มู่อวิ๋นซีพยักหน้า สิ่งที่ควรทำตนล้วนกระทำสิ้นแล้ว
ตนสามารถยอมรับการไม่เข้าใจของมู่ซิ่ว ยอมรับให้มู่ซิ่วไม่ไยดีกับความหวังดีของตน แต่ไม่อยากยอมรับให้มู่ซิ่วทำร้ายตนได้
มู่ซิ่ว ดูแลตัวเองเถิด
มู่อวิ๋นซีถอนหายใจยาว เผยอริมฝีปาก เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ไม่น่าดูยิ่งกว่าร้องไห้ออกมา “ไปเถิด กลับไป”
ลานช่างยินในจวนตระกูลมู่
ฮูหยินเล็กเติ้งเล่นกับเด็กผู้ชายที่ใส่เสื้อคลุมลายเครื่องหมายสวัสติกะคนหนึ่งไปพลาง พูดคุยกับมู่จื่อหลันที่กำลังแกะส้มว่า “เป็นอย่างไร? มู่ซิ่วได้ยาสร้างเนื้อจากมู่อวิ๋นซีแล้วหรือไม่?”
“คงเป็นเจี่ยอี้ทำเสียเรื่อง” ใบหน้ามู่จื่อหลันเผยแววรังเกียจ นางค่อยๆแกะเปลือกส้ม เอาเม็ดออกอย่างระมัดระวัง ยิ้มระรื่นยื่นไปตรงปากเด็กชาย พลางพูดกับฮูหยินเล็กเติ้งว่า “เมื่อคืนข้าแอบไปดูที่คุกอีก นังโง่มู่ซิ่วกลับผูกคอตาย”
“ตายแล้วรึ?” มือที่ถือป๋องแป๋งของฮูหยินเล็กเติ้งชะงักค้าง
“ยังเจ้าค่ะ ผู้คุมช่วยไว้ได้ทัน ข้าถามนางว่าทำไม นางก็มิยอมตอบ ต่อมากลับไปได้ไม่ทันไร เจี่ยอี้ก็โดนคนของหอมาลาห่อตัวส่งกลับมา” มู่จื่อหลันแกะส้มให้เด็กชายอีก “อ้าซานเอ๋อร์!”
หลังจากนั้นนางเหลือบตาขึ้นมองฮูหยินเล็กเติ้ง “ข้าถามเขาเกิดอะไรขึ้น เขากลับบอกว่ามู่วิ่วให้เขาส่งมู่อวิ๋นซีกลับไป จากนั้นเขาก็จำไม่ได้ว่าตนเองไปหอมาลาตั้งแต่เมื่อใดกัน ทำเสียเรื่องชัดๆ โง่เง่าจริงๆ หากมิใช่เขายังพอมีสิทธิ์มีเสียงที่ผิงจุ่นซืออยู่บ้าง ข้าส่งเขาไปนรกนานแล้ว”
“ระวังคำพูดหน่อย ต่อหน้าลูกนะ” ฮูหยินเล็กเติ้งกำชับมู่จื่อหลัน คิ้วขมวดน้อยๆ “ดูท่า ทางด้านมู่ซิ่วคงไม่ได้ผลแล้วกระมัง?”
“ความหมายของท่านแม่คือพวกเราเสียเวลาเปล่ากระนั้นรึ?” มู่จื่อหลันมิค่อยพอใจ
“ไม่” ฮูหยินเล็กเติ้งยื่นป๋องแป๋งในมือให้เด็กชาย ให้เขาเล่นเอง “ทางมู่ซิ่วมิได้ผล ยังมีมู่จื่อชวน”
“แต่มู่อวิ๋นซีหายไปแล้วนะเจ้าคะ?”
ฮูหยินเล็กเติ้งมิแยแส “มียัยแก่นั่นอยู่ นางจะหนีได้รึ”
ประหนึ่งเป็นการยืนยันคำพูดของอูหยินเติ้ง นางพูดยังไม่ทันจบคำ ก็มีสาวใช้เข้ามารายงานว่า “คุณหนูรองกลับมาแล้วเจ้าค่ะ ยังพาท่านชายคนหนึ่งมาด้วย เวลานี้ไปที่ลานหย่งเหอแล้ว”
ในลานหย่งเหอ มู่อวิ๋นซีมองดวงตาแดงก่ำสีเลือดของมู่จื่อชวนด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “หลายวันนี้มานี้ลำบากพี่ชายแล้ว ท่านรีบไปพักผ่อนเถิด ข้าเฝ้าท่านย่าเอง”
มู่จื่อชวนลังเลเพียงครู่ เขาผงกหัว พยักหน้ากับเฟิ่งเชียนเย่เป็นเชิงทักทาย และหมุนตัวจากไป
มู่อวิ๋นซีนั่งลงบนตั่ง กุมมือเย็นเฉียบแข็งค้างขององค์หญิงใหญ่ ในใจอดรู้สึกผิดไม่ได้ “แม่นมโจว ช่วงนี้ท่านย่า…”
“อ๊า!”
มู่อวิ๋นซียังพูดมิทันจบคำ องค์หญิงใหญ่ที่หลับอยู่พลันตื่นขึ้น นิ้วแข็งค้างกระตุกเล็กน้อย อยากจะกุมมือมู่อวิ๋นซี หากในที่สุดทำได้เพียงสั่นเทาเล็กน้อยอย่างไร้เรี่ยวแรง ดวงตาเอียงเล็กนั่นมีทั้งความอิดโรยและมีน้ำตาไหลลงมา
“ท่านย่า” มู่อวิ๋นซีพลันรู้สึกเหมือนหัวใจโดนนิ้วมือแข็งเกร็งนั้นกระทบเข้า เจ็บเพียงครู่ก็ตาแดงเรื่อ “ท่านอย่ากังวลไปเลยเพคะ ข้ามิเป็นไร ดีมาก หลายวันนี้ข้าไปดูที่แปลงดอกไม้ ท่านนี่เก่งนัก สามารถดัดแปลงแปลงดอกไม้จนกลายเป็นแดนเทพไปแล้ว”
องค์หญิงใหญ่พยักหน้าเล็กน้อย พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ รีบลุกขึ้นทันที “อ๊า อ๊า!”
“องค์หญิงกังวลพระทัยเรื่องคุณหนูใหญ่” แม่นมโจวด้านข้างถอนหายใจแผ่วเบา อธิบายให้กับมู่อวิ๋นซี
“คนอ่อนโยนอ่อนแออย่างนาง…” มู่อวิ๋นซีหลุบตาลงมองมือองค์หญิงใหญ่ที่ทั้งแข็งและเหี่ยวย่น พูดเสียงอ่อยว่า “จะทำร้ายคนได้เยี่ยงไรกัน? ต้องไม่เป็นไรแน่เพคะ”
“ดูเถิด คุณหนูรองบอกแล้วว่ามิเป็นไร งั้นต้องไม่เป็นไรแน่เพคะ” แม่นมโจวหยิบผ้าเช็ดหน้าข้างหมอนองค์หญิงใหญ่เปลี่ยนเป็นผืนใหม่ที่แห้ง “องค์หญิง ท่านวางพระทัยเถิดเพคะ องค์หญิงจำมิได้หรือว่าหมอหญิงโจวพูดว่ากระไร? ต้องพักผ่อนให้มากๆ ครุ่นคิดให้น้อยๆ มิเช่นนั้นทุกคนจะกังวลเรื่องท่านนะเพคะ”
องค์หญิงใหญ่มองมู่อวิ๋นซีอีก และหลับตาลงอย่างว่าง่าย
“อวิ๋นซี?”
มู่อวิ๋นซีหันมามอง และเห็นมู่จื่ชวนยืนกวักมือเรียกนางอยู่หน้าประตู
นางมองแม่นมโจว พลางชี้ไปที่ทางด้านนอก ค่อยๆออกจากห้องเงียบๆ “อันใดกันรึ? เหตุใดท่านยังไม่กลับไปพักผ่อนอีก?”
เมื่อสบสายตาใสกระจ่างของมู่อวิ๋นซี คำพูดที่คาอยู่ที่ปากมู่จื่อชวนพลันลังเลขึ้นมา
“ท่านพี่?” มู่อวิ๋นซีสงสัย โน้มตัวเข้าใกล้มู่จื่อชวนเล็กน้อย “ท่านอยากพูดอะไรรึ?”
มุมปากนางเผยรอยยิ้ม สายตาซุกซน “คงมิใช่ถูกใจแม่หญิงบ้านไหนกระมัง? หมอหญิงโจวรึ? หรือว่าฮั่วเสี่ยวเสี่ยว?”
“อวิ๋นซี!” มู่จื่อชวนปรามมู่อวิ๋นซี และพูดอย่างรีบร้อนว่า “ข้า…ข้าอยากถามเจ้าว่า ยังมียาสร้างเนื้ออีกหรือไม่?”
รอยยิ้มมุมปากของมู่อวิ๋นซีแข็งค้าง และหายไปในพริบตา
ระหว่างทางที่กลับมา เฟิ่งเชียนเย่บอกนางเรื่องราวของการที่มู่ซิ่วเข้าคุก ตอนนี้มู่จื่อชวนกลับมาขอยาสร้างเนื้อ จะเอาไปให้แม่นางที่เสียโฉมผู้นั้นกระมัง?
เขารู้ว่ามู่ซิ่วขอยาสร้างเนื้อกับนาง เขาถามมู่ซิ่วหรือไม่ว่า เหตุใดต้องทำร้ายนาง?
ดวงตาใสกระจ่างของมู่อวิ๋นซีจับจ้องมู่จื่อชวนเขม็ง “ท่านพี่ หากข้ากับมู่ซิ่วตกลงในทะเลสาบ แล้วท่านสามารถช่วยได้เพียงผู้เดียว ท่านจะช่วยใคร?”
มู่จื่อชวนอึ้งตะลึง สีหน้ากระอักกระอ่วน “เอ่อ..ข้า…”
“ช่างเถิด” ไม่รอมู่จื่อชวนตอบคำ มู่อวิ๋นซีพลันออกเสียงตัดบทเขา ไม่กล้าฟังเขาพูดต่อ “ยาสร้างเนื้อข้ามี ท่านต้องการเท่าไหร่รึ?”
ถึงแม้ก่อนหน้านี้มู่จื่อชวนจะให้คำมั่นสัญญาแก่นางว่าจะปกป้องนางอย่างไร้เงื่อนไข หากมู่ซิ่วมิใช่ใครอื่น เป็นพี่สาวเขาเช่นกัน นางกับมู่จื่อชวนรู้จักกันเพียงไม่นาน มู่ซิ่วกับมู่จื่อชวนเล่ารู้จักกันนานเท่าใดแล้ว? นางกลับคิดเพ้อฝันระหว่างนางกับมู่ซิ่วจะให้มู่จื่อชวนเลือกมาหนึ่งคน หาเรื่องใส่ตัวชัดๆ
“สองเม็ด!” มู่จื่อชวนมิเข้าใจ ก่อนหน้านี้นางดูเอาใจใส่เรื่องของมู่ซิ่วยิ่งนัก “เจ้าเข้าใจผิดอะไรกับท่านพี่งั้นรึ?”
มู่อวิ๋นซีมิสนใจเขาอีก นางหยิบเครื่องลายครามจีนออกจากชายเสื้อ เทยาให้เขาสองเม็ด หมุนตัวกลับไปในห้อง
มู่จื่อชวนอ้าปากราวกับจะพูดอะไร หากก็กล้ำกลืนมันกลับลงไป พลางถือยาสร้างเนื้อหมุนตัวเดินจากไป
ดั่งคำพูดของฮูหยินเล็กเติ้ง บ้านนั้นได้รับยาสร้างเนื้อไป จึงส่งคนไปถอนคำร้องกับจิงจ้าวอิ่นพร้อมกับเขา ประชาชนไม่ฟ้องร้อง ข้าราชการไม่ว่าความ มู่ซิ่วจึงได้รับการพิจารณาว่าบริสุทธิ์และโดนปล่อยตัว
หัวใจที่โหนอยู่ขององค์หญิงใหญ่วางลงในที่สุด มู่เซิ่งเห็นนางดีใจ อาศัยโอกาสนี้ให้ทุกคนทานอาหารพร้อมกัน อาหารค่ำวันนั้นจึงจัดขึ้นที่ลานหย่งเหอ
ถึงมู่อวิ๋นซีจะมิอยากเจอหน้ามู่ซิ่ว หากมิอยากให้องค์หญิงใหญ่ไม่สบายใจด้วยเช่นกัน นางพลันลังเลเล็กน้อย
ไม่คิดเลยว่า มู่ซิ่วที่เงียบขรึมพูดน้อย จะมาหานางเอง “อวิ๋นซี ข้ามีบางอย่างอยากจะพูดกับเจ้าเป็นการส่วนตัวสักประเดี๋ยว”
มู่อวิ๋นซีมิแสดงท่าที เดินตามนางจนถึงด้านนอก มือกอดอก มองนางอย่างเย็นชา “มิทราบว่าคุณหนูใหญ่มีสิ่งใดจะชี้แนะรึ?”
คุณหนูใหญ่?
มู่ซิ่วตะลึง ยิ้มมุมปากอย่างเศร้าสร้อย หลุบตาลงพลางว่า “เจ้าวางใจได้ ข้าจะไปจากเขาแน่”
“หือ?” มู่อวิ๋นซีตะลึงอึ้ง
มู่ซิ่วเหลือบตาขึ้นมองมู่อวิ๋นซี สายตาจริงจัง “ข้าจะให้เจี่ยอี้หย่าขาดข้าซะ”
เหอะ!
มู่อวิ๋นซีแค่นยิ้ม ก่อนหน้านี้ตนหาทุกวิถีทางให้นางไปจากเจี่ยอี้ นางกลับไม่ไยดี มาบัดนี้ตนมิอยากยุ่งเรื่องของนางแล้ว นางกลับวิ่งมาคุยกับตนเรื่องนี้งั้นรึ?
“เจ้าต้องการอย่างไรก็เป็นเรื่องของเจ้า ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับข้า ยังมีกระไรอีกหรือไม่? หากมิมี คุณหนูใหญ่ ข้าขอตัวก่อน”