“ไอ้หนูเจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้หลอกข้า ? นี่คือสิ่งที่เจ้าบอกว่าเป็นสมบัติอย่างงั้นหรือ ? ” สายตาหลงเฉินมองไปยังถ้ำขนาดใหญ่ที่แผ่กระจายบรรยากาศหนาวเหน็บอยู่เบื้องหน้า ทั้งยังกล่าวออกมาด้วยความไม่แน่ใจ
“ไม่ผิดแน่พี่ใหญ่ ข้ารู้สึกว่าภายในนี้จะต้องมีโชคลาภที่ยิ่งใหญ่อยู่อย่างแน่นอน” กัวหรานกล่าวออกมาด้วยความเชื่อมั่น
“แต่เหตุใดข้าถึงได้รู้สึกว่ามีกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวรุนแรงถึงเพียงนี้ ดูเหมือนกับสุสานเลยนะ”
หลงเฉินมองไปที่หุบเขาใหญ่แห่งนี้ที่มีพื้นดินเป็นสีดำ แม้แต่ต้นไม้ก็ยังไม่อาจงอกเงย เต็มเปี่ยมไปด้วยความเสื่อมโทรมจะดูยังไงก็ไม่คล้ายสถานที่ที่มีสมบัติ
“มิใช่สุสาน แต่ความจริงแล้วเป็นสุสานโบราณเลยละ” กัวหรานกล่าว
“เจ้าคิดที่จะขุดสุสานหรือไง ? ” หลงเฉินตกใจขึ้นมาเล็กน้อย !
“โอ๊ย ! ข้าว่านะพี่ใหญ่ การขุดสุสานมันออกจะไม่น่าฟัง! พวกเราเข้ามาก็เพื่อที่จะทำการสำรวจความเก่าแก่โบราณ ค้นหาร่องรอยในประวัติศาสตร์ต่างหาก
พี่ใหญ่ข้าจะบอกให้นะ ในที่แห่งนี้จะต้องมีสมบัติอยู่อย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้ข้าได้เข้ามาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง ทว่ากลับถูกไล่ออกมาหากมิใช่เป็นเพราะข้าหลบหนีได้รวดเร็ว ก็คงต้องทิ้งชีวิตเป็นผีเฝ้าสุสานไปแล้ว ! ” กัวหรานยืนกรานขึ้นมา
“เจ้าเคยเข้าไปก่อนหน้านี้แล้วอย่างงั้นหรือ ? ” หลงเฉินตกใจขึ้นกว่าเดิม
“ใช่แล้ว ท่านดูหินที่ข้าเก็บมาชิ้นนี้ดูสิ” เมื่อกัวหรานกล่าว ในมือก็ได้มีหินก้อนหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
เมื่อหลงเฉินรับหินก้อนนั้นมาก็อดไม่ได้ที่จะเกิดอาการตกใจ ก้อนหินขนาดใหญ่เท่าไข่ห่านทั้งยังมีสีดำทมิฬ กลับมีน้ำหนักมากกว่าพันชั่งเสียอีก
เมื่อหลงเฉินลูบคลำอยู่ครู่หนึ่ง ก็พบว่าลักษณะทางภายนอกนั้นถือได้ว่าแข็งเป็นอย่างยิ่ง เพราะหลังจากหลงเฉินเลื่อนระดับพลังเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น ย่อมมีพลังที่น่าตกใจ แม้แต่แรงบีบของมือก็ยังมีพลังที่มากถึงหลายสิบหมื่นชั่งเลยทีเดียว หากว่าเป็นเหล็กกล้าโดยทั่วไปย่อมจะถูกบีบจนแหลกได้เลยทีเดียว
แต่ก้อนหินที่ดูไม่น่าสนใจก้อนนี้ กลับไม่มีรอยแตกเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าหลงเฉินจะเพิ่มพลังอย่างต่อเนื่องเท่าใด ก็ยังไม่อาจที่จะสั่นคลอนมันได้เลย !
“เป็นอย่างไรบ้าง ? เป็นของดีเลยสิ หากสามารถนำส่วนสำคัญที่อยู่ภายในออกมาสร้างเป็นอะไรบางอย่างได้แล้วละก็ จะต้องกลายเป็นสมบัติที่มีค่าสูงสุดได้เลยล่ะ ! ” กัวหรานกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่ยินดี
เขาเองถือได้ว่าเป็นผู้หลอมศาสตราวุธที่น่าจับตาดูอยู่แล้ว ย่อมต้องมีความหลงใหลในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับโลหะหายาก นี่เป็นเหมือนกับโรคที่ติดตัวมาโดยตลอด
“จะต้องเป็นของดีอย่างแน่นอน” หลงเฉินพยักหน้าไปมา แม้จะไม่ทราบว่าศิลาก้อนนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร แต่ว่าในส่วนที่แข็งแกร่งจนน่าตกใจ หากผ่านการหลอมได้ จะต้องถือเป็นอาวุธที่น่ากลัวที่สุดอย่างแน่นอน เพียงแต่มีขนาดเล็กเกินไปหากนำมาหลอม อาจจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่น่าดูนักก็ได้
“เจ้าถูกผู้ใดไล่ออกมากัน ? ภายในนั้นมีคนเข้าไปแล้วอย่างงั้นหรือ ? ” หลงเฉินก็อดไม่ได้ที่จะถามไถ่ออกมา
“ให้ตายเถอะ ขอรับรองได้เลยว่า ข้าเป็นคนที่เข้าไปเร็วที่สุดเลยก็ว่าได้ ภายในนั้นยังมีถ้ำเร้นถ้ำลับอยู่อีก สมควรที่จะต้องเป็นสุสานที่น่าตกใจเมื่อในสมัยที่นานมาแล้วก็เป็นได้
เมื่อข้าเข้าไปได้ไม่นานก็ได้สำรวจโดยรอบ เมื่อเดินไปได้รอบหนึ่งก็เก็บหินก้อนนี้มาได้ ในเวลาที่ย้อนกลับไปดูอีกครั้ง กลับออกมาอยู่ในระแวกปากถ้ำไปแล้ว
ในเวลาที่เข้าไปก็ได้มีศิษย์ของทางหมู่ตึกพวกเราอยู่ไม่น้อย เด็กน้อยกลุ่มนี้เมื่อพบเห็นข้า ยังบีบบังคับให้ข้ามอบวัตถุสิ่งของมีค่าอีกด้วย
ข้าจึงบอกไปว่าข้าเองก็เพิ่งจะเข้ามา พวกเขาคงคิดว่าเป็นความจริง เพราะหากข้าเข้าไปตั้งแต่แรก มีหรือที่จะมาเดินทอดน่องอยู่ในระแวกปากทางเข้าถ้ำได้
เมื่อเห็นว่าข้าไม่มีสมบัติอะไรก็ไล่ตะเพิดข้าออกมา ไม่ให้ข้าอยู่ในระแวกถ้ำอีกต่อไป พี่ใหญ่ท่านว่าน่าโมโหหรือไม่ ? ทำเหมือนกับว่าเป็นที่ตระกูลของพวกเขาสร้างขึ้นมายังไงอย่างงั้น
ตอนนั้นข้าก็มีโทสะขึ้นมาบอกว่าจะไม่ไสหัวไป พวกเขาทั้งสี่คนจึงได้ลงมือพร้อมกัน ดูจากพลังที่รุนแรงนั้น คงคิดที่จะเอาชีวิตข้าจริงๆ
ข้าหาได้สู้กับพวกเขาได้ไม่ โดยเฉพาะในกลุ่มพวกเขายังมีผู้อยู่เหนือขอบเขตอยู่คนหนึ่ง ข้าจึงได้ถูกไล่ตะเพิดออกมาเช่นนั้น” กัวหรานกล่าวออกมาด้วยโทสะ
“เอาเถอะ ข้ามีหรือที่จะไม่เข้าใจเจ้า ? อย่าได้ทำเหมือนกับได้รับความอับอายมากมายเช่นนั้น หากว่าลงมือขึ้นมา ข้าก็ไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะเป็นรอง
ไอ้หนูอย่างเจ้าต้องการจะให้ข้ากู้หน้าให้ก็บอกมาตรงๆ เหตุใดต้องอ้อมค้อมขนาดนั้น ไม่ยอมเข้าเรื่องซักที” หลงเฉินกล่าวออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์
สำหรับเด็กน้อยกัวหรานผู้นี้ หลงเฉินเองเข้าใจเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้พลังการต่อสู้ของเขาจะไม่สูง ทว่าเด็กน้อยนี้มีสติปัญญา ตอนนี้เรียนรู้เล่ห์กลในการเอาชีวิตรอดได้ ไม่สิ สมควรที่จะบอกว่าเป็นวิชาการเอาตัวรอดที่ห่วยแตกจะดีกว่า
ตัวเขาเองก็ถือได้ว่ามีฝีมือในการเอาตัวรอดอยู่ไม่น้อย แม้แต่หลงเฉินเองก็ยังไม่ทราบอีกมากมาย ไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่ช่วยเขาแย่งชิงตำแหน่งในการเข้าแดนลับ
“เหอะเหอะ พี่ใหญ่ก็ยังเป็นพี่ใหญ่ ไม่มีเรื่องใดที่ปิดบังท่านได้เลย ความจริงแล้วข้าจงใจหลบหนีออกมาเอง ทว่าก็ไม่อาจที่จะหันเหความสนใจของพวกเขาไปได้” กัวหรานกล่าวออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์
หลงเฉินมีสีหน้าประหลาดใจ มองไปที่บั้นท้ายของกัวหราน กล่าวขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า “ดึงความสนใจงั้นหรือ ? พวกเขาคิดที่**เจ้าหรือไงกัน ? ”
“พรวด ! พี่ใหญ่ ท่านยิ่งคิดก็ยิ่งอนาจารแล้ว” กัวหรานเกือบที่กระอักโลหิตออกมา
“เอาเถอะ อย่าได้กล่าวเรื่อยเปื่อย มีข้าอยู่ด้วย หลังจากนี้พวกเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาแบกรับสิ่งที่ไม่สมควรกันอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายอธรรมก็ดี หรือว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะก็ช่าง” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเฉยชา
ระหว่างนั้นเองก็ได้มีเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นและความโหดเหี้ยมด้วยรังสีสังหารดังขึ้นมา หลังจากที่ได้ยินเสียงน่ากลัวนั้น เขาก็รู้สึกว่าตนเองไม่อาจที่จะเสียเวลาได้อีกแล้ว
ถึงแม้จะยังไม่ทราบ ว่าเสียงที่ดังขึ้นมานั้นมาจากสถานที่ใด แต่ว่าหลงเฉินเองก็รู้สึกได้ถึงอันตรายที่รุนแรงขึ้นมา ที่มันกำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว เขาจำเป็นต้องทำให้ตนเองแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
เขาไม่มีแม้แต้เวลาที่จะใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น การแก้ไขปัญหาที่ง่ายที่สุดก็คือ จัดการไปตรงๆ ที่ได้ผลมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นการใช้กำลังนั้นเอง
ศิษย์ฝ่ายธรรมะที่ตอนนี้เรียกได้ว่ากำลังชะลอความก้าวหน้าในเชิงยุทธ์ของเขาเลยก็ว่าได้ ในมุมมองของการฆ่าพวกเดียวกัน ไม่ว่าพวกเขาจะมีความเห็นเช่นไร ก็เป็นที่น่าสงสัยของผู้อื่นอยู่แล้ว ธรรมดาที่การฆ่าพวกเดียวกัน จะมีก็แต่เพียงแค่ ตายเท่านั้น !
เมื่อได้ฟังคำพูดของหลงเฉิน กัวหรานก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมา เมื่อหลงเฉินเลื่อนระดับพลังเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น บนร่างกายถือได้ว่ามีพลังสุดยอดจนไม่อาจจะอธิบายออกมาได้เลยทีเดียว ทั้งยังสยบจิตวิญญาณผู้คน จนก่อให้เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาได้
“ไอ้หนูอย่างเจ้าถอยออกมาเพราะมีเป้าหมายอะไรงั้นหรือ ? ” หลงเฉินถามขึ้น
“เหอะเหอะ ข้าเพียงแต่จะให้พวกเขาบุกเบิกเส้นทางเท่านั้น ข้ารู้สึกว่าสุสานแห่งนี้ไม่ธรรมดา ทั้งยังไม่ได้มีการระบุเอาไว้บนแผนที่อีกด้วย
ท่านลองดูที่พื้นดินภายนอกถ้ำสุสาน ต่างก็เป็นพื้นดินที่สดใหม่ หรือจะกล่าวได้ว่า การปรากฏขึ้นของสุสานแห่งนี้ น่าจะไม่เกินยี่สิบปีเลยด้วยซ้ำ สมควรที่จะเป็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่างของแดนลับทำให้มันปรากฏขึ้นในสถานที่แห่งนี้
ข้าได้เข้าไปสำรวจอยู่รอบหนึ่งรู้สึกเหมือนอยู่ภายในเขาวงกต ข้างในนั้นกว้างใจจนน่าตกใจ กำลังของข้าเองก็มีอยู่อย่างจำกัด หากจะมีความสุขคนเดียวข้าขอมีความสุขกับพี่น้องจะดีเสียกว่า
ในส่วนบริเวณใกล้เคียงที่ข้าได้สำรวจไป ก็คือจุดที่ได้พบกับยอดฝีมือฝ่ายธรรมะเหล่านั้น ถือได้ว่าเป็นการประหยัดเวลาที่คุ้มค่าเลยทีเดียว จึงได้บอกตำแหน่งของสุสานแห่งนี้ให้แก่พวกเขา เพื่อที่จะ ให้พวกเขาเข้าไปเสี่ยงอันตรายแทน ! ”
“ความจริงแล้วที่ให้พวกเขาทำการสำรวจเส้นทางดูก็ดี” หลงเฉินยิ้มแล้วกล่าวออกมา
“แน่นอนอยู่แล้ว ในเมื่อสุสานนั้นกว้างใหญ่จนน่าตกใจ ตัวข้าเองย่อมไม่มีความสามารถที่จะกินน้ำแกงเพียงคนเดียว ทั้งยังไม่คิดที่จะให้ผู้อื่นมากินน้ำแกงฝ่ายเดียวอีกด้วย เช่นนี้หากว่ามีกำลังคนที่มากกว่าเดิม ก็เหมือนกับการตักน้ำเพื่อจับปลา ยิ่งตักก็ยิ่งได้รับมากยิ่งขึ้น
ก็ทราบแต่แรกอยู่แล้ว ว่าพี่ใหญ่ท่านจะต้องมาหา ข้าจึงหาได้ไปเรียกผู้คนมามากมาย พวกเราสองพี่น้องจะกินน้ำแกงแค่ฝ่ายเดียว เฮ้อ ! ” ใบหน้ากัวหรานก็แสดงความหดหู่พร้อมถอนหายใจออกมา
“เป็นไรไป ? ” หลงเฉินกล่าวถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย
กัวหรานกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกที่เคอะเขินว่า “อาจเป็นเพราะข้าสบสนไปหน่อย จึงได้ปล่อยให้มีสุดยอดฝีมือเข้าไปหลายคนแล้ว
ที่สำคัญที่สุดก็คือ เมื่อได้ยินข่าวลือกันศิษย์ของฝ่ายอธรรมที่น่ากลัวก็ได้มากันไม่น้อย
มิใช่ว่าภายในนั้นได้เกิดการเข่นฆ่าขึ้นมาแล้ว ตัวข้าเองก็หาได้ต้องการที่จะต้องมือเปื้อนโลหิต ดังนั้นจึงได้หลบอยู่ในที่ห่างไกล เพียงได้แต่มองหาได้กล่าวอันใดไม่”
หลงเฉินที่สีหน้าอับจนปัญญา เด็กน้อยผู้นี้ความจริงก็เลวร้ายมากเกินไปแล้ว ทว่าก็อดที่จะกล่าวไม่ได้ว่า วิธีการนี้ เป็นที่พอใจของหลงเฉินเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว
นี่ถือได้ว่าเป็นแบบฉบับวิธีการของเขาเลยก็ว่าได้ แม้ว่าจะต้องมาเช็ดน้ำมูกให้แก่เจ้า แต่ยังไงก็ต้องทำให้ทั้งที่รู้สึกรังเกียจแทบตายก็ว่าได้
“เข้าไปดูข้างในกันเถอะ”
หลงเฉินได้มองดูปากทางเข้าถ้ำที่น่าหวาดกลัว แล้วก็พากัวหรานเข้าไปยังภายในถ้ำ เพิ่งจะเข้าไปก็ได้มีพลังสภาวะอันเย็นเยือกกรรโชกเข้ามา จนทำให้เกิดความหนาวสั่นจนถึงกระดูกในทันที
“มีศพอยู่”
หลงเฉินเข้าไปได้เพียงไม่กี่สิบจั้งเท่านั้น ก็พบเห็นซากศพอยู่สองร่าง กำลังนอนแผ่อยู่บนพื้น อีกทั้งโลหิตยังได้แข็งตัวไปแล้ว
ร่างกายของยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตามปกติแล้วจะประหลาดกว่าผู้คนทั่วไป หลังจากที่พวกเขาตายแล้ว ภายในระยะเวลาสามวันหยาดโลหิตจะยังคงสดใหม่อยู่เช่นเดิม และศพที่ได้พบเห็นอยู่สองร่างนั้น น่าจะมีความเป็นไปได้ว่าตายไม่ต่ำกว่าเจ็ดวันแล้ว
เมื่อดูชุดที่สวมใส่ พวกเขาเป็นศิษย์ของฝ่ายธรรมะ ทว่ากลับหาได้สวมใส่ชุดของทางหมู่ตึกไม่ สมควรที่จะเป็นศิษย์ของสำนักพรรคอื่นของฝ่ายธรรมะแล้ว
“คงไม่หรอกมั้ง เพิ่งเข้ามาก็พบเจอการฆ่ากันแล้วอย่างงั้นหรือ ? ” กัวหรานเกิดความหวาดหวั่นขึ้นเมื่อพบเห็นศพทั้งสอง
“นี่หาได้เป็นการฆ่ากันระหว่างฝ่ายธรรมะไม่ แต่เป็นศิษย์ของฝ่ายอธรรมที่กระทำ เจ้าดูที่บาดแผลบนร่างของพวกเขาสิ ต่างก็ถูกปลิดชีพภายในกระบวนท่าเดียวเท่านั้น อีกทั้งเมื่อดูจากมุมน่าจะถูกลอบสังหาร นี่หาได้เป็นการกระทำของฝ่ายธรรมะโดยสิ้นเชิง ไปเถอะเข้าไปกันต่อเถอะ”
เมื่อมุ่งหน้าเดินต่อไปอีกหลายร้อยจั้ง เบื้องหน้าก็กลายเป็นความมืดมิดอย่างถึงที่สุด ยังดีที่สายตาของผู้ฝึกยุทธ์นั้นแรงกล้าเป็นอย่างยิ่ง จึงยังสามารถที่จะมองเห็นทุกสิ่งที่อยู่ภายในระยะสิบจั้งได้อย่างชัดเจน ทว่าหากไกลกว่านี้จะเห็นเพียงแค่ภาพสลัวเท่านั้น
ขณะที่กำลังเดินอยู่ ถ้ำเบื้องหน้าก็ได้เปลี่ยนเป็นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากถ้ำที่มีเส้นทางเพียงสายเดียวก็ได้กลายเป็นทั้งหมดเก้าสาย
“ข้าเองก็ได้หลงทางอยู่ในจุดนี้นี่ละ เมื่อเวลานั้นข้าได้เลือกเดินไปในเส้นทางที่อยู่ตรงกลาง ในที่ตรงนั้นข้ายังได้ทำเครื่องหมายเอาไว้อีกด้วย” กัวหรานชี้ไปยังเครื่องหมายที่อยู่ใกล้ปากถ้ำ
“ไปเถอะ” หลงเฉินกล่าวจบก็ได้มุ่งหน้าเข้าไปยังถ้ำที่อยู่ทางด้านข้าง
“พี่ใหญ่ ท่านทราบได้อย่างไรกันว่านี้เป็นทางเข้าที่แท้จริง” กัวหรานตกใจขึ้นมา
“เส้นทางทั้งหมดเจ้าเองได้ไปสำรวจพร้อมกับทิ้งกลิ่นควันเอาไว้จนเกือบหมด มีแปดในเก้าที่มีรอยเท้าเข้าไปแล้วกลับออกมาอยู่ มีเพียงแค่เส้นทางนี้เท่านั้นที่มีเพียงรอยเท้าเข้าไปเพียงอย่างเดียว ไอ้หนูอย่างเจ้าก็ฉลาดไม่เลวเลย” หลงเฉินกล่าวขึ้นมา
แน่นอนว่ากัวหรานย่อมฉลาด ทั้งยังได้ทิ้งเครื่องหมายพร้อมกับควันฝุ่นเอาไว้ ด้วยวิธีการพิเศษเฉพาะ จึงจะสามารถที่จะมองออกได้ ยิ่งไปกว่านั้นภายในถ้ำยังมืดมิด หากมิใช่หลงเฉินที่เข้าใจความคิดของกัวหราน ก็ย่อมไม่อาจที่จะพบเห็นร่องรอยได้อย่างง่ายดายแน่นอน
“พี่ใหญ่ยังไงก็ยังเป็นพี่ใหญ่ ไม่มีอะไรที่ปิดบังท่านได้เลยจริงๆ” กัวหรานทอสีหน้านับถือ ด้วยการสังเกตุเพียงแค่เล็กๆน้อยๆเท่านั้น ก็ทำให้กัวหรานยอมศิโรราบได้แล้ว
ทั้งสองคนก็ได้มุ่งหน้าเดินต่อไปอีกหลายร้อยจั้ง ทางข้างหน้าก็ยิ่งมืดขึ้นเรื่อยๆ จนใช้สายตามองได้เพียงสิ่งที่อยู่ในระยะไม่ถึงหนึ่งจั้งแล้วเท่านั้น จึงทำให้กัวหรานขนลุกขนพองขึ้นมา
ในมือของกัวหรานก็ได้มีบางสิ่งที่มีความยาวประมาณครึ่งเชียะเพิ่มขึ้นมา มีลักษณะเป็นกระบอกประหลาดพิกล ที่ด้านบนกระบอกยังมีเข็มเล็กเข็มน้อยติดอยู่มากมาย อีกทั้งยังมีมากมายสิบแห่ง
ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์เพื่อป้องกันตัวของกัวหรานนั่นเอง ที่ด้านบนกระบอกก็ได้มีกลไกเล็กๆอยู่ ขอเพียงกดลงไปก็จะเป็นการใช้งานกลไก เข็มหลายสิบเล่มที่อยู่ภายในกระบอกก็จะพวยพุ่งออกมาปานสายฟ้าแลบ
และที่ด้านบนของเข็มทุกเล่ม ยังได้เคลือบเอาไว้ด้วยพิษที่หลงเฉินมอบให้แก่เขาเอาไว้ ถือได้ว่าเป็นสมบัติที่ยอดเยี่ยมในการโจมตีระยะประชิดเลยทีเดียว ในเวลานี้หากจะนำออกมาใช้ก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
“เอาของเล่นของเจ้าเก็บไปซะ ในเมื่อมืดขนาดนี้ จะมีแต่แทงโดนข้าเท่านั้น เมื่อมีข้าอยู่ก็ยังไม่ถึงรอบที่เจ้าจะได้ลงมือไปหรอก” หลงเฉินรีบกล่าวออกมา
เขาทราบว่าทันทีที่ใช้ของสิ่งนี้ออกมาก็จะสาดไปทั่วรอบด้าน ทั้งยังตีแผ่เป็นวงกว้าง ถึงแม้ว่าเขาจะถูกแทงเข้า ด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งของเขาย่อมไม่ใส่ใจพิษเหล่านั้นอยู่แล้ว แต่ว่าการที่ต้องมาถูกเข็มทิ่มแทงย่อมถือได้ว่าเป็นความรู้สึกที่ไม่พึงประสงค์อย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินหลงเฉินกล่าวออกมาเช่นนี้ กัวหรานก็เร่งรีบนำเอากระบอกนั้นเก็บเอาไว้ แล้วก็หัวเราะดังเหอะเหอะแล้วกล่าว “พี่ใหญ่ ช่างหลักแหลมไปเลย ! ”
“ซูม”
ทั้งสองคนก็ได้ออกเดินไปอีกหลายสิบก้าว ทางด้านหน้าก็ได้ปรากฏทางโค้งขึ้น เมื่อเดินไปถึงมุมของโค้ง ทันใดนั้นก็มีสายลมที่รุนแรงพุ่งเข้ายังด้านของทั้งสองคน
“พรวด”
โลหิตซ่านกระเซ็นออกมา !