เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา – ตอนที่ 96 มาถึงที่ หยุดเดี๋ยวนี้

มู่อวิ๋นซีหมุนตัวเตรียมจะเดินออกไป ฮูหยินเล็กเติ้งรีบพุ่งตัวเข้ามาด้วยความรีบร้อน ใบหน้าไม่มีรอยยิ้มเหมือนปกติ ใบหน้าขาวซีด จ้องมู่อวิ๋นซีเขม็ง กัดฟันแน่น “เจ้าพูดอะไรกับเจี่ยอี้กันแน่?”
เช้านี้ นางสั่งข้ารับใช้ช่วยส่งซานเอ๋อร์กลับไปที่จวนตระกูลเจี่ย แต่พบว่าจวนตระกูลเจี่ยว่างเปล่า เจี่ยอี้หายตัวไปเยี่ยงไร้ร่องรอย คนในจวนต่างแยกย้ายกันไปหมด มีเพียงมู่จื่อหลันที่ถูกแขวนอยู่บนคาน ทั้งตัวมีบาดแผลและใบหน้าจนจำไม่ได้ มีแมลงพิษมากมายเกาะเต็มไปหมด นอกจากนั้นยังมีจดหมายการหย่าที่โดนแมลงกัดไปแล้วหนึ่งมุม เช้าวันนี้ นางส่งคนไปส่ง
“ฮูหยินเล็กเติ้ง!” มู่อวิ๋นซีประหลาดใจ “เมื่อวานข้าพูดอะไรกับเจี่ยอี้ไม่ใช่ว่าท่านได้ยินหมดแล้วหรือ? ข้าบอกกับเขากับครอบครัวลูกคนโตของข้า จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรต่อกันอีกแล้ว”
ฮูหยินเล็กเติ้งถลึงตาใส่มู่อวิ๋นซี เส้นเลือดปูดโปนที่ขมับได้กระตุกอยู่ตลอด “แบบนั้นดีที่สุด หากข้าสืบหาได้ว่าคุณหนูรองพูดอะไรที่ไม่ควรพูดไป…… ฮึ่ม!”
มู่อวิ๋นซีหัวเราะ “ข้าไม่เข้าใจกับสิ่งที่ฮูหยินเล็กเติ้งพูด ข้ารู้แค่ว่า……” นางเหลือบตามองหมอหญิงโจวที่เริ่มจัดการสมุนไพรอยู่ด้านข้าง “ฮูหยินเล็กเติ้งพูดกับข้าเช่นนี้ ทำให้ใครคิดว่าตระกูลมู่ของข้าไม่มีกฎระเบียบหรอกเจ้าค่ะ”
ความโกรธ ที่อยู่บนหน้าของฮูหยินเล็กเติ้งได้หายวับไป นางจ้องมู่อวิ๋นซีอย่างเขม็ง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ใดๆ บนใบหน้าของนาง “จื่อหลันตายแล้ว”
มู่อวิ๋นซีถอนหายใจเบาๆ มองฮูหยินเล็กเติ้ง ไม่สุขไม่ทุกข์ สีหน้าไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย “เป็นเช่นนี้นี่เอง เช่นนั้นวันนี้ที่ฮูหยินเล็กเติ้งไม่พอใจข้าก็ไม่สืบสาวราวเรื่องอีก นอกจากนี้ คนตายไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้ ก็ขอแสดงความเสียใจกับฮูหยินเล็กเติ้งด้วยเจ้าค่ะ”
“เจ้าไม่แปลกใจเลยหรือ?”
“เกิดแก่เจ็บตาย เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ มีอะไรน่าประหลาดใจรึ?” มุมปากของมู่อวิ๋นซีโค้งเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ยขึ้น “หรือว่าฮูหยินเล็กเติ้งจะประหลาดใจกับการตายของครอบครัวข้ารับใช้ในจวนเพียงคนเดียว?”
สีหน้าที่สงบเยือกเย็นของฮูหยินเล็กเติ้งได้แตกเป็นเสี่ยงๆ แล้วกัดฟันแน่น “มู่! อวิ๋น! ซี!”
“ที่ข้าพูดนั้นคือความจริง ไม่ใช่ว่าฮูหยินเล็กเติ้งจะไม่รู้ ข้าเพิ่งกลับมายังตระกูลมู่ได้ไม่นาน ไม่มีความรู้สึกอะไรกับใคร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมู่จื่อหลันบุตรสาวอนุภรรยาที่แต่งงานออกไปแล้ว” มู่อวิ๋นซีแอบจิ้มแผลที่เจ็บของฮูหยินเล็กเติ้งอีกครั้ง

“เจ้า…… หึ” ฮูหยินเล็กเติ้งโกรธจัดแต่กลับหัวเราะ หลบตาลงแล้วคำนับมู่อวิ๋นซี พอเงยหน้าขึ้นความเคียดแค้นก็ได้หายวับไป “คุณหนูรอง เป็นข้าที่บุ่มบ่ามเอง”
พูดจบ นางก็หันเตรียมจะจากไป แต่จู่ๆ ก็หยุดฝีเท้าลง จมูกสูดหายใจ แล้วหันไปมองหมอหญิงโจวที่ก้มหน้าจัดการแสลงใจ สายตาประกายว้บถึงความประหลาดใจ หางตาเหลือบมององค์หญิงใหญ่ที่อยู่บนตั่ง แล้วหันไปมองมู่อวิ๋นซีที่มีสีหน้าเย็นชา และเฟิ่งเชียนเย่ที่มีสีหน้าที่ไร้อารมณ์ จากนั้นหมุนตัวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
หมอหญิงโจววางแสลงใจในมือลง แล้วหันกลับไปมองมู่อวิ๋นซี “เป็นเจ้า?”
“ข้าแค่บอกความจริงกับเจี่ยอี้” มู่อวิ๋นซีเดินเข้าไปช่วยวางแสลงใจลงในหม้อ จากนั้นนำหม้อดินไปวางลงบนเตา แล้วผัดอย่างชำนาญ “สุดท้ายเพราะหาเหาดำไม่เจอ จึงต้องส่งตะขาบและแมงมุมให้มู่จื่อหลัน”
“ไม่พูดแต่เนิ่นๆ ” หมอหญิงโจวหันกลับมาเลือกหญ้าพิษงูสีแดงออกมา “บังเอิญข้ามีเหาดำอยู่ตัวหนึ่ง”
มู่อวิ๋นซีก้มหน้าลงหัวเราะ ช้อนไม้ได้ส่งเสียงอู้อี้อยู่บนหม้อดิน นางคิดมาตลอดว่าหมอหญิงโจวเป็นผู้หญิงประเภทที่เคร่งขรึม สูงส่งและสะอาดไร้มลทิน แต่ไม่เคยคิดเลยว่าในกระดูกของนางจะเหมือนกับฮั่วเสี่ยวเสี่ยว ที่เป็นคนเกลียดความชั่วร้ายราวกับนั้นคือความแค้น
ท่ามกลางกลิ่นหอมของสมุนไพรที่แปลกประหลาด เฟิ่งเชียนเย่นั่งเงียบๆ และเฝ้าดูทั้งสองคนกำลังยุ่งอยู่ หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม น้ำสมุนไพรสีดำเข้มก็เจียวเสร็จแล้ว
“นี่จะได้ไหม?” หมอหญิงโจวรู้สึกไม่วางใจ
มู่อวิ๋นซีมององค์หญิงใหญ่ที่ปากเบี้ยวอยู่บนเตียง ผ่านไปนานมาก ก็หันไปมองหมอหญิงโจว “ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ตอนนี้ นี่เป็นทางเดียว หากไม่ทำเช่นนี้ คงยื้อท่านย่าได้ไม่เกินคืนพรุ่งนี้”
หมอหญิงโจวถอนหายใจ แล้วเดินไปข้างตั่ง ประคององค์หญิงใหญ่ขึ้นมา ให้นางเอนกายพิงอยู่ที่อกนาง

มู่อวิ๋นซีรับชามยามา หยิบช้อนตักขึ้นมา มุมปากโค้งเป็นรอยยิ้มมองไปที่องค์หญิงใหญ่ “ท่านย่า ยาครั้งนี้ขมนิดหน่อยนะเจ้าค่ะ แต่มันดีต่อร่างกายของท่าน ดังนั้นท่านต้องดื่มให้หมด หลังจากดื่มแล้วก็นอนพักผ่อน รอตื่นขึ้นมา ท่านก็จะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์”
นางตักยาต้มหนึ่งช้อนเป่า แล้วส่งที่ปากให้องค์หญิงใหญ่
“หยุดนะ!”
เสียงตะโกนดังขึ้น
ฮูหยินเล็กเติ้งวิ่งเข้ามาพร้อมกับลมหนาว นางคว้าชามกระเบื้องขาวใบเล็กที่อยู่ในมือของมู่อวิ๋นซี ยาสีดำชำเลืองตามองก็จะหกออกมาจากชามใบเล็กแล้ว เงามืดเคลื่อนไหว ชามกระเบื้องขาวใบเล็กในมือของนางก็ได้อยู่ในมือของเฟิ่งเชียนเย่แล้ว
“ท่านชายเย่ ท่าน…”
ก่อนที่ฮูหยินเล็กเติ้งจะพูดจบ ร่างของเฟิ่งเชียนเย่ก็สั่นไหว และหายไปในอากาศ เสียงฝีเท้าที่เดินสับสนกันไปหมดค่อยๆ ใกล้เข้ามา
หันกลับไปมองมู่เซิ่งกับเต๋อกงกงที่เดินเข้ามา “นายท่าน เต๋อกงกง เมื่อครู่ข้าเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับยาต้มที่มู่อวิ๋นซีให้องค์หญิงเจ้าค่ะ นางจึงสั่งให้ท่านชายเย่แย่งยาต้มไปแล้ว”

นางกลอกตา แล้วก้าวไปยังหม้อดินที่เตี้ยที่สุดอยู่ข้างเตาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเปิดฝาออกแล้วมองเข้าไปข้างใน เห็นกากยายังอยู่ในหม้อ จึงอุ้มหม้อไว้ในอ้อมแขน มองมู่อวิ๋นซีอย่างลำพองใจ
“คุณหนูรองคิดว่าการซ่อนยาต้มไว้แล้ว จะสามารถปกปิดความผิดของเจ้าได้เช่นนั้นหรือ? นี่ยังมีกากยาอยู่ด้วยเลย”
“เจ้าเด็กเวร!” มู่เซิ่งด่ามู่อวิ๋นซีอย่างโกรธเคือง เขาหันไปโค้งคำนับเต๋อกงกงที่อยู่ข้างๆ “เป็นที่มู่เซิ่งสอนไม่ดี ถึงทำให้เจ้าเด็กคนนี้กล้าหาญที่จะทำเรื่องเช่นนี้ขึ้น เห็นแก่นางที่วางยาพิษไม่สำเร็จ ขอท่านกงกงโปรดไว้ชีวิตนางครั้งนี้ด้วย”
เขาหันหน้าไปถลึงตาใส่มู่อวิ๋นซี “ยังมัวทำอะไรอยู่อีก? ยังไม่รีบขออภัยเต๋อกงกงอีกหรือ?”
มู่อวิ๋นซีเม้มปากแน่น ฟังคำกล่าวโทษของทั้งสองคน ก็มิได้ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย หางตาและหางคิ้วกลับปรากฏความเย้ยหยันขึ้น
นางหันไปมองฮูหยินเล็กเติ้งเบาๆ “ข้าลืมไปแค่ชั่วขณะเอง ที่ว่าฮูหยินเล็กเติ้งดูแลสมุนไพร น่าจะรู้จักสมุนไพรไม่มากก็น้อย แต่ฮูหยินเล็กเติ้ง ในเมื่อเมื่อครู่ท่านเองก็รู้ว่านั้นเป็นหญ้าพิษ แล้วเหตุใดถึงไม่ห้ามข้าไม่ให้ใช้มันใส่ลงไปในยาล่ะ?”
ไม่รอให้ฮูหยินเล็กเติ้งตอบ นางหันไปมองเต๋อกงกงแล้วยิ้มบางๆ พร้อมคำนับเขา “คารวะเต๋อกงกง! วันนี้ที่เต๋อกงกงมา หรือว่าฮองเฮาจะมีความคิดใหม่เกี่ยวกับเครื่องประทินโฉมหรือเจ้าคะ?”
“ไม่มี!” เต๋อกงกงสะบัดฝุ่นในมือ “วันนี้ข้ามาเพื่อมอบของกำนัลปีใหม่ให้องค์หญิงใหญ่ สองเป็นตัวแทนฮองเฮาเพื่อเยี่ยมองค์หญิง ไม่ทราบว่าตอนนี้องค์หญิงเป็นเยี่ยงไรบ้างแล้ว?”
“เมื่อสองวันก่อนเพิ่งดีขึ้น คุณหนูรองก็อดใจรอไม่ไหวจึงวางยาพิษใส่องค์หญิงใหญ่” ฮูหยินเล็กเติ้งสีหน้าหม่นหมอง อุ้มหม้อดินเดินไปหาเต๋อกงกง “กงกงท่านดูกากยาที่นี่สิ ทุกอย่างล้วนมีพิษร้ายแรง คนปกติกินแล้วจะตายทันที ยิ่งไม่ต้องพูดถึงองค์หญิงที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองมาหลายวันแล้ว?”
ระหว่างที่พูด นางก็ดึงปิ่นปักผมเงินที่ปักอยู่บนศีรษะออก แล้วสอดเข้าไปในกากยา ปิ่นเงินเปลี่ยนเป็นสีดำทันที
เต๋อกงกงสูดหายใจแล้วมองไปยังมู่อวิ๋นซี น้ำเสียงสั่นเครือ “นี่เป็นยาที่องค์หญิงเพิ่งใช้ไปเมื่อครู่หรือ?”

เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา

เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา

เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา
Status: Ongoing

Comment

Options

not work with dark mode
Reset