ทันใดนั้นหลงเฉินก็รู้สึกราวกับว่าทั่วทั้งร่างกายกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ประสาทสัมผัสส่วนที่รับรู้ได้ถึงอันตรายตื่นตัวเต็มที่ ส่งสัญญาณเตือนภัยดังลั่นขึ้นทั่วร่างกาย หลงเฉินแหงนมองบนท้องฟ้า ก็ได้พบฝูงอสนีบาตที่เข้ารวมตัวกันคล้ายดั่งสายรุ้งแสงเจิดจ้าก็มิปานกำลังผ่าลงมายังพื้นดิน ดุจดั่งหอกยักษ์เบิกสวรรค์ที่กำลังพุ่งตรงเข้าใส่เขา
หลงเฉินรีบทำการไหลเวียนพลังลมปราณทั้งหมดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันพลังแห่งทัณฑ์อัสนีภายในร่างกายในตอนนี้ก็ได้หมุนวนอยู่ทั่วทุกอณูของร่างกาย หลงเฉินยกแขนทั้งสองข้างขึ้นป้องกันศีรษะเอาไว้
“ตูม”
อัสนีขนาดใหญ่นั้นผ่าฟาดลงมาที่หลงเฉินอย่างรุนแรง เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายถูกตะขอขนาดใหญ่มากมายนับไม่ถ้วนเกาะเกี่ยวก็มิปาน เกิดความเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่าง แม้ว่าหลงเฉินจะมีร่างกายที่แข็งแกร่ง แต่ก็ยังไม่อาจทนทานรับพลังอันมหาศาลเช่นนั้นเอาไว้ได้ บาดเจ็บจนถึงขั้นที่ผิวหนังลอกออกมา เลือดสดๆไหลออกมาเป็นสาย
ภายในจิตใจขอลหลงเฉินเต็มไปด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยว พลังแห่งอสนีบาตเช่นนี้ รุนแรงมากพอที่จะสามารถทำการสังหารผู้อยู่เหนือขอบเขตที่อยู่ในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นผู้หนึ่งไปได้ภายในเสี้ยววินาทีเลยทีเดียว
การใช้พลังแห่งอสนีบาตที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้โจมตีใส่ตัวเขาเช่นนี้ ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าหมายที่จะลบล้างสังหารเขาให้ตายตกไปให้ได้ นั่นทำให้หลงเฉินทั้งโกรธเกี้ยวทั้งเกลียดชังอยู่เต็มจิตใจ และจนถึงตอนนี้ เมื่อพบเหตุการณ์เช่นวันนี้ก็ทำให้เขาเริ่มเชื่อแล้วว่า สวรรค์คงมีดวงตามืดบอดอย่างแท้จริง คนชั่วช้าน่าชังมากมายไม่ฆ่า แล้วยังจะมอบอักขระแห่งธรรมชาติแก่คนพวกนั้นอีกต่างหาก
หลงเฉินลองพยายามไต่ตรองเรื่องราวของตนเองทั้งหมดที่ผ่านมา ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คนดี แต่ว่าก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายแต่อย่างใด ที่ผ่านมานี้ เขาทั้งไม่ได้รับความเห็นใจจากฟ้า ทั้งไม่ได้รับการเหลียวแลจากพิภพ ไม่ได้รับการใส่ใจจากผู้คน
ทว่าครั้งนี้ เขาก็ไม่อาจยอมรับความแน่วแน่จากฟ้าดินเช่นนี้ได้ คล้ายกับว่าสวรรค์ไม่พอใจตัวเขา โดยไม่ถามไถ่ โดยไม่แจ้งเหตุผล ก็คิดจะฆ่าเขาทิ้งไปซะแบบนั้น
“ให้ตายเถอะ หากไม่พอใจข้า ก็เข้ามาเลย ข้าเองก็ไม่ได้พอใจเจ้า ซักวันเถอะ ข้าจะเย้ยฟ้าที่ดวงตามืดบอดอย่างเจ้าให้ได้”
อัสนีคลั่งที่อยู่เหนือศีรษะหลงเฉิน ก็ได้ระเบิดเสียงดังกังวานสั่นสะเทือนไปทั้งฟ้าราวกับกำลังอยู่ในสภาวะที่บ้าคลั่ง อัดแน่นไปด้วยพลังขุมหนึ่งที่รุนแรง ส่งความแน่วแน่ที่ทลายเก้าสวรรค์สิบชั้นฟ้าให้แตกออกเป็นเสี่ยงๆได้ ออกมา จนทำให้สภาวะอารมณ์ของหลงเฉิน เกิดความเดือดดาลเพิ่มพูนขึ้นเป็นเท่าทวี
หลงเฉินเกิดโทสะมากขึ้น เขาสัมผัสได้ถึงการถูกทอดทิ้งอย่างไร้เยื่อใยจากความแน่วแน่แห่งวิถีฟ้าที่สื่อมาถึง ทั้งยังทำให้เขาเกิดความโกรธเกลียดขึ้นมาจากก้นบึ้ง ต้องการที่จะให้ข้าตายไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก
ในขณะที่เพลิงโทสะกำลังโหมกระพืออย่างบ้าคลั่งในจิตใจของหลงเฉิน ความแน่วแน่ก็ถูกกระตุ้นให้เพิ่มพูนขึ้นมามหาศาล ทั้งยังเฉียบคมมากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะนี้ภูเขาขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางหลายหมื่นลี้ลูกนี้เต็มไปด้วยรอยแตกแยก จนแทบไม่หลงเหลือเค้าเดิมเลยก็ว่าได้
“ตูม”
“ตูม”
“ตูม”
“…”
ขณะที่หลงเฉินกำลังเกรี้ยวกราดและเดือดดาล อัสนีบาตที่รุนแรงกว่าครั้งก่อนได้ผ่าลงมาที่เขาอีกเก้าครั้งเก้าครา
ในเวลานี้หลงเฉินเนื้อตัวโชกไปด้วยโลหิต ผิวหนังของเขาหลุดลอกออกมา จนเผยให้เห็นเนื้อที่อยู่ด้านใน ขณะนี้เนื้อของเขาเปลี่ยนไปเป็นสีดำหลายส่วนแล้ว และส่วนหัวไหล่ยังมีกระดูกโผล่มาให้เห็นซึ่งเป็นภาพที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
ทว่าบนใบหน้าของหลงเฉินยังไร้ซึ่งความเจ็บปวดและหวาดกลัว ทั้งยังแฝงด้วยความแน่วแน่ ความเกรี้ยวกราด จองมองไปที่เมฆหมอกอัสนีบนท้องฟ้าอย่างไม่ลดละ
“เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก ข้าหลงเฉินขอสาบาน ซักวันข้าจะทำให้เจ้าเสียใจอย่างแน่นอน” เกี่ยวกับฟ้าดินสำหรับหลงเฉินในเวลานี้ เขาไม่มีทั้งความเกรงกลัวหรือซาบซึ้งใดๆอีกต่อไปแล้ว จะมีก็แต่ความจงเกลียดจงชังที่เข้าถึงกระดูกดำไปแล้วเท่านั้น
ไม่ทราบเป็นเพราะสาเหตุใด ขณะที่ความโกรธและความเกลียดชังสมอยู่ในร่างของหลงเฉิน เขากับตระหนักถึงจุดหมายในชีวิตของตนเอง และมันยังทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นด้วย
“ครืนครืน”
หลังจากที่ส่งอสนีบาตทั้ง 9 สายฟาดลงมา เมฆหมอกอัสนีที่อยู่ด้านบนราวกับรับรู้คำยั่วยุของหลงเฉิน เมฆหมอกอัสนีกลับเกรี้ยดกราดยิ่งกว่าเดิม
เมฆหมอกอัสนีเริ่มหมุนวน พลังอสนีบาตที่รุนแรงเริ่มก่อตัวกันบริเวณใจกลางของเมฆหมอก
แสงสว่างจากอสนีบาตส่องสว่างออกไปราวกับจะไปถึงสวรรค์ชั้น 9 พลังทำลายอันมหาศาลกำลังก่อตัวกันบนท้องฟ้า ในเวลานี้ที่ใจกลางของเมฆหมอกอัสนีสว่างราวกับดวงตะวันก็มิปาน
แม้แต่คนที่อยู่ใกล้นับหมื่นลี้ก็ยังสามารถมองเห็นแสงสว่างที่เกิดขึ้นได้ เหล่าศิษย์ไม่ว่าธรรมะหรืออธรรมที่กำลังยุ่งอยู่กับงานที่กำลังทำ ต่างก็หันมามองทางนี้ด้วยอาการแตกตื่น
“สวรรค์ นั่นมันเรื่องอันใดกัน? ”
“หรือว่าจะเป็นการถือกำเนิดของสมบัติระดับสูง? ”
ทุกคนต่างก็คาดเดากันไปต่างๆนานา แม้ว่าจะอยู่ห่างไกล แต่พวกเขาก็ยังรับรู้ถึงพลังทำลายอันน่าหวาดกลัวนี้
เหนือภูเขาลูกหนึ่ง มีสตรีผู้งดงามนางหนึ่งกำลังยืนสังเกตการณ์อยู่บนกิ่งไม้ของต้นไม้ขนาดใหญ่
หญิงสาวผู้นี้คือสตรีลึกลับที่ช่วยเหลือหลงเฉินไว้ก่อนหน้านี้ นางในเวลานี้ ภายในดวงตาคู่งามเต็มเปี่ยมไปด้วยแววตกใจ
“นั่นมันทัณฑ์สวรรค์ น่ากลัวเพียงนี้เชียว ใครกันนะ ? ถึงกับกระตุ้นทัณฑ์สวรรค์ออกมาได้รุนแรงถึงเพียงนี้ ? ถ้าเป็นทางด้านนั้น……หรือว่าจะเป็นเขา ? ”
ทันใดนั้นทั่วทั้งผืนฟ้าก็สว่างวาบขึ้นมา คล้ายกับมีดาวตกขนาดใหญ่กำลังพุ่งลงสู่พื้นดินก็มิปาน ทันใดนั้นสตรีลึกลับผู้นั้นก็รู้สึกว่าร่างกายของนางโอนเอน โยกคลอนไปมา พื้นใต้ฝ่าเท้าเกิดแรงสั่นสะเทือน
นั่นเป็นเพราะทั่วทั้งภูผาขนาดใหญ่ได้เกิดการสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาคู่งามของสตรีลึกลับเหม่อมองออกไปทางด้านที่พบเห็นทัณฑ์สวรรค์ นางขยับริมฝีปากบางเล็กน้อย กล่าวกับตนเองเบาๆ :
“ครั้งแรกที่ได้เจอเขา ข้าก็เกิดความรู้สึกที่แปลกประหลาดยิ่งนัก ดูไปแล้วชายหนุ่มผู้นี้คงพิสดารเป็นอย่างยิ่งทีเดียว หึหึ ถือว่าครั้งนี้ได้กำไรแล้วละ”
“แค๊ก”
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบได้ หลงเฉินก็ฟื้นคืนสติกลับคืนมา และทันทีที่การรับรู้เริ่มแจ่งชัดเขากระอักโลหิตออกมาคำใหญ่ ความรู้สึกเจ็บปวดแล่นไปทั้งร่างกาย
หลงเฉินรู้สึกคล้ายร่างกายของเขาถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ ความเจ็บปวดนี้ดุจดั่งถูกเข็มนับหมื่นเล่มทิ่มแทงก็มิปาน เขาดิ้นรนฝืนขยับตัวไปมา เพื่อที่จะดึงสติของตนเองกลับมา
หลังจากสูดลมหายใจเข้าไปครั้งหนึ่ง หลงเฉินก็พยายามที่จะกัดฟันฝืนความเจ็บปวดเงยหน้าขึ้นมา ความเคลื่อนไหวเพียงเท่านี้ ที่ตามปกติแล้วแม้แต่สำหรับคนธรรมดาทั่วไปก็นับว่าแทบจะไม่เปลืองแรงเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับหลงเฉินในเวลานี้กลับยากลำบากอย่างถึงที่สุด
บนท้องฟ้าบริเวณเหนือศีรษะของเขา ปรากฏเป็นช่องเมฆแหวกกลมๆขึ้นมา คล้ายดั่งเป็นช่องอากาศที่อยู่สูงขึ้นไป ช่องนั้นเกิดจากการสลายตัวของหมอกอสนีบาต และค่อยๆกว้างขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดหลงเฉินก็เห็นว่าหมอกอัสนีสลายหายไปจากบนท้องฟ้าแล้ว ท้องนภาที่เป็นสีเทาก็คืนกลับมาดังเดิม
“เหอะเหอะ ยอดมาก ครั้งนี้เจ้าไม่อาจทำให้ข้าถึงตายได้ ครั้งต่อไปข้า……จะจัดการกับเจ้า……พรวด”
ยังไม่ทันที่หลงเฉินจะเอ่ยจบประโยคได้ ก็กระอักโลหิตออกมาอีกคำ อาการบาดเจ็บของเขาตอนนี้ถือได้ว่าเป็นที่น่าตกใจยิ่งนัก อาภรณ์ที่สวมอยู่มีรอยฉีกขาดมากมาย จากการโจมตีของพลังอัสนี
ร่างกายไหม้เกรียมเป็นวงกว้าง จนเห็นเนื้อและหนังเป็นสีดำไปหลายส่วน แม้แต่ตัวหลงเฉินเองก็ได้กลิ่นเนื้อไหม้จากร่างกายของตนเอง
“เกือบจะสุกไปแปดส่วนแล้ว”
หลงเฉินขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แค่นหัวเราะเย้ยหยั่น ในขณะนี้ เขาอยู่ในสภาพที่อ่อนล้าอย่างถึงที่สุดแล้ว แม้แต่จะออแรงกระดิกนิ้วก็ยากลำบากอย่างไร้ที่เปรียบ
เขากัดฟันฝืนทนความเจ็บปวดที่เต็มเปี่ยมไปทั่วทั้งร่างกาย ลากแขนที่อยู่ภายในกองเศษหินออกมา ล้วงเข้าไปในแหวนมิติ แล้วนำเอาขวดบรรจุหยาดน้ำทิพย์เทวะ ซึ่งเหลืออยู่เพียงหยดเดียวออกมา
น้ำทิพย์เทวะนั้นเป็นสิ่งที่ยอดฝีมือจากดินแดนหลิง มอบให้แก่หลงเฉินเพื่อเป็นของขวัญ หยาดน้ำนั้นเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งชีวิตอันมหาศาล ซึ่งในขณะนี้หลงเหลืออยู่แค่หยดสุดท้ายแล้ว ขอเพียงหลงเฉินกลืนมันลงไป อาการบาดเจ็บทั่วทั้งร่างกาย ก็จะฟื้นคืนกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
ทว่าหลงเฉินกลับลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในท้ายที่สุดเขาก็เก็บมันเอาไว้ภายในแหวนมิติตามเดิม แล้วก็นำเอาโอสถสำหรับรักษาอาการบาดเจ็บเม็ดหนึ่ง กับโอสถฟื้นคืนลมปราณอีกเม็ดหนึ่งออกมา
น้ำทิพย์เทวะแห่งชีวิตที่เร้นลับนั้น เหลือเพียงแค่หยดสุดท้ายแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ว่าก็ยังไม่ถึงตาย และถึงแม้การใช้ยาโอสถธรรมดา เพื่อฟื้นฟูร่างกายรักษาอาการบาดเจ็บ จะใช้เวลานานอยู่บ้าง แต่หลงเฉินคิดว่าในเวลานี้ผ่านเลยมาหลายวันแล้ว ผู้คนโดยส่วนมากต่างก็คงจะออกเดินทางลึกเข้าไปในเขตแดนลับ จนห่างออกไปไกลแล้ว โอกาสที่จะย้อนกลับมาทำร้ายเขาก็คงมีไม่มากนัก
ต่อให้มีคนหมายที่จะเข้ามา ก็ใช่ว่าจะสามารถที่จะมาถึงได้ภายในวันสองวัน เขายังคงมีเวลาเพียงพอที่จะรักษาอาการบาดเจ็บ
หลงเฉินย่อยยาโอสถด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณ จึงสามารถลำเลียงฤทธิ์ยาเข้าสู่บริเวณจุดที่บาดเจ็บของตนเองได้อย่างรวดเร็ว ทว่าอาการบาดเจ็บของเขานั้นน่าหวาดกลัวมากจนเกินไป
ร่างกายที่เรียกได้ว่าแทบจะแตกออกเป็นชิ้นๆ ในบางแห่งมีร่องรอยการฉีกขาด บาดแผลหลายจุดลึกจนกระทั่งกระดูกก็ยังเผยออกมาให้เห็นได้ ทั้งยังมีรอยไหม้เป็นวงกว้างทั่วทั้งตัวอีกด้วย
ทว่าสิ่งที่ทำให้หลงเฉินตกใจระคนดีใจก็คือ หยาดโลหิตภายในร่างกายของเขา มีอักขระแห่งอสนีบาตตัวใหม่อยู่มากมายนับไม่ถ้วน กำลังโลดแล่นไหลเวียนไปมาอย่างมีชีวิตชีวา
“เหอะเหอะ สาหัสสากันมาขนาดนี้ ได้มาใช้ประโยชน์ซักหน่อยก็ยังดี”
เมื่อได้ลองสัมผัสภายในหยาดโลหิต อักขระแห่งอสนีบาตที่เต็มไปด้วยพลังที่น่าหวาดกลัวนั้น ก็ช่วยปลอบประโลมจิตใจหลงเฉินได้อยู่ไม่น้อย
อักขระเหล่านี้หาใช่เป็นพลังแห่งอสนีบาตปกติไม่ แต่เป็นทัณฑ์อัสนี เป็นทัณฑ์อัสนีที่แฝงเอาไว้ด้วยความแน่วแน่แห่งการทำลายของฟ้าดินที่เป็นอนันต์ไร้ที่สิ้นสุด พลังทำลายนั้นแทบจะเรียกได้ว่าอยู่ในคนละระดับกับพลังแห่งอสนีบาตที่เขามีก่อนหน้านี้เลยก็ว่าได้
พลังแห่งอสนีบาตก่อนหน้านี้ของหลงเฉินนั้น ก็นับว่าร้ายกาจเป็นอย่างยิ่งอยู่แล้ว แต่ว่าเมื่อได้พบเจอกับทัณฑ์อัสนี แม้เพียงแค่ในส่วนที่ถูกกลืนกิน ก็ชี้ให้เห็นได้แล้วว่าทัณฑ์อัสนีนั้นมีความน่าหวาดกลัวมากมายเพียงใด
และสิ่งที่ทำให้หลงเฉินรู้สึกตื่นเต้นดีใจมากขึ้นไปอีกก็คือ เขาในตอนนี้สัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงพลังลมปราณที่เปลี่ยนแปลงไปภายในร่างกาย ที่เรียกได้ว่าแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
หลังจากที่ได้ผ่านการชำระจากอสนีบาตไป พลังลมปราณภายในร่างกายของหลงเฉิน ก็ยิ่งเพิ่มพูนความบริสุทธิ์มากขึ้น เมื่อเทียบดูแล้ว ก็พบว่าบริสุทธิ์กว่าเดิมนับสิบเท่าเลยทีเดียว
ทว่าหลงเฉินนั้น กลับไม่ได้รู้สึกติดค้างทัณฑ์อัสนีแต่อย่างใด เพราะนี่เป็นสิ่งที่เขาพยายามที่จะได้มา และทัณฑ์อัสนีนั้นเดิมก็หมายที่จะบดขยี้เขาให้แหลกเป็นจุลอยู่แล้ว
หลังผ่านไปหนึ่งวัน หลงเฉินก็สามารถฟื้นฟูร่างกายจากอาการบาดเจ็บขึ้นมาได้เล็กน้อย เลือดโลหิตเริ่มถูกสร้างขึ้นมาใหม่ บาดแผลก็เริ่มสมานตัวกันอย่างช้าๆแล้ว
หลงเฉินในเวลานี้ถึงแม้ยังไม่อาจที่จะต่อสู้ได้ ทว่าก็ยังสามารถฝืนใจขยับเขยื่อนเคลื่อนไหวร่างกายได้อยู่ เขาไม่กล้ารีรออยู่ตรงนี้ ล้วงเอากระบี่ยาวธรรมดาสองเล่มออกมา เพื่อใช้แทนตัวขวานเจาะน้ำแข็ง แล้วก็เริ่มปีนขึ้นที่สูง ตัดสินใจที่จะออกเดินทาง
ตำแหน่งที่หลงเฉินอยู่ บริเวณโดยรอบกว่าร้อยลี้นั้น กลายเป็นพื้นที่แห้งแล้งพังทลาย และจมลึกลงไปกว่าร้อยลี้ ดังนั้นหลงเฉินจึงจำเป็นต้องเสียเวลาไปกว่าสามชั่วยาม ในการปีนป่ายขึ้นมาด้านบน
กว่าสามชั่วยามที่ใช้ในการปีนป่ายนี้ ได้ทำให้บาดแผลที่อยู่บนร่างหลงเฉินหลายแห่งเปิดออก ทว่าเขาก็ยังคงอดทนเอาไว้
หลังจากที่ปีนขึ้นมาได้แล้ว หลงเฉินก็เร่งรีบเดินทางต่อทันที เขาในตอนนี้ยังไม่อาจที่จะเผชิญหน้ากับการต่อสู้ได้เลย แม้ศัตรูจะเป็นเพียงศิษย์สายตรงธรรมดาผู้หนึ่ง ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะสามารถเอาชีวิตเขาได้
หลังจากเดินทางต่อไปอีกกว่าหนึ่งวัน หลงเฉินก็เสาะหาถ้ำในหุบเขาได้แห่งหนึ่ง ใช้สำหรับซ่อนตัว เมื่อสำรวจจนแน่ใจแล้วว่าถ้ำแห่งนี้ไม่มีสิ่งใดอาศัยอยู่ หลงเฉินจึงค่อยได้เริ่มรักษาอาการบาดเจ็บต่อ
ตามความเป็นจริงที่หลงเฉินทำเช่นนี้ นับว่าเหมาะสมแล้ว เพราะหลังจากที่หลงเฉินขึ้นมาจากก้นหลุมได้เพียงครึ่งวัน ก็มีคนไปถึงยังก้นหลุมนั้นแล้ว
ทว่าเมื่อคนผู้นั้นทำการตรวจสอบดูรอบหนึ่ง ก็ไม่พบเจอกับร่องรอยใดๆ นั่นเป็นเพราะหลงเฉินได้ใช้ยาผงลบกลิ่นอาย เพื่อที่จะลบกลิ่นและคราบโลหิตทั้งหมดของตนเองออกไป
แล้วเวลาก็ได้ล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ได้ผ่านไปได้ครึ่งเดือน ทันใดนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นออกมาจากภายในถ้ำที่หลงเฉินซ่อนตัวอยู่ การระเบิดนั้นเป็นการระเบิดของพลังสภาวะที่น่าหวาดกลัวขุมหนึ่ง ระเบิดออกมาและพุ่งทะลุเมฆหมอกไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
หลงเฉินส่งเสียงหัวเราะเย้ยฟ้าดังลั่นและยาวนาน สะท้านไปทั้งเก้าชั้นฟ้า ทะลวงเมฆหมอกทลายหินศิลา รอบกายของเขาในตอนนี้เปี่ยมไปด้วยพลังลมปราณอันน่าหวาดกลัวไหลเวียนไปมาอย่างบ้าคลั่ง จนทำให้หินศิลารอบข้างทั้งมวลแตกเป็นเสี่ยงๆ
พายุที่คลุ้มคลั่ง ฟ้าดินสั่นสะเทือน พลังความแน่วแน่ไร้เทียมทาน สายหนึ่งก็ได้พุ่งทะลวงเมฆหมอกไปในทันที สั่นไหวไปทั่วทั้งผืนฟ้า กระจายไปทั้งสี่ทิศแปดด้าน
“ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น เหอะเหอะ ข้าในที่สุดข้าก็เข้าถึงแล้ว”
เมื่อลองสัมผัสภายในร่างกาย ก็รู้สึกถึงพลังอันมหาศาลที่ทะลักทะลายท่วมท้นราวกับผืนมหาสมุทร ภายในจิตใจของหลงเฉินเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นยินดี ในที่สุดเขาก็เข้าถึงแล้ว ความแข็งแกร่งของขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น
ขณะนี้ร่างกายของหลงเฉิน หลอดเลือดในกระดูกและกล้ามเนื้อเหล่านั้นที่เชื่อมต่อถึงกันก็เปลี่ยนเป็นสีเงินขาว เมื่อเทียบกับยามอยู่ในขั้นขอบเขตก่อโลหิตแล้ว ย่อมถือได้ว่าแข็งแกร่งกว่านับร้อยเท่าเลยทีเดียว
ขอเพียงหลอดเลือดมีความทนทานที่มากพอ ก็จะสามารถเพิ่มพูนพลังอันมหาศาลให้แก่กายเนื้อได้แล้ว ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นก็คือการรวมพลังขอบเขตขั้นก่อรวม ผสานเข้ากับพลังขอบเขตขั้นก่อโลหิต จนกลายเป็นพลังที่เชื่อมต่อถึงกัน หลงเฉินรู้สึกได้ถึงพลังอันมหาศาลที่จะสามารถปะทุออกมาได้มากขึ้นกว่าเดิมนับสิบเท่าเลยทีเดียว
ที่สำคัญที่สุดก็คือ ด้วยความแข็งแกร่งของหลอดเลือด ก็ได้ทำให้พลังปราณกับความยืดหยุ่นทางร่างกาย ของหลงเฉินยิ่งทวีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น อีกทั้งหลังจากที่ได้เข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น เส้นลมปราณของหลงเฉิน ก็ถูกขยายจนใหญ่ขึ้นมาอีกนับสิบเท่า
หรือจะกล่าวก็คือ ในเวลาที่ต้องต่อสู้หลังจากนี้ ความเร็วในการใช้พลังลมปราณก็จะเพิ่มมากขึ้น สามารถเข้าถึงระดับที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าได้ภายในพริบตา เขาไม่จำเป็นต้องสะสมรวบรวมลมปราณขึ้นมาดั่งเช่นก่อนหน้านี้อีกแล้ว
“ซูม”
หลงเฉินก้าวออกไปหนึ่งก้าว ดีดเท้าพุ่งตัวออกไป กระแสอากาศก็เกิดการสั่นไหวขึ้นชั่วครู่ เพียงพริบตาเดียวตัวของหลงเฉินก็ปรากฏขึ้นห่างออกไปไกลหลายลี้แล้ว
“เหอะเหอะ ที่แท้ท่าร่างภูตมืดสงัด ขอเพียงเข้าถึงขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นได้ ก็มีคุณสมบัติพอที่จะฝึกได้แล้ว”
ท่าร่างภูตมืดสงัดนั้น หลงเฉินท่องจำจนขึ้นใจได้ตั้งแต่แรกแล้ว ทว่าที่แล้วมาเมื่อได้ลองไหลเวียนพลังเพื่อใช้ท่าร่างนี้ เส้นเอ็นจะเกิดความเจ็บปวดขึ้นมาอย่างไร้ที่เปรียบ
ขณะนี้เมื่อระดับพลังเพิ่มพูนขึ้นมา ก็ไม่ได้มีความรู้สึกเช่นนั้นอีกแล้ว นี่จึงทำให้หลงเฉินเกิดความมั่นใจขึ้นมาอย่างเต็มเปี่ยม ระดับความเร็วของเขาในตอนนี้ เขาย่อมไม่เสียเปรียบอีกแล้วอย่างแน่นอน
หลงเฉินมองดูเสี่ยวเสว่ยที่ยังคงหลับไหลอยู่ภายในช่องว่างแห่งจิตวิญญาณ เขาก็ได้พบว่าอาการบาดเจ็บของมัน ก็ฟื้นฟูกลับมาได้มากแล้วเช่นกัน อีกไม่นานก็คงจะสามารถกลับเป็นปกติได้แล้ว
“เหอะเหอะ หยินหลอ รอบนี้ถึงคราวข้าบ้างแล้วละ”
.
.