เคล็ดกายานวดารา (Lc by Novel Kingdom) – ตอนที่ 327 หาที่ตาย

 

“หุบปากโสโครกไปเลย อย่าได้คิดว่าจะสามารถหลอกลวงผู้อื่นได้ ปู่กัวจะแสดงให้พวกเจ้าได้เห็นเองว่า อะไรจึงเป็นพลังฝีมือสะท้านฟ้า”

 

กัวเหรินก็ได้ส่งเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเย่อหยิ่งดังขึ้นมา จนทำให้ทุกผู้คนต้องทอแววตาเป็นประกายมองไปทางด้านหลัง

 

กัวเหรินกับหลงเฉินก็ได้มาถึงยังเบื้องหน้าของช่องทางเดินใต้ดิน ศิษย์ธรรมะอธรรมทั้งสองฝ่าย ต่างก็ได้แยกย้ายถอยออกไปกันคนละก้าวโดยไม่ทันรู้ตัว

 

ในสายตาของศิษย์ฝ่ายธรรมะ หลงเฉินถือได้ว่าไม่ต่างอะไรปจากฝ่ายอธรรมเลย ในสายตาศิษย์ของฝ่ายอธรรมหลงเฉินกลับดูโหดร้ายจนแม้แต่พวกเขาก็ยังต้องหวาดกลัว

 

กัวเหรินเมื่อพบว่าตนเองเพียงตะเบ็งเสียง ก็ทำให้ทุกผู้คนตกใจจนแยกย้ายถอยออกไปได้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความพอใจขึ้นมาในจิตใจ

 

ถึงแม้จะคล้ายกับจิ้งจอกที่แอบอิงบารมีพยัคฆ์อยู่บ้าง ทว่าเขาก็หาได้รู้สึกไม่ดีอะไร ความสูงส่งของพี่ใหญ่ก็คือความรุ่งโรจน์ของเขาเช่นกัน

 

เมื่อเห็นคนเหล่านั้นทอสายตาหวาดกลัวตนเอง ทั้งไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง โดยเฉพาะผู้อยู่เหนือขอบเขตที่แข็งแกร่งเหล่านั้น กับสุดยอดฝีมือที่ถูกตนเองดูแคลนไป จิตใจกัวเหรินก็รู้สึกเบิกบานขึ้นมา

 

ถึงแม้ศิษย์ธรรมะอธรรมทั้งสองฝ่าย ต่างก็รู้สึกไม่พอใจต่อการแสดงออกของกัวเหรินเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเมื่อเห็นกัวเหรินอยากจะลองดูบ้าง ก็ไม่คิดที่จะไปขัดขวางการหาที่ตายของเขาอยู่แล้ว

 

เพราะมียอดฝีมืออยู่ไม่น้อย ที่ได้นึกกลอุบายออกมานับไม่ถ้วน แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถที่จะเข้าไปได้ ส่วนมากแล้วก็มีแต่เอาชีวิตไปทิ้งเสียเปล่า ไม่มีใครเชื่อว่ากัวเหรินที่เป็นเพียงศิษย์สายตรงปกติธรรมดาคนหนึ่งจะสามารถเข้าไปได้

 

พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าหลงเฉินน่าจะนึกกลอุบายอะไรขึ้นมาได้ ดังนั้นต่างก็สงบปากสงบคำเอาไว้ รอคอยให้หลงเฉินลงมือ

 

“พี่ใหญ่ ข้าคุยโอ้อวดไปขนาดนี้แล้ว ท่านจะส่งข้าเข้าไปได้แน่นอนงั้นหรือ ? อย่าได้ทำพลาดไปละ ไม่อย่างนั้นคงจะขายหน้าตาเลย” กัวเหรินที่เดินมาถึงหน้าปากทางเข้า ก็ได้กระซิบขึ้นมา

 

“วางใจเถอะ ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน หลังจากที่ส่งเจ้าเข้าไปแล้ว ที่นั้นจะมีแท่นสูงอยู่จุดหนึ่ง เจ้าก็ยืนอยู่ด้านบนอย่าได้ขยับไปก่อน รอข้าเข้าไปแล้วค่อยว่ากันอีกที” หลงเฉินได้กระซิบตอบกลับมา

 

เสียงของหลงเฉิน แฝงเอาไว้ด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณ คนอื่นๆได้แต่เพียงดูการขยับริมฝีปากของหลงเฉิน แต่กลับหาได้ฟังเข้าใจว่าพูดอะไรไปไม่

 

“เอาเถอะ พี่ใหญ่จะให้ข้าทำอะไรงั้นหรือ ? ” เมื่อกัวเหรินได้ยินหลงเฉินกล่าวเช่นนี้ ก็เกิดความเชื่อมั่นขึ้นมาอีกเท่าตัว จนถูกกระตุ้นพลังสภาวะขึ้น

 

“สองเท้าชิดเข้าหากัน คล้องมือทั้งสองข้างกอดอกเอาไว้ แล้วก็เอนตัวไปข้างหน้า” หลงเฉินกล่าว

 

กัวเหรินเชื่อฟังเป็นอย่างยิ่ง รีบอยู่ในท่าทางเช่นนี้ด้วยความองอาจอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญที่สุดก็คือ ปั้นท้ายของเขากลับเอนไปทางด้านหลัง ประจวบหันเข้าหาศิษย์ของทั้งสองฝ่ายพอดี คล้ายกับกำลังเย้ยหยันด้วยท่าทางทุเรศอยู่

 

ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ฝ่ายธรรมะหรือของฝ่ายอธรรม ต่างก็รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา พวกเขายังคิดว่า หลงเฉินกับกัวเหรินจงใจที่จะเหยียดหยามพวกเขาอยู่

 

“เจ้าไปได้แล้ว”

 

ในระหว่างกัวเหรินมองไปยังคนเหล่านั้นที่กำลังมีโทสะกันอยู่ กำลังรู้สึกสะใจเป็นอย่างยิ่ง หลงเฉินก็ได้ถีบเข้าไปที่แก้มก้นของเขาอย่างรุนแรง

 

“เอ๊ะ อะไรนะ”

 

“ซูม”

 

วินาทีนั้นกัวเหรินก็รู้สึกว่ามีเสียงดังขึ้นมา ทั้งร่างของเขาคล้ายดั่งกระสอบทรายก็มิปาน เมื่อถูกหนึ่งเท้าของหลงเฉินถีบลอยออกไป ก็ลอยเข้าสู่ภายในถ้ำไปในทันที จนทำให้ตกใจจนใบหน้าเขียวปัด

 

กัวเหรินพบได้ทันทีว่า พลังจากฝ่าเท้าของหลงเฉินได้ควบคุมทั้งความแรงและความแม่นยำเอาไว้เป็นอย่างดี เส้นทางที่เขาได้เหินบิน ประจวบอยู่ตรงกลางถ้ำพอดิบพอดี หาได้แตะต้องโดนพื้นหรือกำแพงไม่

 

ตลอดเส้นทาง ยังเร็วจนไม่อาจที่จะคาดคิดได้ เมื่อเกือบจะถึงปลายทาง ก็ได้ปรากฏแท่นสูงแท่นหนึ่งขึ้นมา ในเวลาที่กัวเหรินลอยเข้าไปในถ้ำ ก็ได้หยุดอยู่ตรงใจกลางแท่นสูงพอดิบพอดี พลังของหลงเฉินในเวลานี้ก็เลื่อนหายไปแล้ว สามารถที่จะยืนอยู่บนแท่นสูงได้อย่างสบายแล้ว

 

ทุกคนที่อยู่ด้านนอก เมื่อได้เห็นว่าหลงเฉินได้ถีบกัวเหรินเข้าไปยังภายในถ้ำ ต่างก็จิตใจกระเด็นกระดอนกันขึ้นมา ยังคิดว่าหลงเฉินตั้งใจที่จะฆ่ากัวเหรินเสียอีก

 

แต่เมื่อได้เห็นมุมองศาที่กัวเหรินลอยไปนั้น ทุกผู้คนก็อดไม่ได้ที่จะทอประกายแววตาสว่างสไวกันขึ้นมา ทำอย่างนี้ก็ได้ด้วยงั้นหรอ ?

 

แต่พวกเขาหาได้มีพลังแห่งจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งเฉกเช่นหลงเฉินไม่ จึงไม่อาจทราบได้ว่ากลไกเช่นนี้จะมีความยาวมากแค่ไหน แต่ว่าตั้งแต่ต้นจนจบ ต่างก็ไม่ได้ยินเสียงของกลไกหรือเสียงกรีดร้องใดใด เช่นนี้ก็เป็นที่บอกได้แล้วว่ากัวเหรินนั้นปลอดภัยอย่างแน่นอน

 

“ซูม”

 

เสียงสายลมพัดผ่าน เงาร่างสายหนึ่งที่กำลังยัดเท้าไปที่หินอิฐ ก็ได้ลอยออกไปดุจกระสุนลูกหนึ่ง มุ่งหน้าเข้าไปยังภายในถ้ำใต้ดิน เมื่อเทียบระดับความเร็วกับกัวเหรินก่อนหน้านี้ ถือได้ว่าเร็วกว่าเป็นอย่างมาก

 

“เป็นหลงเฉิน”

 

แล้วก็ได้มีคนส่งเสียงตกใจขึ้นมา เมื่อจดจำเงาหลังนั้นขึ้นมาได้

 

“ฮาฮา จะเข้าไปงั้นหรือ ? ตายซะเถอะ”

 

ทันใดนั้นเองสุดยอดฝีมือทั้งสอง ก็ได้ลงมือออกไปในเวลาเดียวกัน ในมือก็มีมีดบินหลายสิบเล่มลอยออกไปปานสายฟ้าแลบ มุ่งหน้าพุ่งเข้าไปทางหลงเฉิน เปี่ยมไปด้วยพลังที่รุนแรงปานขุนเขา

 

หลงเฉินก็อดไม่ได้ที่จะมีโทสะขึ้นมา เจ้าพวกเด็กน้อยเลวทรามกลุ่มนี้ อยากจะหาที่ตายกันเลยจริงๆ เมื่อสายตาได้พบเห็นมีดบินลอยเข้ามา ก็ได้สะบัดมือขวาออก

 

“เพียะเพียะเพียะ……”

 

สองมือประดุจสายฟ้าแลบ ถึงกับทำให้มีดบินทั้งสิบเล่มนั้นถูกหยุดเอาไว้จนหมดสิ้น ในเวลาเดียวกันก็ได้ทำให้พลังสภาวะของมีดบิน ถูกเพิ่มพูนพลังลอยเข้าไปได้รวดเร็วขึ้น

 

“ลงมือพร้อมกัน”

 

สุดยอดฝีมือทั้งสองคนนั้นคิดไม่ถึงว่า หลงเฉินจะสามารถควบคุมพลังของเพลงฝ่ามืออย่างแข็งแกร่งน่ากลัวถึงเพียงนี้

 

หากมีดบินหลายสิบเล่มเมื่อครู่นี้เพียงมีซักเล่มแตะต้องโดนกำแพงหินเข้า ก็จะกลายเป็นการกระตุ้นกลไลขึ้นมาได้ ยังไงซะหลงเฉินก็ย่อมที่จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

 

แต่ว่าหลงเฉินกลับหยิบยืมพลังฝีมือ ทำให้มีดบินทั้งหมดถูกคว้าเอาไว้ในมือได้ทั้งหมด ดั่งแหจับปลาที่ไม่มีช่องว่างเลยก็ว่าได้

 

ความจริงไม่ต้องรอให้ทั้งสองคนนั้นเอ่ยปาก ก็มีผู้คนไม่น้อยต่างก็ได้แยกย้ายกันลงมือแล้ว มีทั้งมีดบิน กระบี่สั่น อาวุธจำพวกกระสุนเป็นต้น ลอยเข้าไปยังด้านของหลงเฉิน

 

หลังจากที่ได้ยินคำสั่งของทั้งสองคน ศิษย์ของฝ่ายธรรมะบางส่วนยังคงอยู่ในอาการลังเลอยู่ ต่างก็ได้รีบลงมือกันทุกคน ชั่วระยะเวลาหนึ่งยอดฝีมือทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้ใช้อาวุธลับลอยเข้ามาปกคลุมอยู่ทั่วทั้งผืนฟ้า

 

หลงเฉินรู้สึกเดือดดาลขึ้นมา การโจมตีที่ปิดกั้นทุกเส้นทางเช่นนี้ เขาแทบจะไม่มีโอกาสที่จะหลบได้เลยด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะหยุดได้อย่างไร

 

ที่น่าชังที่สุดก็คงจะเป็น การโจมตีมากมายนั้นหาได้พุ่งเข้ามาหาเขาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่กลับพุ่งเข้าหากำแพงหินที่ด้านข้างของเขาแทน

 

การที่ต้องมาเผชิญหน้ากับการโจมตีจากผู้คนมากมายเช่นนี้ ต่อให้เป็นหลงเฉิน ก็ยังอดไม่ได้ที่จะใบหน้าเปลี่ยนสี ความจริงแล้วเขาหาได้หวาดกลัวการโจมตีเหล่านี้ไม่ เพียงแต่หวาดกลัวผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังการโจมตีเท่านั้น

 

แต่ว่าหลงเฉินก็ไม่อาจเอาแต่มองดูเช่นนี้ได้ อาวุธลับเหล่านั้นที่ได้ทะยานเข้ามาถึงบนร่างของเขา ทำให้ทั่วร่างก็ได้บังเกิดเป็นพลังสภาวะปะทุขึ้นมา จนกลายเป็นดั่งคมดาบที่ฟันออกมา

 

“ตูม”

กระแสพลังอันน่าหวาดกลัว ก็ได้ซัดเข้าหาอาวุธลับเหล่านั้นไปในทันที อาวุธลับตามปกติต่างก็เกิดขึ้นบนโลกภายนอก แต่ภายในท่ามกลางผู้ฝึกยุทธ์กลับไม่ได้ที่จะพบเจอง่ายนัก

 

ที่สำคัญก็คือผู้ฝึกยุทธ์จะให้ความสำคัญกับพลังที่แข็งแกร่งมากกว่า หาได้ให้ความสำคัญต่ออาวุธลับเหล่านี้ไม่ ดังนั้นการโจมตีจากอาวุธลับเหล่านั้น จึงหาได้เปี่ยมไปด้วยพลังใดใด

 

แต่ว่าพวกเขาก็ไม่ได้คาดหวัง ว่าอาวุธลับเหล่านี้จะสามารถสังหารหลงเฉินได้ แม้แต่การจะทำให้บาดเจ็บ ยิ่งไม่ได้คาดหวังเลย เพราะพวกเขาหวังผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นมาต่อจากนี้ต่างหาก

 

“ครืนครืน”

 

สุดท้ายแล้วหลงเฉินก็ฟันออกไปหนึ่งดาบ กระตุ้นพลังเพื่อทำลายอาวุธเหล่านั้นให้แหลกจนกลายเป็นชิ้นๆ หลงเฉินที่ลอยมาได้เพียงครึ่งทาง ทันใดนั้นเองบนกำแพง ประตูศิลาก็ได้ถูกเปิดออกมาอยู่นับไม่ถ้วน ก็ได้เผยออกมาให้เห็นถึงแขนเหล็กแต่ละข้างออกมา

 

ท่ามกลางแขนเหล็กเหล่านั้น กำลังถือเอาไว้ด้วยค้อนยักษ์ที่มีขนาดเท่ากับโต๊ะเล็กๆตัวหนึ่ง กำลังร่ายระบำทุบลงมาอย่างบ้าคลั่ง จนกลายเป็นเสียงระเบิดเสียดแก้วหูขึ้น

 

“ฮาฮา หลงเฉิน รอบนี้เจ้าก็ไม่ต่างอะไรไปจากวัวควายเลยนะ”

 

ศิษย์ฝ่ายธรรมะจำนวนไม่น้อย เมื่อพบว่ากลไกสายนั้นทำงานขึ้น ทั้งยังเปลี่ยนเป็นค้อนยักษ์ที่น่าหวาดกลัวถึงเพียงนั้น ด้วยพลังทำลายขนาดนี้ย่อมต้องสามารถที่จะบดขยี้ผู้คนให้กลายเป็นเนื้อบดได้ทั้งเป็นเลยทีเดียว จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะฮาฮาขึ้นมายกใหญ่

 

กัวเหรินที่ได้มาถึงปลายทางนับตั้งแต่แรก ก็ได้หันกลับไปมองหลงเฉิน ที่ถูกทุกคนกุมรุมทำร้าย จนกระตุ้นกลไกที่น่ากลัวขึ้นมา จึงอดไม่ได้ที่สวดอ้อนวอนขึ้น

 

“ระบำวายุคิมหันต์บ้าคลั่ง”

 

ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมา เพียงแต่พบเห็นดาบยาวสีทองเคลื่อนไหวดั่งมังกรเล่มหนึ่ง แผ่รังสีดาบปกคลุมไปทั่ว คล้ายกับกำลังตัดสะบั้นภูผา พุ่งออกไปทางด้านหน้าไปในทันที

 

“ตูมตูมตูมตูม……”

 

เสียงแสบแก้วหูก็ได้ปะทุดังขึ้น ทั่วทั้งสุสานโบราณต่างก็ได้สั่นไหว พื้นดินเกิดการสั่นสะเทือนโดยแรง จนเกิดเศษอิฐเศษหินบนเพดานสุสานตกลงมาเป็นครั้งคราว จนทำให้ทุกผู้คนต้องแยกย้ายกันถอยหลังออกไป เพราะรู้สึกราวกับว่าสุสานโบราณกับจะถูกทำลายลง

 

เหล่าผู้คนก็เกิดความแตกตื่นตกใจขึ้นในเวลาเดียวกัน กลไกของสุสานโบราณช่างน่าหวาดกลัวมาก แต่ว่าพวกเขากลับยิ่งตื่นตะลึงในพลังการต่อสู้ของหลงเฉินมากกว่า

 

เพราะภายในได้มีการระเบิดขึ้นมาไม่หยุด เช่นนี้ก็บอกได้แล้วว่าหลงเฉินนั้นยังไม่ตาย ยังคงเกิดการดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งอยู่

 

ทันใดนั้นก็ได้ฟื้นกลับคืนสู่สภาวะสงบขึ้นมา ทุกคนจึงค่อยมองเข้าไปยังทางด้านนั้น แล้วก็ได้พบว่าเส้นทางสายนั้นได้กลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว มือที่ถือค้อนยักษ์เหล่านั้น ก็ได้กลับเข้าไปยังภายในกำแพงดุจเดิม

 

“ตายแล้วงั้นหรือ ? ”

 

“ไม่อาจพบเห็นศพได้ ที่แท้กลายเป็นก้อนเนื้อแหลกเหลวไปแล้วอย่างงั้นหรือ ? ”

 

“บนกำแพงได้มีคราบโลหิตติดอยู่ น่าจะตายไปแล้วกระมั่ง ? ”

 

เหล่าผู้คนต่างก็ได้มองไปที่เส้นทาง แล้วก็ได้พบว่าบนกำแพงที่ดูปกติดี ก็ได้มีคราบเลือดติดอยู่ปะปราย นั้นน่าจะเป็นสิ่งที่หลงเฉินได้หลงเหลือเอาไว้แล้ว

 

แต่ว่าคราบเลือดนั้น กลับหาได้มากมายอะไรไม่ ถ้าหากหลงเฉินถูกบดจนกลายเป็นเนื้อบด ก็สมควรที่จะมีคราบเลือดที่มากมายกว่านี้จึงจะถูกต้อง

 

แต่เมื่อยิ่งมองให้ลึกเข้าไปตามทาง ยิ่งลึกเข้าไปเท่าไหร่ก็ยิ่งมืดเข้าไปเท่านั้น จนแทบไม่อาจที่จะมองเห็นปลายทางว่าเป็นเช่นไรได้แล้ว

 

“ซูม”

 

ทันใดนั้นก็ได้มีคนล้วงเอาศิลาส่องกระจ่างออกมาชิ้นหนึ่ง ที่ถือได้ว่าเป็นก้อนศิลาที่สามารถเปล่งแสงขึ้นมาได้ชนิดหนึ่ง ทั้งยังสามารถตีแผ่แสงเป็นวงกว้างขึ้นมาได้ แต่ทว่าการกระตุ้นพลังที่อยู่ภายในออกมา ศิลาก้อนนี้ต่อให้ไร้ประโยชน์ไปแล้ว ก็ยังสามารถที่จะนำเอาพลังภายในหินศิลาเพื่อใช้เผาไหม้ได้ ที่โลกภายนอกหินศิลาชิ้นนี้จึงมีราคาที่ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

 

ในเวลาที่ทุกคนได้เข้ามายังภายในห้องโถงก็มีเพียงแค่สามคน ที่ยินยอมจะใช้หินศิลาเช่นนี้ออกมา เพื่อจุดห้องโถงใหญ่ให้สว่างขึ้นมา

 

เพื่อที่จะยืนยันความเป็นความตายของหลงเฉิน ก็อดไม่ได้ที่จะต้องข่มกลั่นความเสียดาย ล้วงนำออกมาใช้อีกก้อน ก็ได้ทำให้เส้นทางสว่างไสวขึ้นมา

 

“อา ? เส้นทางสายนี้ มีเพียงสามร้อยกว่าจั้งเท่านั้น” คนเหล่านั้นนับตั้งแต่เริ่มยังคิดว่าเป็นเส้นทางที่ไม่มีปลายทางเลยด้วยซ้ำ ทั้งยังคิดว่ายาวถึงหลายลี้ หาได้คิดว่าจะสั้นถึงเพียงนี้

 

“ยังไม่เห็นศพของหลงเฉิน” แล้วก็ได้มีคนตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ

เพราะตลอดทั้งเส้นทางนอกเสียจากคราบเลือด ก็หาได้มีเงาผีสางอื่นใดแล้ว ทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสัยขึ้นมา

 

แม้ว่าจะสามารถพบเห็นแท่นสูงแต่ละแท่นได้ แต่เพราะถ้ำมีขนาดเล็กจนเกินไป จึงไม่อาจที่จะมองเห็นแท่นสูงทั้งหมดได้อย่างชัดเจน

 

“พี่ใหญ่ ท่านช่างตายได้อย่างอนาถเกินไปแล้ว เจ้าพวกตัวบัดซบนรกส่งมาเกิด ขอให้ต่างก็โดนทัณฑ์อัสนีผ่าให้ตายไปด้วยเถอะ เหตุใดถึงไม่ลงโทษคนพาลให้ตายไปให้หมดเลยละ……”

 

ทันใดนั้นที่สุดปลายของเส้นทาง ก็ได้มีเสียงของกัวเหรินร่ำร้องดังขึ้นมา จนทำให้จิตใจของทุกคนเกิดความยินดีขึ้น หากหลงเฉินตายแล้วก็คงทำให้พวกเขาทุกคนสามารถผ่อนคลายออกมาได้ในระดับหนึ่ง

 

“พี่ใหญ่ท่านถือได้ว่าเป็นวีรบุรุษแห่งยุค แต่ต้องมาตายอย่างอนาถเช่นนี้ ท่านจะให้พี่น้องอย่างข้ามีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไรกัน……” เสียงของกัวเหรินเรียกได้ว่าอเนจอนาถอย่างถึงที่สุด ดังขึ้นด้วยความเจ็บปวดใจ

 

“เหว่ยเหว่ย เอาแค่พอดีก็ได้ จะร่ำร้องให้สมจริงถึงเพียงนั้นไปทำไม แม้แต่ข้าเองก็ยังคิดว่าข้าได้ตายไปจริงๆแล้วเสียอีก” หลงเฉินกล่าวออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์

 

ในเวลานี้ที่แขนด้านซ้ายหลงเฉิน ก็ได้มีบาดแผลที่มีโลหิตไหลรินออกมา จนแม้แต่กระดูกก็ยังเผยออกมาให้เห็น นั่นเป็นบาดแผลที่ได้รับมาจากการโจมตีของค้อนเหล่านั้น

 

ภายในจิตใจของหลงเฉินก็ได้เกิดความหวาดกลัวค้อนยักษ์เหล่านั้นขึ้นมา หากว่าถูกค้อนทุบเข้าที่ศีรษะ คงไม่อาจที่จะมีชีวิตรอดได้แล้ว

 

หลังจากที่เขาได้ผ่านค้อนยักษ์นั้นมาได้ เท้าก็ได้หยุดอยู่บนพื้นเล็กน้อย ในขณะที่ร่อนอยู่กลางอากาศในท้ายที่สุดก็ได้หยุดลงด้านบนแท่นสูง

 

นี้หากไปแตะต้องโดนกลไกสุดท้ายเข้าอีก หลงเฉินก็ย่อมต้องตายอย่างแน่นอน ต่อให้เป็นเช่นนี้ ในเวลาที่หลงเฉินได้กระตุ้นพลังเพื่อต้านค้อนยักษ์เอาไว้ ทลายมารในมือถึงกับเกิดรอยบิ่นขึ้นมาหลายแห่ง จนทำให้หลงเฉินเกิดความเจ็บปวดใจเป็นอย่างยิ่ง ค้อนยักษ์เหล่านั้นช่างน่าหวาดกลัวเหลือเกิน

 

ในเวลาเดียวกันคนที่อยู่ทางด้านนอก ต่างก็ยิ่งเกิดอาการคันไม้คันมือกันขึ้นมา เมื่อเปรียบเทียบกับศิษย์ของฝ่ายอธรรม หลงเฉินกลับยิ่งเกลียดชังศิษย์ฝ่ายธรรมะเหล่านั้นมากกว่า

 

คิดไม่ถึงว่าคนที่ลงมือก่อนจะเป็นศิษย์ฝ่ายธรรมะเช่นตนเอง ที่น่าชังที่สุดก็คือศิษย์ของฝ่ายธรรมะเหล่านั้น ยังได้ลงมือกันออกมากันทุกคน นี่จึงได้ทำให้หลงเฉินเกิดจิตสังหารลุกโชนขึ้นมา

 

“พี่ใหญ่ ข้าร่ำร้องเช่นนี้ จึงจะสามารถที่จะแสดงให้เห็นว่าท่านได้ตายไปแล้วจริงๆ จึงทำให้หลอกลวงพวกเขาให้เข้ามาได้” บนใบหน้าของกัวเหรินก็ได้ปรากฏรอยยิ้มเย็นชาขึ้นมา

“ซูม”

 

เพิ่งจะสิ้นเสียงของกัวเหริน เงาร่างสายหนึ่ง ก็ได้ลอกเลียนวิธีที่หลงเฉินใช้ไปก่อนหน้า มุ่งหน้าลอยเข้ามาภายใน

 

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา
Status: Ongoing
เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset