นัยน์ตาเจี่ยอี้ปรากฏแผนการชั่วร้ายขึ้น “ซิ่วซิ่วบอกว่า เรื่องครั้งนี้ความผิดอยู่ที่นาง เพราะฉะนั้นนางแบกหนาม ข้ารับโทษ อวิ๋นซี พวกข้ารู้ผิดแล้ว และจงใจสำนึกผิดแล้ว ท่านอย่าถือสากับคนต่ำทรามอย่างพวกข้าเลย โปรดยกโทษให้พวกข้าเถิด?”
ความแค้นที่อยู่ในใจของมู่อวิ๋นซี ขึ้น ขึ้นไม่ได้ ลง ลงไม่ได้
นางมองดูมู่ซิ่วอย่างเย็นชา หันมองหญิงที่หน้าซีดเหมือนกระดาษ กัดริมฝีปากจนแดง ขอบตาแดงและบวม ในใจกลับเจ็บปวดเหลือเกิน “มู่ซิ่ว นี่รึที่เจ้าบอกว่าเขาดีกับเจ้า?ดีจนเวลาแบกหนามมารับโทษ เจ้ามาแบกหนาม เขามาขอโทษ?”
ร่างกายของมู่ซิ่วสั่นอย่างรุนแรง ดั่งใบไม้ใบสุดท้ายบนกิ่งในฤดูหนาวเดือนสิบสอง สั่นสะท้าน อาจร่วงได้ทุกเมื่อ
“เอ่ยปากสิ มู่ซิ่ว!”จู่ๆ เสียงแหลมคมของมู่อวิ๋นซีก็ขึ้น “เป็นคนแบบนี้ เจ้าตกหลุมคนเดียวไม่พอ ยังคิดจะส่งข้าให้กับมัน?”
นางหันมองไป่หลิงข้างๆ ที่กำลังร้องไห้อยู่อย่างกะทันหัน “กำไลที่ข้าให้เจ้าเก็บไว้ละ?”
“อยู่ อยู่เพคะ ข้าน้อยกลัวว่าคุณหนูจะคืนให้คุณหนูใหญ่ จึงนำติดไว้กับตัวตลอด “ไป่หลิงหยิบผ้าเช็ดไหมสีเขียวแกมน้ำเงินออกมาจากกระเป๋าแขนเสื้อ เปิดออก เป็นกำไลข้อมือปะการังแดงที่วันนั้นมู่ซิ่วใส่ให้บนมือมู่อวิ๋นซี
“แค่กำไลเน่าๆ แบบนี้ ก็มีเจ้าแหละที่ถือว่ามันเป็นสมบัติ!” มู่อวิ๋นซีเอากำไลข้อมือปะการังแดงนั้นขึ้นมา “เจ้ารู้หรือไม่?ก่อนที่จะส่งให้เจ้า มันนำกำไลนี้มาส่งให้ข้า!”
พรึ่บ!
นางนำกำไลนั้นโยนไปที่หน้ามู่ซิ่ว กำไลก็ขัดไป ไข่มุกแดงเหมือนเลือดเป็นเม็ดๆ กระจัดกระจายไปรอบๆ มีสองเม็ดกลิ้งไปอยู่ข้างมู่ซิ่ว ถูกเข่าของนางบังไว้ เหมือนเลือด เลือดเนื้อของมู่ซิ่ว
นางค่อยๆ เงยหน้าขึ้น หันมองมู่อวิ๋นซีอย่างโศกเศร้า ปากสั่นอยู่ตั่งนาน เพราะถูกฟันกัดไว้อย่างแน่น จึงมีเลือดไหลออกมาจากปาก
“คุณหนูใหญ่ ท่านพูดสักคำสิเจ้าค่ะ!”ไป่หลิงห้ามมู่ซิ่วไปคำหนึ่ง แล้วหันมองมู่อวิ๋นซี “คุณหนู ไม่ว่าจะเยี่ยงไร ท่านให้คุณหนูใหญ่ลุกขึ้นมาก่อนเถิดเจ้าค่ะ”
“เอ่อ ให้นางลุกขึ้นมาก่อนเถิด!เจ้าก็ยังดีๆ อยู่นี่นะ?”มีคนช่วยมู่ซิ่วร้องความไม่ยุติธรรม
คำนี้ออกมา มีเสียงคล้อยตามขึ้นมาทันที
“เออใช่ สวยขนาด ทำไมจิตใจกลับเหี้ยมโหดเช่นนี้เนี้ย?”
“พี่น้องแท้ๆ ยังลงมือโหดได้ขนาดนี้ ใจดำอำมหิตจริงๆ เลย!”
“เออใช่ เรื่องแค่นี้เอง ฮูหยินเจี่ย ลุกขึ้นมาเร็ว ให้นางยกโทษเจ้าทำไม?”
……
“อวิ๋นซี เจ้ายังไม่อาจยกโทษให้พวกข้าได้หรือ?”เจี่ยอี้ลุกขึ้นมาทันที คว้าหนามที่อยู่บนหลังมู่ซิ่ว ดึงออกอย่างแรง เลือดกระเด็นไปทุกที่ มู่ซิ่วกรีดร้องอย่างเจ็บปวด
มีเหงื่อเย็นไหลลงมา
“เพียะ! ”
หนามที่เจี่ยอี้เอาออกไปฟัดลงบนหลังของมู่ซิ่วอย่างแรง ทำเสื้อชั้นในที่อยู่ระหว่างแขนกับไหล่ฉีดขัดไป มีเลือดไหลออกเป็นจำนวนมาก
มู่ซิ่วกรีดร้องอย่างน่าสงสารและน่ากลัว ใบหน้าที่ซีดขาว แดงก่ำและบิดเบี้ยว
ฮูหยิน คุณหนูที่ดูอยู่รอบๆ ก็รีบหันหลังออกไป ไม่กล้าดูภาพนองเลือด โหดร้ายเช่นนี้
“ซิ่วซิ่ว ขอนางเร็วสิ!ขอนางยกโทษให้พวกข้าเร็วสิ!”
เจี่ยอี้ยกมืออีก หนามที่มีแต่เลือดก็ฟัดไปที่มู่ซิ่วอีก
“เจี่ยอี้!”
นัยน์ตาของมู่อวิ๋นซีที่ลุกโชนไปด้วยเปลวไฟ วิ่งพุ่งเข้าหาเจี่ยอี้เหมือนบ้าแล้ว ไอ้สารเลวนี้ ให้พี่สาวของนางต้องแบกหนามไว้และทนความอับอายขายหน้าเช่นนี้ไม่ว่า แถมยังกล้าเอาหนามฟัดต่อหน้านาง สมควรตายจริงเลย!
สมควรตายจริงๆ เลย!
พอนางกำลังจะวิ่งไปถึงหน้าเจี่ยอี้ มู่ซิ่วที่กำลังนั่งคุกเข่าและตัวสั่นราวกับแกลบอยู่จู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาอย่างเร็ว เสียงหัวโป๊ะชนใส่ที่ท้องของมู่อวิ๋นซี ทำให้นางถอยหลังตึ่งตึ่งตึ่งต่อกันสี่ ห้าก้าว เหยียบโดนไข่มุกปะการังแดงพอดี เท้าลื่น ปัง กันกระแทกกับพื้น
“หลีกไป!ข้าไม่ต้องการเจ้ามาเสแสร้งแกล้งทำดีกับข้า!”
นัยน์ตามู่ซิ่วแดงอย่างแดง ตะคอกใส่มู่อวิ๋นซีที่นั่งอยู่บนพื้น “เจ้าคิดว่าข้าเต็มใจมาขอเจ้ายกโทษให้ข้ารึ ข้าไม่ได้ผิดไรเลย!มู่อวิ๋นซี เจ้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าน่าเกลียดขนาดไหน?น่าขยะแขยงขนาดไหน?”
“เจ้ารู้หรือไม่ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าเห็นเจ้า ข้าก็เกลีดเจ้าแล้ว เกลียดสุดๆ !”มู่ซิ่วหายใจเข้าออกอย่างหนัก หน้าอกขึ้นๆ ลงๆ หนามที่แบกไว้บนหลังยิ่งเสียบลึกเข้าไปในหนังอีก เลือดหยดลงบนพื้น เปรียบดังใบสีแดง
มู่อวิ๋นซีผลักไป่หลิงออก ค่อยๆ ลุกขึ้นมองดูมู่ซิ่ว มุมปากค่อยๆ ยิ้มขึ้น ที่ปรากฏเป็นรอยยิ้มแท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไมขอบตากลับแดง
“มู่ซิ่ว!”เจี่ยอี้คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หนามที่อยู่บนมือยกสูงขึ้นอีกครั้ง “เจ้าบ้าไปแล้วรึ?ยังไม่รีบขอโทษอวิ๋นซีอีก?”
“เจี่ยอี้!”
มู่อวิ๋นซีตะโกนเรียกอย่างดัง ค่อยๆ หันหลัง ยกมือชี้ชื่อป้ายแดงดุจท้อที่แขวนไว้อย่างสูง “ที่นี้คือแดงดุจท้อ หักเจ้ายังกล้ามาหาเรื่องที่แดงดุจท้อของข้าอีก ข้าจะไปฟ้องเจ้าที่จิงจ้าวอิ่น ฟ้องว่าเจ้ารู้กฎหมายยังท้าทายกฎหมาย แกล้งหาเรื่อง ทำเอาตลาดวุ่นวาย!”
มือของเจี่ยอี้ที่ยกหนามไว้นิ่งแข็ง กะพริบตาไปมาไม่แน่
“มู่อวิ๋นซี!เจ้าหูหนวกไปแล้วรึ ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือ?”
มู่ซิ่วตะคอกอย่างแรง “ข้าบอกแล้ว เรื่องของข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ เจ้าชอบคิดไปเองยุ่งเรื่องผู้อื่นไปมั่ว น่าเกลียดน่าชังยิ่งนัก!ไป!เจ้าไปให้พ้นซะ!ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าแม้แต่แวบเดียว!”
เลือดสดไหลเรียงกันเป็นแถว ไหลลงตามหลัง แขนของมู่ซิ่ว ในลมหนาวมีกลิ่นฉุนของเลือดเต็มไปหมด
มู่อวิ๋นซีหันหน้า หลับตา ติติ มีน้ำตาตกแตกบนพื้น
“อวิ๋นซี พวกข้าไปกันเถิด!”
ฮั่วเสี่ยวเสี่ยวบีบออกมาจากฝูงชน จับแขนของมู่อวิ๋นซีไว้ มองดูมู่ซิ่วที่บ้าคลั่งอย่างไม่พอใจ “คนน่าสงสารย่อมมีสิ่งที่น่าเกลียดเสมอ!อวิ๋นซีคิดดีเพื่อเจ้าทุกอย่าง รู้ว่าเจ้าชอบไอ้สาระเลวนั้น……”
“เสี่ยวเสี่ยว!”
มู่อวิ๋นซีตัดคำพูดของฮั่วเสี่ยวเสี่ยว สะบัดหัวให้นาง ถึงเช่นนี้แล้ว ยังจะมีไรพูดอีก?
“พวกข้าไปกันเถิด”
ขณะที่นางกำลังหันหลังไป ตาของนางก็จับรอยยิ้มบนมุมปากของมู่ซิ่วได้พอดี นางก็รีบหันมามองมู่ซิ่ว
ใบหน้าอันเล็ก แดงมาก หน้าผากและจมูกของนางเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดใหญ่ ขอบตาแดง แต่กลับไม่มีความเกลียดชังบนกฎบนในหน้า
“เสี่ยวเสี่ยว!”มู่อวิ๋นซีที่กำลังเดินอยู่ก็หยุดเดิน ดึงฮั่วเสี่ยวเสี่ยวเข้าหานาง “ช่วยข้าปลีกเจี่ยอี้ออกไป”
“ถึงตอนนี้แล้ว เจ้ายังคิดจะช่วยนางอีกรึ?”ฮั่วเสี่ยวเสี่ยวไม่ค่อยพอใจ
“ข้าขอเจ้าละ “มู่อวิ๋นซีจ้องมองฮั่วเสี่ยวเสี่ยวอย่างนิ่งๆ
“เจ้า……”
ฮั่วเสี่ยวเสี่ยวสะบัดมือมู่อวิ๋นซีออก บีบกำปั้นแน่นๆ เสียงดังกร๊วบๆ ค่อยๆ เดินเข้าหาเจี่ยอี้ทีละก้าว
“ไอ้แซ่เจี่ย ก่อนหน้านี้ข้าบอกไรกับเจ้านะ?ให้เจ้าเดินอ้อมไปทางอื่นเมื่อเห็นข้า วันนี้เจ้าเจอข้า ทำไมไม่อ้อมเดินทางอื่น อยากเจ็บตัวอีกแล้วใช่หรือไม่?อย่ารีบ ข้าจะคลายกล้ามเนื้อและกระดูกให้เจ้าเดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่……ตอนนี้ข้ากลับตัวกลับใจแล้ว คุณหนูฮั่วจะเป็นคนไร้เหตุผลเช่นนี้ไม่ได้”
“เหตุผล?คนอย่าข้าไม่เคยมีเหตุผล พูดเพียงแต่หมัด” ฮั่วเสี่ยวเสี่ยวกำลังจะชก เจี่ยอี้นำหนามที่อยู่ในมือทิ้ง แล้วหันหลังวิ่งหนีไปอย่างเร็ว
มู่อวิ๋นซีเดินเข้าหามู่ซิ่วอย่างเร็ว “เกิดอะไรขึ้น?”
มุมปากมู่ซิ่วค่อยๆ กว้างขึ้น มีรอยยิ้มที่ยิ้มออกจากใจจริงปรากฏขึ้น ยังไม่ทันเอ่ยปาก คนก็หมดแรงแล้วสลบไป