“ไอ้หนูไปตายซะเถอะ หมาป่าหิมะแดงเพลิงตัวนี้เป็นของข้าแล้ว”
ศิษย์พี่ฉีคำรามลั่น พร้อมทั้งผสานมือทั้งสองข้าง ทันใดนั้นก็ได้ปรากฏศรแห่งจิตวิญญาณออกมาเล่มหนึ่ง พวยพุ่งเข้าใส่หลงเฉินในทันที
ศรแห่งจิตวิญญาณ ถือเป็นสิ่งที่ผนึกขึ้นมาจากพลังแห่งจิตวิญญาณ คล้ายดั่งวารีที่ถูกผนึกที่ลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ ทั้งยังไร้ลักษณ์ไร้สภาพ ดุจดั่งทักษะที่สร้างขึ้นมาจากภูตพรายแบบหนึ่ง
ความน่ากลัวของผู้ฝึกสัตว์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงแค่สัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่งของพวกเขาเท่านั้น การโจมตีจากพลังจิตวิญญาณของพวกเขา ก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวเช่นเดียวกัน
ในขณะนี้ คมศรแห่งจิตวิญญาณ ที่มีความยาวกว่าหนึ่งเชียะ ลักษณะคล้ายกับเป็นหอกยาวที่โปร่งใสด้ามหนึ่ง กำลังพุ่งเข้าใส่หลงเฉินอย่างรุนแรง
เมื่อเห็นดังนั้น หลงเฉินก็เหวี่ยงหมัดออกไป กระแทกลงไปบนด้ามของศรแห่งจิตวิญญาณเล่มนั้นอย่างรุนแรง หมัดที่แฝงเอาไว้ด้วยความแน่วแน่ที่หนักแน่น ก็ทำลายคมศรแห่งจิตวิญญาณนั้นจนแหลกลานไป
ทว่า แม้ว่าส่วนนอกที่ประกอบเป็นตัวศรแห่งจิตวิญญาณนั้น จะถูกหลงเฉินทำลายจนแหลกไปแล้ว แต่การโจมตีทางจิตวิญญาณ กลับไม่ได้อ่อนลงไปแม้แต่น้อย พุ่งเข้าไปยังหว่างคิ้วของหลงเฉินในทันที
การโจมตีจากจิตวิญญาณ เป็นการโจมตีที่โจมตีใส่จิตวิญญาณโดยเฉพาะ แทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพลังฝีมือแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพึ่งพาพลังจากภายในร่างกายเพื่อต้านทานเอาไว้
ในยามที่พลังแห่งจิตวิญญาณที่จู่โจมเข้ามา แล้วพุ่งเข้าใส่หว่างคิ้วของหลงเฉิน วินาทีนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับจิตวิญญาณอย่างหนัก ดุจดั่งเข็มเงินนับพันเล่มทะลวงเข้ามาก็มิปาน เขาจึงรีบไหลเวียนพลังแห่งจิตวิญญาณขึ้นมาต้านทานอย่างรวดเร็ว
หลงเฉินนั้นไม่ทราบถึงวิธีการไหลเวียนพลังแห่งจิตวิญญาณที่แท้จริง ดังนั้นที่เขาทำจึงออกมาเป็นวิธีการป้องกันที่เก้งก้างที่อย่างถึงสุด แต่ก็พอจะต้านทานการโจมตีจากจิตวิญญาณ
“ซูม”
หลงเฉินเซถอยหลังออกไปหลายก้าว ใบหน้าซีดขาวขึ้นมาเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถต้านทานการโจมตีจากจิตวิญญาณของศิษย์พี่ฉีได้ แต่ทว่าตัวเขาก็ยังแทบจะย่ำแย่ ความเจ็บปวดเช่นนี้นั้น ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ยากทนทาน
และครั้งนี้ นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขาต้องรับมืออย่างแท้จริง กับการโจมตีด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณ และเขาก็พบว่าช่างน่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง ไม่แปลกใจเลยที่ตัวบัดซบผู้นี้ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ศิษย์สายตรงอันต่ำต้อยผู้หนึ่ง แต่ก็ถึงกับเหิ่มเกริมได้มากถึงเพียงนี้
“โบร๋วโบร๋ว”
เสี่ยวเสว่ยที่มีจิตผสานเข้ากับหลงเฉิน เมื่อพบว่าหลงเฉินพลาดพลั้ง ก็ร้องคำรามขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยวในทันที แล้วกระโจนพุ่งเข้าใส่ศิษย์พี่ฉีอย่างรวดเร็ว
“มาเป็นสัตว์เลี้ยงของข้าเสียเถอะ”
ศิษย์พี่ฉีที่กำลังเผชิญหน้ากับเสี่ยวเสว่ยนั้น ไม่เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันบนใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง เขาพลิกมือทั้งสองข้างสร้างสัญลักษณ์รอยตราขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ก่อนอื่นมาให้ข้าคลายรอยประทับจิตวิญญาณของเจ้าก่อนดีกว่า”
ในเวลาเดียวกันกับที่ศิษย์พี่ฉีกำลังแสดงสัญญลักษณ์รอยตรา บริเวณด้านหน้าของเขาก็ปรากฎอักขระประหลาดถูกวาดขึ้น อักขระนั้นลอยเข้าหาเสี่ยวเสว่ย แล้วประทับลงบนศีรษะของมันในทันที
ทว่า ศิษย์พี่ฉีก็ต้องตกตะลึงในผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น นั่นเพราะว่าเสี่ยวเสว่ยไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรเลยแม้แต่น้อย กลับกัน ก็ยังคงกางกรงเล็บฟาดตะปบเข้าใส่เขาอย่างรุนแรง
“อะไรกัน ไม่มีรอยประทับจิตวิญญาณอย่างนั้นหรือ ? ”
ศิษย์พี่ฉีไม่เคยคาดคิดถึงเรื่องเช่นนี้มาก่อนเลย หมาป่าหิมะสีแดงเพลิงตัวนี้ เป็นสัตว์มายาที่ไม่ได้ทำการผูกมัดเอาไว้!
ทักษะที่เขาใช้ออกมาเมื่อครู่ เป็นวิชาแห่งการขจัดรอยประทับจิตวิญญาณ ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ผู้ฝึกสัตว์
สัตว์มายาตนหนึ่งนั้น ถ้าหากถูกคลายรอยประทับจิตวิญญาณ ก็จะสามารถรับการโจมตีอันน่าหวาดกลัวเข้าสู่จิตวิญญาณของมันไปได้ นับตั้งแต่แรก และต้องสลบไสลไปในทันที
เนื่องจากการคลายรอยตรานี้ ถือเป็นการทำร้ายจิตวิญญาณของสัตว์มายาที่รุนแรงยิ่งนัก การคลายรอยตราจิตวิญญาณนี้ ก็คล้ายกับประตูแห่งผนึกที่ปิดผนึกเอาไว้ถูกเปิดออก
คนที่เป็นเจ้านาย หากคิดที่จะปลดปล่อยสัตว์มายาของตนเอง ก็จะต้องทำการคลายตราประทับจิตวิญญาณออก เช่นนี้สัตว์มายาจึงจะสามารถมีอิสระภาพได้
ทว่า นอกเหนือจากนี้แล้วก็ยังมีอีกวิธีที่สามารถคลายรอยประทับนี้ได้ นั่นคือใช้จิตวิญญาณที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเข้าครอบงำ ซึ่งวิธีนี้นับว่าป่าเถื่อนที่สุด ทำการคลายตราประทับจิตวิญญาณ ก็คล้ายกับการใช้ขวานด้ามหนึ่ง จามเข้าไปทลายประตูไม้ที่ผนึกอยู่บานใหญ่ และประตูใหญ่บานนั้นเมื่อได้รับความเสียหายก็เกิดรับผลกระทบอย่างรุนแรง
ศิษย์พี่ฉีนั้นดูออก หลงเฉินย่อมต้องทราบเรื่องเหล่านี้แค่เพียงผิวเผินอย่างแน่นอน ทั้งยังแทบจะไม่ทราบว่าการไหลเวียนพลังแห่งจิตวิญญาณที่ถูกต้อง แท้จริงเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่ทราบว่าไปร่ำเรียนวิชาจิตวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์เช่นนี้มาจากที่ใด จนสามารถสร้างหมาป่าหิมะที่ประหลาดเช่นนี้ออกมาได้
ดังนั้นในช่วงแรก ที่ศิษย์พี่ฉีคิดเอาไว้ก็คือ จะต้องคลายผนึกตราประทับจิตวิญญาณของของหลงเฉินในตัวของเสี่ยวเสว่ยออกก่อน เพื่อให้มันตกอยู่ในภาวะสลบไสล จากนั้นก็จะช่วยทำให้มันฟื้นคืนมา แล้วค่อยทำการสร้างตราประทับจิตวิญญาณลงไปในตัวของมันใหม่ เช่นนั้นแล้วเสี่ยวเสว่ยก็จะไม่พ้นจากการเป็นสัตว์เลี้ยงของเขาไปได้แล้ว
ทว่าเขาคิดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อย ว่าเสี่ยวเสว่ยนั้นจะไม่มีสิ่งที่เรียกว่ารอยประทับใดๆเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่าตอนนี้เขาเองก็ประจักษ์เองกับตาแล้ว ว่าเสี่ยวเสว่ยนั้นถูกชักนำจากภายในช่องว่างแห่งจิตวิญญาณของหลงเฉิน
ในขณะที่ศิษย์พี่ฉี ยังคงงุนงงอยู่ว่าเรื่องเช่นนี้เป็นไปได้อย่างไร กรงเล็บอันใหญ่โตของเสี่ยวเสว่ย ก็ได้ฟาดเข้าใส่ด้านของเขาอย่างรุนแรง
“โครม”
ทันใดนั้นพื้นที่เบื้องหน้าของศิษย์พี่ฉีก็ได้ปรากฏโล่ขนาดใหญ่ขึ้น โล่นั้นไม่จำเป็นต้องใช้มือจับยึดเพื่อควบคุม เพียงแต่เสริมพลังแห่งจิตวิญญาณเข้าไป ก็สามารถที่จะลอยอยู่เบื้องหน้าของเขาเพื่อช่วยป้องกันได้แล้ว และโล่นั้นก็พุ่งเข้าต้านทานกรงเล็บของเสี่ยวเสว่ยไว้ในทันที
ศิษย์พี่ฉีสามารถต้านทานการโจมตีของเสี่ยวเสว่ยได้อย่างหวุดหวิด พลังที่จู่โจมเข้ามานั้นรุนแรงจนทำให้ตัวเขาลอยกระเด็นออกไป และการจู่โจมนั้นก็ทำให้เขาแตกตื่นตกใจแทบจะไม่อาจควบคุมสติเอาไว้ได้
“ได้ ในเมื่อเจ้าไม่ได้ถูกตรา รอยประทับจิตวิญญาณเอาไว้ ตอนนี้ข้าก็จะช่วยสร้างมันให้กับเจ้าก็แล้วกัน”
ศิษย์พี่ฉีคำรามอย่างเย็นชาดังลั่น พลิกมือทั้งสองสร้างสัญลักษณ์รอยตราขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาถึงกับรีดเค้นไหลเวียนพลังแห่งจิตวิญญาณทั้งหมดของเขาออกมา พื้นที่ว่างด้านหลังของเขา ก็ได้ปรากฏเป็นรอยตราประหลาดสายหนึ่ง
หลงเฉินพบว่า รอยตราที่ปรากฎนั้นเป็นตัวอักษรโบราณตัวหนึ่ง ซึ่งมีความหมายว่า——ทาส นั่นเป็นตราประทับทาส! เขาหมายจะทำให้เสี่ยวเสว่ยตกเป็นทาสของเขา! เจ้าคนบัดซบ! และทันใดนั้นแววตาของหลงเฉินก็เกิดรังสีฆ่าฟันสาดซัดออกมาอย่างรุนแรง
ในตอนนี้บนใบหน้าของศิษย์พี่ฉีเต็มไปด้วยแววแห่งความบ้าคลั่ง และในชั่วพริบตาหลังจากที่พลังแห่งจิตวิญญาณของเขาถูกเสริมเข้าไปไม่หยุด ตัวอักษรคำว่า ‘ทาส’ ตัวนั้น ก็ได้แตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับหมื่น และพุ่งตรงเขเหาเสี่ยวเสว่ย หมายจะแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของมัน
ด้วยประสาทสัมผัสที่ฉับไวของเสี่ยวเสว่ยทำให้กระโดดถอยไปทางด้านหลังไปตั้งแต่แรก เนื่องจากตัวมันเองรู้สึกได้ว่าตราประทับนั้น ให้ความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัยยิ่งนัก
“เหอะเหอะ ไม่มีประโยชน์หรอก เจ้าถูกพลังจิตวิญญาณของข้าผนึกเอาไว้แล้ว เจ้าหนีไม่รอดหรอก มาเป็นสัตว์เลี้ยงของข้าอย่างว่าง่ายเสียเถอะ”
บนใบหน้าศิษย์พี่ฉีปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นมา ในห้วงความคิดของเขาในตอนนี้จดจ่ออยู่กับเสี่ยวเสว่ยเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น โดยแทบจะใส่ใจหลงเฉินเลยแม้แต่น้อย
และนั่นเก็บเนื่องมาจากการจู่โจมของหลงเฉินเมื่อครู่ ทำให้เขาก็พอที่จะกระจ่างแจ้งต่อพลังฝีมือของหลงเฉิน ถึงแม้พลังแห่งจิตวิญญาณจะลึกล้ำ แต่ก็ยังไม่เข้าใจถึงหลักการไหลเวียน และวิธีการใช้พลังที่ถูกต้อง ดังนั้นเขาย่อมสามารถฆ่าให้ตายได้อย่างง่ายดาย
ทว่าเขากลับรู้สึกว่าหากฆ่าหลงเฉินไปเช่นนี้ ก็จะไม่สาสมกับความเกลียดชังที่เขามีอย่างเปี่ยมล้น และคงยากจะขจัดความเกลียดชังนี้ออกไปจากจิตใจได้ ดังนั้นหลังจากที่เขาได้เสี่ยวเสว่ยมาครอบครองแล้ว ก็จะมันไปฆ่าหลงเฉินแทนเสีย
หากได้เห็นหลงเฉินตายด้วยเงื้อมมือของสัตว์เลี้ยงของเขาเอง ก็คงจะสาสมใจเขาไม่น้อย ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะทำเป็นมองไม่เห็นหลงเฉิน แล้วจัดการกับเสี่ยวเสว่ยก่อน
ขณะนี้เขาเตรียมพร้อมรับมือเอาไว้แล้ว ต่อให้หลงเฉินจู่โจมเข้ามาอย่างไร ก็คงจะทำไม่ได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงกล้าที่จะทำการต่อกรกับเสี่ยวเสว่ยโดยเพิกเฉยต่อหลงเฉินเช่นนี้
เสี่ยวเสว่ยเองก็ตกใจยิ่งนักเมื่อพบว่า ไม่ว่ามันจะหลบเลี่ยงอย่างไร ตราประทับจิตวิญญาณขนาดใหญ่นั้น ก็ยังคงมุ่งหน้าเข้าประทับบนตัวมันอยู่ดี
“ซูม”
เสี่ยวเสว่ยพ่นคมวายุออกมาสายหนึ่ง หมายจะทำลายตราประทับจิตวิญญาณนั้น แต่ทว่าคล้ายกับตัดผ่านควันสีครามสายหนึ่งเท่านั้น ตราประทับจิตวิญญาณแม้จะถูกตัดจนขาด แต่ก็สามารถฟื้นคืนกลับมาสภาพเดิมได้ในทันที
“เจ้าหนีไม่รอดหรอก” เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเสว่ยกำลังจะถูกตราประทับจิตวิญญาณประทับเข้าไปแล้ว ศิษย์พี่ฉีก็ได้ทอสีหน้ายินดีอย่างบ้าคลั่งมากยิ่งขึ้น
เพราะเป็นถึงผู้ฝึกสัตว์ ดังนั้นการจับสัตว์มายาจึงเป็นเรื่องที่ถนัดจัดเจน ขอเพียงเสี่ยวเสว่ยถูกตราประทับจิตวิญญาณของเขาประทับเข้าไป ก็เหมือนกับสัตว์ติดเข้าไปในบ่วงของนายพราน จะดิ้นรนมากเท่าไหร่ก็ยากที่จะหลุดรอดไปได้
“ซูม”
ในขณะที่ตราประทับจิตวิญญาณ กำลังจะเข้าไปประทับลงบนตัวของเสี่ยวเสว่ย ประกายสายฟ้าสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้น และฟาดใส่ตราประทับจิตวิญญาณนั้นทันที
“อ๊าก……”
และทันใดนั้นศิษย์พี่ฉีก็เปล่งเสียงร้องอย่างโหยหวนดุจดั่งเสียงของผีสาง ใช้สองมือกุมศีรษะอย่างเจ็บปวดทรมาน กลิ้งไปมาอยู่บนพื้นอย่างบ้าคลั่ง
หลงเฉินเห็นดังนั้นก็ทอสีหน้าเย็นชาขึ้น แล้วรั้งมือกลับมา เมื่อครู่นี้ เป็นเขาที่ใช้พลังแห่งอสนีบาตทำลายตราประทับจิตวิญญาณของศิษย์พี่ฉีนั่นเอง
เนื่องจากเขาพอทราบชื่อเสียงอันเลื่องลือ และฝีมืออันสูงส่งของผู้ฝึกสัตว์มาบ้างอยู่แล้ว ดังนั้นจึงได้เตรียมการสำหรับรับมือเอาไว้ หากเขาไม่ทำเช่นนั้นก็คงจะต้องถูกศิษย์พี่ฉีฟาดตายไปตั้งแต่ต้น มีหรือหลงเฉินที่จะปล่อยให้เป็นเช่นนั้นตามใจพี่อาจมฉีผู้นั้นได้กัน ?
ที่ผ่านมา ที่หลงเฉินไม่ยอมลงมือตอบโต้ศิษย์พี่ฉีตั้งแต่ต้น ก็เนื่องจากเขาไม่รู้เคยจักวิธีการโจมตีของผู้ฝึกสัตว์มาก่อน ดังนั้นจึงอยากจะลองหยั่งเชิงดูว่าเป็นเช่นไรก็เท่านั้น กระนั้นตัวโง่งมผู้นี้ กลับคิดอย่างจริงจังว่าเขาไม่อาจรับมือการต่อสู้นี้ได้ จนกลายเป็นกลบฝังตัวเองไปเสียแทน
พลังแห่งอสนีบาตของหลงเฉินนั้น เป็นสิ่งที่มาจากทัณฑ์อัสนีตามธรรมชาติ พลังแห่งจิตวิญญาณจึงแฝงไปด้วยความแน่วแน่แห่งฟ้าดิน ดังนั้นก็ย่อมแข็งแกร่งกว่าพลังทั่วไป และย่อมต้องส่งผลคุกคามได้รุนแรงอย่างยิ่ง
และตราทาสของศิษย์พี่ฉีนั้น แม้จะเป็นพลังโจมตีจิตวิญญาณตามปกติ แต่กระนั้นกลับผสานเชื่อมโยงเข้ากับจิตวิญญาณของเขาเอาไว้ด้วย เพราะมีแต่เพียงต้องทำให้เกิดการเชื่อมโยงเช่นนี้จึงจะสามารถที่จะจับกุมสัตว์มายาได้ แล้วจึงค่อยใช้พลังแห่งจิตวิญญาณหนุนเสริมเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ก็จะสามารถที่จะสยบสัตว์มายาลงอย่างราบคาบได้
ด้วยเหตุผลดังนั้น เมื่อหลงเฉินใช้พลังแห่งอสนีบาตบดขยี้ตราประทับจิตวิญญาณของเขาไป จึงได้ทำให้จิตวิญญาณของเขาได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงตามไปด้วย จนเขาได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เรียกได้ว่ารุนแรงเสียยิ่งกว่าที่หลงเฉินได้รับนับร้อยเท่าพันทวี
เพราะการโจมตีเมื่อครู่ของศิษย์พี่ฉี เป็นเพียงการโจมตีเข้าใส่จิตวิญญาณส่วนนอกของหลงเฉินเท่านั้น ซึ่งแม้ว่าจะสามารถสร้างความเสียหายให้แก่หลงเฉินได้ แต่ก็ไม่รุนแรงนัก ต่างจากที่หลงเฉินได้ทำลายตราประทับทาสของศิษย์พี่ฉีไป ซึ่งตราประทับทาสนั้นนับเป็นพลังจิตวิญญาณที่รีดเฟ้นมาจากภายในของเขาเลยก็ว่าได้ การเชื่อมโยงจึงลึกถึงระดับจิตวิญญาณในส่วนลึก ความเจ็บปวดทางด้านจิตวิญญาณจึงแสดงออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน เรียกได้ว่าเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าที่เกิดขึ้นกับเลือดเนื้อเสียอีก รุนแรงเสียยิ่งกว่านับหมื่นเท่า เจ็บปวดจนศิษย์พี่ฉีล้มกลิ้งไปมาไม่หยุด
“โบร๋วโบร๋ว” เสี่ยวเสว่ยส่งเสียงดังออกมาด้วยความแค้นเคือง
“อย่านะ หากเจ้าฟาดเขาตายในคราเดียว จะเป็นการทำให้เขาสบายมากเกินไป กับคนเช่นนี้ จะต้องได้รับความทรมาน อย่างสาสม แล้วค่อยตายไป ไม่เช่นนั้นจะบอกกล่าวต่อบิดามารดาของเขาได้อย่างไร แม้กระทั่งปัสสาวะก็ยังปล่อยให้เรี่ยราดอย่างงั้นหรือ ? ” หลงเฉินส่ายหน้าไปมาพร้อมกับกล่าวออกมา
“ตัวบัดซบนั้น แท้จริงแล้วเป็นสิ่งใดกัน ? ”
ศิษย์พี่ฉีเงยหน้ามอง พยายามลุกจากพื้นอย่างทุรนทุราย แข็งใจฝืนทนรับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นภายในจิตวิญญาณ แล้วกล่าวขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราด
“เจ้าก็เดาเอาเองสิ”
หลงเฉินโบกไม้โบกมือไปมา บอกปัดด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ คล้ายกับว่านี่เป็นเรื่องที่ควรจะใส่ใจ
“พวกเจ้า ตายซะเถอะ”
ศิษย์พี่ฉีตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว เขายกเลิกความคิดที่จะชิงเอาเสี่ยวเสว่ยมาเป็นสัตว์เลี้ยง แล้วทำการกระตุ้นพลังขึ้นมา บนร่างกายปรากฎของเหลวสีแดงที่มีลักษณะคล้ายโลหิตค่อยๆไหลรินออกมา
“หอกวิญญาณโลหิต”
เพียงแค่ได้พบเห็นบริเวณกลางหน้าผากของศิษย์พี่ฉีกลายสภาพสิ่งของที่มีลักษณะคล้ายกับหอกยาวสีแดงสดใสปรากฎขึ้น พริบตานั้นหลงเฉินก็พบว่าตัวเขาและเสี่ยวเสว่ยถูกผนึกความเคลื่อนไหวเอาไว้เสียแล้ว
นั่นทำให้หลงเฉินตกใจอย่างยิ่ง ผู้ฝึกสัตว์นั้นถือได้ว่าแข็งแกร่งอย่างแท้จริง คิดไม่ถึงว่าพี่อาจมฉีผู้นี้ จะมีพลังฝีมือที่ร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้
กระบวนท่านี้ยังไม่ทันจะปลดปล่อยออกมา แต่ในด้านของจิตวิญญาณ ได้ทำการยึดเล็งเป้าหมายไว้ที่หลงเฉินเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังเป็นพลังทำลายทางจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง และหอกนั้นเมื่อเทียบกับศรแห่งจิตวิญญาณที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ ไม่ทราบว่าใหญ่โตกว่าไม่รู้กี่เท่า
ภายในดวงตาของเสี่ยวเสว่ยเองก็ได้ปรากฏความหวาดกลัวขึ้นมา สัตว์มายาจะอย่างไรก็เป็นสิ่งที่เกรงกลัวการโจมตีจากจิตวิญญาณมาแต่กำเนิด เนื่องจากเป็นเพราะพลังแห่งจิตวิญญาณของสัตว์มายานั้นอ่อนแอมาก
ถึงแม้เสี่ยวเสว่ยจะเป็นสัตว์มายาที่หาได้ยาก แต่ว่าการถูกควบคุมด้วยพลังจิตวิญญาณนั้น กลับเป็นสิ่งที่ทำให้มันยังคงหวาดกลัวอยู่ เหมือนเช่นสตว์มายาโดยทั่วไปนั่นเอง
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ฝึกสัตว์สามารถควบคุมสัตว์มายาได้ นอกเสียจากว่าจะมีพลังแห่งจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งและมีขนาดใหญ่แล้ว พวกเขาก็ยังมีวิธีการรับมือต่อสัตว์มายาอยู่อีกมากมายนับไม่ถ้วน
ที่ศิษย์พี่ฉีมายังพงไพรแห่งความมืดแห่งนี้ ก็เพื่อที่จะดูว่า พอจะสามารถที่จะทำการจับกุมสัตว์มายาระดับสี่ที่แข็งแกร่งซักตนได้หรือไม่ หรือไม่ก็เสาะหาตัวอ่อนสัตว์มายาสักชนิดหนึ่ง
พลังฝีมือของศิษย์พี่ฉีนั้นยังมีจำกัดอยู่ เขาจึงมีสัตว์มายาในครอบครองเพียงแค่สามตน เพราะถ้าหากว่ามีสัตว์มายามากกว่านี้ พลังแห่งจิตวิญญาณของเขาจะไม่สามารถทนทานรับเอาไว้ได้ การที่มีเท่านี้จึงเพียงพอที่จะควบคุมสัตว์มายาเอาไว้ได้ หากว่ามีพลังไม่เพียงพอต่อการควบคุมสัตว์มายา ก็อาจจะถูกพวกมันแว้งกัดเข้า เช่นนั้นเขาก็คงต้องจบสิ้นกันแล้ว
ในครั้งนี้เขาเตรียมตัว และเตรียมการเอาไว้ สำหรับทำการเสาะหาและครอบครองสัตว์มายาระดับสี่ที่แข็งแกร่งซักสองตัว และจะได้เปลี่ยนสัตว์มายาระดับสามทิ้งไปเสีย ด้วยพลังฝีมือเช่นนี้ของเขา คงจะทำให้แข็งแกร่งขึ้นไปอีกขุมหนึ่งเลยทีเดียว
ถ้าหากสามารถเสาะหาสัตว์มายาระดับสี่ได้สามตน เขาย่อมไม่แยแสที่จะต้องทอดทิ้งงูเหลือมยักษ์ไปอย่างแน่นอน งูเหลือมยักษ์ถึงแม้จะเป็นถึงสัตว์มายาระดับที่สี่ แต่ว่าเมื่ออยู่เบื้องหน้าเสี่ยวเสว่ย ก็ยังแทบไม่อาจต้านได้แม้กระบวนท่าเดียว และตกอยู่ในสภาพที่ไร้หนทางต่อสู้ไปเลยด้วย
“ตายซะ”
เมื่อเร่งเร้าพลังแห่งจิตวิญญาณอันน่าหวาดกลัวจนถึงขีดสุด ศิษย์พี่ฉีก็คำรามลั่น จากนั้นก็ส่งหอกแห่งจิตวิญญาณสีเลือดพุ่งเข้าใส่หลงเฉินและเสี่ยวเสว่ย
“เสี่ยวเสว่ยไม่ต้องกลัวไป มีข้าอยู่ทั้งคน”
หลังจากหลงเฉินลูบหัวลูบตัวเสี่ยวเสว่ยไปมาเบาๆเพื่อปลอบประโลมแล้ว เขาก็ชูมือขึ้นสูง สภาวะอากาศเกิดการระเบิดรุนแรงขึ้นเสียงดังเปรี้ยงป้าง ทันใดนั้นในมือก็ปรากฎหอกอัสนีสีม่วงขึ้นมา
ทันทีที่หอกอัสนีปรากฏขึ้น ฟ้าก็เปลี่ยนสีไป สภาวะอากาศเกิดการสั่นไหวรุนแรง กลายเป็นระเบิดที่รุนแรงเกิดขึ้น จนทำให้สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วทั้งฟ้าดิน
ทันใดนั้น เมื่อหอกแห่งจิตวิญญาณพุ่งเข้ามาหา หอกอัสนีในมือของหลงเฉิน ก็ถูกขวางออกไป ฝ่าทลายห้วงอากาศพุ่งสวนเข้าไปปะทะอย่างรุนแรง