หลินเจี๋ยรู้สึกว่าการคาดเดาของเขาเองไม่อาจจะสมเหตุสมผลไปมากกว่านี้ได้แล้ว
ประการแรกสุด การจะสร้างปฏิกิริยาที่ไม่อยากจะเชื่อนี้หมายความว่าเนื้อหาในจดหมายนั้นเกินกว่าที่จี้จือซู่คาดไว้
แล้วอะไรที่สุภาพสตรีที่เจ็บจากเดนมนุษย์มาคาดว่าจะเจอจากจดหมายที่เขาทิ้งไว้?
สองอย่าง ไม่แบล็กเมล์ก็คำสารภาพที่เสียใจภายหลัง สองอย่างนี้คงอยู่ในขอบเขตการคาดหวังของคุณหนูจี้
หากไม่ใช่กระทั่งสองอย่างนี้ งั้นมันก็คงมีเรื่องราวที่ลึกล้ำและบิดเบี้ยวยิ่งกว่าอยู่เบื้องหลังมันแน่…
แต่ทว่าหลังจากนั้นก็ดูเหมือนจี้จือซู่จะได้รับการแถลงไข แสดงว่าความสงสัยในใจเธอก็ได้รับคำตอบ นั่นหมายความว่าความจริงแล้ว เบื้องหลังมันนั้นสมเหตุสมผล
และต่อจากนั้นก็เป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ความตระหนกและความกลัวที่หลงเหลืออยู่!
ทำไมถึงตระหนกกันล่ะ? นั่นย่อมมาจากการได้เห็นแผนสมคบคิดที่แท้จริงในจดหมายนั้นซึ่งแย่กว่าการที่เดนมนุษย์นั่นล้อเล่นกับความรู้สึกของเธอหลายเท่าแน่ ถ้าเธอไม่ได้ลงมือล้างแค้นเขาในตอนนั้น ใครจะรู้ว่าผลกระทบของมันจะร้ายแรงขนาดไหน
บางอย่างที่สามารถทำให้คุณหนูจี้รู้สึกตระหนกได้ต้องเป็นเรื่องที่เล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของเธออย่างแน่นอน
และความกลัวที่หลงเหลืออยู่ก็แสดงให้เห็นว่ามันร้ายแรงแค่ไหน
อิทธิพลของเรื่องนี้ได้ไต่สูงขึ้นไปอยู่ในระดับที่เกินกว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวไปแล้ว
ถ้าเช่นนั้น สำหรับคุณหนูจี้ มันก็หมายความได้เพียงว่ามันเกี่ยวกับพ่อของเธอ จี้ป๋อหนง และบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์
และส่วนที่สงสารนั่นก็เพราะเดนมนุษย์ได้ถูกคุณหนูจี้กำจัดฝังคอนกรีตไปอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะได้ทำตามแผนสมคบคิดที่แท้จริงด้วย
ดังนั้น ท้ายสุดของการเปลี่ยนผันของอารมณ์ที่ดูราวกับรถไฟเหาะนี้ จึงยังคงมีความสุขสันต์ซ่อนอยู่
การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไปมานี้ดูจะตรงกับการสันนิษฐานของหลินเจี๋ย
นับว่าความเคลือบแคลงส่วนตัวบางข้อของหลินเจี๋ยได้รับคำตอบแล้วในแง่มุมหนึ่ง
คนแบบไหนกันที่กล้าพอจะจีบคุณหนูของบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์แล้วสุดท้ายก็หักหลังเธอ ทำให้จี้จือซู่ต้องมาเดินกลางสายฝนแล้วหลงเข้ามาในร้านหนังสือด้วยสีหน้าผิดหวังกัน?
ด้วยการให้เหตุผลเช่นนี้ เรื่องทั้งหมดก็กระจ่างขึ้นมาก…
นี่ไม่ใช่แค่การหักหลัง แต่เป็นการสมคบคิดเป็นหมู่คณะในการหลอกลวงและฆาตกรรม!
เป้าหมายที่แท้จริงของเดนมนุษย์นั่นคือจี้ป๋อหนง และเบื้องหลังเขาก็มี ‘แก๊งเดนมนุษย์’ ที่ร่วมกันวางแผนเรื่องทั้งหมดไว้ สิ่งที่พวกเขาเล็งไว้จริง ๆ ไม่ใช่หัวใจของหญิงสาว แต่เป็นทรัพย์สิน
ยิ่งกว่านั้น มันยังไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ ด้วยความกระหายอยากขนาดนี้ พวกเขาจะต้องเล็งบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์แน่
หลินเจี๋ยคิดว่าบางทีการผูกขาดของบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์อาจจะยาวนานเกินไป แล้วนำไปสู่ความไม่พอใจของบริษัทอื่น ๆ
และเพราะฉะนั้น พวกเขาจึงพยายามใช้จี้จือซู่เป็นจุดอ่อน…
ปฏิกิริยาของจี้จือซู่ยืนยันการคาดเดาของหลินเจี๋ย
คุณหนูจี้พยักหน้าอย่างเครียดขึ้ง “ใช่ค่ะ องค์กรนี้แข็งแกร่งและซ่อนตัวเนียนมาก ฉันเกรงว่าเฮริสคงเป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งของพวกเขา แค่คิดว่าพวกเขาสามารถควบคุมชีวิตคนไว้บนฝ่ามือได้ก็ทำให้ฉันกลัวได้แล้วค่ะ”
“แต่ว่า เรื่องราวต่อ ๆ ไปจะเป็นเรื่องที่น่ากลัวกว่าที่ฉันคิดอีก”
“การล้างแค้นของฉันยังอีกยาวไกล แต่ครั้งนี้จะไม่ใช่แค่เรื่องของฉันแล้วค่ะ”
เธอพับกระดาษทั้งสองแผ่นแล้วสอดมันกลับไปในรอยแยกในกล่อง
สายตาของเธอทอดมองหลอดที่บรรจุของเหลวสีแดง
อำนาจของเธอจะถูกสร้างขึ้นอย่างแท้จริงได้ด้วยสูตรดั้งเดิมที่อยู่ในมือของเธอในตอนนี้
เฮริสคือชื่อของเจ้าเดนมนุษย์เจ้าชู้นั่นเหรอ? หลินเจี๋ยอดไม่ได้ที่จะยกถ้วยของเขามาจิบชาหนึ่งจิบ ดูเหมือนว่าเจ้าหมอนี่จะไม่ได้แค่ถูกหลอกใช้ แต่เป็นเครื่องมือที่ถูกปั้นมาเพื่อใช้แล้วทิ้งอย่างสมบูรณ์
ไม่แปลกเลยที่คุณหนูจี้จะมีสีหน้าเวทนา
แต่การพูดว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องของเธอแล้วหมายความว่าบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์จะกำลังไล่ล่าองค์กรนี้แล้ว
หลินเจี๋ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เรื่องสงครามองค์กรแบบนี้เป็นอะไรที่เขาไม่ค่อยมีความรู้เท่าไหร่
ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงเตือนเธอ “บอกให้คุณพ่อของคุณระวังตัวกว่านี้ด้วยนะครับ ในเมื่อคุณคิดว่าองค์กรนี้น่ากลัวมาก พวกเขาอาจจะเป็นภัยคุกคามต่อบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ได้”
“อย่าเลินเล่อ เพราะอีกฝ่ายคงจะใช้ทุกวิถีทางแน่ครับ”
เขาถอนหายใจในใจ เรื่องเปลี่ยนจากความขัดแย้งทางอารมณ์ไปเป็นสงครามองค์กรแล้ว…
เรื่องราวชักน่าสนใจขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสิ
“ขอบคุณสำหรับคำเตือนค่ะ ฉันจะจำมันไว้” คำพูดของหลินเจี๋ยทำให้จี้จือซู่เปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจัง
เธอต้องเตือนพ่อของเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้จริง ๆ
จี้จือซู่ในตอนนี้เป็นตัวแทนของบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์และกำลังค่อย ๆ เหยียบเข้าสู่โลกของสิ่งเหนือธรรมชาติ เธออาจจะต้องเผชิญกับฝ่ายต่าง ๆ ที่มีอายุยืนยาวแทบทั้งยุคได้ และเรื่องเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยในอดีตอีกต่อไปแล้ว
แค่ประมาทเพียงนิดเดียวก็อาจส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ได้
โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาอยู่ในที่แจ้งแล้วองค์กรนั้นซ่อนอยู่ในเงามืด ใครจะรู้ว่ามีบุคคลเหนือธรรมชาติคนอื่น ๆ อีกกี่คนที่ถูกพวกเขาฟูมฟักแล้วใช้งานอย่างเฮริส
การพิจารณาของจี้จือซู่นั้นไม่รอบคอบพอ แต่โชคดีที่เธอยังมีคุณหลินอยู่
ในขณะที่จี้จือซู่แสดงความยินดีกับตนเองที่เดินเข้ามาในร้านหนังสือในวันฝนตกนั้นเอง เธอพลันคิดถึงบางเรื่องที่ไม่อาจเพิกเฉยได้ขึ้นมา
เมื่อนึกแล้ว วิธีการเข้าหาของคุณหลินก็ดูคลับคล้ายกับวิธีที่องค์กรนั้นเข้าหาเฮริสเหมือนกัน ทั้งคู่ให้ความช่วยเหลืออย่างลับ ๆ แล้วตามด้วยให้ภารกิจ
หรือจะเป็นไปได้ไหมว่า…
คุณหลินที่กำลังใช้ชีวิตสันโดษอยู่ที่นี่ได้จัดเตรียมเรื่องต่าง ๆ ขึ้นมาแล้วชักใยบงการเพื่อเล่นเกมกับองค์กรในความมืดที่เธอไม่เคยรู้ว่ามีตัวตนอยู่?!
ไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองฝ่ายได้วางแผนลบเหลี่ยมกันมากี่หนแล้ว แต่ครั้งล่าสุดคือเหตุกระจกมนตรา และเห็นได้ชัดว่าสุดท้ายมันจบด้วยชัยชนะของเจ้าของร้านหนังสือ
หัวใจของจี้จือซู่เต้นระรัวในขณะที่เธอจ้องกล่องตรงหน้าเธอ รู้สึกได้ว่าเธอได้เปิดโปงความจริงหนึ่งที่น่าสะพรึงกลัวออกมาได้อีกครั้ง…
ถ้าทั้งหมดนี้เป็นไปตามแผนของคุณหลิน งั้นสูตรดั้งเดิมนี่ก็คือรางวัลสำหรับเธอ
หลินเจี๋ยขัดจังหวะความคิดของเธอ “โอ้ จะว่าไป ในเมื่อคุณมาที่นี่ ผมยังมีอีกเรื่องนึงที่ต้องขอคุณหน่อยครับ”
“เป็นเกียรติที่ฉันได้ช่วยคุณค่ะ” จี้จือซู่ตอบทันที
“คืออย่างนี้ครับ” หลินเจี๋ยกระแอมให้คอโล่ง “ลูกค้าคนหนึ่งของผม เบอร์ตัน แอกเกอร์แมนเพิ่งจะเสียงานของเขาไปและสภาพจิตใจค่อนข้างตกต่ำ บางทีคุณอาจจะเสนองานใหม่ให้เขาได้นะครับ”
จี้จือซู่ตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วจึงมีปฏิกิริยา
‘ผู้เฝ้ายามราตรีอันจืดจาง’ เบอร์ตัน แอคเกอร์แมน? นักล่าที่เพิ่งจะรับภารกิจค่าหัวไวลด์เป็นบททดสอบเพื่อเลื่อนขั้นเป็นระดับภัยพิบัติน่ะนะ?!
การตัดสินใจทิ้งภารกิจไวลด์ของแอกเกอร์แมนเพิ่งจะถูกสมาคมแห่งสัจธรรมประกาศออกมาก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน นักล่าที่เคยไร้นามคนนี้ได้รับชื่อเสียงแทบจะในทันที แต่ส่วนใหญ่แล้วมักเป็นชื่อเสีย…
คนมากมายคิดว่าเจ้าหมอนี่เป็นคนขลาดที่เลือกจะหนีจากการต่อสู้ แต่ก็มีคำร่ำลืออยู่ว่าที่จริงแล้วไวลด์ไม่ได้บาดเจ็บหนักและได้อำนาจระดับภัยพิบัติขึ้นมาแล้ว ดังนั้นการตัดสินใจเลิกล้มของแอคเกอร์แมนจึงเป็นการมองการณ์ไกลและมีเหตุผล
แต่ไม่ว่ากรณีใด ในสังคมของนักล่าแล้ว แอคเกอร์แมนนั้นอยู่ดีและมีชื่อเสียงจริง ๆ
นี่คือที่เจ้าของร้านหนังสือจะสื่อว่า ‘เขาเสียงาน’ เหรอ?
แต่ไวลด์ก็เป็นลูกค้าที่ร้านหนังสือนี้ด้วย นั่นหมายความว่าเรื่องทั้งหมดถูกคุณหลินชักใยอยู่อย่างลับ ๆ!
การเรียกเหตุนี้ว่า ‘ตกงาน’ นี่… คุณหลินนี่มีอารมณ์ขันจริง ๆ
“ฉันยิ่งกว่ายินดีที่จะเสนองานใหม่ให้เขาอีกค่ะ!”
จี้จือซู่คงโง่เง่าเต็มทนถ้าจะปล่อยนักล่าที่ใกล้ระดับภัยพิบัติเต็มทีนี้ไป ในตอนนี้ องค์กรของเธอมีสูตรที่จะเป็นเสาหลักของมันและกำลังต่อสู้ระดับสูงอีกหนึ่งคนแล้ว
สมกับเป็นคุณหลินผู้คำนึงถึงทุกอย่างไว้แล้ว
“เยี่ยมเลย ให้ที่อยู่ที่เหมาะสมมาเลยครับ แล้วผมจะให้เขาไปพบคุณเอง” หลินเจี๋ยพูดพลางพยักหน้า
สมกับเป็นคุณหนูจี้จริง ๆ ที่หางานมาให้ได้ทันที คนรวย ๆ นี่ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวดีแท้
หลินเจี๋ยคิดกับตนเอง