หน้าผากพ่อบ้านอู๋มีเหงื่อเย็นไหลลง “ข้า ข้าไม่รู้ว่าคุณหนูรองกำลังพูดอะไรขอรับ”
“ได้ยินว่า “มู่อวิ๋นซีหันมองเขา น้ำเสียงอ่อนโยน ตาโปร่งใส “ฤดูกาลเช่นนี้ ราคาดอกเบญจมาศธรรมดาหนึ่งกระถางเพิ่มขึ้นถึงยี่สิบเท่า เหมือนกุหลาบหินแดงหายากมากเช่นนี้ ราคาไม่รู้ว่าเพิ่มขึ้นกี่เท่า?”
พ่อบ้านอู๋ตัวสั่นเล็กน้อย หน้าที่ขาวซีดเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมเทา
มู่อวิ๋นซีมองดูเขาเงียบๆ ก็ไม่ได้บังคับ
ตะวันลับขอบฟ้าส่องแสงมาที่ต้นซากุระที่สูงใหญ่ แสงระเรื่ออันงดงามของสีกุหลาบได้นำกลีบดอกไม้ไปสู่หญิงที่สวยสะอาดดังหยก และสว่างราวกับดวงจันทร์ ภาพเช่นนี้ เปรียบดังภาพประทับไว้ในใจเฟิ่งเชียนเย่ที่อยู่หน้าต่าง
เขาเม้มปากบางๆ อย่างแน่น คิ้วที่ยาวขมวดเล็กน้อย เป็นเขาเอง ที่บุ่มบ่ามไป
ตอนนี้องค์หญิงใหญ่กำลังป่วยหนัก สถานการณ์ของนางก็น่ากังวลอยู่แล้ว มู่เซิ่งกำลังเครียดที่จับผิดนางไม่ได้ มีเรื่องนี้ละก็ มู่เซิ่งต้องฉวยโอกาสเอาเปรียบ หยอกล้อนางแน่ๆ เลย จากนั้นต้องเอาแดงดุจท้อและแปลงดอกไม้ที่นางเอาคืนมาไม่ง่ายดายคืนไปแน่เลย
ช่างเถิด เขาเกลียดพวกเขา ทำไมต้องเอานางเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
แต่พี่ชายที่แสนดีของเขา พูดไว้ก่อนแล้ว จะใช้กุหลาบหินแดงแสดงความยินดีกับท่านแม่ที่มีอายุยืนยาวถ้าไม่มีกุหลาบหินแดง ไม่เพียงแต่งานเลี้ยงวันเกิดจะตกเป็นเรื่องตลก แม้แต่เขา พี่ชายของเขาที่ไม่มีข้อบกพร่องในชีวิตเลย ก็จะตกเป็นเรื่องตลก
โธ่!ช่างเถิดช่างเถิด วันข้างหน้ายังมีอีกมาก!
“หนานเฟิง!” เขาเรียกเบาๆ หนึ่งคำ
“เจ้านาย!” มีเสียงตอบรับดังมาจากมุมห้อง
“รีบไปหากุหลาบหินแดงมาอีกสองกระถาง ต้องเร็ว!”
ในลาน พ่อบ้านอู๋ที่เหมือนหินแกะสลักในที่สุดก็ขยับแล้ว คุกเข่าลงอย่างแข็งให้กับมู่อวิ๋นซี คุกเข่าคำนับสามครั้ง “คุณหนูรอง เป็นความผิดข้าทั้งหมดเอง ข้ายินดีลาออกจากตำแหน่งพ่อบ้านเพื่อชดเชยความผิดพลาดนี้ ขอคุณหนูรองอย่าเอาผิดต่อเลย”
“ถ้าหักจวนเจ้าพระยาหย่งชางต้องการหลักฐาน ก็ขอให้คุณหนูรองส่งตัวข้าออกไป ไปเรือนจำ ข้าไป จะให้ชดใช้ ข้าก็จะชดใช้ชีวิตแก่เฒ่าของข้าให้เขาเอง” ตาที่มัวของพ่อบ้านอู๋ก็เปียกไป “ยังไงเป็นความผิดข้าทั้งหมดเอง ไม่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น”
ดวงตามู่อวิ๋นซีฉายแววสับสน ยังไม่ได้เอ่ยปาก จู่ๆ ก็มีคนวิ่งเข้ามา คุกเข่าลงป๋อมข้างพ่อบ้านอู๋ “ไม่เกี่ยวกับพ่อข้า ข้าเอง!ข้าเองที่ขโมยกุหลาบหินแดงไปขาย ไม่เกี่ยวกับพ่อข้าเลย ถ้าคุณหนูจะโทษก็โทษข้าเถิด จวนเจ้าพระยาหย่งชางจะเอาผิด ก็ให้เขามาเอาผิดข้า”
“ฉางเสิ้ง!” ยายรับใช้หนึ่งเดินโซเซตามล่า แอบมองสองคนนี้แวบหนึ่ง ก็คุกเข่าลงให้มู่อวิ๋นซี “คุณหนู อย่าฟังพวกเขาพูดมั่วเลย เป็นความผิดข้าทั้งหมดเอง ข้าเองที่แก่ตาพร่ามัว ไร้ประโยชน์ จึงดูแลกุหลาบหินแดงไม่ดี เป็นความผิดข้าทั้งหมดเอง จะฆ่าจะตี หาข้า”
“นี่พวกเจ้าทำไรเนี้ย?ยังไม่กลับไปเร็ว!”พ่อบ้านอู๋มองดูภรรยาและลูกชายของเขาด้วยความตกใจโกรธและทุกข์ใจ
“พ่อ!ข้าขอโทษพวกท่าน” อู๋ฉางเสิ้งหันตัวคุกเข่าป๋อมป๋อมป๋อมคำนับให้พ่อบ้านอู๋สามครั้ง แล้วหันมองมู่อวิ๋นซีอีก “กุหลาบหินแดงเป็นข้าขายเอง เงินที่ขายข้าก็ใช้หมดแล้ว เดี๋ยวข้าจะไปจวนเจ้าพระยาหย่งชางรับโทษ ขอคุณหนูอย่าเอาผิดพ่อกับแม่ข้าเลย”
“เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง ข้าพูดมั่ว……”ยายอู๋กอดอู๋ฉางเสิ้งไว้ “ถ้าไม่ใช่ข้าพูดว่าชาตินี้ยังไม่เคยเห็นสลับฉาก เจ้าก็คงไม่……ถ้าข้าตายไปเช้าหน่อยก็คงดี”
“คุณหนูรอง “อู๋ฉางเสิ้งหลุดพ้นนาง หันมองมู่อวิ๋นซี นัยน์ตาของเขาแวววาวไปด้วยความดื้อดึง “เจ้ามาแปลงดอกไม้นี้เป็นครั้งแรกใช่ไหม?รู้สึกว่าตรงนี้สวยมากซินะ?ที่นี่สี่ฤดูก็เหมือนฤดูใบไม้ผลิ ทิวทัศน์สวยดั่งภาพ เรียกได้ว่าเป็นแดนสวรรค์บนดินเลยทีเดียว ไม่เคยห่างจากแปลงดอกไม้เกินครึ่งชั่วยาม แม่ข้าก็ถูกเขาเดือดร้อน ครึ่งชีวิตไม่เคยออกไปจากที่นี่เลย นานมากแล้วที่พวกเขาไม่ได้กินซาลาเปาข้างถนน ก๋วยเตี๋ยวริมถนน สุขภาพร่างกายของแม่ข้าก็ไม่ค่อยดี หมอบอกว่าจะต้องให้นางดีใจมีความสุขให้มาก”
“ข้ารู้ว่า นางก็แค่อยากจะดูสลับฉาก แต่นางก็ไม่วางใจพ่อข้ากับข้า และเสียดายเงิน ไม่ยอมไปในเมือง ข้าก็เลยขโมยกุหลาบหินแดงแล้วขายทิ้ง เชิญคณะละครสลับฉากในเมืองมาแสดงในวันมะรืนนี้……”
อู๋ฉางเสิ้งพูดหนึ่งคำ แม่ของเขาก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นและบอกว่ามันเป็นความผิดของนางเอง พ่อบ้านอู๋ก็ถอนหายใจอยู่ข้างๆ
ใจทั้งดวงของมู่อวิ๋นซีก็ถูกพวกเขาทำจนปวดๆ จี๊ดๆ กับคนสามคนที่น่าสงสารตรงหน้านี้ กลับเกิดความอิจฉาไม่สิ้น
พวกเขาทำเพื่อกันและกัน สามารถเสียสละตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อสมหวังกันและกัน
นี่ถึงจะเป็นคนตระกลูเดียวกัน มันคือความรักสินะ
จู่ๆ เธอก็นึกถึงเฟิ่งเชียนเย่
ก่อนหน้านี้ เขาอยู่ต่อหน้านางก็เป็นเหมือนสระน้ำลึกที่มองไม่เห็นสิ้นสุด นางรู้ว่าด้านล่างนั้นมีสิ่งบางอย่างกำลังค่อยๆ ขยับ แต่ภัยนอกนั้นมองเห็นเพียงความสงบ
แต่วันนี้……เป็นครั้งแรกที่เขาเสียสติกิริยาต่อหน้านาง
นางบอกว่าตีหมาก็ต้องดูว่าเจ้าของหมาคือใคร สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก แววตาที่มองนางก็เย็นชา เหมือนครั้งแรกที่นางเจอเขา นางเดาว่า ต้องมีคนประชดเหน็บแนมเขาเป็นหมาแน่เลย
ยังมีอรกเมื่อกี้ เขาบอกว่า อย่ารับปากนาง!นัยน์ตาเป็นเหมือนน้ำเย็นที่ส่องแสงประกายทั่วร่าง
เขากับมู่จื่อโหรวก็ไม่ได้มีข้อพิพาทอะไรกันนี่ เพราะฉะนั้นที่เขาเจาะจงคือจวนเจ้าพระยาหย่งชาง
เขากับจวนเจ้าพระยาหย่งชางมีความแค้นกัน
เขาทำเพื่อนางเยอะขนาดนั้น แอบเอาของอร่อยต่างๆ มาให้นาง พานางไปดูแผนการของมู่จื่อโหรว พานางไปดูชีวิตจริงของพี่สาวนาง ช่วยเธอผ่านพ้นความยากลำบากครั้งแล้วครั้งเล่า ช่วยนางเอาชนะท่านย่า ท่านพี่ เอาแดงดุจท้อ แปลงดอกไม้คืน……
หักไม่มีเขา ไม่แน่ว่ากลับมาครั้งนี้ นางยังไม่ทันเจอกันองค์หญิงใหญ่ก็ตายโหงไปแล้ว
เพราะฉะนั้น ครั้งนี้ นางต้องช่วยเขาแน่นอน ต่อให้ช่วยเขาแก้แค้นไม่ได้ นางก็จะไม่ให้ศัตรูของเขาอยู่ดีเป็นสุข
ต่อให้นางถูกมู่เซิ่งอัปยศ เอาแดงดุจท้อกับแปลงดอกไม้คืน ต่อให้ทุกอย่างของนางกลับไปที่จุกเริ่มต้นใหม่ ก็จะช่วยเขาแก้แค้น
กุหลาบหินแดง แม้แต่กระถางหนึ่ง นางก็ไม่ให้จวนเจ้าพระยาหย่งชาง
นางจ้องไปมองครอบครัวสามคนที่กำลังร้องไห้ “นี่พวกเจ้าทำไรเนี้ย?ข้าไม่ได้บอกจะโทษพวกเจ้าสักหน่อย”
สามคนที่ร้องไห้หนักอยู่ก็นิ่งเฉย เงยหน้ามองมู่อวิ๋นซีอย่างสงสัย “คุณหนูรอง?”
“อู๋ฉางเสิ้ง เจ้ามากับข้า”
มู่อวิ๋นซีหันไปทางอาคารรองด้านข้าง อู๋ฉางเสิ้งตามไปอย่างกระวนกระวายใจ “คุณหนู เป็นความผิดข้าเอง ไม่เกี่ยวกับพ่อแม่ข้าเลย ข้อท่าน……”
“จุ๊ๆ !”
มู่อวิ๋นซีทำท่าทางมือเงียบใส่เขา จับพู่กันแล้วนิ่งคิด ครู่หนึ่งค่อยลงมือ อักษรเสี่ยวจ้วนสวยๆ ค่อยปรากฏบนกระดาษ เดี๋ยวก็เต็มไปทั่วกระดาษเซวียน
นางเอากระดาษเซวียนขึ้นมาเป่าแห้ง ยื่นให้อู๋ฉางเสิ้ง กระซิบไปหนึ่งคำ ถอยหลังไปก้าวมองเขาแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ตอนนี้ ข้าพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ ทุกอย่างค่อยว่ากันทีพรุ่งนี้”
พรุ่งนี้ถ้านางสู้มู่เซิ่งไม่ได้ ตอนนี้นางรับปากอะไรก็เป็นเท็จ
อู๋ฉางเสิ้งพยักหน้าหัว หันหลังเดินออกจากห้อง ไม่รู้ว่าพูดไรกับพ่อบ้านอู๋และนางอู๋ที่รออยู่ที่ลานอย่างกังวล ทั้งสามคนหันมองมู่อวิ๋นซี ไปอย่างมีเรื่องหนักอกหนักใจ แม้แต่ฉีอินที่ยืนอยู่หน้าประตูยังมองไม่เห็น
“คุณหนู!” ฉีอินเข้าใกล้มู่อวิ๋นซี “ฮูหยินเล็กมู่ไปแล้ว พวกเราทำไงดี?”