เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา – ตอนที่ 17 ทนดูต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว สถานการณ์กลับตาลปัตร

มุ่อวิ๋นซีมองไปยังมู่เซิ่งด้วยดวงตาแน่นิ่งที่ซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ พลางลุกขึ้นอย่างเชื่อฟังและโน้มตัวลงต่อหน้ามู่จื่อโหรว “ขออภัยด้วย!เรื่องในวันนี้ ล้วนเป็นความผิดของข้าเอง คุณหนูจื่อโหรวโปรดอภัยให้ด้วย”
ไม่มีการโต้แย้งสักนิดเลยรึ?
มู่เซิ่งขมวดคิ้ว ราวกับว่าตอนนี้เขายกมัดออกมาต่อยไปยังปุยฝ้ายอย่างไร้ประโยชน์
เขาที่กำลังครุ่นคิดว่าจะตอบกลับเช่นไรดี มู่จื่อโหรวก็ลุกขึ้นขึ้นมาก่อนเสียแล้ว “ขอโทษเพียงคำเดียวก็พอแล้วงั้นรึ?จะกล่าวขอโทษก็ต้องแสดงท่าทีเหมือนอยากจะกล่าวขอโทษด้วย คุกเข่าลง!”
“จื่อโหรว!” มู่เซิ่งตะเบ็งเสียงเย็นชาขึ้นมา หางตาเหลือบมองไปยังองค์หญิงใหญ่ ปรากฏว่าตอนนี้สีหน้าของนางเคร่งขรึมอย่างมาก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
องค์หญิงใหญ่กวาดสายตามองไปยังมู่จื่อโหรว มู่อวิ๋นซี และมู่เซิ่งทั้งสามคน
“ท่านย่า!”
มู่จื่อโหรวที่สังเกตได้จึงไม่กล้าที่จะเอ็ดตะโรอีก พลางหันหน้ากลับเข้าไปซุกในอ้อมแขนขององค์หญิงใหญ่อีกครั้ง พร้อมกอดนางและร้องห่มร้องไห้ต่อ
“เมื่อคืนนี้ในตอนที่กลับไป ท่านรอง……ท่านพ่อได้สั่งสอนข้าแล้ว ข้ารู้ว่าตัวเองนั้นผิดไป ข้าไม่ควรไปรังแกอวิ๋นซี ดังนั้นเช้าวันนี้ข้าจึงตั้งใจจะไปกล่าวขอโทษนาง แต่ใครจะรู้เจ้าค่ะว่าทันทีที่เดินเข้าประตูไป นางจะขังเอาไว้ภายในห้อง แล้วปล่อยงูพิษมาใส่ในเสื้อผ้าของข้าอีก อีกเพียงนิดเดียวข้าก็จะไม่ได้เจอท่านอีกแล้ว”
“จื่อโหรว” มู่เซิ่งที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้นมาอย่างเอือมระอา “อวิ๋นซีเพียงแค่หยอกล้อเจ้าเท่านั้นเอง งูปล้องฉนวนนั่นไร้พิษ เจ้าดูสิ เจ้าก็ไม่เป็นอะไรไม่ใช่หรือไร ?”
องค์หญิงใหญ่หันสายตามองไปหามู่อวิ๋นซี ด้วยตาที่ประกาย “อวิ๋นซี เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่?”
“ข้า……”
“มู่อวิ๋นซี!” มู่จื่อโหรวหันตัวกลับมองไปยังมู่อวิ๋นซี พลางค่อยๆ ยกมือขึ้น

“สวรรค์มีตา พื้นดินเป็นพยาน ข้าพเจ้ามู่จื่อโหรวขอให้สาบานว่ามู่อวิ๋นซีเป็นคนที่ปล่อยงูพิษเข้าไปในเสื้อผ้าของข้า ถ้าหากข้าพูดปดแม้แต่คำเดียว ขอให้ท้องฉีกขาดปอดเป็นรูไม่ได้ตายดี!มู่อวิ๋นซี ข้ากล้าสาบานแล้ว เจ้ากล้าสาบานว่าเจ้าไม่ได้เป็นคนทำหรือไม่?”
หางตาของมู่อวิ๋นซีเหลียวมองไปยังมู่เซิ่งที่แสร้งทำเป็นมีมโนธรรม แล้วมองไปยังองค์หญิงใหญ่ที่ภายในแววตามีแต่ความซับซ้อน สุดท้ายหันไปมองมู่จื่อโหรวที่แววตานั้นมีความสะใจ
ที่แท้ขอเพียงแค่มีโอกาส พวกเขาก็พร้อมที่จะผลักนางลงไปในเหวลึกทันที
นางปิดปากแน่น ไม่พูดสิ่งใดออกมา
นางไม่พูดอะไร มู่จื่อโหรวจะยอมปล่อยนางไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร “มู่อวิ๋นซี เจ้าเป็นใบ้ไปแล้วหรือไร?พูดสิ?ร้อนใจแล้วสินะ?”
“พี่สะใภ้!” มู่เซิ่งประสานมือทั้งสองขึ้นพูดโน้มน้าวองค์หญิงใหญ่อีกครั้ง “ท่านอย่าได้โทษอวิ๋นซีเลย ก่อนหน้านี้ข้าเห็นกับตาเองว่าจื่อโหรวรังแกนางจริง การที่นางจะทำการเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ ก็สมควรแล้ว ต่อจากนี้ไปจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วแน่นอน ใช่หรือไม่ อวิ๋นซี ?”
เขาขยิบตาให้กับมู่อวิ๋นซี “รีบพูดกับท่านย่าว่าเจ้าสำนึกผิดไปแล้วเร็วเข้า”
“อวิ๋นซี เจ้าเป็นคนทำจริงรึ?” แววตาขององค์หญิงใหญ่ยิ่งซับซ้อนขึ้นมาทันที
หางตาของมุ่อวิ๋นซีหันไปเห็นไป่หลิงที่กำลังกำหมัด จึงกัดริมฝีปากแน่น โดยไม่ส่งเสียงใดๆ
“องค์หญิง เรื่องนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคุณหนูอวิ๋นซีเลยเจ้าค่ะ” ในที่สุดไป่หลิงก็พูดออกมาอย่างทนต่อไปไม่ได้
“เหตุใดจะไม่เกี่ยวกับนาง?” มู่จื่อโหรวถลึงตามองไป่หลิงอย่างขุ่นเคือง “ในตอนที่ข้าถูกงูพันร่างอยู่ เจ้าก็เห็นด้วย ใช่หรือไม่?”
“เจ้าค่ะ ข้าน้อยเห็นแล้ว!ข้าน้อยยังมองเห็นว่าท่านและชุนเถาถืองูไปทุบประตูห้องของคุณหนูอวิ๋นซี เห็นท่านผลักคุณหนูอวิ๋นซีเข้าไปในห้อง และก็เห็นชุนเถาปิดประตูลงด้วยเจ้าค่ะ”
สายตาของมู่จื่อโหรวลุกลี้ลุกลนทันที “เจ้า เจ้าพูดเหลวไหล”

“เหลวไหล?” ไป่หลิงยิ้มเยาะ “ข้าน้อยอยู่ด้านนอกได้ยินอย่างชัดเจนทุกอย่าง ท่านพูดว่าขอเพียงงูพิษกัดคุณหนูอวิ๋นซีให้ตาย ท่านก็จะยังได้เป็นหลานสาวแท้ๆขององค์หญิงใหญ่”
“องค์หญิง ท่านโปรดดูสิ่งนี้ด้วยเจ้าค่ะ” ไป่หลิงหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าสีท้อออกมาจากแขนเสื้อมอบให้กับองค์หญิงใหญ่
“นี่……นี่มันของข้านี่ เหตุใดถึงไปอยู่ในมือของเจ้าได้ ?” มู่จื่อโหรวเริ่มตื่นตระหนกขึ้นมา นี่คือผ้าเช็ดหน้าที่นางใช้ห่อกำมะถัน
“กำมะถัน?”
ทันทีที่องค์หญิงใหญ่รับผ้าเช็ดหน้า นางก็ได้กลิ่นกำมะถันที่ส่งออกมาจากผ้าผืนนั้นอย่างแรง
“นี่คือสิ่งที่หลังจากคุณหนูจื่อโหรวกลับไปแล้ว คุณอวิ๋นซีเก็บได้ภายในห้องเจ้าค่ะ พอดีว่าคุณหนูเกรงว่าอาจจะเกิดการวิวาทระหว่างนางกับคุณหนูจื่อโหรวได้ จึงได้ขอให้ข้าน้อยช่วยนำผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ไปคืนให้แก่คุณหนูจื่อโหรวแทนเจ้าค่ะ” ไป่หลิงกล่าวอธิบาย
“ผ้าเช็ดหน้านี้ของข้าหล่นหายไปได้หลายวันแล้ว” มู่จื่อโหรวพูดด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดเล็กน้อย
“แต่เมื่อคืนนี้ ข้าน้อยยังเห็นผ้าผืนนี้อยู่บนตัวท่านอยู่เลยเจ้าค่ะ” ไป่หลิงตอบกลับอย่างไม่เกรงใจขัดคำโกหกของมู่จื่อโหรว
องค์หญิงใหญ่หันไปมองมู่อวิ๋นซีที่เอาแต่นิ่งเงียบอยู่ข้างๆ สายตาของนางมองต่ำ ร่างกายสั่นเครือเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากำลังน้อยใจ หรือเสียใจ ทำให้องค์หญิงใหญ่ถอนหายใจออกมาด้วยความเห็นใจอย่างอดไม่ได้ “เจ้าเด็กคนนี้ คนอื่นมารังแกตนถึงที่เช่นนี้แล้ว เหตุใดถึงไม่บอก?”
“คุณหนูอวิ๋นซีบอกว่า ยิ่งมีปัญหาน้อยก็จะได้ทุกข์น้อย และไม่อยากให้ท่านเกิดความกังวลใจเจ้าค่ะ” ไป่หลิงที่เมื่อนึกถึงท่าทีของมู่อวิ๋นซีในตอนนั้นก็เกิดความเคืองใจมากขึ้นเรื่อยๆ
“ท่านคงไม่ทราบว่าในตอนนั้นคุณหนูอวิ๋นซีผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ร้องเรียกตะโกนขอความช่วยเหลือไปทั้งลาน แต่เหล่าสาวใช้และยายรับใช้กลับไม่มีผู้ใดสนใจเลย กระทั่งนางเรียกว่าให้ไปช่วยเหลือคุณหนูจื่อโหรว พวกนั้นก็วิ่งแจ้นเข้าไปช่วยเหลือทันที”

“ผม และเสื้อผ้าล้วนเป็นฝีมือนางทำตัวเองทั้งนั้นเจ้าค่ะ”
คราวนี้มู่จื่อโหรวน้อยใจแล้วจริงๆ สิ่งนี้นางไม่ได้ทำ
“ใช่เจ้าค่ะ!” สุดท้ายมู่อวิ๋นซีก็ยอมเปล่งเสียงออกมา ดวงตาแดงก่ำ น้ำเสียงสั่นเทา “ผม ข้าเป็นคนดึงให้มันยุ่งเอง เสื้อผ้าก็เป็นฝีมือข้าที่ฉีกเอง”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ท่านป้า ท่านได้ยินแล้วหรือไม่เจ้าคะ ?นางยอมรับเองแล้ว”
องค์หญิงใหญ่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก มู่อวิ๋นซีก็มองไปยังมู่จื่อโหรวแล้วพูดออกมาอย่างต่อเนื่อง
“เป็นข้าเองที่ให้เจ้าส่งงูพิษมาให้ข้า เป็นข้าเองที่ให้ชุนเถาจับมือข้าล้วงเข้าไปในถุงหนังที่ใส่งูพิษเอาไว้ เป็นข้าเองที่เอางูพิษเข้ามาใส่ในเสื้อผ้าของตัวเอง เป็นข้า ทั้งหมดเป็นข้าเอง”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ในที่สุดมู่จื่อโหรวก็หันหน้ากลับมา ใบหน้าหมองคล้ำ พุ่งกระโจนเข้าใส่นางทันที “เจ้านังแพศยา ข้าจะฉีกปากเจ้า ไม่ให้เจ้าได้พูดจาเหลวไหลอีก ข้าเป็นฝ่ายเอางูพิษไปใส่ในเสื้อผ้าของเจ้าตอนไหน ?”
“ไม่มี ข้าเป็นคนใส่ไปเอง” มู่อวิ๋นซีสะบัดตัวออกข้างเพื่อหลบหลีก ภายในแววตาฉายแววเย้ยหยัน ทว่าคำพูดกลับแสดงท่าทีตกใจจนทำอะไรไม่ถูก “จื่อโหรว ขออภัยด้วย ข้าไม่ได้มีความคิดที่จะแย่งท่านย่ากับเจ้าเลย”
“แย่ง?อย่างเจ้าเนี่ยนะ?” ตาของมู่จื่อโหรวแดงก่ำขึ้นมา นางได้ลืมไปตั้งนานแล้วว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ใด ดวงตากลมโตคู่นั้นเอาแต่จ้องมองไปมู่อวิ๋นซีเท่านั้น พร้อมกับอยากเข้าไปกัดนางอย่างทนไม่ได้ “ข้าจะบอกเจ้าไว้เลย เจ้าจบเห่แล้ว นังแพศยา!”
“ยังไม่รีบไปห้ามนางอีก?”
องค์หญิงใหญ่มองไปยังยายรับใช้ที่สกัดตัวของมู่จื่อโหรวเอาไว้ จนเส้นเลือดสมองปรากฏขึ้นมา
“เจ้าทำให้ข้าผิดหวังเกินไปแล้ว !อย่าว่าแต่อวิ๋นซีเป็นหลานสาวแท้ๆของข้าเลย ต่อให้นางจะเป็นสาวใช้ในจวน เจ้าก็ไม่ควรมีความคิดจงใจที่จะฆ่านาง อีกทั้งเจ้ายังกล้ามาฟ้องเรื่องนางแก่ข้าอีก ใจของเจ้าเหตุใดถึงได้ชั่วร้ายเช่นนี้ ?”
ประโยคคำพูดนี้ราวกับถังน้ำเย็นที่เทลงมาบนหัวของมู่จื่อโหรว ดับความโกรธของนางจนสิ้นซาก และทำให้ในใจของนางเกิดความตื่นตระหนกขึ้นมา
นางมองไปยังมู่เซิ่งด้วยใบหน้าซีดเซียว “ท่านพ่อ ท่านเป็นคนที่……”
“ข้าให้เจ้าไปกล่าวขอโทษแก่อวิ๋นซี เจ้ากลับขอโทษเช่นนี้หรือ ?ไม่เพียงจะไม่สำนึกผิดแล้ว กลับยังเหิมเกริมมากกว่าเดิมอีก !” มู่เซิ่งพูดขัดจังหวะของมู่จื่อโหรวอย่างกะทันหัน สายตาดุจหอกที่ทิ่มแทงลงกลางใจของมู่จื่อโหรว สะกดคำพูดทั้งหมดของนางเอาไว้ “นับจากวันนี้ไป เจ้าจงย้ายออกจากลานชิงจื่อไปเสีย”

เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา

เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset