ภายในพงไพรแห่งความมืด แน่นขนัดไปด้วยต้นไม้โบราณสูงใหญ่พุ่มใบหนาแน่น ตั้งตะหง่านดุจมังกรผงาด กิ่งก้านสาขาของต้นไม้เหล่านี้คดเคี้ยวยาวเหยียดแผ่กระจายออกไป เจริญเติบโตและสานสอดเข้ากับพันธุ์ไม้ชนิดอื่นๆและต้นไม้ข้างเคียง เชื่อมชิดติดกันกิ่งต่อกิ่ง จนบดบังทุกสรรพสิ่งในพงไพรออกจากแสงสว่างภายนอก เมื่อหลงเฉินยิ่งมุ่งหน้าลึกเข้าไปในพงไพรแห่งนี้ เขาก็ยิ่งพบว่าแสงสว่างภายในพงไพรแห่งความมืดค่อยๆลดน้อยลงไปเรื่อยๆ
ในพื้นที่ของพงไพรแห่งนี้ ให้ความรู้สึกประหนึ่งถูกจับจ้องด้วยดวงตาลึกลับอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนั่นทำให้ผู้คนมากมาย เกิดความรู้ที่ไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งหวั่นเกรงและหวาดระแวงในสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้
ในขณะที่ก้าวเข้าสู่พงไพร ก็เกิดความรู้สึกคล้ายกับกำลังเข้าไปยังภายในปากของสัตว์ขนาดใหญ่ ที่พร้อมจะกลืนกินผู้คนไปได้ทุกเวลา ทางข้างหน้ามืดมิดลงไปเรื่อยๆ และไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่าจะมีอันตรายอะไรรออยู่บ้าง
“เหอะ”
หอกเหล็กเล่มหนึ่งปรากฎขึ้นบนมือหลงเฉินทันทีที่เขารับรู้ได้ถึงอันตรายที่กำลังกล่ำกลายมาจากด้านหลัง เป็นแมงมุมที่มีขนาดใหญ่เท่าชามตัวหนึ่ง ค่อยๆปรากฏขึ้นให้เห็นอย่างเงียบเชียบ มันกำลังตั้งท่า เตรียมพร้อมจะจู่โจมเข้าใส่หลงเฉิน ฉับพลันหลงเฉินก็พุ่งหอกเข้าใส่ แทงทะลุตัวแมงมุมได้ภายในหอกเดียว
“ซูม”
แมงมุมตัวนั้นมีสีดำสนิท มันขยับปากไปมาเล็กน้อย แล้วก็ปล่อยวัตถุสีขาว พุ่งเข้าใส่หลงเฉิน
หลังจากออกมาจากปากของแมงมุม วัตถุนั้นก็ได้ขยายตัวใหญ่ขึ้นในทันที กลายเป็นตาข่ายใยแมงมุมชุดหนึ่ง พุ่งเข้ามาหมายจะครอบจับหลงเฉิน
หลงเฉินตกใจอย่างหนัก เห็นชัดเจนว่าแมงมุมตัวนั้นถูกแทงเข้าที่จุดตายไปแล้ว แต่ก็ยังคงสามารถพ่นใยปล่อยพลังโจมตีออกมาได้อีก
หลงเฉินรีบเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้าง ทำให้เขาสามารถหลบพ้นวิถีของใยแมงมุมที่พุ่งมาได้ และใยแมงมุมที่พลาดเป้านั้นก็ครอบลงไปบนพื้นที่ว่างข้างตัวเขาแทน หลงเฉินพบว่าเมื่อกางออกเต็มที่ใยแมงมุมนั้นมีขนาดกว้างใหญ่ถึงห้าฉื่อเลยทีเดียว
ทว่าในขณะที่ใยแมงมุมลอยผ่านหน้าหลงเฉินไป เขาก็รับรู้ถึงกลิ่นเหม็นคละคลุ้งรุนแรงสายหนึ่งแผ่กระจายออกมา กลิ่นนั้นเหม็นจนทำให้ผู้คนที่สูดดมเข้าไปแทบอาเจียนออกมา
“ใยแมงมุมมีพิษ”
หลงเฉินตกใจขึ้นมาเล็กน้อย สิ่งมีชีวิตภายในพงไพรแห่งความมืดนี้ช่างน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว โผล่ออกมาอย่างเงียบเชียบ ด้วยวิธีการที่ประหลาดพิสดาร ลอบจู่โจมผู้คนที่ไม่ทันระวังตัว จนทำให้ยากที่จะป้องกันตนเองได้
หลังจากหลบพ้นจากใยแมงมุมไปได้เพียงชั่วครู่ ยังไม่ทันที่หลงเฉินจะได้ตรวจสอบแมงมุมตัวนั้นอย่างละเอียด แมงมุมที่เสียบติดอยู่ที่ปลายหอก ก็ระเบิดออกส่งของเหลวสีดำฟุ้งกระจายในอากาศในชั่วพริบตา
“แย่แล้ว”
หลงเฉินรู้สึกถึงสิ่งไม่ถูกต้อง โดยไม่จำเป็นต้องคิด เขาก็รีบกระตุ้นเพลิงกาฬกิ่งก่าอัคคีออกมา พลังเพลิงกาฬสีคราม พริบตานั้นก็เข้าโอบล้อมห่อหุ้มรอบตัวของเขาในทันที
“ซูม”
ทั่วทุกพื้นที่เต็มไปด้วยของเหลวสีดำ ของเหลวนั้นทันทีที่ถูกเพลิงกาฬเผาผลาญ ก็กลายเป็นหมอกควันในอากาศไปในทันที ในเวลาเดียวกันก็ส่งกลิ่นเหม็นอย่างไร้ที่เปรียบออกมา พริบตานั้นหมอกควันก็เริ่มกระจายออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
หลงเฉินรีบกลั้นลมหายใจในทันที พร้อมกับวิ่งตะบึงออกไป และหลังจากวิ่งห่างออกมาได้หลายลี้ หลงเฉินก็ทนต่อไปไม่ไหวอีก ยืนพิงอยู่กับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วก็หอบหายใจออกมาโดยแรง
“ที่แท้ก็เป็นแมงมุมพิษดอกเบญจา……แหวะ”
หลงเฉินที่พึ่งจะกล่าวจบ ก็เกิดอาการสำรอกออกมา สิ่งที่อยู่ภายในท้องโต้กันดั่งคลื่นสมุทรคลั่งก็มิปาน จะหยุดก็ไม่อาจทำได้
นับตั้งแต่ช่วงลำตัวของแมงมุมพิษดอกเบญจาลงไป จะมีต่อมพิษอยู่สองแห่ง ต่อมแรกนั้นมีไว้เพื่อปล่อยพิษเหลว เพื่อล่าเหยื่อ ส่วนต่อมพิษอีกต่อม มีไว้ใช้ปล่อยกลิ่นที่เน่าเหม็น เพื่อไม่ให้นักล่าเข้ามาใกล้ได้ ในเวลาที่พบเจอกับสัตว์มายานักล่าที่แข็งแกร่ง มันก็จะปล่อยกลิ่นที่เหม็นเน่าคละคลุ้งออกมา จนสัตว์มายาไม่เกิดอาการอยากอาหารอีก และไม่คิดที่จะกินมันต่อไป
กลิ่นเหม็นที่เป็นเอกลักษณ์เป็นเหตุที่ทำให้หลงเฉินจดจำแมงมุมชนิดนี้ได้ในทันทีที่มันได้ปล่อยกลิ่นเหม็นจนยากที่จะต้านทานออกมา แม้ว่าในภายหลังหลงเฉินจะพบว่าที่ด้านหลังของมันมีรูปสลักดอกเบญจาเอาไว้ด้วย แต่เขากลับไม่ได้ใส่ใจเลยซักนิด
“บัดซบ! สงสัยจะหลงระเริงเกินไปแล้ว นี้มันก็ช่างโชคร้ายเกินไปแล้ว แหวะ ! ”
แมงมุมพิษดอกเบญจาถือได้ว่าเป็นสัตว์มายาชนิดพิเศษชนิดหนึ่ง กล่าวกันว่าเมื่อในอดีตกาล สัตว์มายาชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นการดำรงอยู่ที่เร้นลับเป็นอย่างยิ่ง
ตัวมันแม้ว่ามันจะไม่ได้รับการจัดระดับพลัง แม้แต่การจัดประเภทเป็นสัตว์มายาก็ยังไม่คู่ควร แต่ทว่ากลิ่นเหม็นของมันนั้นถือได้ว่ามีพลังที่รุนแรงเป็นอย่างยิ่ง และยังไม่มียาแก้ชนิดใดที่พอจะสามารถต้านเอาไว้ได้
ถึงแม้จะไม่ถึงกับทำให้ผู้คนเหม็นจนตายไปได้ แต่ก็สามารถทำให้อาเจียนออกมาไม่หยุดได้ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องการพลังการฝึกปรือเลยซักนิด เพียงแต่เป็นการทำให้คู่ต่อสู้ไม่อาจที่จะป้องกันได้
หลงเฉินเองยังถึงกับอาเจียนอยู่เช่นนั้นถึงหนึ่งชั่วยามเต็มๆ สำรอกเอาอาหารที่อยู่ในท้องออกมาทั้งหมดจนในที่สุดก็ถึงกับอาเจียนเอาน้ำดีเปล่าๆออกมา น้ำมูกน้ำตาไหลหยดย้อย อเนจอนาจอย่างถึงที่สุด
“ของดีเลยละ อย่าได้กินเพียงคนเดียวละ ต้องเอาไปแบ่งเพื่อนๆด้วย”
หลงเฉินกัดฟันเดินย้อนกลับไปยังเส้นทางเดิม กลับมายังพื้นที่ที่พบเจอแมงมุมพิษดอกเบญจา น้ำตาของหลงเฉินก็ได้ไหลรินลงมาอีกครั้ง
ในตอนนี้บรรยากาศโดยรอบกลับยิ่งทวีความอึดอัดรุนแรงมากยิ่งขึ้น ไม่แต่เพียงแค่เหม็นเน่า แต่กลับยังทำให้แสบนัยน์ตา หลงเฉินตั้งสมาธิเบิกพลังแห่งจิตวิญญาณออกมา แล้วทำการตรวจสอบพื้นที่ต่อไป
หลงเฉินพบว่าพื้นที่โดยรอบ มีซากแมลงตัวเล็กตัวน้อยเต็มไปหมด แมลงเหล่านั้นถูกไอพิษเหล่านี้เล่นงานจนตายไป
ในที่สุดหลงเฉินก็เสาะหาสิ่งของที่เขาต้องการจนพบ สิ่งนั้นก็คือถุงพิษสีดำที่มีขนาดเท่าไข่ห่านใบหนึ่ง
ถุงพิษของแมงมุมพิษดอกเบญจานั้นมีอยู่สองถุง หนึ่งนั้นเป็นพิษที่กระจายออกมาขณะที่มันทำการระเบิดตัวเอง และได้แหลกสลายไปแล้ว และอีกถุงหนึ่งนั้นก็ใส่เอาไว้ด้วยพิษเหม็นเน่าอยู่ ถุงพิษนั้นก็ยังถูกแบ่งออกเป็นสองชั้นชั้นนอกและชั้นใน
ถุงชั้นนอกนั้นสามารถที่จะทำให้ระเบิดออกและสลายไปได้ ส่วนถุงภายในมีความยืดหยุ่นเป็นอย่างยิ่ง ตามปกติแล้วย่อมไม่อาจแตกระเบิดได้อย่างง่ายดาย จึงถูกหลงเฉินเสาะพบจนได้
หลงเฉินทำการเก็บถุงพิษใบนั้นเอาไว้ แล้วรีบวิ่งออกนอกบริเวณนั้นไปในทันที จากนั้นเขาเริ่มอาเจียนออกมาอีกยก เห็นๆกันอยู่แล้วว่าไม่มีอะไรจะให้สำรอกออกมาแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่ในอาการอาเจียนอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด
“พิษนี้ นี้วิปริตเกินไปแล้ว”
หลงเฉินที่ต้องทนเป็นเช่นนั้นอยู่นาน ในที่สุดก็หยุดการอาเจียนเอาไว้ได้ พร้อมกับใบหน้าที่ซีดเผือด เขามาถึงริมธารสายหนึ่ง ทำการล้างหน้า เพื่อเรียกสติขึ้นมาอีกครั้ง
“หืม ? ”
ทันใดนั้นหลงเฉินก็ได้ขมวดคิ้วขึ้น เขามุ่งหน้าเดินไปทางด้านหน้า ไม่ถึงร้อยจั้ง ก็ได้พบเห็นซากศพศพหนึ่งเข้า
“นี้เป็นศพที่สี่แล้ว ที่เจอ”
หลงเฉินอดไม่ได้ ทอดถอนใจออกมา เมื่อสำรวจดูอาภรณ์ที่คนผู้นั้นสวมใส่ ก็พบว่าเป็นศิษย์สายตรงของฝ่ายธรรมะผู้หนึ่ง ทั่วร่างเป็นสีม่วงคล้ำ เนื้อตัวพุพองคล้ายกับลูกหนัง คล้ายกับจะระเบิดออกมาเลยก็มิปาน
เมื่อได้ทำการกวาดพลัง ตรวจสอดูคร่าวๆก็พบว่าทั่วร่างของคนผู้นั้น กลับไม่มีบาดแผลใดๆปรากฎอยู่เลย และเมื่อหลงเฉินใช้พลังแห่งจิตวิญญาณทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ก็พบว่าที่บริเวณคอของคนผู้นั้นมีสีที่แตกต่างออกไป ดูเหมือนว่าจะมีสีที่เข้มกว่าจุดอื่นในร่างกายไม่น้อยเลยทีเดียว
“ระหว่างคอมีรอยเล็กๆอยู่ อีกทั้งร่างกายยังพองใหญ่ขึ้น จึงทำให้พบเห็นบาดแผลได้ยากเป็นอย่างยิ่ง เป็นไปได้ว่าอาจจะถูกแมลงบางชนิดกัดเข้าก็เป็นได้
อีกทั้งเมื่อตรวจสอบดูจากพลังยุทธ์ของเขา ก็ย่อมต้องเป็นการล้มลงไปเองอย่างแน่นอน ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ดิ้นรนก่อนตาย อีกทั้งสีหน้าอารมณ์ก็ยังไม่ได้อยู่ในสภาพที่น่าเกลียดแต่อย่างใด คาดการณ์ได้ว่าก่อนหน้าที่เขาจะตาย เขาไม่ได้ตรวจพบอันตรายแต่อย่างใด ต้องเป็นการตายโดยไม่ทันได้ตั้งตัวอย่างแน่นอน พงไพรแห่งความมืด ช่างเป็นสถานที่ที่น่าหวาดกลัวแท้จริง” หลงเฉินกล่าวพึมพำขึ้นมา
หลงจากเข้าสู่พงไพรแห่งความมืดมาได้ห้าวัน ไม่เพียงได้พบเจอยาล้ำค่านานาชนิดเท่านั้น สัตว์มายาประหลาดหลากหลายชนิด ก็ยังพบเจออยู่ไม่น้อย หลายชนิดเป็นจำพวกที่มีการโจมตีที่เฉพาะตัว รวมไปจนถึงแมลงขนาดเล็กขนาดน้อย ต่างก็สามารถที่คร่าชีวิตผู้คนได้เลยทีเดียว
ศพนี้ถือได้ว่าเป็นศพที่สี่ที่หลงเฉินได้พบเห็น เป็นฝ่ายธรรมะสองศพฝ่ายอธรรมสองศพ อีกทั้งยังไม่ใช่การตายที่เกิดจากการต่อสู้ แต่กลับเป็นการตายที่เกิดขึ้นจากการลอบโจมตีจากเงามืด ในพงไพรแห่งความมืดนั่นเอง
โดยเฉพาะคนผู้นี้ ตายได้อย่างน่าหวาดกลัวที่สุด แม้กระทั่งสัญญาณอันตรายก็ยังไม่อาจตรวจพบได้ก่อนเลยแม้แต่น้อย ก็ต้องมาถูกคร่าชีวิตไปเสียแล้ว
หลงเฉินได้แต่ส่ายหน้าไปมา เพราะเป็นฝ่ายธรรมะเช่นเดียวกัน จึงทำการขุดหลุมฝังศพให้แก่เขา เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ศพของเขาถูกสัตว์ป่ากัดกิน เพื่อที่จะได้ให้เขากลับคืนสู่ธุลีดินอย่างสงบได้
กล่าวกันว่าแม้กายมนุษย์จะตายไปแล้วแต่จิตกลับไม่ได้สลายหายไป และสิ่งที่เรียกกันว่าจิต ก็คือหนึ่งในสิ่งที่มีความนึกคิดของมนุษย์ เรียกได้ว่าแตกต่างไปจากพลังจิตสำนึกและพลังจิตวิญญาณโดยสิ้นเชิง แต่ก็เป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าเร้นลับไม่อาจพิสูจน์ได้อย่างหนึ่ง
หลังจากคนได้ตายไป ถ้าหากถูกฝังลงดิน จิตวิญญาณก็จะสามารถไปสู่สุคติได้เพราะร่างกายกลับคืนสู่ธุลีดิน วิญญาณนั้นจะเข้าสู่โลกอีกด้านหนึ่ง แล้วเวียนว่ายกลับไปเกิดใหม่ยังโลกอีกแห่งหนึ่ง
อีกทั้งว่ากันว่ายังมีวิชาอีกแขนงหนึ่ง ซึ่งเมื่อแผ่จิตเข้าสู่พื้นพสุธา ก็จะสามารถดูดซับพลังจากพสุธามาได้ ประดุจต้นไม้ใหญ่ที่ผลัดใบ ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงแห่งชีวิตขึ้น จนท้ายที่สุดยังสามารถรักษาชีวิตผู้คนได้อีก
แต่ทว่าถ้าหากพื้นที่รกรากที่เป็นพื้นที่ที่ร่างกายถูกฝังไว้ถูกทำลายลง ก็จะทำให้วิญญาณของคนผู้นั้นสลายหายไปและดับสูญไปจากโลกใบนี้ไปเลย แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อาจทราบได้ว่าคำเล่าขานเหล่านี้จะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่
หลงเฉินเองก็ไม่ได้ใส่ใจความเชื่อที่เล่าขานกันนี้มากนัก ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะกล่าวเช่นไร เขาก็ไม่สามารถทนดูคนผู้หนึ่ง ต้องมาตายเยี่ยงสุนัขเช่นนี้ ที่ศพต้องถูกทิ้งเอาไว้อยู่ข้างทาง
หลังจากที่ได้ทำการฝังศพคนผู้นั้นไปแล้ว หลงเฉินก็ได้มุ่งหน้าเดินทางลึกเข้าไป ในเวลาเดียวกันก็ยิ่งระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ไม่กล้าที่จะเหิมเกริมแม้แต่น้อยอีก
“โฮก”
ทันใดนั้นไกลออกไป ก็มีเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวดังขึ้น เสียงที่ได้ยินนั้นย่อมต้องเป็นเสียงของสัตว์ร้ายอย่างแน่นอน และทันทีที่หลงเฉินได้ยินเสียงก็ได้มุ่งหน้าวิ่งเข้าไปหาต้นเสียงนั้นในทันที
หลังจากที่วิ่งไปได้หลายร้อยลี้ หลงเฉินจึงค่อยลดความเร็วลง ค่อยๆเดินเข้าไปช้าๆอย่างระมัดระวัง ทางด้านหน้าเป็นพื้นที่ว่างเปล่าแห่งหนึ่ง เสียงคำรามที่เปี่ยมไปด้วยโทสะยังคงดังขึ้นมาเป็นระลอก และดังมาจากพื้นที่ว่างเปล่าแห่งนั้นนั่นเอง
เสียงคำรามด้วยโทสะนั้น ไม่ได้มาจากสัตว์มายาเพียงตนเดียว แต่ถึงกับดังมาจากหลายตัวที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน นอกจากนั้นพื้นที่อันกว้างใหญ่นั้นเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรงราวกับเกิดศึกยกทัพขึ้น
เมื่อหลงเฉินขยับเข้าไปใกล้มากขึ้น ก็พบว่า เป็นสัตว์มายาสี่ตนกำลังล้อมโจมตีใส่ศิษย์ของฝ่ายอธรรมผู้หนึ่งอยู่อย่างดุร้าย
แต่ที่ทำให้ต้องหลงเฉินตกตะลึงก็คือ ศิษย์ของฝ่ายอธรรมผู้นั้น เป็นถึงสุดยอดฝีมือที่แข็งแกร่งผู้หนึ่งเลยทีเดียว ทั้งยังใช้กำลังเพียงคนเดียวต่อกรกับสัตว์มายาทั้งสี่ตัว ช่างถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
สัตว์มายาทั้งสี่ตนนั้น มีอยู่สองตนที่อยู่ในขั้นที่สามตอนต้น และอีกสองตนที่อยู่ในขั้นที่สี่ตอนต้น กำลังเข้าจู่โจมสุดยอดฝีมือผู้นั้นอย่างต่อเนื่อง
ในหมู่สัตว์มายาระดับที่สี่ทั้งสองตน มีอยู่ตนหนึ่งเป็นหอยทากทองคำ ตลอดทั่วทั้งร่างกายถูกปกคลุมเต็มไปด้วยเกล็ดสีทอง อีกทั้งยังมีพลังป้องกันที่สูงล้ำเป็นอย่างยิ่ง มีเขาสีทองขนาดใหญ่ยักษ์อยู่สองข้าง ดุจดั่งเสาทองคำตั้งสูงตระหงาด กำลังต้านทานสุดยอดฝีมือผู้นั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย
ในส่วนของสัตว์มายาระดับที่สี่อีกตัวหนึ่ง ดูไปแล้วเป็นเหมือนกับเสือดาวตัวหนึ่ง แต่ทว่าหลงเฉินกลับรู้สึกไม่ถูกต้องอยู่บ้าง จึงได้พิจารณาดูให้ถี่ถ้วนขึ้นเขาก็พบว่า โดยภาพรวมแล้วมันคล้ายกับเป็นแมวตัวหนึ่งเสียมากกว่า
และหลงเฉินก็ยังเห็นว่าที่หางของแมวตัวนั้นสามารถที่จะเปล่งแสงออกมาได้ อีกทั้งแมวตัวนั้นยังมีหางที่เกิดจากพลังปราณอยู่อีกอันหนึ่งด้วย และถึงแม้แมวตัวนั้นจะมีพลังป้องกันที่ด้อยอยู่บ้าง แต่ว่าก็มีความปราดเปรียวที่สามารถจู่โจมดุจดั่งสายลม รวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ
เมื่อมีหอยทากทองคำกับแมวหางปราณคู่ร่วมมือกัน หนึ่งรุกหนึ่งรับ สามัคคีกันจนเรียกได้ว่าพิศดารอย่างถึงขีดสุด และสัตว์มายาระดับสามอีกสองตนนั้น ก็คอยช่วยโจมตีเป็นกำลังเสริมอยู่ทางด้านข้าง สัตว์มายาทั้งสี่ปิดล้อมโจมตีสุดยอดฝีมือผู้นั้นเอาไว้ การต่อสู้นั้น เป็นไปอย่างดุเดือดเสียจนแสงและเสียงปะทุไปทั่วทั้งผืนฟ้า
แต่เมื่อดูจนถึงตรงนี้ ในที่สุดหลงเฉินก็เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ได้ เขากวาดสายตามองไปยังโดยรอบ ก็ได้พบเห็นเจ้านายของสัตว์มายาเหล่านั้นในทันที
แต่ว่าเมื่อได้พบเห็นเจ้านายของสัตว์มายาเหล่านั้น บนใบหน้าของหลงเฉินก็ได้ปรากฏรอยยิ้มยินดีขึ้นมาเป็นสาย คนผู้นั้นเป็นคนที่เขารู้จักที่ไม่ได้พบพานกันมาเนิ่นนาน ลู่ฟางเอ๋อนั้นเอง
ลู่ฟางเอ๋อที่หลบอยู่ทางด้านหลังของหอยทากทองคำ กำลังพลิกมือทั้งสองข้างผสานกันอยู่ทางด้านหน้า เพื่อทำการสั่งการเหล่าสัตว์มายาเข้าต่อสู้ ไม่เช่นนั้นแล้วสัตว์มายาเหล่านั้น จะต้องไม่อาจเข้าใจและร่วมมือกันเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน
“ตู้ม”
สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้นคำรามลั่นอย่างโกรธเกรี้ยว คล้ายกับว่าถูกเหล่าสัตว์มายามองออกถึงการโจมตีได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ทันใดนั้นก็ได้ระเบิดพลังออกมาทั่วทั้งร่าง ปล่อยหมัดพุ่งเข้าใส่ส่วนหัวของหัวทากทองคำตัวนั้น
ในครั้งนี้สุดยอดฝีมือผู้นั้น พบเห็นโอกาสที่เหมาะเจาะ เขารวมพลังทั้งหมดเอาไว้ที่กำปั้น แล้วจู่โจม หอยทากทองคำที่เป็นถึงสัตว์มายาระดับที่สี่ตัวนั้น ถึงกับถูกซัดจนกระเด็นลอยจากพื้นออกไปในทันที
หลังจากที่ใช้เพียงแค่หมัดเดียว ต่อยหัวทากทองคำจนลอยออกไปแล้ว สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น ก็ขยับร่างหลบเลี่ยงกรงเล็บแมวหางปราณคู่ได้อีกด้วย แต้ทว่ากับสัตว์มายาอีกสองตนที่เหลือนั้นเขาไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย เขามุ่งหน้าพุ่งเข้าหาลู่ฟางเอ๋อในทันที
ลู่ฟางเอ๋อที่ได้เห็นว่าหอยทากทองคำที่มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งยังต้องลอยกระเด็นออกไป และเพียงครู่เดียวรูปขบวนทัพก็แตกกระจาย จนเกิดความวุ่นวายขึ้นแล้ว ก็ทราบทันทีว่าฝ่ายของตนกำลังย่ำแย่ จึงยื่นมืออันขาวผ่องออกมา ไหลเวียนพลังแห่งจิตวิญญาณขึ้น บนฝ่ามือผุดผ่องทอเป็นประกายแสงสีขาวโพน แล้วฟาดออกไปทางด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
“อักษรทองคำทลายภพ”
ทันใดนั้นพลังแห่งจิตวิญญาณสีทองสายหนึ่ง ก็พุ่งเข้าใส่ร่างของสุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น จะแทบไม่อาจที่จะหลบเลี่ยงได้
“เหอะ ข้าบอกไปแล้วนะ ว่าพลังแห่งจิตวิญญาณของเจ้าใช้กับข้าไม่ได้ผลหรอก มาเป็นของข้าอย่างว่าง่ายไม่ดีกว่าหรอกหรือ ? ”
สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น ส่งเสียงขึ้นมาอย่างเย็นชา ทันใดนั้นในมือปรากฎไข่มุกเพิ่มขึ้นมาเม็ดหนึ่ง ไข่มุกเม็ดนั้นสาดเป็นประกายแสงเจิดจ้าออกมาเกิดเป็นเสมือนครอบแก้วทรงโค้งปกคลุมพื้นที่รอบตัวเขาเป็นบริเวณกว้าง
และทันใดนั้นเอง พลังการโจมตีจิตวิญญาณที่ลู่ฟางเอ๋อซัดเข้าใส่ฝ่ายอธรรมผู้นั้น ก็ถูกครอบแก้วที่เกิดจากไข่มุกเม็ดนั้นต้านทานเอาไว้ภายนอก จนแทบไม่อาจที่จะทำร้ายคนผู้นั้นได้เลย
“นั่นมัน ไข่มุกเลี่ยงวิญญาณ”
ลู่ฟางเอ๋อหน้าเปลี่ยนสี นางจะจดจำวัตถุสิ่งนั้นได้ นั่นจะต้องเป็นสิ่งที่ผู้อาวุโสของคนผู้นั้นมอบให้อย่างแน่นอน เอาไว้เพื่อให้ใช้ป้องกันการโจมตีที่เกิดจากพลังจิตวิญญาณนั่นเอง
ถึงแม้ไข่มุกเม็ดนี้จะแฝงด้วยพลังมหาศาลเอาไว้ก็ตาม แต่ก็ทำได้แต่เพียงแค่ไหลเวียนชักนำพลังออกมาได้เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น แต่ทว่าแม้ด้วยเวลาเพียงเท่านี้ ก็ทำให้นางแทบจะไม่อาจหยุดยั้งการโจมตีระยะประชิดของสุดยอดฝีมือผู้นั้นได้เลย
“ยังไม่ยอมมาเป็นของข้าแต่โดยดีอีกงั้นหรือ”
สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น กล่างออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ เขาฉวยโอกาสใช้พลังจากร่างกาย ปิดผนึกลู่ฟางเอ๋อเอาไว้ ฝ่ามือข้างหนึ่งก็กางกั้นปิดเส้นทางถอยของนาง
ลู่ฟางเอ๋อร้อนรนขึ้นมาทันที นางที่เป็นเพียงผู้ฝึกสัตว์ผู้หนึ่ง ทั้งยังเป็นอิสตรี จึงมีร่างกายที่บอบบาง จึงแทบไม่อาจที่จะต้านทานการโจมตีใดๆได้เลย ยิ่งหากว่าการโจมตีนั้นมาจากสุดยอดฝีมือผู้หนึ่งแล้ว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง
เพราะการโจมตีของสุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้นรวดเร็วจนเกินไป สัตว์มายาของนาง จึงไม่สามารถเข้าช่วยเหลือได้ทันการณ์ เมื่อเห็นฝ่ามือของสุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น กำลังจะฟาดเข้าไปบนร่างของนาง
“ไปเป็นของเจ้า ถามมารดาเจ้าสิ”
ยังคงเป็นมือข้างหนึ่งดุจเดิม ทั้งยังมาจากมุมที่เรียกได้ว่าพิสดารอย่างถึงที่สุด ตบเข้าไปที่ใบหน้าของสุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้นอย่างแรง