มู่เซิ่งลุกขึ้นกะทันหัน อ้อมจากโต๊ะเตี้ย เดินไปตรงหน้ามู่อวิ๋นซี มองดูนาง พูดอย่างน้ำใสใจจริงว่า “ท่านปู่ยอมรับว่า เทียบกับกู้ตงหลี ที่ฮูหยินเล็กเติ้งให้เจ้ามันน้อยไปหน่อย แต่พวกข้าเป็นคนตระกูลเดียวกัน สิ่งที่นางสัญญาว่าจะให้เจ้าก็ต้องให้เจ้าไม่ขัดแม้แต่หนึ่งตำลึงแน่นอน”
“แต่เขา” เหลือบมองตงหลี แล้วมองที่มู่อวิ๋นซี “เป็นคนที่ใครทำเวรกรรมอะไรกับเขาก็จะแก้แค้นเอาคืนให้ได้ ชอบใช้แผนการที่ต่ำต้อย ตอนนี้เขาพูดดีๆ อยู่อย่างนี้ เดี๋ยวถ้าเขาเกิดกลับใจขึ้นมา เจ้าอยากจะร้องขอความยุติธรรมก็ไม่รู้ไปร้องขอที่ไหน”
“อีกอย่าง” มู่เซิ่งถอนหายใจลึกๆ “ตอนนี้การค้าของตระกูลมู่ถึงจะเป็นข้าดูแลอยู่ แต่พวกนี้มันเป็นการทุ่มเทกำลังและใจของท่านย่า ท่านปู่เจ้า ตอนนี้เจ้าจะเพื่อเงินไม่กี่ตำลึง ช่วยคนภายนอกมารังแกท่านย่าเจ้ารึ”
“ดูสิ” เขาชี้ไปที่เบาะนั่งไหม องค์หญิงใหญ่ที่มีน้ำลายไหลอยู่ตรงมุมปาก กำลังมองดูพวกเขายังนิ่งเฉย
“ตอนนี้ท่านย่าเจ้าเป็นเช่นนี้แล้ว ถ้าเจ้าทำลายความมานะของท่านอีก เจ้าทำลงไปได้รึ? ”
ว่าแล้ว เสียงมู่เซิ่งเองก็สะอึกขึ้น ขอบตาก็แดงขึ้น
คำเหล่านี้ เห็นผลอย่างดีในทันที
“อวิ๋นซี!” มู่ซิ่วเช็ดน้ำตาเอ่ยปากคนแรก “เพื่อท่านย่า เจ้าลองคิดดูอีกทีนะ?ข้าว่าท่านปู่พูดถูก คนนอกย่อมไม่น่าเชื่อถือ จื่อชวน !”
นางหันมองมู่จื่อชวน สะกิดเขาให้ห้ามมู่อวิ๋นซี
มู่จื่อชวนหันมองมู่อวิ๋นซีอย่างสับสน ลูกกระเดือกขยับเล็กน้อย แล้วเงยหน้าลง
มู่อวิ๋นซีกำลังเก็บสายตาคืนอย่างผิดหวัง ก็กลับได้ยินเขาพูดว่า “น้องสาว ยาสร้างเนื้อเป็นของเจ้า เจ้าตัดสินใจเอง ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ข้าก็เห็นด้วยกับใจ”
แววตามู่อวิ๋นซีที่เย็นดั่งเกล็ดน้ำแข็งค่อยๆ หายไปหมด พี่สาวไม่ได้เรื่อง ก็ยังมีพี่ชายคนนี้อีก
“ท่านรองมู่!”
นางโค้งตัวต่อมู่เซิ่งเล็กน้อย “อวิ๋นซีเป็นเพียงหญิงคนหนึ่ง ไม่เข้าใจการทุ่มเทกายและใจอะไร ความแค้นและแผนการอะไรที่ท่านรองพูด ข้ารู้จักเพียงแค่เงิน”
สีหน้ามู่เซิ่งค่อยๆ มืดลง
มุมปากมู่อวิ๋นซีมีรอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏขึ้น “ในเมื่อท่านรองมู่กับฮูหยินเล็กเติ้งรู้สัจธรรมเยอะและแผนการเยอะเช่นนี้ ถ้างั้นพวกเจ้าก็ให้ราคาเท่านี้สิ?ไม่งั้น ก็อย่าขวางทางร่ำรวยของข้า”
“เจ้า……”มู่เซิ่งกลืนคำชั่วร้ายที่กำลังจะพูดออกไป โกรธจนหายใจหอบหืบ
“ท่านชายตงหลี!”มู่อวิ๋นซีหันมองกู้ตงหลี ทำท่าเชิญให้เขา “พวกข้าไปคุยกันที่ห้องข้าอย่างละเอียดดีกว่า”
เห็นสองคนนี้เดินจากไป ฮูหยินเล็กเติ้งก็หันมององค์หญิงใหญ่อย่างหน้าซีด “องค์หญิง ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอลาก่อนเพคะ!”
ไม่รอองค์หญิงใหญ่เอ่ยปาก ฮูหยินเล็กเติ้งก็เดินไปอย่างเร็ว ตอนเดินผ่านมู่จื่อหลัน ส่งสายตาให้นาง มู่จื่อหลันก็เข้าใจ จูงซานเอ๋อร์ตามออกไปทันที
“รีบคิดวิธีฆ่านางต่ำตมนั้นซะ รอไม่ไหวแม้แต่วันเดียวแล้ว”
ฮูหยินเล็กเติ้งหันหลังมองมู่จื่อหลันที่ตามหลังมา หน้าตาสยอง ทำให้ซานเอ๋อร์ร้องให้ฮือๆ วิ่งไปหลบหลังมู่จื่อหลัน
“ท่านแม่!ทำลูกข้าตกใจแล้วนะ
มู่จื่อหลันโบกมือให้สาวใช้พาตัวซานเอ๋อร์ไป แล้วค่อยหันมองฮูหยินเล็กเติ้ง “ทำไมจู่ๆ ก็รีบร้อนขนาดนี้ละ?บอกว่ารอยายเฒ่านั้นตายแล้วค่อยกำจัดนางไม่ใช่รึ?”
“เจ้าจะไปรู้อะไร?ก่อนถึงอาหารเย็น ได้มีหมอสิบสามคนดูยาสร้างเนื้อนั้นแล้ว ดูออกเพียงยาสองชนิดที่อยู่ภายในนั้น ไม่มีทางที่จะล่อเลียนแบบได้เลย ของเช่นนี้ถ้าตกไปอยู่ในมือของกู้ตงหลี ต่อไปใครจะมาซื้อเครื่องยาที่พวกข้าล่ะ
“เนื่องจากปัญญาอย่างกู้ตงหลี หักเขาเอายาสร้างเนื้อไปสินบนให้กับผิงจุ่นซือ ถึงตอนนั้นร้านตลาดตงซื่อก็จะต้องเปลี่ยนมาแซ่กู้แล้วมั้ง?ถึงเวลานั้น เจ้ายังจะมีเงินเลี้ยงเจ้าชู้ของเจ้าหรือ? ”
“ท่านแม่!”มู่จื่อหลันทำเสียงฮื้อไม่พอใจ “เหตุใดวันนี้ท่านพูดจาน่าเกลียดเช่นนี้”
“น่าเกลียด?น่าเกลียดเท่ากู้ตงหลีพูดหรือ?น่าเกลียดเท่าการกระทำของนางต่ำตมนั้นไหม?”
ฮูหยินเล็กเติ้งโมโหจนเดินวนไปวนมา หลายปีมาแล้ว นี่ยังเป็นครั้งแรกที่มีคนด่านางต่อหน้า “ข้ายังคิดจะเอาเงินไปซื้อยาสร้างเนื้อกับนางต่ำต้อยนั้น รู้แค่ว่าเห็นเงินตาโต……เงินพวกนั้นถึงมันจะเยอะจริง แต่ก็ต้องมีชีวิตใช้สิ……”
โมโหด่าไปมั่ว ความโกรธของฮูหยินเล็กเติ้งถึงจะลดลงมาหน่อย คนก็ใจเย็นลง “ถ้าเจ้าไม่มีวิธี ข้ามาคิดวิธีเอง”
“มีสิ!คิดเสร็จนานแล้ว” นัยน์ตาของมู่จื่อหลันหรี่เล็กลงอย่างเหี้ยมโหด “ยิงธนูนัดเดียวได้นกสามตัว!จากนั้น ข้าก็สามารถอยู่กับพ่อของซานเอ๋อร์อย่างบริสุทธิ์ ข้าขอกลับไปก่อนละ เดี๋ยวท่านแม่อย่าลืมช่วยข้าเตือนมู่ซิ่ว ให้นางกลิ้งกลับไปจวนตระกูลเจี่ยไปซะ”
ที่จวนตระกูลเจี่ย เจี่ยอี้ที่วิตกกังวลมาทั้งวันเมื่อเห็นมู่จื่อหลันกลับมา เดินไปทักทายด้วยรอยยิ้มทันที นำซานเอ๋อร์โยนขึ้นฟ้าสูงๆ ทำให้เขาหัวเราะคึกคัก เล่นไปสักพัก ค่อยให้บ่าวอุ้มซานเอ๋อร์ลงไป มองดูมู่จื่อหลันอย่างร้อนอกร้อนใจมาก
“องค์หญิงยังดีอยู่ไหม?คนตระกูลนั้นไม่ฟ้องแล้วจริงๆ รึ?มู่อวิ๋นซีกลับไปแล้ว นาง……”
“นายท่าน!เรื่องพวกนี้ไม่สำคัญหรอกเจ้าค่ะ “มู่จื่อหลันตัดคำพูดของเขา ให้เขานั่งลงแล้วยิ้มอย่างมีความสุข “นายท่านยังไม่รู้หรอก วันนี้ฮองเฮาเรียกคนไปที่แดงดุจท้อ บอกเอาเครื่องประทินโฉมที่อวิ๋นซีทำ ไม่แน่ว่าอีกไม่กี่วัน ฮองเฮายังจะเรียกพบอวิ๋นซีอีก”
ใบหน้าที่เหลืองของเจี่ยอี้ยิ่งเหลืองกว่าเดิม นัยน์ตามีแววฉายระแวดระวัง “จริงรึ?”
“จริงสิ ยังมีเท็จด้วยหรือเจ้าคะ เพราะฉะนั้น นายท่าน อะไรอย่างอวิ๋นซีจะทำร้ายท่าน คำเช่นนี้ต่อไปท่านห้ามพูดเด็ดขัด ไม่งั้น หักนางไม่ดีใจละก็ พูดอะไรต่อหน้าฮองเฮา คนที่โชคร้ายเป็นนายท่านเองนะเจ้าค่ะ”
หน้าผากเจี่ยอี้มีเหงือกเย็นไหลลง “จะโทษข้าได้เยี่ยงไร?เป็นเพราะมู่ซิ่ว มู่ซิ่วเป็นคนวางแผนเอง”
สบกับนัยน์ตาที่ประหลาดใจของมู่จื่อหลัน ทันใดนั้นเขานำเรื่องเมื่อวันพูดออกมา “เจ้าว่า ถ้าไม่ใช่มู่ซิ่วลงมือวางแผนเรื่องทั้งหมดนี้ ข้าจะไปลวนลามมู่อวิ๋นซีได้ไง จะถูกนางโยนไปที่หอมาลาแบบเปลือยกายได้ไง?ตอนนี้ นางคงเกลียดชังข้ามาก”
“นายท่าน ท่านสับสนไปแล้ว!”มู่จื่อหลันถอนหายใจ “ท่านจะไปฟังซิ่วซิ่วได้ไงเจ้าคะ?ไม่ว่าจะยังไง ซิ่วซิ่วกับมู่อวิ๋นซีก็เป็นพี่น้องกันแท้ๆ ระหว่างพวกเขาจะมีความแค้นอะไรข้ามวันข้ามคืนไปล่ะ?ถึงตอนนั้นซิ่วซิ่วก็แค่บอกว่าเรื่องทั้งหมดนี้นายท่านเป็นคนสั่งให้นางทำ ท่านว่ามู่อวิ๋นซีจะเชื่อหรือไม่?”
“แล้วจะทำเยี่ยงไรดี?” เจี่ยอี้รู้สึกรีบร้อน ก่อนหน้านี้มู่อวิ๋นซีก็เคยบอกหลายครั้งแล้วว่าให้เขาดีกับมู่ซิ่วให้มาก ความสัมพันธ์ของพวกเขาพี่น้องย่อมไม่แย่อยู่แล้ว
มู่จื่อหลันนิ่งคิดอยู่สักพัก “นายท่านไปขอนางยกโทษให้เถิดเจ้าค่ะ?พาซิ่วซิ่วไปด้วย”
นางลดเสียงลงแล้วพูดไปสองสามคำ นิ่งคิดอยู่สักพัก “หักทำเช่นนี้ยังไม่ได้ งั้นวิธีเดียวของนายท่านก็คือ……ฆ่านางทิ้งซะ!”
นัยน์ตาของเจี่ยอี้เปิดกว้างทันทีอย่างไม่น่าเชื่อ
“นายท่านอย่างกังวลไปเลย ท่านฟังข้าพูด ถึงตอนนั้นท่านก็เอาเข็มพิษทิ่มนาง พิษนี้จะไม่ออกฤทธิ์โดยทันที พอถึงเวลายาออกฤทธิ์ ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับท่านเลย……”
“ไม่ได้!”
จู่ๆ มู่ซิ่วก็โผล่ออกมาจากนอกประตู จ้องมองทั้งสอง “ไม่ได้เพคะ!พวกท่านจะทำร้ายอวิ๋นซีได้ไง?จื่อหลัน นางก็เหมือนกับข้า เป็นหลานสาวแท้ๆของเจ้า นายท่าน ท่านชอบอวิ๋นซีไม่ใช่หรือเจ้าค่ะ?จะไปทำร้ายนางได้ไงเจ้าค่ะ?”