เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา – ตอนที่ 80 จุมพิต แผนการร้าย

เฟิ่งเชียนเย่มือที่จับไหล่ของฉีอินปล่อยออก เส้นสายบนใบหน้าตึงเครียด ในดวงตาพลุ่งพล่านราวกับกระแสน้ำวนที่หมุนไปรอบๆ
ฉีอินตกลงไปในวังวนนั้น นางเอนตัวพิงร่างของเฟิ่งเชียนเย่อย่างไม่รู้ตัว นางกล่าวอย่างเขินอายว่า “ท่านชายเย่ ท่านไปเกลี้ยกล่อมคุณหนูรองให้นางเถิดเจ้าค่ะ ให้นางไปชดใช้จวนเจ้าพระยาหย่งชางมิใช่หรือ จวนเจ้าพระยามีเกียรติ อาจจะไม่……”
เฟิ่งเชียนเย่เอนกายเล็กน้อยเพื่อหลบฉีอิน จากนั้นหมุนตัวแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว รูปร่างสูงโปร่ง ก้าวเดินไปอย่างมั่นคง
ฉีอินประคองตัวยืนให้มั่นที่ขอบประตู กัดริมฝีปากมองแผ่นหลังที่ค่อยๆ ห่างออกไป ดวงตาเรียวยาวที่มีเสน่ห์เย้ายวนได้กลายเป็นความอิจฉาริษยา และทันใดก็เกิดเป็นความชื่นมื่นอีกครั้ง
สตรีที่เอาแต่ใจ และดื้อรั้นได้ล่วงเกินจวนเจ้าพระยาหย่งชาง นางไม่เชื่อว่าเฟิ่งเชียนเย่จะคบค้าสมาคมกับนาง
เขาต้องไปตำหนิมู่อวิ๋นซีแน่ ไม่แน่ว่าอาจจะตัดขาดกับมู่อวิ๋นซีก็เป็นได้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฉีอินก็ยกชายกระโปรงขึ้น แล้วรีบไล่ตามเงาร่างที่หล่อเหลานั้นไป เพิ่งจะเลี้ยวได้สักพัก นางก็หยุดเดิน
ด้านหน้า คือสวนดอกหญ้าสีชมพู  สวนดอกไม้ทั้งแปลง ใบสีเขียวด้านล่าง รวงดอกไม้สีม่วงอมชมพูงอกออกมาจากด้านล่างราวกับเส้นผม แต่ละต้นเหมือนนกยูงที่รำแพนหาง มองจากที่ไกลๆ สวนดอกไม้ทั้งสวนเหมือนเมฆสีแดง
ทั้งมีเฟิ่งเชียนเย่ ที่ยืนอยู่บนเมฆหมอก เสื้อคลุมสีดำและเส้นผมปลิวไสวไปตามสายลมอันอบอุ่น ช่างงดงามราวกับเป็นภาพวาด
ร่างในชุดสีขาวจันทราพุ่งเข้าไปในภาพวาด และได้หยุดอยู่ข้างๆ เฟิ่งเชียนเย่
มือที่ห้อยลงมาของฉีอินกำหมัดแน่นอย่างอดไม่ได้ เล็บจิกลึกเข้าไปในฝ่ามือ และจ้องมองร่างนั้นอย่างเคียดแค้น
ร่างนั้นนำผมที่ห้อยอยู่ข้างหูแปรงผมให้ไปถึงข้างหลังและมองไปที่เฟิ่งเชียนเย่ “เจ้ามาได้อย่างไร? ไม่ใช่ให้เจ้าอย่าวุ่น……”
“เป็นใคร?”
เฟิ่งเชียนเย่จ้องรอยบวมที่อยู่บนแก้มของมู่อวิ๋นซี ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย และค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบรอยบวมเบาๆ “เจ็บไหม?”

มู่อวิ๋นซีโค้งมุมปาก เงยหน้ามองถอยหลังเล็กน้อย มือของเฟิ่งเชียนเย่ลื่นลงไปตามใบหน้าของนาง ก่อนจะหันมามองเขาด้วยความภาคภูมิใจเล็กน้อย “ข้าตั้งใจ”
ไม่เช่นนั้น นางจะฟ้องจวนเจ้าพระยาหย่งชางที่ทำร้ายคนตามอำเภอใจได้อย่างไร
ดวงตาของเฟิ่งเชียนเย่ดำคล้ำราวกับน้ำหมึก “เจ้าสัญญากับข้าแล้ว ว่าจะไม่จงใจทำร้ายตัวเองอีก”
อ๋า?
มู่อวิ๋นซียิ้มเจื่อนๆ อย่ามองตา แต่มองไปที่เมฆหมอกที่ราวกับความฝันนี้ นางเองก็ไม่อยากทำเหมือนกัน แล้วจะทำอย่างไรได้?
“ที่จริงดูก็อาจจะน่ากลัวไปหน่อย แต่ไม่เจ็บเลย”
เฟิ่งเชียนเย่ยกมือขึ้นจับกรามล่างของนาง ก่อนจะหันใบหน้าเล็กๆ ของนางกลับมา คิ้วยาวๆ ขมวดขึ้นเล็กน้อย “ไม่เจ็บ?”
“แค่เจ็บนิดหน่อยเท่านั้นเอง” มู่อวิ๋นซียิ้มเจื่อนๆ “เทียบกับผลประโยชน์ที่ได้รับแล้ว การตบครั้งนี้คุ้มค่ากับสิ่งที่ได้รับมา ท่าน มีความแค้นกับจวนเจ้าพระยาหย่งชางใช่หรือไม่?”
นางถามหยั่งเชิง
สีหน้าของเฟิ่งเชียนเย่เย็นชาเล็กน้อย แล้วคลายมือที่จับกรามล่างของนางเอาไว้ และมองออกไปทางอื่น
“ไม่พูดก็ไม่เป็นไร” มู่อวิ๋นซีมองตามสายตาของเขาอย่างเมินเฉย “ท่านช่วยข้ามาตั้งหลายครั้ง ข้าก็อยากช่วยเจ้าเช่นกัน แต่……ทำอะไรไม่ได้เลย โชคดีตอนที่เขาจากไปเฟิ่งเชียนเว่ยได้ส่งจันเยว่ให้ข้าจัดการ และบอกว่าจะฆ่าจะแกง ก็ตามใจข้า”
“แม้ว่านางจะเป็นเพียงสาวรับใช้ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของจวนเจ้าพระยาหย่งชาง ท่านลองไปถามนางไม่แน่ว่าอาจจะถามอะไรได้บ้าง……”
ทันใดนั้นเฟิ่งเชียนเย่ก็หันกาย และคว้าใบหน้าเล็กๆ ของมู่อวิ๋นซีเอาไว้ แล้วจูบไปอย่างดุเดือด
“อื้อ!”

มู่อวิ๋นซีตะลึงงัน ไปผลักเฟิ่งเชียนเย่ตามสัญชาตญาณ แต่มือทั้งสองกลับถูกมือใหญ่ของเขาจับเอาไว้ทั้งหมด จับไว้ตรงกลางระหว่างเขากับนางอย่างแน่น มือใหญ่อีกข้างกุมท้ายทอยนางไว้ และกดนางไว้แน่น ริมฝีปากทั้งสี่ บีบเข้าด้วยกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
ในระยะไกล ดวงตาของฉีอินเปลี่ยนเป็นสีแดง เหมือนกับดอกหญ้าสีชมพู ที่อยู่ข้างๆ พวกเขา
นางกลับหลัง และโซเซออกไป
เขาไม่ได้โทษนางจริงๆ ทำไม?
หรือว่าเขาชอบผู้หญิงที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน?
“ฉีอิน!”
เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งขัดจังหวะความคิดที่กำลังฟุ้งซ่านของฉีอิน
“ท่านน้า!” ฉีอินเงยหน้ามองฮูหยินเล็กเติ้ง จึงรีบเก็บความคิดทั้งหมดของตนไว้ แล้วคำนับให้นางอย่างนอบน้อม
ฮูหยินเล็กเติ้งสีหน้าเย็นชา “ห้องดอกไม้มีกุหลาบหินแดงสี่สิบหกกระถาง เหตุใดเจ้าไม่บอกข้า? ต้องทำให้ข้าขายหน้า เจ้ามีศักดิ์ศรีมากหรือ?”
“ท่านน้าโปรดอภัยด้วยเจ้าค่ะ เรื่องนี้ข้าไม่รู้” ฉีอินรีบอธิบาย “ข้าเห็นกับตาว่าอู๋ฉางเสิ้งขโมยกุหลาบหินแดงไปสองกระถาง ห้องดอกไม้เหลือแค่สี่สิบสี่กระถางเท่านั้น และกระถางสองกระถางนั้นถูกมู่อวิ๋นซียกมาจากห้องท่านชายเย่ในวันนี้”
“ท่านชายเย่?” ฮูหยินเล็กเติ้งสงสัย

“เป็นเพื่อนของท่านชายใหญ่ บอกว่าอยู่พักฟื้นที่นี่ หรือบังเอิญมีกระถางกุหลาบหินแดงสองกระถาง จึงมอบให้มู่อวิ๋นซี” ฉีอินคาดเดาไว้
“เช่นนั้นโชคของนางไม่ธรรมดาจริงๆ” ฮูหยินเล็กเติ้งถอนหายใจเบาๆ สีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย “แล้วพี่ชายเจ้าล่ะ?”
ฉีอินตะลึงงัน “ไม่ใช่ว่าท่านน้ามีธุระ แล้วเรียกเขาไปแล้วหรอกหรือ?”
“อ๋อ ใช่ ข้าก็แค่ดูว่าเขาทำงานเสร็จกลับมาหรือยัง” ฮูหยินเล็กเติ้งอี๋รู้สึกไม่สบายใจ
นางให้ฉีหู่ปลอมตัวเป็นโจรปล้นมู่อวิ๋นซี แต่เมื่อวานมู่จื่อชวนกลับไปบอกว่าการเดินทางราบรื่น นางนึกว่าฉีหู่แอบขี้เกียจ จึงพลาดโอกาสไป ตอนนี้ดูท่า เรื่องนี้เกรงว่าจะอะไรแปลกประหลาดไปกันใหญ่แล้ว
“รอให้เขากลับมาแล้ว มาบอกข้าด้วย” ฮูหยินเล็กเติ้งเงยหน้ามองสวนดอกไม้ที่บานสะพรั่ง “อีกอย่าง ข้าต้องการแผนที่ของแปลงดอกไม้หนึ่งฉบับ แต่ละแปลงเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นดอกไม้ชนิดใด หญ้าชนิดใด และสรรพคุณของดอกไม้เหล่านี้จะต้องเขียนให้ชัดเจน”
“ต้องรีบหน่อย” ฮูหยินเล็กเติ้งกําชับฉีอินด้วยน้ำเสียงเบา แล้วหันไปมองมู่เซิ่งที่มีสีหน้าดำคล้ำที่เดินเข้ามา และส่งสายตาให้ฉีอินเป็นสัญญาณให้นางถอยออกไป หลังจากนั้นมุมปากก็ยกยิ้มตรงไปที่มู่เซิ่ง “นายท่าน ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”
การมาที่แปลงดอกไม้ของพวกเขาครั้งนี้ เดิมทีคิดจะใช้กุหลาบหินแดงเพื่อเอาบีบบังคับมู่อวิ๋นซี ให้นางมอบยาสร้างเนื้อออกมา ใครจะคาดคิดว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปาก มู่อวิ๋นซีก็ล่วงเกินจวนเจ้าพระยาหย่งชางจนไม่พอใจ
“เจ้าเด็กเวรนั้น” พอคิดถึงมู่อวิ๋นซี มู่เซิ่งก็โกรธจนโมโหขึ้นมา “ตอนนั้นข้าไม่ควรออมมือกับนาง ควรบีบคอนางให้ตาย และตอนนี้คงไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก”
เขาถอนหายใจหนักๆ “ตอนนี้จะทำยังไง? ได้เพียงแค่รอ รอจนยายเฒ่านั้นตาย นางจะได้เห็นดีกับข้าแน่”
ฮูหยินเล็กเติ้งถอนหายใจอย่างเป็นห่วง มองมู่เซิ่งด้วยความกังวล “นายท่าน พวกเราสามารถรอได้ ลูกสาวของผิงจุ่นลิ่งเกรงว่าจะรอไม่ไหว บาดแผลนั้นอยู่ที่ใบหน้าด้วย ผู้หญิงคนไหนไม่รักสวยรักงามเล่า? ถ้าผิงจุ่นลิ่งโกรธเรา แล้วจะทำให้พวกเราลำบากใจล่ะ?”
“ข้าจะทำอย่างไรได้?” มู่เซิ่งทำอะไรไม่ถูก
ยาสร้างเนื้อ เขาแบกหน้าแก่ๆ ไปให้มู่อวิ๋นซีแล้ว นางไม่ยอม มู่จื่อหลันไปค้นในห้องของนางแล้ว ก็ไม่มี พวกเขาส่งฉีหู่ไปแย่งแล้ว แต่สุดท้ายฉีหู่ก็หายตัวไป
คิ้วสีดำของเขาขมวดเข้าหากัน “ยาสร้างเนื้อ หรือว่านางไม่มีจริงๆ แล้ว?”
“จะเป็นไปได้ยังไง? นายท่านไม่เห็นรอยแผลเป็นบนหน้าผากของมู่ซิ่วที่หายดีแล้วหรือเจ้าคะ? ถ้าไม่ใช่ยาสร้างเนื้อ จะเป็นไปได้อย่างไร?” แววตาของฮูหยินเล็กเติ้งมืดลง “ยาสร้างเนื้อ นางไม่อยากมอบมันให้พวกเรา มีคน ที่นางจะต้องยอมให้อย่างแน่นอน”
นางขยับเข้าไปใกล้มู่เซิ่งแล้วกระซิบเบาๆ มู่เซิ่งพยักหน้าซ้ำๆ “ถึงเวลานั้น ข้าจะดูว่านางมียาสร้างเนื้อหรือไม่?”

เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา

เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset