“อวิ๋นซี!” องค์หญิงใหญ่คว้ามือของมู่อวิ๋นซีไว้ด้วยอาการสั่น และมองใต้เท้าโจวอย่างแรง “อวิ๋นซีไม่ทำเรื่องเช่นนี้ออกมาแน่นอน”
“พรุ่งนี้เปิดศาลจะต้องมีข้อสรุปที่แน่นอน ข้าจะไม่ใส่ร้ายคนดีๆ คนหนึ่ง และก็ไม่อาจจะปล่อยคนชั่วไปได้” สีหน้าของใต้เท้าโจวเต็มไปด้วยความชอบธรรม ท่านย่า ไม่ต้องห่วง ไม่มีอะไรหรอก
มู่อวิ๋นซีมอบแววตาที่สบายๆ ให้กับองค์หญิงใหญ่ จากนั้นได้ดึงมือออกจากมือของนางแล้วลุกขึ้น หางตาได้จับถึงความสุขที่แวววับอยู่ในดวงตาของหลิ่วเย่ ความคิดได้เคลื่อนไหวเล็กน้อย และได้หยุดเท้าลงพร้อมมองไปที่ใต้เท้าโจวที่อยู่ตรงหน้า
“ใต้เท้าโจว! อวิ๋นซีมีเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเรื่องหนึ่ง อยากขอร้องให้ใต้เท้าโจวอนุญาต”
ใต้เท้าโจวมีสีหน้าที่เข้มงวดได้อ่อนลง “คุณหนูมู่เชิญพูดมา”
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกันกับแดงดุจท้อ ข้าเกรงว่าจะมีรายละเอียดมากมายที่ต้องการให้ท่านย่าของข้าเป็นพยาน และใต้เท้าโจวก็ทราบดีว่า ท่านย่าของข้าไม่สามารถออกไปจากลานหย่งเหอได้ ดังนั้นพรุ่งนี้ข้าอยากให้ใต้เท้าโจวเปิดศาลไต่สวนที่ลานหย่งเหอได้หรือไม่?”
เรื่องของมู่ซิ่ว มู่เซิ่งกับหลิ่วเย่ยังสามารถปกปิดองค์หญิงใหญ่ได้นานถึงปีกว่า และเรื่องของนาง จิงจ้าวอิ่นก็มาถามถึงจวนแล้ว พวกเขายังต้องการปกปิดไม่ให้เล็ดลอดออกได้
พรุ่งนี้เปิดศาล กลัวเพียงว่าจิงจ้าวอิ่นสอบยังไม่ได้ผลสรุป พวกเขาจะแจ้งองค์หญิงใหญ่ว่านางถูกสั่งโทษตาย องค์หญิงใหญ่อายุก็มากแล้ว แต่หากพอถึงเวลานั้น นางคงต้องเสียใจมาก
แววตาใต้เท้าโจวแวบวับ และลังเลไม่ตัดสินใจ
มู่อวิ๋นซีถอนหายใจเบาๆ แววตาปรากฏถึงความเศร้าขึ้นทันที “หรือบางที หลังจากการพิจารณาคดีในวันพรุ่งนี้ ข้ากับท่านย่าก็จะไม่ได้พบกันอีก ถือว่าเป็นการเติมเต็มจุดจบของความกตัญญูต่อคนที่ใกล้ตายอย่างข้า ได้หรือไม่?”
“ก็ได้” ใต้เท้าโจวพยักหน้า องค์หญิงใหญ่ตอนนี้แม้จะถูกห้าม แต่ว่านางยังคงเป็นองค์หญิงใหญ่ ให้นางได้ฟังคดีนี้ด้วยก็ดี เพื่อต่อไปจะได้ไม่ต้องเข้าไปพัวพันอีก
“มู่อวิ๋นซี เจ้านี้มันร้ายจริงๆ ตัวเองจะตายแล้วยังอยากจะลากข้าไปตายด้วย” มู่จื่อโหรวกระทืบเท้า โมโหแทบรอไม่ไหวจึงรีบจะไปฉีกมู่อวิ๋นซี การเป็นสนมก็ขายหน้าพอแล้ว และพรุ่งนี้เป็นวันจัดพิธีมงคลที่จวนยังจะมีมือปราบเจ้าหน้าที่มากมาย นั้นยังไม่ใช้ความโชคร้ายที่สุดเหรอ
“ไสหัวไปซะ!”
มู่จื่อชวนจ้องมู่จื่อโหรว แววตาที่อบอุ่นได้มีความดุร้ายขึ้นมาทันที
มู่จื่อโหรวไม่เคยเห็นมู่จื่อชวนเป็นแบบนี้มาก่อน จึงได้แข็งทื่อไปทันที
มู่จื่อชวนเหลือบไปที่มู่อวิ๋นซี “หากพี่รู้ว่าใครใส่ร้ายเจ้า พี่จะฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ เอง”
“อืม”
หัวใจมู่อวิ๋นซีมีทั้งความเศร้า และอบอุ่น จากนั้นได้เดินเข้าไปหาเขากระซิบเบาๆ ว่า “ดูแลท่านย่าดีๆ นะ”
จากพูดจบ นางไม่ได้หันหน้ากลับก็ได้เดินออกไปพร้อมกับใต้เท้าโจวและผู้คุ้มกันของจิงจ้าวอิ่น
มู่เซิ่งเหลือบมองหลิ่วเย่ที่อยู่ด้านข้าง
หลิ่วเย่ยิ้มที่มุมปาก นายท่านคอยดูต่อแล้วกัน
ดังนั้นจึงได้ย้ายคดีไปที่ลานหย่งเหอ เพื่อวันรุ่งขึ้นจะได้สอบปากคำแต่เช้า ผู้คุมของจิงจ้าวอิ่นได้นำพยานบุคคลเข้ามาทีละคนและหลักฐานที่เป็นวัตถุมาที่ห้องโถง
เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นส่องชายคา ห้องโถงได้ตกแต่งใหม่ตามแบบของศาลก็ได้เต็มไปด้วยผู้คน
ใต้เท้าโจวไม่ได้เสียเวลา เริ่มตีไม้ปลุกสติหนึ่งครั้งเพื่อเปิดศาล
เขาหันไปมองฮูหยินฉินที่สวมหมวกเหวยเม่า “ฮูหยินฉิน ท่านมีเรื่องร้องเรียนอะไร เชิญพูดมาได้”(เหวยเม่าคือหมวกที่มีผ้าม่าน เป้นเครื่องแต่งกายอย่างหนึ่งของผู้หญิงในสมัยโบราณ)
ฮูหยินฉินก็ไม่พูดมาก จึงยกมือจับหมวกเหวยเม่าที่มีผ้าสีดำหนาๆ ปิดอยู่ และมีเสียงอุทานขึ้นในห้องโถงในทันที
ใบหน้าที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้า เกือบจะไม่สามารถที่เรียกว่าใบหน้าได้ เพียงแค่สามารถแยกได้แบบถูไถว่าอันไหนคือดวงตา จมูกและปาก แต่ส่วนอื่นๆ บวมแดงกลายเป็นหนองไปหมด ดูน่าสะอิดสะเอียนและหวาดกลัว
“มู่อวิ๋นซี ไม่รู้ว่าเจ้ามีความรู้สึกอย่างไรกับใบหน้าของข้านี้?” ฮูหยินฉินมองดูมู่อวิ๋นซีด้วยสายตาที่เคียดแค้น
ไม่รอให้มู่อวิ๋นซีได้พูดอะไร นางก็ได้ปล่อยผ้าคลุมสีดำที่อยู่บนหมวกเหวยเม่าลงพร้อมหันไปพูดกับใต้เท้าโจวว่า “ครึ่งเดือนก่อน องค์หญิงใหญ่ต้องการให้มู่อวิ๋นซีได้รู้จักกับบรรพบุรุษกลับสู่วงศ์ตระกูล และได้เชิญข้าฮูหยินลู่ ฮูหยินติงมาเป็นพยาน”
“ก่อนจะกลับ นางยังได้มอบแป้งท้อธวัลพรรณให้พวกเราคนละตลับ ใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่พวกเราใช้แป้งท้อธวัลพรรณแล้ว ใบหน้าจะทั้งคันทั้งแดงแบบนี้ ไม่แค่นั้นแค่ได้สัมผัสผิวก็ลอกออกมาเป็นแผ่น และเดิมทีข้าคิดว่าตัวเองโชคไม่ดี ต่อมาบังเอิญได้รู้ว่าบนใบหน้าฮูหยินลู่ก็มีผื่นแดงขึ้นมากเช่นกัน และได้สอบถามอีกพบว่าฮูหยินติงก็เป็นเช่นนี้ด้วย”
“ข้าถึงได้คิดว่าต้องแป้งท้อธวัลพรรณต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน” ฮูหยินฉินยื่นตลับหยกที่อยู่ในมือให้กับใต้เท้าโจว “นี้คือแป้งท้อธวัลพรรณที่องค์หญิงใหญ่ได้มอบให้ในวันนั้น”
ใต้เท้าโจวโบกมือ และได้มีคนก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบ “ตอบใต้เท้า ในนี้มีการใส่ดอกฝูซิ่วฉิว และดอกไม้นี้ยังมีพิษด้วย หากสัมผัสกับผิวหนังเพียงเล็กน้อยก็จะมีผื่นคันบวมแดงขึ้น และอาจทำให้เกิดแผลที่ผิวหนังอย่างรุนแรง สถานการณ์ของฮูหยินน่าจะเกิดจากกรณีนี้ได้”
“องค์หญิง!” ใต้เท้าโจวมององค์หญิงใหญ่ที่นั่งอยู่ด้านข้าง “ไม่ทราบว่าแป้งท้อธวัลพรรณท่านนำมาจากที่ไหน?”
“ฮูหยินเล็กหลิ่วเป็นคนเตรียมไว้” องค์หญิงใหญ่ตอบตรงไปตรงมา “เรื่องราวอื่นๆ ต้องให้ใต้เท้าถามนางดู”
เมื่อคืนหลังจากที่มู่อวิ๋นซีถูกนำตัวออกไป นางได้สงบสติอยู่คนเดียว ถึงได้รู้สึกประหลาดใจที่หลิ่วเย่นำเอาแดงดุจท้อออกมาอย่างง่ายดาย กลัวว่าจะเป็นสำหรับวันนี้
“แป้งท้อธวัลพรรณเป็นข้าที่จัดเตรียมไว้จริงๆ แต่ข้าเตรียมไว้ทั้งหมดห้าตลับไม่ใช่สามตลับ ในวันเดียวกัน ข้าได้ส่งแป้งท้อธวัลพรรณทั้งห้าตลับพร้อมกับชุดจันทร์ลอยซูซิ่วหนึ่งผืน ไปที่ลานชิงจื่อ และก็เป็นคุณหนูรองที่อยู่นั้น”
นางเหลือบสายตามองฮูหยินฉิน “ข้าว่าชุดจันทร์ลอยซูซิ่วก็คือตัวที่ฮูหยินเห็นคุณหนูรองได้สวมใส่ในวันนั้น”
ฮูหยินฉินพยักหน้า หลิ่วเย่ก็มองไปที่ใต้เท้าโจว “จากนั้น คุณหนูรองได้เลือกไว้สองตลับ ข้าจังได้นำทั้งสามตลับที่เหลือไปให้แม่นมโจว และใครจะไปรู้เล่า ว่าคุณหนูรองกล้าที่จะทำอะไรกับสามตลับนั้น”
ฮึ!
มู่อวิ๋นซียิ้มอย่างเย็นชา “เกรงว่าฮูหยินเล็กหลิ่วจะสับสนแล้วกระมัง? วันนั้นท่านได้ส่งแป้งท้อธวัลพรรณให้ข้ามาแค่สองตลับ”
“คุณหนูรองอย่าพูดเหลวไหลนะ ข้าน้อยยังจำได้ชัดเจนว่า ฮูหยินเล็กได้ส่งแป้งท้อธวัลพรรณให้คุณหนูรองไปห้าตลับ และคุณหนูรองได้เอาไว่สองตลับ” ขณะนั้นมียายรับใช้ส่งเสียงออกมาเป็นพยานให้กับหลิ่วเย่
“ข้าน้อยเป็นพยานให้กับฮูหยินเล็กหลิ่วเจ้าค่ะ คุณหนูรองกำลังพูดเท็จเจ้าค่ะ” และมีนังหนเห็นด้วยหนึ่งคน
“ทั้งที่มีแค่สองตลับ” ไป่หลิงไม่ยอม
“เงียบ!” ใต้เท้าโจวตีไม้ปลุกสติขึ้น มองหลิ่วเย่ “ท่านบอกว่าเป็นคุณหนูรองเป็นคนทำ ท่านมีหลักฐาน?”
“มี! ข้ามีพยาน”
เสียงของนางจบลง ได้มียายรับใช้คนหนึ่งได้วิ่งจากข้างนอกเข้ามาคุกเข่าลง
สายตาของมู่อวิ๋นซีหรี่ลงเล็กน้อย นางรู้จักยายรับใช้คนนี้ วันนั้นที่อยู่ในสวนดอกไม้ และนางถือจอบตีลู่เอ๋อร์……
“ข้าน้อยพบใต้เท้า ข้าน้อยทำงานอยู่ในห้องดอกไม้ได้เห็นคุณหนูรองทั้งหมดสองครั้งเจ้าค่ะ”
นางเหลือบมองไปที่มู่อวิ๋นซีที่อยู่ข้างๆ “ครั้งแรกคือนางได้ตัดโบตั๋นสามสีที่ฮูหยินเล็กหลิ่วนำมาจากแปลงดอกไม้ อีกครั้งคือตอนเย็นนางได้ตัดดอกดอกฝูซิ่วฉิวไปสองก้าน ข้าน้อยหวังดีเตือนนางแล้วว่าดอกดอกฝูซิ่วฉิวนั้นมีพิษ สุดท้ายกลับถูกคุณหนูรองบอกให้ข้าน้อยดูแลตัวเองดีๆ”
ใต้เท้าโจวตีไม้ปลุกสติพร้อมกับมองมู่อวิ๋นซี “มู่อวิ๋นซี! เจ้ารับผิดหรือไม่?”
“นั้นไม่ใช่ข้า”
“ดี” ใต้เท้าโจวก็ไม่ได้โมโห และหันไปมองที่ท่านชายท่านหนึ่งที่กำลังคุกเข่าอยู่ “ท่านได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างไร เชิญพูดได้เลย”
ท่านชายนั้นก็ได้หันไปที่มู่อวิ๋นซี “ท่านยังจำข้าได้หรือไม่?”