มู่ซิ่วนิ่งชะงัก สายตามองลงต่ำ พร้อมกับดึงมือของตัวเองออกจากมือของมู่อวิ๋นซี แล้วหันหลังหนี
“ท่านพี่?ท่านเป็นอะไรไป?”
มู่อวิ๋นซีเดินไปตรงหน้าของนาง แล้วจับไหล่ทั้งสองข้างของนางเอาไว้ “ข้ามีวิธีการจริงๆ ท่านไม่ต้องกังวลใจ ขอเพียงท่านบอกมาว่าท่านยินยอมหรือไม่เท่านั้น ?หากท่านพูดว่าตกลง ข้าก็จะทำให้เจี่ยอี้รีบ ……”
“อวิ๋นซี!” มู่ซิ่วเงยหน้าขึ้นมองมู่อวิ๋นซี ” เจ้าไม่เข้าใจ พี่เขยของเจ้า……อันที่จริงเขาก็ดี”
ดี?ตั้งแต่หัวจรดเท้า จากรูปลักษณ์ภายนอกจนถึงลักษณะนิสัย เจี่ยอี้มีตรงไหนที่เรียกว่าดีกัน ?ยามอยู่นอกบ้านก็โปรยเสน่ห์ให้กับหญิงอื่น ยามอยู่ในบ้านก็เรียกใช้นางอย่างข้าทาส ทั้งยังเรียกนางว่าตัวซวยอีก แล้วเช่นนี้เขาจะดีอย่างไรกัน ?
ยังไม่ทันที่มู่อวิ๋นซีจะได้เอ่ยปาก มู่ซิ่วก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงเป็นใยข้าเช่นเดียวกับท่านย่า แต่ข้านั้นสบายดีจริงๆ เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลใจอีก ถึงแม้ตำแหน่งสนมนี้เมื่อพูดออกไปแล้วจะไม่น่าฟังนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วพี่เขยของเจ้าและจื่อหลันล้วนดีกับข้ามาตลอด ”
“ท่านพี่?” มู่ยุนซีร้องเรียกขึ้นมาอีกครั้ง แต่คำกล่าวโน้มน้าวทั้งหลายที่พอจะออกมามันกลับถูกนางกลืนลงคอไป เพราะท่าทางแบบนี้ของมู่ซิ่ว ไม่ว่าตัวนางจะพูดอย่างไรนางก็คงจะไม่ฟังแน่นอน
“ได้ หากท่านรู้สึกดีก็ดีไป แต่ว่า ……” นางมองไปยังบาดแผลสาหัสบนหน้าผากของมู่ซิ่ว “ท่านพอจะพักอยู่ที่นี่สักสองสามวันได้หรือไม่ ?อยู่ดูแลท่านย่า และจะได้อยู่กับข้าด้วย ”
มู่ซิ่วแสดงท่าทีลำบากใจ ” พี่เขยของเจ้ายังต้องไปเข้าเวรที่ผิงจุ่นซือทุกวัน ข้าเองก็ไม่รู้ว่าสะดวกหรือไม่ เดี๋ยวข้าไปถามเขาก่อนแล้วจะให้คำตอบกับเจ้า……”
“เอาตามนี้แล้วกัน!” มู่อวิ๋นซีขัดจังหวะของมู่ซิ่ว “ทางฝั่งของเจี่ยอี้ข้าจะเป็นคนไปพูดเอง”
นางชำเลืองตามองไปยังองค์หญิงใหญ่ที่อยู่บนเตียง ก่อนจะหันมาพูดด้วยเสียงเบาๆ กับมู่ซิ่ว “หมอหลวงบอกว่าท่านย่าไม่ควรได้รับแรงกระตุ้นใดๆ อีก อีกเดี๋ยวท่านบอกกับนางว่าท่านจะไม่ไปแล้ว ได้หรือไม่ ?”
มู่ซิ่วพยักหน้ารับด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
“เช่นนั้นท่านอยู่กับท่านย่าไปก่อน ข้าจะกลับไปอาบน้ำเสียหน่อย เมื่อคืนนี้นอนอยู่ในคุกทั้งคืน ตอนนี้รู้สึกว่าไม่ว่าส่วนไหนของร่างกายก็มีกลิ่นเหม็นเน่าไปหมด ” มู่อวิ๋นซียกแขนขึ้นดม พลางขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
“อย่างนั้นก็รีบไปเถิด”
ทันทีที่เดินออกมาจากลานหย่งเหอ ก็เผอิญไปพบเข้ากับเจี่ยอี้อย่างพอดิบพอดี
“อวิ๋นซี!” รอยยิ้มปรากฏขึ้นใบหน้าที่เต็มไปด้วยฝ้ากระของเจี่ยอี้ “เจ้าไม่เป็นอะไรแล้วหรือ?ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ คนงดงามดุจมัจฉาจมวารี จันทร์หลบโฉมสุดาเช่นเจ้าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ?”
“ข้าขอบอกกับเจ้าเลยนะอวิ๋นซี อันที่จริงข้ามองออกตั้งนานแล้วว่าหลิ่วเย่ไม่ใช่คนดีอะไร เจ้าลองคิดดูสิว่านางมาจากไหน ?หอโคมเขียว!คนที่ออกมาจากที่นั่นจะไปมีดีได้อย่างไรกัน เจ้าวางใจเถิด ข้าได้กำชับกับใต้เท้าโจวแล้วว่าให้เขาจัดการกับหลิ่วเย่ให้สาสมกับที่ทำให้เจ้าต้องเสียชื่อเสียง ”
หึ!
มู่อวิ๋นซีหัวเราะเยาะ นี่น่ะหรือดีที่มู่ซิ่วพูดถึง เมื่อสักครู่นี้ตอนอยู่ในห้องโถงใหญ่ เจี่ยอี้ยังลงความเห็นว่านางเป็นฆาตกรอยู่เลย อีกทั้งยังซ้ำเติมด้วยว่าต้องการนางเป็นสนม ตอนนี้กลับแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมาแทนเสียอย่างนั้น
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ” มู่อวิ๋นซีรู้สึกเปลี่ยนใจจึงแสร้งทำเป็นมองไปยังเจี่ยอี้ด้วยความตื้นตันใจ ” ข้ามีเรื่องอย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะเป็นการรบกวนใต้เท้าเจี่ยหรือไม่ ?”
ดวงตาของเจี่ยอี้ส่องประกายออกมา พลางขยับเข้าไปใกล้มู่อวิ๋นซีหนึ่งก้าว “รบกง รบกวนอะไรกัน ขอเพียงแค่เป็นเรื่องของเจ้า ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟข้าก็เต็มใจที่จะทำเพื่อเจ้า ”
มู่อวิ๋นซีก้าวถอยหลังโดยที่ไม่ให้เขารู้ตัว แล้วพูดออกมาอย่างพยายามสะกดความเกลียดชังภายในใจเอาไว้ “ตอนนี้ท่านย่าทรุดป่วย ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาข้าและท่านพี่ชายก็ไม่รู้ว่าจะไปปรึกษากับผู้ใดดี ท่านและท่านพี่พอจะพักอยู่ที่นี่สักสองสามวันได้หรือไม่ ?”
“แน่นอน มันสมควรจะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ” จู่ๆ เจี่ยอี้ก็โน้มใบหน้าที่เต็มไปด้วยฝ้ากระเข้าไปใกล้กับมู่อวิ๋นซี “อวิ๋นซี ความหมายของเจ้า ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าจงวางใจเถิด ขอเพียงข้ายังอยู่ที่จวนต่ออีกสักวัน ข้าจะไม่มีทางปล่อยให้ท่านรองมู่รังแกเจ้าได้แน่นอน ”
“เช่นนั้นก็ต้องรบกวนท่านแล้ว!”
จากนั้นมู่อวิ๋นซีก็วิ่งหนีออกมาจากตรงนั้นทันที
เมื่อกลับมาถึงลานชิงจื่อ ไป่หลิงที่กลับมาก่อนก็ได้เตรียมน้ำอุ่นไว้ให้นางเรียบร้อยแล้ว “คุณหนู ทำให้ท่านต้องทุกข์ลำบากแล้ว มู่อวิ๋นซีหยิบขวดปั้นสีขาวออกมาจากตู้ แล้วเทยาสร้างเนื้อออกมาหนึ่งเม็ดก่อนจะแบ่งครึ่งแล้วยื่นให้กับไป่หลิง ” เจ้าไปที่ลานหย่งเหอ แล้วหาโอกาสค่อยๆ ทายานี้ลงไปบนแผลของคุณหนูใหญ่เสีย ”
ในเมื่อมอบยาสร้างเนื้อให้มู่ซิ่วแล้วนางไม่สามารถเก็บรักษาเอาไว้ได้ ครั้งนี้นางจึงต้องพยายามให้มู่ซิ่วอยู่ต่อ ก็เพื่อบาดแผลบนหน้าผากของนาง
ในเมื่อเจี่ยอี้เป็นคนมักตัณหา ถ้าหากบาดแผลของมู่ซิ่วหายดี บางทีเขาอาจจะทำดีกับนางมากกว่านี้ก็เป็นได้
มู่อวิ๋นซีค่อยๆ นั่งลงไปในอ่างอาบน้ำ ไอความร้อนที่แทรกซึมผ่านผิวหนังเข้าไปในกระดูก ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมายาวๆ ด้วยความรู้สึกสบายตัว
ด้วยไอน้ำหนาแน่นที่ลอยฟุ้งอยู่ตรงหน้า ทำให้จิตใจของนางล่องลอยไปกับไอที่หนาแน่นนั้นเช่นกัน
ความหนาวเย็นของคุกในเมื่อคืนนี้ทำให้นางย้อนนึกถึงชีวิตอันมืดมิดภายในคุกใต้ดินเมื่อชาติที่แล้วขึ้นมา
นางคิดว่าตัวเองได้เตรียมตัวมาอย่างเพียบพร้อมแล้วที่จะต่อกรกับมู่เซิ่ง แต่ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่านางคิดผิด นางยังอ่อนแอเกินไป
หากนางรู้ว่าจิงจ้าวอิ่นจะมาทำการสืบคดีที่จวนตระกูลมู่เร็วกว่านี้ ได้รู้ถึงเรื่องสองชีวิตนั้นของข่งซานฟางเร็วกว่านี้ มีหรือที่นางจะเป็นฝ่ายถูกกระทำเช่นนี้ได้?และบางที ท่านย่าของนางก็ไม่ต้องถูกยั่วอารมณ์จนโรคหลอดเลือดสมองกำเริบ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่นางอยากจะสร้างความสงบในจวนตระกูลมู่ หรือจัดการเรื่องค้าขายภายนอก นางล้วนต้องมีผู้ช่วย ต้องมี ……
ซ่าห์!
ทันใดนั้นน้ำที่ถูกราดลงมาบนหัวของมู่อวิ๋นซีขัดจังหวะความคิดของนาง นางอุทานออกมาอย่างตกใจ และลุกขึ้นไปมองด้านหลังตามสัญชาตญาณ
จนทำให้น้ำกระเด็นเข้าไปโดนร่างของชายในชุดดำที่ยืนอยู่ข้างอ่างอาบน้ำทันที
มือที่ถือขันน้ำของเฟิ่งเชียนเย่แน่นิ่งกลางอากาศ ดวงตาจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าอย่างตะลึง
หยดน้ำนับไม่ถ้วนไหลย้อยลงมาตามผิวขาวระเรื่อของนาง หยดน้ำไหลผ่านจากใบหน้าเล็กๆดุจดอกบัวลงมายังหน้าอกอันขาวอวบอิ่ม ก่อนจะไหลลงไปตามเอวที่มีทรวดทรงสวยงามระยิบระยับ ……
“อ๊า!”
จู่ๆ มู่อวิ๋นซีก็สังเกตเห็นว่าสายตาของเฟิ่งเชียนเย่กำลังมองไปตรงไหน จึงทำให้เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาในห้องอาบน้ำอีกครั้ง
ซ่าห์!
น้ำอุ่นๆ กระเด็นใส่หน้าของเฟิ่งเชียนเย่อีกครั้ง ปลุกให้เขาได้สติขึ้นมาทันที ขันน้ำในมือของเขาหล่นลงไปกระทบกับพื้นที่อยู่ข้างอ่างอาบน้ำ ส่วนเขาก็รีบกลับหลังหันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดติดอ่างออกมาเป็นครั้งแรก
“ข้า ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น จริงๆ ”
มูอวิ๋นซีที่เดิมทีรู้สึกอายอยู่แล้วตอนนี้ก็ยิ่งหน้าแดงจนเลือดแทบกระอักออกมา การที่เขาพูดซ้ำเติมเข้าไปเช่นนี้ ยิ่งแสดงให้เห็นว่ากำลังร้อนตัวไม่ใช่หรือไง ?
และเมื่อนึกถึงสายตาของเขาเมื่อสักครู่นี้ มู่อวิ๋นซีก็ยิ่งรู้สึกอาย นางจึงทรุดตัวลงไปในน้ำอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะจมหายไปในอ่างน้ำ
ทว่าจู่ๆ นางก็คิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้อีก ทุกครั้งในตอนที่นางเรียกเขา เขาก็จะปรากฏตัวมาในทันที อย่างนั้นก็แสดงว่าเขาอยู่ใกล้ตัวนางมาก เช่นนั้นในตอนที่นางอาบน้ำก่อนหน้านี้เขาคงจะไม่เห็นหมดแล้วหรอกหรือ?
อ๊า!
มู่อวิ๋นซีกรีดร้องคร่ำครวญภายในใจ แล้วจมดิ่งลงไปในน้ำด้วยความอับอาย
หลังจากรอมานานเฟิ่งเชียนเย่ที่ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ จากมู่อวิ๋นซี เขาจึงหันหน้าไปมองอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนจะเห็นว่ามู่อวิ๋นซีไม่ได้อยู่ในอ่างอาบน้ำแล้ว มีก็แต่เพียงเส้นผมสีดำที่กำลังกระจัดกระจายพลิ้วไหวไปมาราวกับปลาน้อยลอยอยู่เหนือน้ำเท่านั้น
เฟิ่งเชียนเย่ตื่นตกใจ จึงยื่นมือลงไปในอ่างอาบน้ำ
แต่เมื่อน้ำอุ่นนั้นได้โอบแขนของเขาเอาไว้ ทันใดนั้นเขาก็รีบชักมือกลับมาทันที ช่างน่าปวดหัวเสียจริง นี่มันอ่างอาบน้ำ นางจะจมน้ำได้อย่างไรกัน ?
นางกำลังหลบหน้าเขาอยู่ชัดๆ
“ข้าไม่ได้คิดจะมาดูเจ้าอาบน้ำหรอกนะ ไม่สิ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ไม่ได้ ……”
เฟิ่งเชียนเย่หยุดพูด จู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่าต่อให้อธิบายไปก็คงจะไม่ช่วยอะไร จึงพูดออกไปตามตรง ” เจ้าเอาหัวขึ้นมาก่อนได้หรือไม่?ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า”