หน้าต่างขยับ มีเงาดำเข้ามาอย่างไว คุกเข่าข้างหนุ่งลงตรงหน้าเฟิ่งเชียนเย่ ด้วยท่าทางกังวลใจ “คารวะเจ้านาย ท่านเป็นไงบ้าง?”
“ไม่ตายหรอก”
ใบหน้าที่หล่อล้ำของเฟิ่งเชียนเย่ได้เพิ่มความเย็นชาขึ้น “หลังจากนั้นเป็นไงบ้าง?”
“เจ้านายไปแล้ว เขาเองก็ได้ดื่มเหล้าพิษลงไป จากนั้น จินเยว่ใส่ร้ายว่าเจ้านายวางยาพิษให้เขา นายท่านโกรธมาก บอกว่าจะตัดความสัมพันธ์กับท่าน เขายังดิ้นรนช่วยเจ้านายขออภัย ” หนานเฟิงทำหน้าไม่พอใจ
ชิ!
เฟิ่งเชียนเย่ยิ้มอย่างดูแคลน ใจเขาดั่งทุ่งหิมะกว้างใหญ่ที่ถูกแสงดวงจันทร์สอดส่อง โดดเดี่ยว สว่างแต่เหน็บหนาว
ถ้าไม่ใช่เช่นนี้ เขาก็ไม่ใช่เขา
ใบหน้าที่เย็นชาขิงเขายิ่งเย็นกว่าเดิม อุณหภูมิในห้องก็ลดลงตามด้วย หนานเฟิงที่คุกเข่าอยู่หน้าเขาก็ก้มหัวต่ำลงกว่าเดิมไปอีก ร่างกายหดตัวโดยไม่รู้ตัว แววตากลับมีความสงสาร
“หนาว!”จู่ๆ ก็มีเสียงกระซิบมาจากตั่งนอนหลังเฟิ่งเชียนเย่
เขารีบหันกลับมามองทันที เห็นคนที่นอนอยู่บนตั่งนอน แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย คนทั้งคนหดตัวเป็นกลม ยิ่งเหมือนแมวไปใหญ่เลย
ความหนาว ก็เงียบหายไปจากตาของเฟิ่งเชียนเย่
หนานเฟิงแอบโล่งใจลง ค่อยกล้าพูดขึ้นอีกครั้ง”เจ้านาย พวกเราทำไงดี?”
“บอกกู้ตงหลี ภายในครึ่งเดือนนี้ ข้าจะให้ร้านในตลาดซีซื่อเก้าในสอบต้องเปลี่ยนเป็นแซ่กู้ ก่อนหน้านี้ ร้านที่เขาใช้เงินซื้อมา ให้กู้ตงหลีใช้เงินเยอะกว่านั้นซื้อกลับมา ร้านที่คนอื่นส่งให้เขา ใครส่งก็ให้คนนั้นขอคืนไป ส่วนร้านในนามของเขา อย่าลืมเผาทิ้งให้หมด ”
“รับทราบ!”หนานเฟิงตอบกลับ
แววตาเฟิ่งเชียนเย่มีเงาดำผ่านไปอย่างเร็ว “ข้าเห็นว่าสำนักอินทรีย์ช่วงนี้ว่างมาก”
หนานเฟิงตกใจแป๊บ “เข้าใจขอรับ เดี๋ยวกระหม่อมไปหาเจ้าสำนักว่านพูดคุยเรื่อง……”
เขาหุบปากทันที หน้าต่างที่ปิดสนิดอยู่ขยับนิด ชายอีกคนที่สวมเสื้อผ้ารัดรูปเหมือนเขาเข้ามาจากหน้าต่าง คุกเข่าข้างหนึ่งลงข้างเขา เงยหน้ามองเฟิ่งเชียนเย่” เจ้านาย จินเยว่มาแล้ว”
“นางมาทำไม?หรือว่านางรู้ร่องรอยของเจ้านายแล้ว?”หนานเฟิงตื่นเต้นขึ้นมาทันที ตามด้วยสายตาที่โหดเหี้ยม “ข้าไปฆ่านางทิ้ง”
“แค๊ก!”ชายเพิ่งมาคนนั้นไอครั้งหนึ่ง มองเฟิ่งเชียนเย่ “นางมาอาจจะเป็นเพราะกุหลาบหินแดงในวันเกิดของฮูหยิน”
เฟิ่งเชียนเย่พยักหน้า เลือกตามองนอกหน้าต่าง มองดูทั้งสองคน “ไปเถิด”
“เจ้านายระวังด้วย!”
ทั้งสองไม่เห็นร่องรอยอย่างรวดเร็ว เฟิ่งเชียนเย่หันตามองดูคนที่นอนสนิทอยู่บนตั่งนอน น้ำแข็งร้อยวาที่อยู่ในใจค่อยๆ หายไป
“ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!”
ทันใดนั้น มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ตามด้วยเสียงที่น่าฟังของฉีอิน “คุณหนูรอง?คุณหนูรองเจ้าคะ?ท่านอยู่ข้างในไม่?ตื่นเร็ว มีเรื่องด่วนเจ้าค่ะ”
มู่อวิ๋นซีขนตาดิ้นหน่อย ค่อยๆ ลืมตาขึ้น สบตาที่ดำเหมือนหมึกของเฟิ่งเชียนเย่พอดี ราวกับว่าตกลงไปในขุมนรกที่ไร้สิ้นสุด สมองว่างเปล่า
“คุณหนูรอง!”เสียงฉีอินดังขึ้นอีกครั้ง
“จ๊ะ!”
มู่อวิ๋นซีตอบกลับด้วยความสัญชาตญาณ พึ่งเห็นว่านางกำลังนอนอยู่บนตั่งนอนของเฟิ่งเชียนเย่ ส่วนเฟิ่งเชียนเย่พิงไว้เบาะนั่งไหม นั่งเอียงข้างตั่งนอน วางขายาวในแนวนอน ขวางกั้นนางไว้ด้านในอย่างแน่น
นางทำไมมาอยู่ตั่งนอนเดียวกับเขา?
“เจ้า……ทำไมข้าถึงมานอนไว้ที่นี่?”
เฟิ่งเชียนเย่หลบสายตาออก “ตอนข้าตื่นมา เจ้าก็นอนอยู่ที่นี้แล้ว”
“ห๊ะ?”มู่อวิ๋นซีตกใจ นางจำได้ชัดเจนว่านางนอนอยู่บนตั่งนอนเตี้ยตรงนั้น นางจำผิดรึ?
“คุณหนูรอง!”ฉีอินดังขึ้นอีกครั้ง
ทันใดนั้นมู่อวิ๋นซีก็มีความรู้สึกเหมือนถูกจับได้ ไม่รู้ทำไมแก้มของนางจู่ๆ ก็ร้อนขึ้น นางไม่สามารถสืบต่อไปได้อีก “มีเรื่องอะไร?”
“พ่อบ้านอู๋พาฮูหยินเล็กมู่มาแล้ว ให้ข้ามาบอกท่านก่อน”
“ฮูหยินเล็กมู่?” มู่อวิ๋นซีตกใจ “มู่จื่อโหรว?”
“ใช่!”ฉีอินตอบกลับ “คุณหนูรองท่านเร็วหน่อย พวกเขาเดี๋ยวก็ถึงแล้ว”
ช่างหลอกหลอนไม่รู้จบรู้สิ้นจริงๆ นางคิดว่ามู่จื่อโหรวออกเรือนไปแล้วก็จะหยุดลงหน่อย ไม่คิดว่านางพึ่งมาถึงแปลงดอกไม้ นางก็ตามมาถึงที่
มู่อวิ๋นซีเลื่อนลงจากปลายตั่งนอน ใส่รองเท้าไปด้วย พูดไปด้วย “ท่านชายเย่ เจ้าพักผ่อนดีๆ ข้าออกไปดูหน่อย”
“อย่างรับปากนาง”
“อะไร?”มู่อวิ๋นซีมองเฟิ่งเชียนเย่อย่างไม่เข้าใจ “นางคือใคร?”
“อย่างรับปากนาง”
เฟิ่งเชียนเย่กลับไม่มีท่าทีที่จะอธิบาย แค่มองนางอย่างเย็นชา สายตาที่เย็นเยียบดั่งน้ำแข็งใต้หลังคาในฤดูอันเหน็บหนาว ทำให้มู่อวิ๋นซีหนาวสั่นไปโดยไม่รู้ตัว ไม่มีเวลาคิดว่าที่เขาพูดนี้หมายถึงว่าอะไร รับปากทีเดียวในทันที
“ได้ ข้าไม่รับปาก”
“คุณหนูรอง!”ฉีอินก็แร่งอีก
“มาแล้ว!”มู่อวิ๋นซีจัดเสื้อผ้าเล็กน้อย เดินไปที่หน้าประตูอย่างรวดเร็ว แล้วเปิดประตู
ฉีอินเดินข้ามมู่อวิ๋นซีแล้วมองไปในห้อง ตรงข้ามประตูม่านตรงแขวนอยู่ เหมือนมีคน ตั่งนอนเตี้ยไม่มีริ้วรอยเคยนอนมาก่อน……เมื่อกี้พวกเขาทำไรกันอยู่?
“คุณหนูรองทำไมมาพักอยู่ห้องท่านชายเย่?”
“ข้าพักที่ไหนยังต้องบอกเจ้าด้วยรึ?”มู่อวิ๋นซีดูเหมือนจะใจไม่สู้
ฉีอินรู้สึกอาบอาย อธิบายอย่างเร็ว “คุณหนูอย่าเข้าใจผิด ยังไงที่นี่ก็เป็นแปลงดอกไม้ เทียบจวนไม่ได้ คนเยอะต่างชอบซุบซิบนินทาคนอื่น คุณหนูรองยังไม่แต่งงาน หากคนอื่นพบเห็นเข้า เกรงว่าจะไม่ดีต่อคุณหนู ข้าไม่มีเจตนาอื่นเจ้าค่ะ ”
“อืม” มู่อวิ๋นซีนั่งลงบนชิงช้า แกว่งไปสองครั้งแล้วเขาก็พูดว่า “ข้ากลัวเขาไข้ขึ้น ก็เลยมาดูหน่อย”
“ต่อไปเรื่องแบบนี้ คุณหนูสั่งข้าไปทำก็ได้แล้วเจ้าค่ะ ” ฉีอินพูดอย่างอ่อนโยน “เช่นนี้จึงไม่มีใครกล้านินทา ไม่ต้องให้คุณหนูลำบาก”
“มู่อวิ๋นซี!”
มู่อวิ๋นซียังไม่ทันตอบกลับ เสียงอันแหลมคมของมู่จื่อโหรวก็ดังขึ้นที่ลานซากุระ ตอนเสียงหาย นางก็มาถึงตรงหน้ามู่อวิ๋นซีแล้ว ยื่นมองนางที่นั่งอยู่
“ข้าคิดว่าเจ้ากตัญญูต่อองค์หญิงอย่างมาก ที่แท้ก็แค่พูดลอยๆ เฉยๆ จอมปลอม!นีจบุรุษ!”
“ฮูหยิน……เล็กมู่!”
มู่อวิ๋นซีมองดูมู่จื่อโหรวเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ก็แปลกจริงนะ นางที่สมรสแล้ว นิสัยนี่กลับไม่เปลี่ยนสักนิดเลย
“เจ้าไม่กลัวเหนื่อยตามติดถึงที่นี่เลย ก็เพื่อที่จะพูดอันนี้กับข้ารึ?”
“ถุย !”มู่จื่อโหรวถ่มน้ำลาย “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร?ตามเจ้า?คนอย่างเจ้าเนี่ยนะ ถ้าไม่ใช่มีเรื่องสำคัญ ข้ายังไม่อยากคุยกับเจ้าเลย”
เงยหน้ามองพ่อบ้านอู๋ “เจ้า พูดสิ”
เห็นมู่อวิ๋นซีกวาดตามองมา พ่อบ้านอู๋ปาดเหงื่อเย็นๆ ที่หน้าผาก “คุณหนู คืออย่างนี้ ก่อนหน้านี้จวนเจ้าพระยาหย่งชางได้สั่งกุหลาบหินแดงสี่สิบหกกระถางกับแปลงดอกไม้พวกข้า เพื่อมอบฉลองวันเกิดให้ฮูหยินของเจ้าพระยาหย่งชาง แต่ว่าเมื่อกี้ข้าไปตรวจดู พึ่งเห็นว่า……”
คิ้วพ่อบ้านอู๋ขมวดเป็นปม “เพราะว่าดูแลไม่ดี กุหลาบหินแดงตายไปสองกระถาง เหลือแค่สี่สิบสี่กระถางแล้ว”
มู่อวิ๋นซีตาสั่นเล็กน้อย “งานเช่นนี้ แปลงดอกไม้พวกข้าไม่ใช่รับครั้งแรกรึมั้ง?”
“ใช่ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเกิดเรื่องไรเลย แต่ครั้งนี้ “พ่อบ้านอู๋รู้สึกผิดและละอายใจ “เป็นความผิดของข้าเอง”
“พ่อบ้านอู๋หมายความว่า จวนเจ้าพระยาหย่งชางสั่งเอากุหลาบหินแดงสี่สิบหกกระถาง เจ้าก็ปลูกแค่สี่สิบหกกระถาง ไม่ได้ปลูกเผื่อแม้แต่กระถางหนึ่ง?”มู่อวิ๋นซีมองพ่อบ้านอู๋เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม