เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา – ตอนที่ 27 วางยาพิษปลงพระชนม์ท่านย่า ข้ายอมรับสารภาพ

“บังอาจ!” มู่เซิ่งตวาดเสียงดัง “นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร? หรือเจ้าอยากจะบอกว่าอวิ๋นซีเป็นคนวางยาพิษอย่างนั้นรึ?”
จินซิ่งตัวสั่นระริก แต่กลับเอาแต่คำนับซ้ำแล้วซ้ำอีก
“ไม่พูดใช่ไหม? ได้ ในเมื่อเจ้าอยากจะเป็นใบ้ ข้าก็จะทำให้เจ้าสมปรารถนา ทหาร ดึงลิ้นของนางออกมา แล้วเอาคนในครอบครัวของนางใส่โซ่ตรวนแล้วส่งไปที่ศาลต้าหลี่ให้หมด”
“ไม่นะเจ้าคะ ข้าพูดแล้ว ข้าพูดแล้วเจ้าค่ะ!” จินซิ่งเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนกตกใจ แล้วกระแทกศีรษะลงเสียงดังปังไปทางมู่อวิ๋นซี และพูดว่า “คุณหนูอวิ๋นซี ข้าน้อยขอโทษเจ้าค่ะ ข้าน้อยตายไปไม่มีค่าพอให้เสียดาย แต่ข้าน้อยไม่อยากให้คนในครอบครัวมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริงๆนะเจ้าคะ”
พูดจบ นางก็มองไปที่มู่เซิ่ง แล้วพูดว่า “คุณหนูอวิ๋นซีเป็นคนวางยาพิษเจ้าค่ะ ข้าน้อยเห็นนางทาผงพิษรอบหนึ่งอยู่บนผนังด้านนอกของถ้วยหยกขาวเจ้าค่ะ ถ้าท่านรองไม่เชื่อ สามารถไปตรวจดูที่มือของนางได้นะเจ้าคะ บนมือของนางน่าจะยังมีผงพิษติดอยู่เจ้าค่ะ”
มู่เซิ่งหันไปมองหมอหลวงจ้าว
“เป็นความจริงขอรับ ผนังด้านนอกของถ้วยหยกขาวมียาพิษค่อนข้างมาก ส่วนผนังด้านในมีแค่ตรงนี้เท่านั้น” หมอหลวงจ้าวชี้ไปที่เศษผงเล็กๆที่อยู่บริเวณผนังด้านในของปากถ้วย “หลงเหลือผงพิษอยู่นิดหน่อย องค์หญิงองค์หญิงใหญ่น่าจะทรงไปสัมผัสเข้าโดยไม่ได้ตั้งพระทัยขอรับ”
มู่เซิ่งเหลือบมองมู่อวิ๋นซีอย่างลึกซึ้ง จากนั้นจึงหันไปมองหมอหลวงจ้าวแล้วทำความเคารพและพูดว่า “ต้องขอรบกวนหมอหลวงจ้าวช่วยตรวจสอบมือของอวิ๋นซีอีกสักหน่อยนะขอรับ”
หมอหลวงจ้าวพยักหน้าและหยิบเข็มเงินเล่มหนึ่งไปแช่ในน้ำแล้วมองไปที่มู่อวิ๋นซี “คุณหนูอวิ๋นซีกรุณาแบมือทั้งสองข้างออกด้วยขอรับ”
มู่อวิ๋นซีค่อยๆยื่นมือออกไป
พอเอาเข็มเงินที่มีน้ำหยดลงมาไปวางไว้บนมือของนางมันก็เปลี่ยนเป็นสีดำทันที เช่นเดียวกับสีหน้าของมู่เซิ่ง
“มู่อวิ๋นซี เจ้ามันชั่วช้า!”
เขาจ้องไปที่มู่อวิ๋นซีด้วยสีหน้าที่โกรธเคือง “คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้าวางยาพิษสังหารย่าแท้ๆของตัวเอง?”
มู่อวิ๋นซีเอ๋ยมู่อวิ๋นซี เจ้าช่างใจดำอำมหิตเสียจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าวางยาพิษสังหารย่าแท้ๆของตัวเอง

ทั้งในชาติที่แล้วและในชาตินี้ เสียงของมู่เซิ่งดังก้องสะท้อนกลับไปกลับมาอยู่ข้างๆหูของมู่อวิ๋นซี มันเข้ามาก่อกวนจนทำให้ความโมโหเดือดดาลที่อยู่ภายในหัวใจของนางโหมซัดสาดขึ้นมาเป็นพักๆ
ชาติก่อน นางถูกเขากล่าวหาว่าวางยาพิษท่านย่า คิดไม่ถึงเลยว่าชาตินี้ก็เป็นเช่นนี้อีก?
ช่างน่าชิงชังเป็นอย่างมากจริงๆ!
เธอค่อยๆลืมตาขึ้นมาเผชิญหน้ากับดวงตาที่โกรธแค้นของมู่เซิ่ง แล้วพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า “ความหมายของท่านรองมู่ก็คือท่านจะบอกว่า ยาพิษนั่น ข้าเป็นคนวางอย่างนั้นรึ?”
มู่เซิ่งพูดด้วยสีหน้าที่เศร้าเสียใจว่า “น้ำชาและกาน้ำชานี้ล้วนไม่มีพิษ มีเพียงถ้วยหยกขาวนี้เท่านั้นที่มีพิษ และยังมีคำให้การของจินซิ่งอีก ถ้าไม่ใช่เจ้าจะเป็นใคร?”
มู่อวิ๋นซีกรอกสายตามองไปช้าๆ บรรดาฮูหยินทุกคนที่เมื่อสักครู่นี้ยังพูดชมเชยว่าความสามารถในการร่ายรำของนางไม่เป็นสองรองใครอยู่เลยและมีบุคลิกสูงส่งกลับทำสีหน้าเย็นชาและมองนางด้วยสายตาที่เป็นประกายระยิบระยับเสียแล้ว
หลิ่วเย่ทำสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ และในดวงตาที่บวมเป่งของมู่จื่อโหรวก็เป็นประกายด้วยความดีอกดีใจที่เห็นคนอื่นโชคร้ายจนยากที่จะปิดบังเอาไว้ได้
มู่จื่อชวนมององค์หญิงใหญ่ด้วยความงุนงง ราวกับว่าเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่
“ไม่มีอะไรจะพูดแล้วใช่ไหม?” มู่เซิ่งพูดด้วยสีหน้าผิดหวัง “ทหาร มัดมู่อวิ๋นซี แล้วส่งตัวไปศาลต้าหลี่!”
“ประเดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ!”
มู่อวิ๋นซีกวาดสายตาไปมองยายรับใช้ที่พุ่งตัวเข้ามาด้วยสายตาที่เย็นชา แล้วหันกลับไปมองมู่เซิ่งด้วยสายตาที่เย็นชาดั่งหิมะ “จินซิ่งพูดไปแล้วว่า ยาพิษน่ะ ข้าเป็นคนวางและเอาไปทาที่ผนังด้านนอกของถ้วยหยกขาวเอง ถูกต้องไหมเจ้าคะ?”
“เจ้าอยากพูดอะไรกันแน่?” มู่เซิ่งจ้องเขม็งมองนางเล็กน้อย
“ในเมื่อข้ารู้ว่าผนังด้านนอกของถ้วยหยกขาวมีพิษอยู่ เหตุใดข้าจะต้องโง่เอามือทั้งสองข้างของตัวเองไปถือถ้วยหยกขาวอีก ไม่กลัวว่าตัวเองก็จะถูกวางยาพิษจนตายไปด้วยหรืออย่างไร?”
มู่อวิ๋นซีกวาดตามองทุกคน “วันนี้ ที่องค์หญิงเชิญฮูหยินทั้งหลายมาที่นี่ ก็เพื่อประกาศให้ทุกคนได้ทราบกันว่า ข้า คือหลานสาวร่วมสายเลือดของนางนะ”

“เช่นนั้นข้าขอถามหน่อย ว่าข้ากับองค์หญิงมีความเกลียดชังและความแค้นเคืองอะไรกันถึงจำเป็นต้องวางยาพิษนาง? อีกทั้งยังจำเป็นต้องเลือกวางยาพิษต่อหน้าทุกคนในวันนี้ด้วย? ข้าจะโง่ถึงกระนั้นเชียวรึ?”
ฮูหยินทั้งหลายมองหน้ากัน และคิดว่ามู่อวิ๋นซีเองก็พูดมีเหตุผล
ถึงแม้ว่านางจะอาฆาตแค้นองค์หญิงใหญ่ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องวางยาพิษนางในวันนี้ นี่ไม่สมเหตุสมผลเลยจริงๆ
“นอกจากนี้” มู่อวิ๋นซีหันสายตาไปทางไป่หลิง “นางเป็นสาวใช้ประจำตัวข้า ถ้าข้าต้องวางยาพิษทำร้ายองค์หญิงใหญ่ เรื่องที่เป็นความลับส่วนบุคคลและเนรคุณเช่นนี้ ข้าไม่สมรู้ร่วมคิดกับสาวใช้ของตัวเองหรอก คิดไม่ถึงเลยว่าจะ……”
นางมองไปทางจินซิ่ง “ข้าจะสมคบคิดกับผู้หญิงที่ไม่เคยเห็นหน้าและไม่แม้แต่จะเอ่ยนามออกมาได้อย่างนั้นรึ?”
“ข้าน้อยกับคุณหนูไม่ได้อยู่ห่างกันแม้แต่ก้าวเดียว” ทันใดนั้นไป่หลิงก็คุกเข่าลง “ข้าน้อยขอปกป้องคุณหนูด้วยชีวิต ยาพิษนี้ คุณหนูของข้าไม่ใช่คนวางเจ้าค่ะ”
“เหอะ!”
มู่จื่อโหรวหัวเราะเยาะออกมา “เจ้าเป็นสาวใช้ของนาง เจ้าก็ต้องพูดเข้าข้างนางอยู่แล้ว”
“ใช่” มู่อวิ๋นซีประคองไป่หลิงขึ้น แล้วมองไปทางมู่จื่อโหรว “นางเป็นสาวใช้ประจำตัวของข้า แต่กลับเป็นสาวใช้ที่องค์หญิงทรงประทานให้ข้า และอยู่กับข้าไม่เกินสามวันด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้ นางได้อยู่กับพระองค์มากว่าสิบปีแล้ว ตามความคิดของท่านแล้ว พระเมตตาที่องค์หญิงทรงมีต่อพระนางในระยะเวลาสิบปีมานี้ยังไม่มากเกินกว่าสามวันนี้อย่างนั้นหรือเจ้าคะ?”
มู่จื่อโหรวอ้าปากค้างและพูดอะไรไม่ออก แต่มู่อวิ๋นซีกลับไม่ไปสนใจนางอีก แล้วค่อยๆเดินเข้าหาจินซิ่งที่กำลังคุกเข่าอยู่ และจ้องมองนางอย่างแน่วแน่ “เจ้า แน่ใจหรือว่าเห็นข้าวางยาพิษ?”
จินซิ่งกลืนน้ำลาย แต่กลับยังคงพูดว่า “ใช่เจ้าค่ะ ข้าน้อยเห็นกับตาตัวเองเลยเจ้าค่ะ”

“ดีมาก” สายตาของมู่อวิ๋นซีเย็นลงราวกับน้ำแข็งที่อยู่ใต้ชายคาบ้านในฤดูหนาว “เจ้ากับข้าคุ้นเคยกันดีรึ?”
จินซิ่งตะลึงงัน และไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงไปชั่วขณะ
“ถ้าเจ้าคุ้นเคยกับข้าเป็นอย่างดี เช่นนั้นข้าขอถามหน่อยว่าปกติข้าชอบกินหวานหรือชอบกินเผ็ด? และปกติข้าชอบใส่เสื้อผ้าสีอะไร?”
“ไม่คุ้นเคยเจ้าค่ะ! ข้าน้อยกับคุณหนูอวิ๋นซีไม่คุ้นเคยกันเลยเจ้าค่ะ” จินซิ่งพูดขึ้นมาในทันใด
“ดี” การเยาะเย้ยถากถางก็แวบขึ้นมาที่มุมปากของมู่อวิ๋นซี “ในเมื่อเจ้ากับข้าไม่คุ้นเคยกัน เรื่องที่ข้าวางยานี้เป็นความลับ ทำไมถึงได้ถูกเจ้าพบเห็นได้? ถ้าหากถูกเจ้าพบเห็นแล้ว ทำไมข้าถึงไม่ฆ่าปิดปากเจ้าไปซะเลยล่ะ?”
จินซิ่งกรอกลูกตาแล้วพูดว่า “ข้าน้อย ข้าน้อยเห็นท่านวางยาพิษ แต่ท่านมองไม่เห็นข้าน้อยเลนเจ้าค่ะ”
“ดีมาก!” การเยาะเย้ยถากถางที่อยู่มุมปากของมู่อวิ๋นซีก็ยิ่งมากขึ้น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมเจ้าไม่รายงานข้า? และยังจะปิดบังทุกอย่างเพื่อข้าอีก? กระทั่งท่านรองมู่บอกว่าจะจัดการคนในครอบครัวของเจ้า เจ้าจึงชี้ว่าเป็นข้า หรือว่าเจ้าก็อยากจะวางยาพิษปลงพระชนม์องค์หญิงใหญ่เช่นกัน?”
“ข้าน้อยไม่กล้าเจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่กล้าอย่างเด็ดขาดเจ้าค่ะ!” สีหน้าของจินซิ่งขาวซีดขึ้นมา แล้วก้มศีรษะคำนับซ้ำไปซ้ำมา
“เรื่องนี้ มีข้อสงสัยมากมายจริงๆ” ฮูหยินฉินที่นิ่งเงียบอยู่เอ่ยปากพูดขึ้นมา “คำให้การของสาวใช้ผู้นี้เกรงว่าจะมีปัญหาอยู่นะ”
มู่เซิ่งพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า และมองไปที่จินซิ่ง “ใครให้ความกล้ากับเจ้า เจ้ากล้าดียังไงมาใส่ร้ายคุณหนูอวิ๋นซี? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงข้ออื่นเลย แค่ความผิดที่เจ้าใส่ร้ายป้ายสีเจ้านายข้อนี้ เจ้าก็ไม่สามารถปฏิเสธได้แล้ว ทหาร ลากตัวนางลงไป โบยสามสิบไม้ หลังจากนั้นค่อยลากกลับมาตอบอีกครั้ง”
“ข้อน้อยไม่ได้พูดจาเหลวไหลนะเจ้าคะ” ทันทีที่ถูกยายรับใช้ลากไปจนถึงหน้าประตู จินซิ่งจึงเปลี่ยนสีหน้า แล้วพุ่งเข้าไปหามู่จื่อชวนและตะโกนขึ้นมาว่า “ท่านชายช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ ท่านชายช่วยข้าน้อยด้วย!”
ทันใดนั้นภายในหัวใจของมู่อวิ๋นซีก็เต้นตึกตักขึ้นมาด้วยความคับแค้นใจ เมื่อเห็นสายตาที่จินซิ่งมองไปยังมู่จื่อชวน
“ในเมื่อท่านชายไม่สนใจความเป็นความตายของข้าน้อย เช่นนั้นจะมาโทษข้าน้อยไม่ได้นะเจ้าค่ะ ข้าน้อยยอมรับสารภาพว่า ท่านชายเป็นคนวางยาพิษเจ้าค่ะ!”
“เรื่องไร้สาระ!” มู่เซิ่งเผยออกมา “จื่อชวนทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร?”
จินซิ่งสลัดตัวออกมาจากยายรับใช้ แล้วคลานเข่าไปข้างหน้า “ท่านชายไม่ได้ตั้งใจอยากจะวางยาพิษปลงพระชนม์องค์หญิงหรอกเจ้าค่ะ เพียงแต่เพื่อจะให้บทเรียนคุณหนูอวิ๋นซีเท่านั้น ในระหว่างนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้น จึงทำให้องค์หญิงต้องโดนวางยาพิษจนสิ้นพระชนม์ได้เจ้าค่ะ”
พอคำพูดของจินซิ่งเพิ่งจะจบลง มู่จื่อโหรวก็พุ่งไปหามู่จื่อชวน แล้วพูดว่า “มู่จื่อชวน! ท่านโง่หรือเปล่า? ท่านวางยาพิษองค์หญิงใหญ่เพื่อข้าได้อย่างไร?”

เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา

เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset