เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา – ตอนที่ 61 ท่านชอบมู่ซิ่วหรือไม่ ตายแล้ว

“คุณหนูรอง! ไม่ใช่คุณหนูของข้าน้อยนะเจ้าคะ แต่เป็นฮูหยินเล็กเจ้าค่ะ” ชุนถาวเหลือบมองซ้ายขวา พูดเสียงทุ้มต่ำว่า “ตอนนี้ท่านสามารถไปที่คุกหลวงที่จิงจ้าวอิ่นสักครู่ได้หรือไม่ ฮูหยินเล็กหลิ่วอยากพบท่านเจ้าค่ะ”
มู่อวิ๋นซีสีหน้าค่อยๆ เย็นชาลง “ข้ากับนางเราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว”
“คุณหนูรอง!” ชุนถาวรีบก้าวเข้าไปด้านหน้ามู่อวิ๋นซีหนึ่งก้าว “หรือท่านไม่ได้สนใจความเป็นความตายขององค์หญิงหรือเจ้าคะ?”
“ที่เจ้าพูดมาหมายความว่าเยี่ยงไร?” มู่อวิ๋นซีจับชุนถาวไว้ทันที “องค์หญิงไม่ใช่โรคหลอดเลือดสมองรึ?”
“บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ คำพูดนี้ฮูหยินเล็กหลิ่วให้บ่าวมาแจ้งคุณหนูรองเจ้าค่ะ ฮูหยินเล็กบอกว่า ขอแค่คุณหนูรองไปพบนาง นางจะบอกความจริงกับท่านทุกอย่าง” กลัวว่ามู่อวิ๋นซีจะไม่ไป ชุนถาวก็ได้เสริมไปอีกประโยคว่า “เพียงแค่รู้ความจริง จึงสามารถช่วยองค์หญิงได้เจ้าค่ะ”
ดูเหมือนว่าองค์หญิงใหญ่ไม่ได้เป็นแค่โรคหลอดเลือดสมองเท่านั้น
“คุณหนูรอง ท่านต้องไปให้ได้นะเจ้าคะ” มู่เซิ่งไม่ได้สนใจฮูหยินเล็กหลิ่วจะเป็นหรือตาย และตอนนี้ที่นางจะสามารถขอร้องได้ก็มีเพียงมู่อวิ๋นซีเท่านั้น
สายตาที่มองชุนถาวจากไป มู่อวิ๋นซีถึงได้สั่งให้ข้ารับใช้เตรียมรถม้า
“อวิ๋นซี! นี่เจ้าต้องการจะทำอะไร? ไปตลาดตงซื่อหรือ? หรือให้ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้าไหม?” เจี่ยอี้ที่เพิ่งกระโดดลงจากม้า พร้อมเดินมือไขว้หลังตรงไปหามู่อวิ๋นซีที่กำลังจะขึ้นบันได
“ไม่รบกวนใต้เท้าเจี่ยหรอก ข้าจะไปเยี่ยมหลิ่วเย่” ไม่รอให้เจี่ยอี้ถามต่อ มู่อวิ๋นซีได้พูดอธิบายอีกว่า “ถึงอย่างไรเสียในช่วงหลายปีมานี้ ข้าก็คิดเสมอว่านางเป็นท่านแม่ของข้า พรุ่งนี้นางจะได้รับโทษประหารชีวิตแล้ว ข้าจะไปดูหน้านางเป็นครั้งสุดท้าย”
“แต่ไหนแต่ไรข้าไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนจิตใจดีงามมากไปกว่าเจ้าเลย” ใบหน้าเจี่ยอี้มองไปที่มู่อวิ๋นซีอย่างชื่นชม “เจ้าเป็นเช่นนี้ จะไม่ให้ข้าหวั่นไหวได้อย่างไรกันเล่า?”
เขาได้เหยียดมือที่อยู่ข้างหลังตลอดออกมา และได้เปิดกล่องสีแดงที่อยู่ในมือออก เผยให้เห็นกำไลข้อมือปะการังแดงที่อยู่ข้างใน
“ข้าได้ยินเถ้าแก่ของหอหลิงหลาง บอกว่า นี่คือสินค้าใหม่ที่เพิ่งนำมาจากทางตอนใต้ ทั้งเมืองหลวงมีแค่ชิ้นนี้ชิ้นเดียว เจ้าดูสิ ชอบไหม?”
ผู้หญิงที่เคยได้เจอก่อนหน้านั้นสิ่งที่เขามอบให้ล้วนเป็นเครื่องประทินโฉมของแดงดุจท้อ แต่ตอนนี้ แดงดุจท้อเป็นของมู่อวิ๋นซีแล้ว นางคงไม่สนใจเครื่องประทินโฉมอะไรหรอก ดังนั้นครั้งนี้ เขาได้ใช้เงินทั้งหมด ซื้อกำไลข้อมือปะการังแดงจากหอหลิงหลางเส้นนี้มา เพื่อจะได้รับรอยยิ้มจากสาวงาม

กำไลข้อมือที่แดงดั่งเลือด แต่ในสายตาของมู่อวิ๋นซี กลับเหมือนรอยแผลอันน่ากลัวที่หน้าผากมู่ซิ่ว
สายตาของนางเปลี่ยนจากมองกำไลข้อมือเป็นมองใบหน้าที่ซีดเผือดของเจี่ยอี้ “เพียงแค่เส้นเดียวรึ?”
“ใช่ มีแค่เส้นนี้เส้นเดียว” บนหน้าของเจี่ยอี้มีรอยยิ้มที่ตามใจ “ข้าช่วยสวมให้เจ้า?”
ขณะที่พูด เขาได้ยื่นมือไปดึงมือของมู่อวิ๋นซี
มู่อวิ๋นซีถอยหลังหลบไปหนึ่งก้าว “ท่านได้เตรียมของขวัญอะไรให้พี่สาวข้า?”
เจี่ยอี้ทำสีหน้าเหยเก
มู่อวิ๋นซีไม่รอให้เขาได้คิดข้อแก้ต่าง จึงถามต่อ “ท่านชอบมู่ซิ่วไหม? ข้าอยากฟังความจริง”
เจี่ยอี้กะพริบตา ไม่เข้าใจความหมายของมู่อวิ๋นซี คิดจะบอกว่าไม่ชอบ ก็กลัวมู่อวิ๋นซีโมโห อยากจะบอกว่าชอบ ก็กลัวว่ามู่อวิ๋นซีจะห่างเหินกับเขา สุดท้ายเขาได้ถอนหายใจออกมา “เรื่องของเรา เจ้าไม่เข้าใจหรอก”
“เพราะว่าไม่เข้าใจ ถึงได้ถามท่านไง ท่านชอบมู่ซิ่วหรือไม่?” มู่อวิ๋นซีไม่ยอมปล่อยคำถามนี้
เจี่ยอี้มีสีหน้าที่สับสน จ้องมองไปที่สีหน้าของมู่อวิ๋นซีแล้วพูดว่า “ชอบ”
เห็นสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนของมู่อวิ๋นซี เขาถึงได้พูดต่อว่า “แต่ว่าบางที แค่ชอบมันไม่พอหรอก อวิ๋นซี เจ้าไม่รู้เหรอว่านางนำพาความหายนะมาให้แก่ตระกูลเจี่ยของข้ามากเท่าไหร่ ท่านพ่อท่านแม่ของข้าต้องตายก็เพราะนาง
“ท่านว่าอะไร? ฮูหยินใหญ่เจี่ย……”
“ท่านพ่อของข้าเสียไปได้ไม่นาน ในจวนก็เกิดเรื่องร้ายไม่หยุด และข้าได้เชิญหมอดูท่านหนึ่งมา เขาบอกว่าพี่สาวของเจ้าคือเคราะห์ร้าย เพียงมีแค่นางอยู่หนึ่งวัน ตระกูลเจี่ยก็อยู่ไม่สุขหนึ่งวัน เดิมทีข้าก็ไม่เชื่อ แต่ต่อมาท่านแม่ของข้าได้ป่วยลง และนางแค่ส่งยาต้มครั้งเดียว ท่านแม่ของข้าก็ไม่ไหวแล้ว”

“เพื่อชื่อเสียงของนาง ท่านแม่ของข้าก็ไม่ได้แม้แต่จะจัดงานศพ ได้เพียงฝังไว้อย่างเงียบๆ อยู่ข้างท่านพ่อข้า ถึงตอนนี้แม้แต่องค์หญิง ก็ยังไม่รู้ว่าท่านแม่ของข้าได้จากไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะว่าเคยชอบ ข้าจะปิดบังเรื่องนี้เพื่อนางทำไม? และทำไมยังต้องปล่อยให้นางอยู่ที่จวนตระกูลเจี่ยอีก?”
มู่อวิ๋นซีอึ้ง ทันใดนั้นได้มีทั้งความซาบซึ้งและก็เหมือนได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งในทันที และในใจรู้สึกเสียใจแทนมู่ซิ่วเป็นระยะๆ
บางทีเมื่อเจี่ยอี้ได้พบกันกับมู่ซิ่วครั้งแรก คือเขาชอบนางมาก เพราะเป็นผู้หญิงที่ไม่เคยออกเรือนมาก่อน และหญิงสาวช่วงวัยแรกแย้ม แล้วใครคนไหนที่จะไม่งาม?
และต่อมา ความชอบที่เจี่ยอี้มีต่อมู่อวิ๋นซีนั้นได้ถูกเวลา และยังมีเรื่องที่ไม่ดีแต่ละเรื่องเกิดขึ้น ทำให้ได้ค่อยๆ ชะล้างให้หมดไป
ถึงตอนนี้ กลัวว่าจะเหลือเพียงความเอือมระอา
“อวิ๋นซี!” เห็นมู่อวิ๋นซีไม่พูด เจี่ยอี้อดกังวลไม่ได้ รีบพุ่งเข้าไปพูดความในใจกับนาง “เจ้าต้องเชื่อข้านะ เทวดาฟ้าดินพยานว่าข้านั้นได้พูดความจริงอย่างจริงใจแล้ว ความชอบที่ข้ามีต่อเจ้า มันมีมากกว่าความชอบที่มีต่อนางอย่างไม่สามารถเทียบกันได้ อวิ๋นซี เจ้าไม่รู้หรอก ครั้งแรกที่ข้าได้เห็นเจ้า ก็ทำให้ข้าหวั่นไหว……”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ? เจ้าจะทอดทิ้งข้าเหมือนอย่างที่ทอดทิ้งมู่ซิ่วหรือไม่?” มู่อวิ๋นซีขัดคำพูดของเขา “ใต้เท้าเจี่ย หากท่านมีใจจริงๆ ให้ท่านดีต่อพี่สาวของข้าสักหน่อยเถิด”
นางได้เหยียบตั่งเตี้ยขึ้นรถม้า “ไปคุกหลวงจิงจ้าวอิ่น!”
เสียงล้อรถม้าดังกุกกักๆ แล่นออกไป ทิ้งเสียงตะโกนเรียกของเจี่ยอี้ไว้ข้างหลัง นางได้ค่อยๆ หลับตาลง ครุ่นคิดอยู่นานแต่ก็ไม่เข้าใจ ว่าบนตัวเจี่ยอี้มีค่าอะไรพอที่จะให้มู่ซิ่วต้องอาลัยอาวรณ์ขนาดนั้น?
โธ่!
นางได้ถอนหายใจลึกๆ หากว่ามู่ซิ่วเลือกที่ต้องการจะอยู่ข้างกายเจี่ยอี้ เช่นนั้นนางต้องทำให้มู่จื่อหลันออกไป มิใช่นั้นเกรงว่าสถานการณ์ของมู่ซิ่วจะแย่ลงไปทุกวัน

“คุณหนูรอง ถึงแล้วขอรับ!” เสียงคนขับรถม้าได้ดังขึ้นจากข้างนอก
มู่อวิ๋นซีลงรถม้า ได้ให้เงินกับผู้คุม แล้วเดินตามเขาเข้าไปในคุกตรงที่ขังหลิ่วเย่ไว้
“ห้องด้านในนั้นขอรับ!” ผู้คุมยกมือชี้ไปที่ห้องขังที่อยู่ด้านในสุด “มีอะไรให้รีบๆ พูดนะขอรับ”
มู่อวิ๋นซีพยักหน้า เดินไปถึงประตูห้องขัง ก็ได้เห็นหลิ่วเย่นอนอยู่ที่พื้น อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ “ฮูหยินเล็กหลิ่ว?”
หลิ่วเย่ที่นอนอยู่บนพื้นที่เหมือนจะขยับแต่ไม่ขยับ
“ฮูหยินเล็กหลิ่ว?” มู่อวิ๋นซีได้เรียกอีกครั้ง และทันใดนั้นได้เห็นว่าใบหน้าของหลิ่วเย่เหมือนไม่มีรอยเลือด
ในใจของนางได้ตกใจขึ้นทันที และได้ตะโกนเรียกดังขึ้นมา “ทหาร เร็วเข้า! เกิดเรื่องแล้ว!”
ผู้คุมที่เพิ่มพามู่อวิ๋นซีเข้ามาได้พุ่งเข้ามา แล้วรีบเข้าไปเปิดโซ่ที่ประตูห้องขังเสียงดัง และรีบเข้าไปเอื้อมมือไปสำรวจลมหายใจของหลิ่วเย่ หลังจากนั้นได้ตะโกนเสียงดัง “เด็กๆ ไปเชิญอู่จั้วมา! แล้วไปรายงานต่อใต้เท้า หลิ่วเย่ตายแล้ว”
ตายแล้ว? แล้วองค์หญิงใหญ่ล่ะ……
ก่อนที่ความคิดจะจบลง หัวใจของมู่อวิ๋นซีก็เต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง นางที่เพิ่งมา หลิ่วเย่ก็ตายไป หรือว่านี้จะเป็นกับดักของหลิ่วเย่ ต้องการใช้การตายมาใส่ร้ายนาง?”
นางประมาทมากจริงๆ
นางกำลังครุ่นคิดกลับไปกลับมา คิดหาข้ออ้างทุกอย่าง และมีใต้เท้าโจวที่เร่งรีบไปที่นั่นเพื่อเข้าดูการชันสูตรศพ “เป็นอย่างไร?”
“เป็นการกัดลิ้นฆ่าตัวตายขอรับ” อู่จั้วรายงาน “ร่างกายยังอุ่นอยู่ แต่ดูการแข็งตัวของรอยเลือดที่อยู่บนพื้น น่าจะตายไปแล้วครึ่งชั่วยาม” เขาเหลือบมองมู่อวิ๋นซี “น่าจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับคุณหนูมู่ขอรับ”
หัวใจที่แขวนอยู่ของมู่อวิ๋นซีค่อยๆ ตกลงไป และทันใดนั้นได้กัดริมฝีปากไว้อีกครั้ง จากนั้นหันไปมองใต้เท้าโจวทีละน้อย “เกรงว่าหลิ่วเย่ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย”
หากว่านางต้องการฆ่าตัวตาย แล้วทำไมจะต้องให้ชุนถาวไปเชิญนางมาที่คุกหลวง มาดูว่านางตายอย่างไรหรือ?

เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา

เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset