ห้องดอกไม้เงียบสงัด มีเพียงแค่อากาศที่มีความหวานเล็กน้อยราวกับก้อนหินที่มากดทับหัวใจของทุกคนอย่างไรอย่างนั้น
หากไม่ใช่เพราะถูกบีบบังคับ มู่อวิ๋นซีจะกล้าขายกุหลาบหินแดงให้จวนเจ้าพระยาหย่งชางได้อย่างไร
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เฟิ่งเชียนเว่ย โดยไม่ปิดบังถึงความรังเกียจหรือการดูถูกของตัวเอง
โดยเฉพาะฮั่วเสี่ยวเสี่ยว ที่ถ่มน้ำลายใส่เฟิ่งเชียนเว่ย “วันนี้ข้าได้ตาสว่างแล้ว จวนเจ้าพระยาหย่งชางอะไร ก็เป็นไอ้ขี้โกง!”
เฟิ่งเชียนเว่ยสีหน้าหม่นหมองเหมือนน้ำ มองดูมู่จื่อโหรวและจันเยว่ด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้แสดงอาการใดๆ จากนั้นเหลือบมองใต้เท้าโจว แล้วหันไปมองมู่อวิ๋นซีแล้วเอ่ยขึ้นช้าๆ
“กุหลาบหินแดงสี่สิบหกกระถางนี้ไม่ว่าราคาจะเท่าไหร่ จวนเจ้าพระยาหย่งชางของข้ายินดีจะจ่ายให้เจ้าเป็นสองเท่า เพื่อชดเชยความคับข้องใจของคุณหนูมู่”
“ชิ!”
มู่อวิ๋นซีอ้าปากค้าง แล้วคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้มมองเฟิ่งเชียนเว่ยมือข้างหนึ่งไขว้หลัง แล้วค่อยๆ เดินไปตรงกลางของชั้นวางดอกไม้สองแถว “จวนเจ้าพระยาหย่งชางช่างร่ำรวยจริงๆ หากเป็นเช่นนี้ตั้งนานๆ ก็คงดี น่าเสียดาย…… มันสายไปแล้ว!”
นางเอามือที่ไขว้ไว้ข้างหลังออกมา ทว่ากลับเป็นไม้ติดไฟที่ได้ลุกโชนอยู่แล้ว
ดวงตาของเฟิ่งเชียนเว่ยหรี่ลงทันที “ไม่……”
มู่อวิ๋นซีปล่อยมือ ไม้ติดไฟก็ได้พลิกตกลงไปที่กุหลาบหินแดง บึ้ม! เปลวไฟลุกโชนขึ้น มีประกายไฟสาดกระเซ็นไปด้านข้างกุหลาบหินแดง และกระถางกุหลาบหินแดงอีกกระถางหนึ่งก็ลุกโชนขึ้น เพียงแค่พริบตาเดียว แต่ละกระถางกุหลาบหินแดงก็ได้ลุกไหม้จนกลายเป็นเส้นด้าย
“บังอาจ!”
จันเยว่โกรธคนตรงหน้าที่ช่างกล้าหาญยิ่งนัก ทั้งๆ ที่รู้ว่าจวนเจ้าพระยาหย่งชางของพวกเขาต้องการกุหลาบหินแดงแต่กลับกล้านำกุหลาบหินแดงเผาไหม้จนหมด
ขณะที่เสียงตวาดดังกึกก้องออกมาจากมุมปากของนาง ตัวนางได้กลายเป็นอุกกาบาตพุ่งเข้าใส่มู่อวิ๋นซี
เพียงแค่ไม่รอให้นางก้าวข้ามกุหลาบหินแดงที่กำลังลุกไหม้ ส่วนฮั่วเสี่ยวเสี่ยวก็พุ่งเฉียงออกมา และหมัดที่พุ่งแรงเข้าใส่ใบหน้าของนางอย่างเรียบง่าย
“นังเด็กสารเลว!” ไฟนี้แผดเผาดวงตาของมู่เซิ่ง และยิ่งแผดเผาไปที่หัวใจของเขา
มู่อวิ๋นซีมากกว่าเผากุหลาบหินแดงสี่สิบหกกระถาง นั้นคือหน้าตาของจวนเจ้าพระยาหย่งชางด้วย จวนเจ้าพระยาหย่งชางจะปล่อยไปได้ง่ายๆ ได้อย่างไร? ถึงแม้เมื่อครู่เขาจะพยายามตัดความสัมพันธ์กับมู่อวิ๋นซีออกไป แต่เกรงว่าจะไม่มีประโยชน์อะไร
“ดับไฟ รีบดับไฟ!”
“ใครช่างกล้า?” มู่อวิ๋นซีมองมู่เซิ่งด้วยสายตาที่เย็นชา
มู่เซิ่งสาปแช่งออกมาพร้อมกับจ้องไปที่พ่อบ้านอู๋
พ่อบ้านอู๋ก้มหน้าลง ชาวไร่ดอกไม้ที่เหลือก็นิ่งเฉยไม่ขยับเขยื้อนโดยปริยาย
มู่เซิ่งได้หันไปมองเจ้าหน้าที่อีกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่กำลังดูไฟ หรือเฝ้ามองดูมู่อวิ๋นซีที่อยู่ตรงกลางกองไฟกันแน่
ขณะนี้ ตรงหน้ามู่อวิ๋นซี ชั้นวางดอกไม้ที่อยู่ด้านหลังล้วนกำลังเผาไหม้ และเปลวไฟที่ลุกไหม้อย่างหนัก ดูเผินๆ เหมือนนางยืนอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกโชน
มู่อวิ๋นซีก้มลงเก็บเศษไม่ติดไฟที่ตกอยู่บนพื้น ทุบ แล้วโยนออกไป และได้จุดติดกุหลาบหินแดงสองกระถางสุดท้าย
ท่านชายเย่ ท่านวางใจได้ กุหลาบหินแดง ข้าจะไม่มอบให้จวนเจ้าพระยาหย่งชางแม้แต่กระถางเดียว
นางเงยหน้ามองเฟิ่งเชียนเว่ยที่สีหน้าดำคล้ำราวกับรากดอกไม้ที่ไหม้เกรียมผ่านเปลวไฟที่ลุกโชน น้ำเสียงทะลุผ่านเปลวเพลิงอย่างชัดเจน
“จวนเจ้าพระยาหย่งชางร่ำรวยและมีอำนาจ แต่ข้ามู่อวิ๋นซีไม่ใช่มู่เซิ่ง ที่มีความกล้าหาญมากกว่า หากจวนเจ้าพระยาหย่งชางของพวกเจ้ายากจนจนหาเงินไม่ได้จริงๆ กุหลาบหินแดงสี่สิบหกกระถางนี้ ข้าจะมอบให้พวกเจ้าแบบไม่คิดเงินก็ไม่เห็นเป็นอะไร?”
“แต่พวกเจ้ากลับใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงคน ค่อยๆ บีบบังคับไปทีละนิด หากวันนี้ข้าถอยหนี พรุ่งนี้เกรงว่าพวกเจ้าจะรังแกคนยิ่งกว่านี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว งั้นพวกเราจึงได้แต่เผาหยกดั่งหิน ตัดขาดต่อกัน นอกจากนี้ ยังต้องขอให้ท่านชายเฟิ่งโปรดจำไว้ให้ชัดเจนด้วย…… ”
นางเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้มแล้วกวาดสายตามองมู่เซิ่ง แล้วหันไปมองเฟิ่งเชียนเว่ย “แปลงดอกไม้ แดงดุจท้อทั้งหมดล้วนเป็นของข้ามู่อวิ๋นซี นับแต่บัดนี้ไป ถ้าเป็นคนจากจวนเจ้าพระยาหย่งชางมาซื้อดอกไม้ หรือแป้งชาดแป้งน้ำ ล้วนมีราคาสูงเป็นสองเท่า”
ถึงอย่างไรแล้วก็ทำให้จวนเจ้าพระยาหย่งชางได้ขุ่นเคืองแล้ว มิสู้ทำให้ขุ่นเคืองไปให้สุดๆ เสียดีกว่า! ด้วยเหตุนี้ มู่เซิ่งจึงไม่กล้าให้นางมอบแปลงดอกไม้และแดงดุจท้อให้ง่ายๆ มิเช่นนั้น ปัญหาของจวนเจ้าพระยาหย่งชางก็เป็นของเขา
มู่เซิ่งโกรธเกือบจะตาย และหันมองมู่อวิ๋นซีด้วยสายตาราวกับจะกินคน
ใบหน้าของเฟิ่งเชียนเว่ยดำคล้ำขึ้นอีกมาก เส้นเลือดที่ขมับปูดโปนพลันกระตุกอยู่ตลอด “คุณหนูมู่ เจ้าเก่งมาก”
“ขอบคุณสำหรับคำชม” มู่อวิ๋นซีเหมือนจะฟังไม่เข้าใจความโกรธของเขา ยังคำนับให้เขา “ยังต้องขอให้ท่านชายเฟิ่งโปรดวางใจ ข้ามู่อวิ๋นซีเป็นคนที่ทำอะไรย่อมมีมโนธรรมเสมอ แต่หากจวนเจ้าพระยาหย่งชางของพวกท่านที่มาซื้อของกับข้าอย่างเดียวกันเป็นสองเท่า หลังจากนั้นข้าก็ขายของสองชิ้นในราคาครึ่งราคา”
นางหันไปมองใต้เท้าโจว “ไม่มีทางที่จะฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าเด็ดขาด ใต้เท้าโปรดวางใจได้”
เฮอ!
เฟิ่งเชียนเว่ยหัวเราะอย่างโกรธเคือง นี่คือมีจิตใจที่มโนธรรมหรือ? คิดว่าเขาโง่หรือ? นี่เป็นการใช้เงินของจวนเจ้าพระยาหย่งชางของพวกเขาเพื่อหนุนหน้านางมู่อวิ๋นซี
“คุณหนูมู่โปรดวางใจ จวนเจ้าพระยาหย่งชางของเราจะไม่มาที่แปลงดอกไม้นี้อีก และจะไม่ไปที่แดงดุจท้อด้วย”
“จำคำพูดของท่านไว้ด้วย อย่าลืมเด็ดขาด!” มู่อวิ๋นซีเตือนด้วยความหวังดี
เฟิ่งเชียนเว่ยฮึอย่างเย็นชาออกมา จากนั้นสะบัดแขนเสื้อกว้างแล้วหันตัวกลับ เสียงใสกังวานของมู่อวิ๋นซีได้เกี่ยวให้ฝีเท้าเขาหยุดลง
“ท่านชายเฟิ่ง ท่านคงลืมไปแล้วใช่ไหมว่าท่านยังเป็นจำเลยอยู่? คดียังไม่จบ จำเลยก็ไม่อาจจะไปไม่ได้”
มู่อวิ๋นซีเดินอ้อมกุหลาบหินแดงที่กลายเป็นเทาดำทั้งหมดมา และมองดอกโบตั๋นสองสีสองกระถางและหางนกยูงสองกระถางที่จันเยว่กับฮั่วเสี่ยวเสี่ยวชนตก “ยังมีของที่แตกเป็นเสี่ยงๆ นี้อีก หรือว่าไม่ต้องชดใช้หรอกหรือ?”
“ชิงช้าที่พังไปแล้วของข้าล่ะ ท่านไม่ใช่บอกว่าจะชดใช้หรือ? ทำไมไม่รักษาคำพูดแล้ว? รวมถึงข้าด้วย ดูรอยแผลบนหน้าของข้าสิ…… ทั้งหมดนี้ท่านชายเฟิ่งจะทำเหมือนมองไม่เห็นมันหรือ? เรื่องเหล่านี้ จวนเจ้าพระยาหย่งชางจะไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวหรือ?”
เฟิ่งเชียนเว่ยหน้าซีดเผือด กับดวงตาไม่เป็นมิตรพลันพุ่งเข้าใส่มู่จื่อโหรวและ จันเยว่ พวกนางล้วนกระทำการบุ่มบ่าม ถึงได้ทำลายชื่อเสียงของจวนเจ้าพระยาหย่งชางของพวกเขา ถึงได้ทำให้มู่อวิ๋นซีต้องเผา กุหลาบหินแดง เมื่อกลับไป เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร
จันเยว่เครียด ลงมือก่อนได้เปรียบ “ท่านชาย! ทั้งหมดล้วนเป็นฮูหยินมู่ เมื่อคืน ข้าน้อยเห็นนางแอบลับๆ ล่อๆ กับมู่อวิ๋นซีไม่รู้ว่าพูดอะไร วันนี้ก็อีก ต้องเป็นเพราะนางเกลียดมู่อวิ๋นซีเป็นแน่ ถึงได้จงใจทำให้มู่อวิ๋นซีลำบากใจ และทำให้จวนเจ้าพระยาของพวกเราเสื่อมเสียไปด้วย”
มู่จื่อโหรวตกใจจนขนลุกพอง คุกเข่าลงทันที “ไม่ใช่ข้า! ท่านชายให้ความเป็นธรรมด้วย! ข้าเป็นแค่ฮูหยิน จะตัดสินใจทำได้อย่างไร? ใช่…… เป็นจันเยว่! ใช่แล้ว เป็นจันเยว่ เมื่อวานนางทำชิงช้าของมู่อวิ๋นซีพัง”
“นั้นเพราะเป็นฮูหยินมู่สั่งให้ข้าน้อยทำมิใช่หรือ” จันเยว่ถลึงตาใส่มู่จื่อโหรวอย่างโกรธเคือง
มู่จื่อโหรวถลึงตาใส่กลับอย่างไม่เกรงใจ “แต่ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าพูดว่าจะไม่ให้เงินแม้แต่ตำลึงเดียว? เจ้านังบ่าวสารเลว คิดว่าตัวเองเป็นเจ้านายจริงๆ ที่กล้าคิดตัดสินใจเอง?”
“ไม่ว่าใครเป็นคนทำ ฮูหยินมู่กลัวว่าจะเปรียบ……”
“เงียบ!”
ใต้เท้าโจวขัดการทะเลาะวิวาทของทั้งสองคน แล้วมองไปที่มู่อวิ๋นซี “คุณหนูมู่ เมื่อวาน เป็นใครบอกว่าอยากให้ท่านส่งดอกไม้อายุยืนกุหลาบหินแดงให้จวนเจ้าพระยาหย่งชางแบบไม่ต้องคิดเงิน”
มู่จื่อโหรวร้อนรนอย่างกับหัวใจขึ้นมาอยู่ที่คอ ดวงตาที่มองมู่อวิ๋นซีฉายแววอ้อนวอนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
จันเยว่ยืดคอมองมู่อวิ๋นซี เห็นนางค่อยๆ ยกมือขึ้น
“คือนาง!”