายในของมันได้เลย
การป้องกันถือได้ว่าเป็นดั่งจุดอ่อนของเสี่ยวเสว่ย นี่ถือได้ว่าเป็นส่วนสำคัญข้างต้นที่มาจากพลังทำลายเลยทีเดียว กลายเป็นหายนะที่เกิดขึ้นมาจากตนเองก็ว่าได้
“เสี่ยวเสว่ย พวกเราไป”
ทันใดนั้นหลงเฉินก็ได้กระโดดขึ้นบนหลังของเสี่ยวเสว่ย แล้วใช้พลังแห่งจิตวิญญาณควบคุมเสี่ยวเสว่ย ในตอนนี้หยินหลอแทบจะไม่ใส่ใจอะไรอีกต่อไปแล้ว ทั้งยังลงมือหมายที่จะปลิดชีพให้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ถึงแม้ทางฝ่ายธรรมะจะมียอดฝีมือหลายสิบคนกำลังดูอยู่ หลงเฉินก็อย่าได้คาดหวังที่จะขอให้พวกเขาลงมือช่วยเหลือ การที่พวกเขาไม่ได้ลงมือต่อตนเองเพื่อเป็นการถ่วงแข้งถ่วงขา ก็ถือได้ว่าเมตตาต่อเขามากแล้ว
เมื่อได้เล็งเห็นโอกาสในการที่จะหลบหนีไปได้ ถึงแม้ว่าภายในห้วงความคิดของเขาจะมีความแน่วแน่ขุมนั้นอยู่ แต่ก็ยังคงไม่คาดหวังที่จะให้เขาหลบหนี
แต่ว่าหลงเฉินครั้งนี้กลับหาได้ปล่อยให้มันคอยควบคุมตนเองอีกต่อไปแล้ว เขาคือหลงเฉิน หาได้เป็นจักรพรรดิโอสถไม่ เขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีเกียรติอะไรเช่นนั้น ที่เขาต้องการก็คือการมีชีวิตอยู่ต่อไป
ถ้าหากเขาแลก ฉากจบคงจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังกลายเป็นปล่อยให้ชีวิตของเสี่ยวเสว่ยตกอยู่ในอันตรายอีกด้วย นั่นกลับหาใช่ความห้าวหาญ จะมีก็แต่เพียงความโง่เขลาเท่านั้น
เสี่ยวเสว่ยที่ได้ผสานจิตสำนึกกับหลงเฉิน ย่อมต้องทราบความคิดของหลงเฉินอยู่แล้ว เท้าหลังก็ได้เริ่มทำการตะกุยขึ้นมา พวยพุ่งออกไปประดุจสายฟ้าแลบ เพียงแค่พริบตาเดียวก็ได้ออกห่างไปกว่าหลายสิบลี้ไปแล้ว
“คิดหนีงั้นหรือ ? หาได้ง่ายเช่นนั้นไม่”
หยินหลอส่งเสียงขึ้นมาอย่างเย็นชา แล้วก็ได้ยกหอกยาวขึ้นมา ย่างก้าวออกไปก้าวหนึ่ง ปรากฏตัวขึ้นในแต่ละบริเวณเป็นฉากๆ เรียกได้ว่าเป็นระดับความเร็วที่ทำให้ผู้คนเกิดความหวาดผวาได้เลยทีเดียว
เดิมทีหลงเฉินกระโดดขึ้นไปบนหลังเสี่ยวเสว่ย คิดที่จะหยิบยืมความว่องไวของเสี่ยวเสว่ย จนสามารถที่จะสลัดหยินหลอให้หลุดไปได้
แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือในด้านระดับความเร็วหยินหลอหาได้ช้าไปกว่าเสี่ยวเสว่ยไม่ หากเป็นช่วงที่เสี่ยวเสว่ยอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ระดับความเร็วย่อมต้องเหนือกว่าหยินหลออยู่ไม่น้อย แต่ว่าขณะนี้เสี่ยวเสว่ยได้รับบาดเจ็บไปทั้งร่าง จึงได้ส่งผลต่อความเร็วของมันเป็นอย่างยิ่ง
และหยินหลอที่หยิบยืมวิชาลับ ก็พยายามข่มอาการบาดเจ็บบนร่างเอาไว้อย่างรุนแรง ยิ่งหนีก็ยิ่งเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น
หลงเฉินจึงอดไม่ได้ที่จะแตกตื่นขึ้นมา ถ้าหากหยินหลอไล่ตามขึ้นมาทัน เช่นนั้นก็คงจะต้องจบสิ้นอย่างแท้จริงแล้ว จึงได้ขยับมือทั้งสองข้างขึ้น ทันใดนั้นบนมือก็ได้มีลูกไฟเพลิงสีฟ้าครามเพิ่มขึ้นมาลูกหนึ่ง
ในช่วงเวลาที่ลูกเพลิงนั้นปรากฏขึ้นมามีขนาดเพียงแค่หนึ่งกำปั้นเท่านั้น แต่ในระหว่างที่หลงเฉินถ่ายเทพลังแห่งเพลิงกาฬภายในร่างออกมา ก็ได้ใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อลูกเพลิงปะทุขึ้นจนมาเส้นผ่าศูนย์กลางราวหนึ่งเชียะ ทั้งยังมีความร้อนที่สูงจนน่าหวาดกลัว สภาวะอากาศเกิดการสั่นไหวขึ้น ก็ได้ทำให้เกิดการเผาผลาญจนทุกอย่างมอดไหม้ขึ้นมา
“เพลิงโอสถกลืนภูผา”
ลูกเพลิงที่ถูกก่อขึ้นมาจากพลังแห่งเพลิงโอสถทั้งหมดของหลงเฉิน จากนั้นก็ถูกใช้เพื่อพุ่งเข้าไปหาหยินหลออย่างกระชั้นชิดจนเกิดเป็นเส้นตรง บนเส้นทางที่พุ่งผ่านนั้นก็ได้เกิดการเผาไหม้จนเป็นวงกว้างภายในพริบตา
“ก็แค่ทักษะของพวกมดแมลงเท่านั้น”
หยินหลอส่งเสียงอย่างเย็นชาดังลั่น แล้วก็ได้กระตุ้นผ้าคลุมกระดูกทรายมายาออกมา เพื่อทำการคุ้มกันตนเองเอาไว้ ในเวลาเดียวกันหอกยาวในมือก็ได้เข้าทลายลูกเพลิงอีกทางหนึ่ง
“ตูม”
เพลิงกาฬเมื่อถูกทำลายลง กระนั้นสภาวะความร้อนกลับยังคงห่อหุ้มสภาวะอากาศเอาไว้ จนทำให้เกิดการมอดไหม้ขึ้นมาเป็นบริเวณกว้างหลายลี้ ท่ามกลางอากาศก็ได้เกิดกลิ่นจากการเผาไหม้ขึ้นมา
ความน่ากลัวของเพลิงกาฬก็ได้ห่อหุ้มหยินหลอเอาไว้ ทว่าทั้งหมดนั้นกลับถูกผ้าคลุมกระดูกทรายต้านทานเอาไว้ จึงแทบไม่อาจที่จะสร้างความเสียหายให้แก่เขาได้เลย
เพลิงกาฬนั้นถึงแม้จะแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ในมุมมองของศิษย์สายตรง ย่อมต้องสามารถที่จะสร้างการคุกคามถึงแก่ชีวิตได้ แต่ว่าในมุมมองของผู้อยู่เหนือขอบเขต กลับหาได้เป็นอะไรไม่ ยิ่งไม่ต้องนึกถึงเรื่องที่จะทำให้หยินหลอที่เป็นถึงสุดยอดฝีมือได้รับบาดเจ็บได้เลย
ทว่าหยินหลอทราบว่าหลงเฉินเจ้าเล่ห์เพทุบาย จึงไม่กล้าที่จะหลงระเริง ยินยอมที่จะต้องสูญเสียพลังปราณ แต่ไม่ยินยอมที่จะต้องได้รับอันตราย
เมื่อเห็นเพลิงกาฬนั้น แทบจะไม่ต่างอะไรไปจากสัตว์เพลิงปกติธรรมดา ในมุมมองของเขากลับหาได้มีการคุกคามแต่อย่างไร ทั้งยังไม่รอให้เพลิงกาฬสลายหายไปก็ได้พุ่งออกไปทางด้านหน้าอีกครา
ในสายตาของเขา หลงเฉินก็เหมือนกำลังที่จะตายอยู่แล้ว เพียงแค่จะประวิงเวลาเอาไว้ก็เท่านั้น แต่ว่าในขณะที่เขาเพิ่งจะฝ่าวงล้อมของเพลิงกาฬไปได้ ทันใดนั้นเบื้องหน้าสายตาก็ได้สว่างจ้าขึ้นมา
หอกแห่งอัสนีบาตรที่มีความยาวหลายสิบจั้งสายหนึ่ง ก็ได้ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของหยินหลออย่างกะทันหัน ที่ด้านบนยังแฝงเอาไว้ด้วยพลังความแน่วแน่ของการทำลายเอาไว้ จนทำให้จิตใจเกิดการสั่นไหวขึ้นมา
ในที่สุดก็เข้าใจขึ้นมาว่าเพราะเหตุใดหลงเฉินถึงได้ใช้เพลิงสัตว์โจมตีใส่เขา เพื่อที่จะให้เขามองว่าพลังที่ใช้ออกมานั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ ที่แท้ก็มีการเตรียมการเอาไว้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
ทั้งหมดทั้งมวลนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินไป เขาเพิ่งจะทะยานออกจากการห้อมล้อมของเพลิงกาฬออกมา หอกแห่งอัสนีบาตรก็ได้มาถึงเบื้องหน้าของเขาแล้ว จนแทบไม่อาจที่จะหลบเลี่ยงได้เลย จึงได้แต่เพียงใช้หอกยาวในมือเข้าต้านทานเอาไว้เท่านั้น
“โครม”
หอกยาวอัสนีบาตก็ได้กระแทกเข้าใส่ด้านบนหอกยาวของหยินหลออย่างรุนแรง ทันใดนั้นก็ได้ระเบิดขึ้นมา เพียงแค่พริบตาเดียวก็ได้ทำให้ต้องฝืนทนกล้ำกลืนพลังแห่งอัสนีบาตเอาไว้
“อา……”
หยินหลอกรีดร้องขึ้นมา เขาถึงแม้จะสามารถที่จะต้านทานพลังจากภายนอกได้ แต่ว่ากลับไม่อาจที่จะต้านทานพลังแห่งอัสนีบาตรเอาไว้ได้ พลังแห่งอัสนีบาตของหลงเฉินถือได้ว่าเป็นบ่อเกิดที่เกิดขึ้นมาจากพลังแห่งฟ้าดินเลยทีเดียว ถือได้ว่าน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
หยินหลอเดิมทีที่ได้ใช้ทักษะลับข่มอาการบาดเจ็บเอาไว้ ได้ถูกพลังอันบ้าคลั่งที่รุนแรงพุ่งผ่านเข้ามา จนไม่อาจที่จะข่มกลั้นเอาไว้ได้อีก บาดแผลตลอดทั่วทั้งร่างกายบนล่างก็ได้ถูกแหวกออก จนมีโลหิตกระจายออกมา
“อา ! หลงเฉิน เจ้าตายไปซะเถอะ”
หยินหลอที่เกรี้ยวกราดอย่างถึงที่สุด หอกแห่งอัสนีบาตของหลงเฉินแข็งแกร่งมากจนเกินไปแล้ว หากเป็นไปตามช่วงเวลาปกติ ย่อมไม่อาจที่จะสร้างความเสียหายที่ถึงแก่ชีวิตให้แก่เขาได้อยู่แล้ว
แต่ว่าตอนนี้ เพียงครู่เดียวก็ได้ทำให้เขาไม่อาจที่จะสะกดอาการบาดเจ็บของตนเองเอาไว้ได้อีกต่อไป ถ้าหากไม่อาจที่จะสังหารหลงเฉินได้ในช่วงเวลาเพียงสั่นๆ เขาก็ย่อมไม่อาจที่จะไล่ตามไปได้แล้ว ไม่เช่นนั้นการมาเพื่อสังหารก็จะไม่ต่างอะไรไปจากเรือล่มเมื่อจอดแล้ว
เมื่อได้ฝืนทนอาการบาดเจ็บภายในร่างกายเอาไว้ หยินหลอก็ได้ตะโกนขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยว ระเบิดพลังอันมหาศาลตลอดทั่วทั้งร่างขึ้นมา จากนั้นก็ได้เพิ่มพูนพลังขึ้นมาจนถึงระดับที่สูงที่สุด มุ่งหน้ากดดันจนทำให้หลงเฉินต้องถอยหนีไป
จนหลงเฉินเองก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ หยินหลอผู้นี้ก็ช่างน่าหวาดกลัวมากจนเกินไปแล้ว เมื่อได้พบเห็นหยินหลอที่กำลังมุ่งหน้าไล่ตามเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ก็ได้ข่มกลั้นจิตใจเอาไว้ แล้วล้วงนำเอาทลายมารออกมา ตระเตรียมเข้าแลกกับเขา
“ซูม”
ทันใดนั้นลูกศรขนาดใหญ่สายหนึ่ง ก็ได้พุ่งเข้าไปใส่บริเวณหน้าอกของหยินหลอ