รอให้นางตื่นแล้วค่อยว่ากันเถิด?
มู่อวิ๋นซีมองมู่เซิ่งอย่างเย็นชา ปล่อยให้ข้ารับใช้มัดมือนางไว้ด้านหลัง สีหน้าเฉยเมยของเขาทำให้องค์หญิงใหญ่ไม่มียารักษากระมัง? ดังนั้นเขาจึงทำอย่างเพ้อฝันเช่นนี้
“ท่านรองมู่ ท่านร้อนอกร้อนใจขนาดนี้เลยหรือ?”
แค่เวลาหนึ่งเดือนก็รอไม่ได้ ไม่สิ ยังไม่เต็มแม้แต่หนึ่งเดือน
ดวงตาใสกระจ่างราวกับสามารถมองทะลุความลับในใจของเขา มู่เซิ่งรู้สึกร้อนตัวเล็กน้อย “ปิดปากนางไว้”
“เดี๋ยวก่อน!” มู่จื่อโหรวพลันเอ่ยขึ้น “ข้ายังมีอีกหลายประโยคที่ถามนาง”
นางรีบวิ่งไปหามู่อวิ๋นซี มุมปากยกขึ้นยิ้มเยาะ “คิดไม่ถึง เจ้าจะมีวันนี้ด้วย?”
นางเอนกายเข้าไปใกล้มู่อวิ๋นซีเล็กน้อยจึงเอ่ยว่า “ขอเพียงเจ้ามอบยาสร้างเนื้อให้ ข้าก็สามารถตัดสินใจได้ ให้จวนเจ้าพระยาหย่งชาง ปล่อยเจ้าไป มิเช่นนั้นอีกไม่นานเจ้าจะถูกนำตัวไปจวนเจ้าพระยาหย่งชาง เกรงว่าจะถูกสับละเอียดให้หมากิน”
“หึ!” มู่อวิ๋นซียิ้มเยาะ “ต้องการยาสร้างเนื้อ?”
มู่จื่อโหรวพยักหน้า
“ข้ามี”
มู่จื่อโหรวดวงตาเป็นประกาย เห็นมู่อวิ๋นซีขยับริมฝีปากบาง “แต่ถึงข้าจะมี ข้าเอาไปป้อน……” มู่อวิ๋นซีกลืนคำว่าสุนัขที่เกือบจะถึงริมฝีปากลงคอไป “โยนทิ้งให้…… ทำลาย ก็จะไม่ยอมให้เจ้า”
มู่จื่อโหรวเบิกตากว้าง “นังสารเลว!”
นางยกมือขึ้นตบไปหน้ามู่อวิ๋นซี “เพี๊ยะ!”
เสียงดังกึกก้อง สะท้อนกลับเป็นเวลานานอยู่ในห้องดอกไม้ที่กว้างโล่ง
ความโกรธที่เดือดดาลเกรี้ยวกราดอยู่ในใจมู่จื่อโหรว เพราะมู่อวิ๋นซีนังสารเลวนี้ นางจึงจำต้องเป็นอนุภรรยา
พูดได้น่าฟังมาก นางเป็นอนุภรรยาของจวนเจ้าพระยาหย่งชาง แต่ในความเป็นจริง นางไม่เพียงแค่เป็นสนมของบุตรอนุภรรยาคนโตแห่งจวนเจ้าพระยาหย่งชางเท่านั้น และยังไม่มีความเกี่ยวพันกับจวนเจ้าพระยาหย่งชางที่สูงศักดิ์เลย
สิ่งที่ทำให้นางโมโหยิ่งกว่าคือ ท่านชายใหญ่ที่เกิดจากเมียน้อยท่านนั้นไม่เห็นนางอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ตำแหน่งของนางในจวนเจ้าพระยาหย่งชาง ยังไม่สู้สาวรับใช้ในจวน
กว่านางจะสืบหามาได้ว่าแขนของฮูหยินมีรอยไหม้อยู่นั้นไม่ว่าเลย สิบกว่าปีมานี้ รอยแผลเป็นก็อยู่ตรงนั้นตลอด
นางนึกถึงยาสร้างเนื้อของมู่อวิ๋นซี หากนางสามารถมอบยาสร้างเนื้อให้นางได้ จะต้องเปลี่ยนฐานะของนางที่อยู่ในจวนเจ้าพระยาในคราวเดียว และไม่แน่ว่าอาจเปลี่ยนจากสนมเป็นฮูหยินได้
แต่ตอนนี้ มู่อวิ๋นซีกลับไม่ให้ยาสร้างเนื้อให้นาง และยังทำลายอนาคตที่สดใสของนางอีกด้วย
“นังสารเลว!”
ความโกรธทำให้ดวงตาของมู่จื่อโหรวแดงก่ำ นางยกมือคว้ามวยผมของมู่อวิ๋นซีแล้วผลักนางลงกับพื้น จากนั้นยกขาขึ้นแล้วก้าวข้ามร่างของนางราวกับเป็นหญิงแพศยา แล้วนั่งลง มุมปากยกขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
“มาแล้ว! มาแล้ว!”
ในขณะนี้มีเสียงตะโกนและเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังขึ้น
ในที่สุดก็มาแล้ว
มู่อวิ๋นซีมองมู่จื่อโหรวที่ใบหน้าเล็กๆ บิดเบี้ยว มุมปากโค้งขึ้นทันที เผยให้เห็นรอยยิ้มบางๆ ราวกับเมฆที่โดดเดี่ยว
หัวใจของมู่จื่อโหรวเต้นแรงขึ้น แต่ก็เป็นรอยยิ้มแบบนี้อีกครั้ง
ครั้งที่แล้ว นางเห็นมู่อวิ๋นซียิ้มเช่นนี้ จากนั้นนางก็ยัดงูพิษใส่กระโปรงของหล่อน ทั้งยังกล่าวหาว่านางยัดมันเข้าไปเอง
ครั้งที่แล้วอีก มู่อวิ๋นซีก็ยิ้มแบบนี้ เกลี้ยกล่อมให้นางเอารูปไปหาองค์หญิงใหญ่เพื่อให้ตัดสินใจ
และครั้งที่แล้ว นางยิ้มเช่นนี้ เกลี้ยกล่อมให้นางใช้ยาสร้างเนื้อ เพื่อลบรอยแผลเป็นบนไหล่ของนางออก
“นังสารเลว เจ้าทำอะไรลงไป?” ในใจของมู่จื่อโหรวรู้สึกหวาดกลัวมาก
มู่อวิ๋นซียังไม่ทันได้พูดอะไร มู่จื่อโหรวก็แน่นคอ คนก็ได้ลอยออกไปแล้ว ดอกไม้จำนวนนับไม่ถ้วนได้ระผ่านใต้ร่างของนาง “อ๊า ——”
“ฮูหยินเล็กมู่!”
จันเยว่ปรือขึ้นไปข้างหน้ารับมู่จื่อโหรวไว้
ฮั่วเสี่ยวเสี่ยวช่วยพยุงมู่อวิ๋นซีลุกขึ้นจากพื้น แล้วหันไปมองท่านชายใหญ่เฟิ่งเชียนเว่ยแห่งจวนเจ้าพระยาหย่งชางที่เดินตามอู๋ฉางเสิ้งเข้ามา “จวนเจ้าพระยาหย่งชางช่างน่าเกรงขามเสียจริง! ฮูหยินเล็กคนหนึ่ง ที่อยู่อาณาเขตของผู้อื่นยังสามารถพาลเอะอะโวยวายได้เช่นนี้ ช่างเก่งกาจจริงๆ เก่งกาจมาก!”
พูดจบ นางก็หันกลับไปมองมู่อวิ๋นซี “อวิ๋นซี เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”
มู่อวิ๋นซีแอบกัดปลายลิ้น ปล่อยให้เลือดสดๆ ไหลออกมาจากมุมปาก จากนั้นก็ฉีกยิ้มเจื่อนๆ “หากเจ้ามาช้ากว่านี้อีกหน่อย ข้าเกรงว่าข้าจะไม่ได้เจอเจ้าอีกแล้ว”
“ถุยถุยถุย!” ฮั่วเสี่ยวเสี่ยวถ่มน้ำลายออกมา “อย่าพูดเหลวไหลสิ!”
นางหันไปที่ด้านหลังมู่อวิ๋นซี ปลดเชือกป่านที่มัดนางออก และพลางชำเลืองมองเฟิ่งเชียนเว่ยที่อยู่ด้านข้าง “ท่านชายเฟิ่ง ข้านึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจวนเจ้าพระยาหย่งชางของพวกท่านจะกล้าเช่นนี้ กลางวันแสกๆ กลับกล้าทำร้ายชีวิตผู้อื่น”
เฟิ่งเชียนเว่ยพยักหน้าให้มู่อวิ๋นซีเล็กน้อย แล้วหันไปมองจันเยว่ที่ประคองมู่จื่อโหรวไว้ จันเยว่ปล่อยมู่จื่อโหรวแล้ว ไปยืนอยู่ข้างหลังเขาอย่างว่าง่าย
เขาเพิ่งมองไปที่มู่จื่อโหรว สีหน้าที่เฉยเมย เอ่ยอย่างไม่รีบร้อนว่า “นาง เป็นเพียงนางสนมของข้าคนหนึ่ง แค่ของหนึ่งชิ้น ไม่ว่าจวนเจ้าพระยาหย่งชางจะไม่มีความสามารถ ก็คงไม่ถึงที่จะต้องให้นางตัดสินใจ นางพูดพาลพาโลเช่นนี้ หรือว่าไม่ใช่เพราะพื้นที่อยู่ใต้ฝ่าเท้านี้ เป็นตระกูลมู่หรอกหรือ?”
แค่ประโยคเดียว ก็ตัดความสัมพันธ์ระหว่างมู่จื่อโหรวกับจวนเจ้าพระยาหย่งชางออกแล้ว
มู่จื่อโหรวทั้งตกใจทั้งกลัว แต่ไม่กล้าแม้แต่สีหน้าที่จะโกรธสักนิดเดียว ได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก “ใช่ๆ ข้าตบมู่อวิ๋นซี ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจวนเจ้าพระยาหย่งชางเลย ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความแค้นเก่าๆ ของข้ากับมู่อวิ๋นซี”
เฟิ่งเชียนเว่ยดึงสายตากลับมาด้วยความพึงพอใจ ไม่พูดมากอีก เพียงมองแต่ใต้เท้าโจวแห่งจินจ้าวอิ่นที่เขาได้เชิญมา
มู่เซิ่งก็มองไปใต้เท้าโจวเช่นกัน เขายิ้มเจื่อนๆ หน้าด้านๆ และพูดว่า “ลมอะไรพัดใต้เท้าโจวมาที่นี่? พี่สาวน้องสาวในจวนก่อเรื่องวุ่นวาย ต้องให้ใต้เท้าโจวมาเห็นเรื่องตลกขบขันเช่นนี้ แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ข้ายังสามารถจัดการได้ ไม่ต้องรบกวนใต้เท้าแล้ว”
แม้ว่าคำพูดจะดูสุภาพ แต่ความหมายคือเป็นการไล่แขกที่ชัดเจนมาก
“ท่านรองมู่คิดมากแล้ว” ใต้เท้าโจวมีสีหน้าเย็นชาเล็กน้อย “ข้าไม่มีเวลาว่างมาจัดการเรื่องของครอบครัวท่านหรอก การที่ข้ามา ก็เพราะได้รับหนังสือคำร้อง ผู้ดูแลห้องดอกไม้ได้ร้องเรียนว่าจวนเจ้าพระยาหย่งชางที่ก่อเรื่องโดยไม่มีเหตุผล ทำร้ายผู้อื่นตามอำเภอใจ ใครเป็นผู้ดูแลห้องดอกไม้?”
เขากวาดสายตามองมู่อวิ๋นซี
“คือนาง!” มู่อวิ๋นซีเงยหน้ามองฮูหยินเล็กเติ้ง “นางเป็นผู้ดูแลแปลงดอกไม้”
ใบหน้าของฮูหยินเล็กเติ้งซีดเผือด มู่เซิ่งหน้าดำคล้ำมองมู่อวิ๋นซีอย่างดุร้าย “นังเด็กเวร!”
มู่อวิ๋นซีกะพริบตาปริบๆ อย่างไร้เดียงสา “ท่านรองมู่ ท่านจ้องข้าทำไม? ข้าไม่ได้โกหก มีคนจำนวนมากในห้องดอกไม้ที่ได้ยิน ที่ท่านพูดเองว่า แปลงดอกไม้ให้ฮูหยินเล็กเติ้งผูดูแล”
มู่เซิ่งถอยหลังอย่างโกรธเคือง และหันกลับไปมองฮูหยินเล็กเติ้ง
ฮูหยินเล็กเติ้งคิดอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าทันที “ใต้เท้า! เรื่องเข้าใจผิด ทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิด ตอนนี้เรื่องที่เข้าใจผิดได้กระจ่างแจ้งแล้ว ข้าต้องการยกเลิกคำร้อง ลำบากใต้เท้าที่ต้องมาแล้ว”
“หึ!” ใต้เท้าโจวยิ้มเยาะ “ฮูหยินเล็กเติ้ง! เติ้งเฉี่ยวเอ๋อร์! เจ้าคิดว่าจิงจ้าวอิ่นเป็นตระกูลเจ้าเปิดหรือ เจ้าบอกฟ้องก็ฟ้อง บอกจะไม่ฟ้องก็ไม่ฟ้อง? ใส่ร้ายเชื้อพระวงค์ สำหรับความผิดต่อไปนี้ นอกจากจำคุกสามเดือนแล้ว ยังต้องโบยอีกร้อยครั้ง ทหาร จับตัวนางไว้!”
เจ้าหน้าที่สี่คนกระโจนเข้าใส่ฮูหยินเล็กเติ้งราวกับหมาป่า
รอยยิ้มบนใบหน้าของฮูหยินเล็กเติ้งแตกเป็นเสี่ยงๆ นางถอยหลังไปพลางกล่าวว่า “ไม่ไม่ ไม่ ใต้เท้าเมตตา เรื่องผู้ดูแลแปลงดอกไม้ไม่ใช่ข้า แต่มู่อวิ๋นซี! ใช่แล้ว มู่อวิ๋นซีต่างหากที่เป็นผู้ดูแลแปลงดอกไม้”