ภายในห้องไม่มีเสียงดังใดๆ ตอบกลับออกมาทั้งสิ้น มู่จื่อโหรวมองไปยังชุนเถาอย่างสงสัย “นังแพศยาคนนั้นเล่า?คงจะไม่ได้ไปที่ลานหย่งเหอแล้วหรอกนะ?”
“ไม่มีทางเจ้าค่ะ ข้าน้อยสั่งคนให้จับตาดูเอาไว้แล้ว ”
“มู่อวิ๋นซี!เปิดประตู ข้ารู้นะว่าเจ้าอยู่ด้านในนั่น” มู่จื่อโหรวกระแทกประตูอย่างแรง “รีบเปิดประตูเดี๋ยวนี้ อย่ามาทำตัวเย่อหยิ่งเกินไปนะ หากไม่เปิดประตูข้าจะ ……”
ผ่านไปพักใหญ่ เอี๊ยด ที่สุดประตูก็เปิดมา มู่อวิ๋นซีที่เพิ่งปรากฏตัวออกมาก็ถูกมู่จื่อโหรวผลักเข้าไปด้านในห้องเสียแล้ว “มู่อวิ๋นซี เจ้านี่ช่างโอหังเสียจริง!ข้าเอาของกำนัลมามอบให้กับเจ้า แต่เจ้ากลับกล้าให้ข้ารออยู่ด้านนอกประตูนานสองนานเชียวรึ?”
ชุนเถาตามหลังนางเข้าไปด้านใน พร้อมปิดประตูไปด้วย ก่อนจะลงกลอนประตูตาม
“นี่เจ้ามาส่งของกำนัล หรือโจรกรรมกันแน่?” มู่อวิ๋นซีกวาดสายตามองไปยังร่างกายของทั้งสอง แล้วจู่ๆ ก็กรีดร้องขึ้นมา “พวกเจ้าคิดจะทำสิ่งใดกัน?เปิดประตู!ปล่อยข้าออกไปเดี๋ยวนี้นะ!”
“ร้อง!ร้องไห้สุดไปเลย!” มู่จื่อโหรวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ต่อให้เจ้าจะร้องตะโกนจนคอแห้ง ก็ไม่มีใครมาช่วยหรอก ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วงั้นรึ?สายเกินไปแล้วล่ะ!อยากจะเป็นหลานสาวของท่านย่า ถุ้ย!อย่างเจ้าเนี่ยนะ ?ชุนเถา!”
“คุณหนูอวิ๋นซี!”
ชุนเถาส่งถุงหนังที่อยู่ในมือให้กับมู่อวิ๋นซี “นี่คือของกำนัลที่เมื่อคืนนี้คุณของข้าตั้งใจจัดเตรียมไว้ให้กับท่าน ท่านรีบดูเถิดว่าชอบหรือไม่ ?”
“มีชีวิต ยังมีชีวิต?”
มู่อวิ๋นซีก้าวถอยไปข้างหลัง หลีกออกจากถุงหนังอันนั้น
ชุนเถาดึงเชือกบนปากถุงหนังออก พลางเดินเข้าไปดึงมือของมู่อวิ๋นซีล้วงเข้าไปด้านใน
นังแพศยา!ดูสิว่าเจ้าจะตายหรือไม่?
ใบหน้าเล็กๆ ของมู่จื่อโหรวแดงระเรื่อขึ้นมาด้วยความดีใจ ดวงตากลมโตคู่นั้นจ้องเขม็งไปยังถุงหนังที่กำลังดิ้นนั้น พร้อมกับส่งจิตให้เจ้างูพิษว่า กัด!กัดสิ!
ขอแค่มู่อวิ๋นซีตาย นางแค่ทำทีออดอ้อน ร้องไห้สักหน่อย นางก็จะได้เป็นทั้งคุณหนูรองผู้สูงศักดิ์แห่งจวนตระกูลมู่ ทั้งยังได้เป็นหลานสาวร่วมสายเลือดกับองค์หญิงใหญ่อีก และทุกอย่างก็จะกลับไปเป็นดังแต่ก่อน
“โอ๊ย!”
เสียงร้องเจ็บปวดดังขึ้น ทว่านั่นไม่ใช่มู่อวิ๋นซี กลับเป็นชุนเถาที่กำลังกุมมือเอาไว้
มู่อวิ๋นซีชำเลืองมองใบหน้าซีดของชุนเถา แล้วหยิบเอางูแดงแถบสีดำตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นงูพิษที่มีความยาวขนาดสามสี่ฟุตออกมา เจ้างูพิษแผ่แม่เบี้ยออกมา พร้อมร้องขู่ “ฟ่อๆ” เข้าใส่มู่จื่อโหรวที่กำลังตัวแข็งทื่อ พลางกลิ่นคาวล่องลอยผ่านมาเข้าหน้า
“เจ้า เจ้าคิดจะทำสิ่งใด?” มู่จื่อโหรวเริ่มรู้สึกขาอ่อนขึ้นมา “มู่อวิ๋นซี หากเจ้ากล้าทำสิ่งใดกับข้า ท่านย่าของข้าไม่มีทาง ……”
“นั่นคือท่านย่าของข้า!”
มู่จื่อโหรวถึงกับหน้าซีด เมื่อต้องเผชิญหน้ากับงูพิษที่แทบจะเข้ามาฉกหน้าของตัวเอง นางก็ไม่กล้าที่จะตะเบ็งเสียงกับมู่อวิ๋นซีอีก
“ใช่ เป็นท่านย่าของเจ้าแล้วจะอย่างไร ท่านก็เป็นท่านป้าของข้าเหมือนกัน นางเอาใจใส่ข้ามาตั้งนานหลายปีเช่นนี้ ไม่มีทางที่จะไม่สนใจข้าแน่ ไหนยังจะมีท่านรองมู่อีก หากเจ้าทำร้ายข้า เขาไม่มีทางปล่อยเจ้าแน่นอน ”
แววตาของมู่อวิ๋นซีหมองลงทันทีที่ได้ยิน พร้อมกับมือที่จับงูพิษไว้ก็แน่นขึ้นอย่างบังคับไม่ได้ คำพูดนี้ของมู่จื่อโหรวนั้นไม่ผิดเลย
ต่อให้องค์หญิงใหญ่จะรู้ว่ามู่จื่อโหรวไม่ใช่หลานสาวของนาง แต่มู่จื่อโหรวก็เติบโตมาจากการดูแลของนาง คนที่นางรักดูแลมานานกว่าหลายสิบปี ซึ่งเมื่อเทียบกับหลานสาวแท้ๆที่เพิ่งได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรกแล้ว พวกนางน่าจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากกว่า
ทว่า นางอยากจะเห็นเหลือเกินว่าความสัมพันธ์นี้จะอยู่ไปได้อีกนานสักเท่าไหร่ ?
ราวกับว่านางโดนคำพูดของมู่จื่อโหรวทำให้ตกใจจนถอยหลังออกไปโดยในมือจับงูพิษเอาไว้ ด้วยสายตาที่ว่อกแว่ก
จิตใจที่กำลังห่อเหี่ยวของมู่จื่อโหรวผยองขึ้นมาอีกครั้งทันที เหลือบสายตามองไปยังชุนเถาที่กำลังกุมมืออยู่ ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป “มู่อวิ๋นซี!เจ้าช่างใจดำอำมหิต กล้าปล่อยงูออกมาทำร้ายผู้อื่น ข้าจะไปฟ้องกับท่านย่าเดี๋ยวนี้ ดูสิว่านางจะจัดการกับเจ้าอย่างไร”
มู่อวิ๋นซีนะ มู่อวิ๋นซี เจ้าช่างจิตใจอำมหิตเสียจริง กล้าจะวางยาฆ่าท่านย่าของตัวเอง แล้วยังจะยั่วยวนพี่ชายแท้ๆของเจ้าอีก ……
ความเกลียดชังภายในก้นบึ้งของหัวใจมู่อวิ๋นซีค่อยๆ ผุดขึ้นมา สมกับเป็นพ่อลูกกันเสียจริง น้ำเสียงแบบนี้ของมู่จื่อโหรวเหมือนกับมู่เซิ่งไม่มีผิด
นางพยายามสะกดความเกลียดแค้นที่ล้นทะลักออกมาภายในใจ พร้อมก้าวถอยหลังไปอีกก้าวพลางร้องคร่ำครวญ “ข้า……ข้าทำร้ายผู้ใดกัน?”
“ชุน……ข้าไง!” มู่จื่อโหรวรีบเปลี่ยนคำพูดแทบไม่ทัน “เดิมทีเจ้าจงใจปล่อยงูออกมาหวังจะให้กัดข้า แต่โชคดีที่ชุนเถาเข้ามาบังข้าเอาไว้เสียก่อน ไม่อย่างนั้นคนที่จะต้องตายก็คงจะเป็นข้า มู่อวิ๋นซี เจ้ามันนังงูพิษ!”
“เจ้าพูดเหลวไหล!” มู่อวิ๋นซีเริ่มแสดงท่าทีร้อนรน “ความจริงงูนี้เจ้าเป็นคนมอบให้กับข้าต่างหาก เป็นเจ้าที่อยากปล่อยงูมากัดข้ามากกว่ามั้ง ?”
มู่จื่อโหรวหัวเราะออกมา “ถุ้ย!งูเป็นยาชูกำลังชั้นดี ดีงูสามารถใช้แก้พิษได้ เห็นชัดๆ ว่าข้านั้นมีเจตนาที่ดี แต่เจ้าไม่เพียงไม่รับเอาไว้ ยังแย่งงูของข้าไปเพื่อเอามากัดข้า สุดท้ายก็ทำให้ชุนเถาต้องตาย ช่างโหดเหี้ยมจริงๆ ข้าจะไปฟ้องท่านย่า ……ท่านป้าเดี๋ยวนี้!”
มู่อวิ๋นซีขยับเท้าเข้าไป ขวางทางของมู่จื่อโหรว พร้อมสายตาที่มองไปยังนางพลางแน่นิ่งลง “ที่แท้เจ้าก็จงใจที่จะปล่อยงูมากัดข้าให้ตาย ทว่าน่าเสียดาย งูนี้ ……”
นางเหลือบมองลงไปยังงูแดงแถบดำในมือ “มีชื่อว่างูปล้องฉนวน ไร้พิษ ดังนั้น ชุนเถาไม่ตายหรอก”
“ไร้พิษ?” มู่จื่อโหรวถึงกับแสดงสีหน้าอึ้งมองไปยังชุนเถา
ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากถาม กลิ่นคาวงูก็ลอยเข้ามา พร้อมกับงูที่กำลังแลบลิ้นออกมาสบตาอยู่ตรงหน้าของนาง ทำเอานางตื่นตกใจจนตาค้างโต แต่ก็ยังไม่ทันที่นางจะได้ตอบสนองอะไร มู่อวิ๋นซีก็คว้าคอเสื้อของนางเข้ามาแล้วปล่อยงูเลื้อยเข้าไปด้านใน
สัมผัสความเย็นแผ่ซ่านไปตามรอบคอของนางอย่างรวดเร็ว ทำเอานางรู้สึกขนลุกไปหมด
“อ๊า!”
มู่จื่อโหรวกระทืบเท้ากรีดร้องเสียงดัง พยายามให้งูปล้องฉนวนเลื้อยออกมา “อ๊า ออกมานะ อ๊า ชุนเถา อ๊า เจ้ารนหาที่ตายแล้ว นังแพศยา……”
“คุณหนู!” ชุนเถากระโจนเข้าไปโดยไม่สนใจแผลที่อยู่บนมือของตัวเอง แล้วพยายามช่วยเหลือมู่จื่อโหรว
มุมปากของมู่อวิ๋นซียกขึ้นมา พลางหันหลังไปนั่งลงยังข้างๆ “มู่จื่อโหรว ข้าจะเตือนเจ้าสักหน่อยแล้วกัน ว่าอย่าได้ไปตีโดนงูปล้องฉนวนเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นหากมันกัดเจ้าเพียงครั้งเดียว แม้จะเป็นเทพก็ยากจะรักษา ”
“เจ้าบอกว่ามันไร้พิษไม่ใช่รึ?” มือของมู่จื่อโหรวที่กำลังทุบตีไปทั้งตัวนิ่งทื่อในทันที ดวงตาพลันจ้องไปยังมู่อวิ๋นซี
“ที่บอกว่าไร้พิษ เป็นเพราะว่าเขี้ยวพิษของมันอยู่ค่อนข้างลึกด้านใน ปกติหากกัดคนจะไม่โดนเขี้ยวพิษ แต่หากเจ้าทำให้มันโกรธขึ้นมา มันจะกัดอย่างสุดฤทธิ์ และจะต้องโดนเขี้ยวพิษแน่นอน ไม่เชื่อ เจ้าก็ลองดูสิ ”
นางจะกล้าที่ไหนล่ะ?
“มู่อวิ๋นซี เจ้ารีบเอามันออกไปเดี๋ยวนี้” มู่จื่อโหรวเหงื่อโชกตัว ร่างกายอ่อนปวกเปียก น้ำเสียงก็สั่นเทา
“ได้” มู่อวิ๋นซีลุกขึ้น “ข้าอยากรู้ว่าเพราะเหตุใดเจ้าถึงต้องส่งงูพิษมาให้ข้าด้วย ”
“งู งูเป็นยาชูกำลัง……”
“คำพูดเช่นนี้ เจ้าเองเชื่องั้นรึ?” มู่อวิ๋นซียิ้มเยาะ คว้าเอาเบาะกลมที่อยู่บนเก้าอี้ขึ้นมาตีมู่จื่อโหรว
“อ๊า……”
มู่จื่อโหรวกรีดร้องตกใจออกมา “เจ้าบ้าไปแล้ว”
“นี่คือการช่วยเจ้าต่างหาก” มู่อวิ๋นซีตะเบ็งเสียงขึ้นพลางหยิบเบาะอีกอันขึ้นมาด้วยใบหน้าเยาะเย้ย
มู่จื่อโหรวกัดฟันแน่น กลับไม่กล้าพูดสิ่งใดออกมา “ข้าส่งงูให้กับเจ้า ก็เพราะว่าต้องการให้มันกัดเจ้าให้ตายซะ เช่นนี้ข้าก็จะสามารถเป็นหลานสาวขององค์หญิงใหญ่ต่อไปได้ รีบช่วยข้าเร็วเข้า ……”
“จื่อโหรว ไม่ต้องกลัว”
ภายใต้แววตาอันเคืองแค้นและหวาดกลัวของมู่จื่อโหรว มู่อวิ๋นซีกลับยกยิ้มอันสดใสออกมา จากนั้นก็ทิ้งเบาะนั่งลง ขยำผมจนยุ่งเหยิง ก่อนจะดึงเสื้อผ้า รีบเดินก้าวเท้าไปยังประตู ปลดกลอนประตูแล้วเปิดประตู พร้อมกับวิ่งออกไป “ใครก็ได้!ช่วยด้วย ช่วยด้วย !”
ห่างออกไป มีสาวใช้สองคนก้มศีรษะเดินผ่านไป ส่วนยายรับใช้อีกสามคนที่กำลังทำความสะอาดอยู่อีกด้านก็ต่างทำปากมุ่ย แล้วทำความสะอาดต่อไป
รอยยิ้มเย้ยหยันของมู่อวิ๋นซียกขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะร้องตะโกนเสียงดังกว่าเดิม “ช่วยด้วย คุณหนูจื่อโหรวถูกงูรัดเอาไว้!”