เคล็ดกายานวดารา (Lc by Novel Kingdom) – ตอนที่ 326 กลไกที่น่าหวาดกลัว

 

“พี่ใหญ่ ข้ารู้สึกว่าภายในสุสานโบราณแห่งนี้ จะต้องมีโชคลาภอันยิ่งใหญ่ของข้าอยู่ด้วย” กัวหรานได้กระซิบบอกต่อหลงเฉิน

 

“เจ้าทราบอย่างไรกัน ? ”หลงเฉินก็ได้ถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

 

“พี่ใหญ่ท่านดูสิ ภาพบนผนังเหล่านี้ตัวหลักโดยส่วนมากจะเป็นชายชราผู้หนึ่ง ที่เหมือนกำลังสร้างอะไรบางอย่างอยู่

 

หากข้าเดาไม่ผิดละก็ สุสานโบราณแห่งนี้อาจจะเป็นหลุมศพของช่างฝีมือผู้หนึ่งเป็นแน่ ตั้งแต่สมัยโบราณ สิ่งที่ช่างฝีมือชื่นชอบมากที่สุดในชีวิตก็คือความรู้ความสามารถของตนเอง จึงได้นำมาไว้อยู่ภายในสุสานแห่งนี้ด้วย แม้แต่ศิษย์ก็ยังไม่คิดที่จะถ่ายทอดไปให้” กัวหรานกล่าวออกมา

 

หลงเฉินพยักหน้าเล็กน้อย ที่กัวหรานกล่าวออกมาก็ถือได้ว่ามีเหตุผล นับตั้งแต่โบราณกาลเป็นเรื่องธรรมดาที่คนที่มีฝีมือต่างก็ชื่นชอบ “ทิ้งผลงานเอาไว้”

 

นี่เป็นสิ่งที่เรียกกันว่า“สมบัติใต้กล่อง” ที่ในสมัยโบราณสิ่งที่เรียกกันว่าใต้กล่องก็คือโลงศพนั่นเอง

 

ที่ผ่านมาส่วนมากบุคคลชั้นสูง ต่างก็จะทิ้งวิชาส่วนหนึ่งเอาไว้แล้วฝังไปพร้อมกับความรู้ส่วนหนึ่ง ที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ภายในโลงศพ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ภายหลังวิชาทักษะยุทธ์ต่างก็ได้หายสาบสูญไปเป็นจำนวนมาก

 

ภายหลังจึงมีคนอีกมากมายที่ได้หมายตาสุสานโบราณส่วนหนึ่งเอาไว้ ทว่าสุสานโบราณเหล่านั้น จะต้องเป็นสุสานโบราณของผู้ที่ไม่มีคนสืบทอดจึงจะสามารถที่จะทำได้

 

ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการหยามเกียรติของคนในตระกูลนั้น และจะกลายเป็นสิ่งที่กระตุ้นความแค้นที่ไม่รู้จักจบจักสิ้นขึ้นมา จึงไม่มีคนคิดที่จะทำเช่นนั้น

 

ความจริงนั่นก็เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว ยอดฝีมือมากมายต่างก็ชื่นชอบที่จะทำเช่นนี้ จึงได้นำสิ่งที่ภาคภูมิใจตลอดทั้งชีวิต ฝังลงไปพร้อมกับโลงศพนั่นเอง

 

แล้วยังมีการเล่าขานในช่วงเวลาที่ขาดหายไป ว่าสามารถเข้าสู่ภายในหลุมศพของบรรพบุรุษของตนเองได้ จากนั้นก็นำวัตถุที่สืบทอดออกมา สิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นการสืบทอดอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้

 

และสุสานโบราณเบื้องหน้าแห่งนี้ ถือได้ว่าเก่าแก่จนน่าตกใจเลยทีเดียว ถ้าหากเจ้าของสุสาน ยังมีอะไรเหลือไว้ให้สืบทอด ก็คงจะต้องเป็นสิ่งที่สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วทั่งฟ้าได้อย่างแน่นอน

 

เมื่อได้ฟังการคาดเดาของกัวหราน หลงเฉินเองก็คาดเดาได้ไม่ต่างไปจากกัวหรานเสียทีเดียว ภายในจิตใจจึงอดไม่ได้ที่จะเกิดความคาดหวังขึ้นมาบ้าง

 

เพราะภาพวาดห้วงอวกาศที่มีดวงดาราทั้งเก้านั้นทำให้เขาเห็นว่า อาจสามารถทำให้เขาเสาะหาเบาะแสของเคล็ดวิชากายานวดาราได้

 

แต่หลงเฉินก็ได้พบว่า นอกจากภาพวาดนั้นแล้ว ภาพอื่นๆทั้งหลายกลับเป็นเพียงสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับการตีเหล็กเท่านั้น

 

การคาดเดาของกัวหรานถือได้ว่าไม่ผิดเลยทีเดียว เจ้าของสุสานโบราณแห่งนี้คงต้องเป็นช่างหลอมแห่งยุค ข้อมูลที่อยู่บนภาพวาดจึงเป็นสิ่งที่รำลึกถึงความสำเร็จของเขานั่นเอง

 

หลงเฉินหาได้มีความสนใจในงานช่างตีเหล็ก แต่กัวหรานที่มีความสนใจต่องานเช่นนี้อยู่แล้ว จึงถือได้ว่าเป็นดั่งวาสนาอันยิ่งใหญ่สำหรับเขาเลยก็ว่าได้

 

หลงเฉินกับกัวหราน ยังคงทำการสำรวจภาพฝาผนังทั้งหมดต่อไป คนที่อยู่ภายในห้องโถงใหญ่ในขณะนี้ ก็ได้แบ่งออกเป็นสามฝ่าย ฝ่ายธรรมะ ฝ่ายอธรรมและฝ่ายของหลงเฉินนั้นเอง

 

ถึงแม้ทางด้านของหลงเฉินจะมีกันเพียงแค่สองคน แต่ก็ไม่มีคนกล้าดูแคลนพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังคงระแวดระวังอยู่ตลอดเวลา

 

“เอ๊ะ บนภาพฝาผนังนี้ ยังมีวงกลมอยู่อีกวง”

 

ทันใดนั้นศิษย์ฝ่ายธรรมะผู้หนึ่ง ก็ได้พบเห็นวงกลมที่อยู่ด้านบนภาพฝาผนังภาพหนึ่ง อีกทั้งวงกลมนั้นค่อนข้างที่จะไม่สะดุดตาอีกด้วย

 

ที่ด้านบนภาพวาดได้มีดวงตาของสัตว์ร้ายดึกดําบรรพ์ตัวหนึ่ง เพียงแต่ว่าภาพสัตว์ร้ายดึกดําบรรพ์นั้นคล้ายกับมีชีวิตก็ว่าได้ ที่ดวงตาก็ถือได้ว่าทั้งกลมโตทั้งน่าแปลกเป็นอย่างยิ่ง

 

ทว่าสัตว์โบราณเช่นนั้นหากอยู่ในโลกภายนอก ก็คงจะสาบสูญไปตั้งแต่แรกแล้ว แม้แต่จะเคยได้ยินก็ยังไม่เคยมาก่อน ทั้งผู้อื่นยังคงคิดกันว่าดวงตาของสัตว์โบราณก็คงจะต้องเป็นเช่นนี้

 

แต่เมื่อได้ลองค้นหาอยู่หลายวันทุกคนต่างก็ไม่ได้พบเจอเบาะแสอะไรเลย จนกระทั่งได้พบว่าลูกตาบางส่วนนั้นมีบางสิ่งที่ผิดปกติ

 

เมื่อได้ขยับเข้าไปใกล้ๆเพื่อดูใจกลางตำแหน่งของลูกตานั้น เห็นได้ชัดว่าคล้ายดั่งปุ่มเปิดปิด คนผู้นี้ก็ได้ลองกดลงไปเบาๆ

 

“ครืนครืน”

 

ทันใดนั้นเองทั่วทั้งสุสานโบราณก็เกิดการสั่นไหวขึ้นมาเป็นระลอก ทุกคนต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป หากว่าสุสานโบราณนี้เกิดพังทลายขึ้นมาทุกคนก็คงต้องตาย

 

“กร๊อบ”

 

ทันใดนั้นที่กลางพื้นห้องโถงใหญ่ก็ได้ถูกเปิด แล้วก็ปรากฏบันไดหินขนาดใหญ่ขึ้น จนกลายเป็นทางเชื่อมต่อลงไปยังชั้นใต้ดิน

 

จากนั้นก็ได้ปรากฏเส้นทางขึ้นมาสายหนึ่ง ทั้งศิษย์ฝ่ายธรรมะ และยอดฝีมือฝ่ายอธรรม ต่างก็แยกย้ายมุ่งหน้าเข้าไปภายในถ้ำ

 

“ซวบซวบซวบ……”

 

“อาอาอา……”

 

ขณะที่ทุกคนเดินเข้าไปได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นที่ด้านบนของฝาผนังก็ได้ปรากฏช่องว่างขนาดเล็กขึ้นมาอย่างถี่ยิบ ลูกธนูจำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้ดีดตัวออกมาจากช่องว่างเหล่านั้น จนปลิชีพผู้คนไปถึงสิบกว่าคน

 

เนื่องจากภายในช่องที่เปิดขึ้นมานั้นคับแคบเป็นอย่างยิ่ง มองเห็นได้เพียงแค่ไม่กี่จั้ง ด้วยสภาพพื้นที่ที่แคบเช่นนั้น จึงเป็นไปได้ยากที่จะหลบเลี่ยงได้อยู่แล้ว

 

ต่อให้ถอยกลับไปทางด้านหลัง คนที่อยู่ทางด้านหลังที่กำลังเดินไปทางด้านหน้า ผลสุดท้ายก็ต้องถูกลูกธนูที่ออกมานั้นแทงทะลุร่างไปอย่างแน่นอน

 

ในตอนแรกนั้นทุกคนคิดว่าเมื่อได้เข้าไปยังภายในถ้ำแล้ว ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากขุมสมบัติ จึงเกิดความหวาดระแวงว่าถ้าช้าไปอาจจะถูกชิงไปเสียก่อน

 

ทว่าบุคคลที่คิดเช่นนี้ก็คือคนที่มีพลังการฝึกปรือที่ต่ำอยู่แล้ว คนที่มีพลังฝีมือแข็งแกร่งต่างก็หาได้เกรงกลัวไม่ เพราะต่อให้ผู้อื่นได้รับสมบัติไป ก็ยังสามารถที่จะแย่งชิงมาได้นั้นเอง

 

เมื่อพบว่าเป็นเช่นนี้ต่างก็ได้พากันถอยออกมา ทั้งยังทอสีหน้าหวาดผวามองไปยังเส้นทางสายนั้น

 

เมื่อทุกคนทราบว่าที่ถ้ำยาวสายนั้นไม่อาจจะมองเห็นปลายทางได้เลย ก็ได้เกิดอาการขนลุกขนพองกันขึ้น

 

บนใบหน้าหลงเฉินกับกัวหราน ก็ได้มีรอยยิ้มปรากฏขึ้น พวกคนโง่คิดว่าบรรพจารย์แห่งการตีเหล็กเป็นคนโง่งมหรือยังไงกัน ?

 

ถ้าหากมีสมบัติอยู่มีหรือที่จะไม่มีการป้องกันเอาไว้ นี่คิดที่จะดูแคลนผู้สร้างสุสานหรือไงกัน ?

 

สุสานแห่งนี้จะต้องมีวิธีเปิดเส้นทางที่ชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าหากไม่เป็นไปตามวิธีการเปิดที่ถูกต้อง ในที่สุดแล้วก็ย่อมมีกลไกที่น่ากลัวแฝงอยู่อีกอย่างแน่นอน ก้าวละกับดัก ดักจนต้องตายกันไปข้าง

 

“ซูม”

 

ทันใดนั้นก็มียอดฝีมือผู้หนึ่งที่ในมือได้มีโล่ขนาดใหญ่ขนาบเอาไว้ทั้งสองด้าน จากนั้นก็นำไปกันไว้ทั้งทางด้านหน้าด้านหลัง จนคล้ายกับเป็นก้อนลูกลมลูกหนึ่งเลยก็มิปาน แล้วมุ่งหน้าเดินออกไป

 

“เป็นวิธีที่ไม่เลว”

 

ผู้คนต่างก็เกิดดวงตาเป็นประกายเมื่อพบเห็นวิธีเช่นนี้ คงมีแต่ต้องทำการคุ้มกันรอบกายแบบนี้เท่านั้น จึงจะไม่ต้องมาห่วงพะวงลูกธนูที่มาจากทั้งสี่ด้าน

 

ในขณะที่พวกเขากำลังจะเลียนแบบคนผู้นั้น ทันใดก็ได้มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมา จนต้องพากันหันไปมองในทันที

 

ตอนแรกที่ได้พบเห็นว่าคนผู้นั้นเข้าไปได้หลายจั้งและยังปลอดภัย จนเมื่อไปได้ถึงยี่สิบจั้งใจกลางกำแพงก็หาได้มีลูกธนูปรากฏขึ้นมาอีก แต่กลับกลายเป็นหลาวแหลมเลยทีเดียว

 

หลาวแหลมเหล่านั้นมีความหนาเท่าไข่ห่าน ทั้งยังแหลมคมเป็นอย่างยิ่ง เมื่อโล่ของคนผู้นั้นต้องมาเผชิญกับหลาวแหลม ก็แทบไม่ต่างอะไรไปจากเปลือกไข่เลยทีเดียว ถึงกระทั่งถูกฆ่าได้ในทันที

 

ทว่าการตายของเขาก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าจดจำยิ่ง เนื่องจากเขาสามารถที่จะเข้าไปถึงในระยะที่ทุกคนยังไม่อาจเข้าถึงได้เป็นคนแรก

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ทุกคนต่างก็โง่งมขึ้นมา ด้วยการโจมตีเช่นนี้ต้องเป็นโล่ที่อยู่ในระดับเครื่องมือปราณเท่านั้น จึงจะสามารถต้านทานเอาไว้ได้ ไม่เช่นนั้นก็คงจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

 

แต่วัสดุที่อยู่ในระดับเครื่องมือปราณนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง ส่วนมากแล้วจะตีขึ้นเพื่อเป็นอาวุธ มีน้อยนักที่จะนำมาสร้างเป็นเครื่องป้องกัน

 

ต่อให้มีคนที่มีโล่ระดับเครื่องมือปราณ ก็ไม่อาจที่จะมีได้ถึงสองชิ้นอย่างแน่นอน เมื่อไม่มีโล่สองชิ้นเช่นนี้ ก็ย่อมไม่อาจที่จะฝ่าไปได้

 

“พี่ใหญ่ พอจะมีวิธีอะไรหรือเปล่า ? ” เมื่อกัวหรานได้พบเห็นกลไกที่แข็งแกร่งเหล่านั้น ก็เกิดความคันในจิตใจจนยากที่จะทนได้

 

“เจ้าของสุสานแห่งนี้หาได้เป็นบุคคลที่เยี่ยมยุทธ์แต่อย่างไร ข้าคิดว่าคงน่าจะช่วยส่งเจ้าเข้าไปได้” หลงเฉินกล่าว

“พี่ใหญ่ เหตุใดท่านถึงคิดว่าเจ้าของสุสานเป็นคนเช่นนั้น หาได้เป็นบุคคลที่ร้ายกาจอย่างงั้นหรือ ? ”กัวหรานกล่าวออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

“เพราะกลไกของเส้นทางสายนี้หาได้มีไว้เพื่อให้เดินเล่น ต่างก็มีกลไกปรากฏออกมาตามทางอยู่แล้ว หรือจะว่ากันก็คือ ขอเพียงไม่ไปแตะต้องพื้น กำแพงและเพดาน ก็จะไม่เป็นการกระตุ้นกลไลเหล่านั้นให้ทำงานแล้ว” หลงเฉินกล่าว

 

“ไม่แตะต้องเลย เช่นนั้นก็กลายเป็นว่าต้องเหาะเหินเข้าไปอย่างงั้นหรือ ? ” กัวหรานไม่เข้าใจขึ้นมา

 

“อือ ขอเพียงเหาะเหินเข้าไปก็ได้แล้ว ถึงได้บอกไงว่ากลไกนี้มีไว้เพื่อจัดการกับผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในขอบเขตด้อยกว่าขั้นก่อฟ้านั่นเอง หากสูงกว่าขอบเขตขั้นก่อฟ้าขึ้นไป ก็ย่อมสามารถที่จะใช้พลังลมปราณแปรเปลี่ยนเป็นปีกเหาะเหินลอยเข้าไปได้ในทันที

 

เส้นทางสายนี้มีเพียงแค่สามร้อยจั้งเท่านั้น และมีด้วยกันทั้งหมดเก้ากลไกที่แตกต่างกัน มีทั้งอ่อนจนถึงแข็งแกร่ง บรรจบไปจนถึงปลายทางเลยทีเดียว

 

ดังนั้นข้าคิดว่าเจ้าของสุสานแห่งนี้หาใช่สุดยอดฝีมืออันใดไม่ เพราะสุสานของสุดยอดฝีมือแห่งยุค จะต้องไม่ซ่อนกลไลเอาไว้ในที่ลับเช่นนี้แน่ แต่จะจัดตั้งเป็นด่านอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ทั้งในทุกๆด่านก็จะมีกับดักที่แตกต่างกันไป

 

ก็อย่างที่ได้กล่าวไปเจ้าเองก็ได้เห็นแล้ว ว่าหนทางของสุสานแห่งนี้หาได้มีอะไรที่ซับซ้อนเป็นพิเศษทั้งยังไม่ถือว่าใหญ่โต จึงทำให้มองออกถึงสถานภาพของเจ้าของได้” หลงเฉินกล่าวอธิบายออกมา

 

กัวหรานพยักหน้าไปมา ลักษณะของสุสานเช่นนี้ จะต้องไม่ใช่ของยอดฝีมือแห่งยุคแน่นอน จึงอดไม่ได้ที่จะต้องถามขึ้นมาด้วยความคาดหวัง “เช่นนั้นมิใช่กลายเป็นว่าดีใจโดยเปล่าประโยชน์แล้วหรอกหรือ ? ”

 

“เช่นนี้เจ้าก็ผิดแล้ว นี่ถือเป็นเรื่องที่เจ้าสมควรจะมีความสุขมากที่สุด ถ้าหากที่แห่งนี้เป็นสุสานของสุดยอดฝีมือแห่งยุค เพียงแค่พลังการฝึกปรือของพวกเราสอง เมื่อเข้าไปแล้วยังจะสามารถมีชีวิตออกมาได้อีกอย่างงั้นหรือ ? ” หลงเฉินก็ได้ยิ้มแล้วกล่าว

 

เมื่อกัวหรานได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะมีดวงตาเป็นประกาย ใช่แล้วหากว่าเป็นสุสานของสุดยอดฝีมือแห่งยุค มีหรือที่จะปล่อยให้ผู้คนมารบกวนโดยสุ่มสี่สุ่มห้าได้กัน ? หากว่าเป็นเช่นนั้นก็มีแต่เข้าไปแต่กลับไร้หนทางในการออกมา

 

“ดังนั้นจึงได้บอกไง ว่าต่อให้มีวาสนา ก็ต้องมีชีวิตอยู่จึงจะได้ วาสนาเช่นนี้ถือได้ว่าพอเหมาะกับเจ้าพอดิบพอดี ทั้งไม่มากไปไม่น้อยไป” หลงเฉินกล่าว

 

ไม่ว่าเจ้าของสุสานแห่งนี้จะเป็นบุคคลเช่นไร ถ้าหากภายในสุสานนั้นมีสมบัติขึ้นมาจริงแล้วละก็ ในมุมมองของพวกเขาขณะนี้จะต้องเป็นสิ่งของที่สุดยอดเลยทีเดียว

 

ในส่วนที่จะมีหรือไม่มี ก็คงต้องเดิมกันกันแล้ว โดยการใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน

 

เดิมทีการฝึกยุทธ์ก็เหมือนกับการเดิมพันอยู่แล้ว ในบางครั้งโชคลาภยังสำคัญกว่าพลังฝีมือเสียอีก

 

เสียงกรีดร้องยังคงดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย เพราะยังคงมีคนที่ไม่ยอมแพ้อยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายต่างก็ได้แยกย้ายกันหาวิธีเพื่อจะเข้าไป ทว่าก็ต้องพบกับความล้มเหลวและจุดจบในที่สุด

 

เป็นธรรมดาที่ผู้พ่ายแพ้ก็ต้องทิ้งชีวิตกันอย่างน่าอเนจอนาถเป็นอย่างยิ่ง เส้นทางเพียงสายเดียวแต่กับหยุดยั้งทุกคนเอาไว้

 

คล้ายกับที่หลงเฉินได้บอกเอาไว้ นอกเสียจากจะสามารถเหาะเหินผ่านไปดุจดั่งยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อฟ้า ไม่เช่นนั้นก็ได้แต่มองดูเพียงอย่างเดียวแล้ว

 

“ซูม”

 

ทันใดนั้นยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้หนึ่งก็มีกรงเล็บบินลอยออกไป ลอยเข้าไปจับหลาวแหลมเล่มหนึ่งกลับมาในทันที

 

กรงเล็บบินที่มีโซ่ยาวคล้องเอาไว้อยู่สามารถลอยออกไปได้ไกลถึงสามสิบจั้งเลยทีเดียว ทว่านั่นก็ถือได้ว่าเป็นขีดจำกัดแล้ว คงไม่อาจที่จะยาวขึ้นได้อีก

“เด็กน้อยที่ดี ถือว่าเป็นวัสดุที่เทียบเท่าเครื่องมือปราณได้เลยทีเดียว”

 

เมื่อได้ดูไปที่วัสดุของหลาวแหลมเล่มนั้นอย่างชัดเจน เหล่าศิษย์ของฝ่ายอธรรมก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมาด้วยความตกใจ

 

หลาวแหลมนั้นถ่วงมือเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งมีน้ำหนักอยู่หลายพันชั่งเลยทีเดียว ถึงกับจมลงไปภายในพื้นหินอิฐจนพื้นหินอิฐแตกออก จนกลายเป็นรูขนาดใหญ่หลุมหนึ่ง

 

ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะทอแววตาหวาดผวามองไปยังภายในถ้ำ พบเพียงแต่เห็นกำแพงศิลาที่อยู่ภายใน หาได้พบเห็นร่องรอยอื่นใดไม่

 

หลาวแหลมเหล่านั้นพุ่งออกมาจากภายในกำแพง ทั้งยังดีดออกมาจากกำแพงหินอย่างแรงอีกด้วย แต่กระนั้นกำแพงหินกลับไร้ซึ่งความเสียหายไม่ คงมิใช่ว่ากำแพงหินแข็งยิ่งกว่าหรือยังไงกัน ?

 

แม้แต่กำแพงหินก็ยังเป็นสมบัติได้ เช่นนั้นสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในก็ต้องเป็นของดีอย่างแน่นอน ? ภายในจิตใจของทุกคนก็ได้ร้อนระอุกันขึ้นมา

 

“เป็นไปได้ไหมถ้าไปแตะกลไกลให้ทำงานตลอด เพื่อให้กำแพงหินปล่อยกลไกออกมาไม่หยุด หากเมื่อกลไกลหยุดลงก็จะถือได้ว่าหมดสิ้น เช่นนั้นก็สามารถที่จะเข้าไปได้แล้ว? ” ศิษย์ฝ่ายธรรมะผู้หนึ่งก็ทอประกายคมกล้าแล้วกล่าวขึ้นมา

 

“โง่เง่า เจ้าคิดว่าผู้คิดค้นจะโง่เง่าเฉกเช่นเจ้าอย่างงั้นหรือ ? ความคิดที่ง่ายดายเช่นนั้นมีหรือที่จะคิดไม่ถึง ต่อให้ปล่อยให้ลูกธนูคมศรเต็มพื้นที่ กลไลก็คงยังไม่หยุดทำงานหรอก เมื่อถึงเวลานั้นยังคิดที่จะไปค้นหาสมบัติกันอีกอย่างงั้นหรือ ? ” ศิษย์ของฝ่ายอธรรมผู้หนึ่งก็ได้กล่าววาจาเย้ยหยันโดยที่ไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย

 

“เจ้า……” ศิษย์ฝ่ายธรรมะผู้นั้นมีโทสะขึ้นมายกใหญ่ หมายที่จะด่าทอออกมา ทว่าเมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ดุร้ายของคนผู้นั้น จึงได้แต่รั้งเอาไว้แต่เพียงแค่มุมปากแล้วจึงค่อยได้กล้ำกลืนกลับไป

 

“หุบปากโสโครกไปเลย อย่าได้คิดว่าจะสามารถหลอกลวงผู้อื่นได้ ปู่กัวจะแสดงให้พวกเจ้าได้เห็นเองว่า อะไรเป็นพลังฝีมือสะท้านฟ้า”

 

กัวหรานก็ได้ส่งเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเย่อหยิ่งดังขึ้นมา จนทำให้ทุกผู้คนต้องทอแววตาเป็นประกายมองไปทางด้านหลัง

.

.

ช่องทางการจัดจำหน่าย : https://novelrealm.com/detail.php?novel=22 <<< (ถึงตอนที่ 1056 แล้วครับ)

ฝากแฟนๆกดติดตามหรือกดLikeเพจเคล็ดกายานวดาราด้วยครับ >>> 9 ดารา

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา
Status: Ongoing
เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset