เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] – ตอนที่ 115

หลินเจี๋ยรู้สึกว่าการคาดเดาของเขาเองไม่อาจจะสมเหตุสมผลไปมากกว่านี้ได้แล้ว

ประการแรกสุด การจะสร้างปฏิกิริยาที่ไม่อยากจะเชื่อนี้หมายความว่าเนื้อหาในจดหมายนั้นเกินกว่าที่จี้จือซู่คาดไว้

แล้วอะไรที่สุภาพสตรีที่เจ็บจากเดนมนุษย์มาคาดว่าจะเจอจากจดหมายที่เขาทิ้งไว้?

สองอย่าง ไม่แบล็กเมล์ก็คำสารภาพที่เสียใจภายหลัง สองอย่างนี้คงอยู่ในขอบเขตการคาดหวังของคุณหนูจี้

หากไม่ใช่กระทั่งสองอย่างนี้ งั้นมันก็คงมีเรื่องราวที่ลึกล้ำและบิดเบี้ยวยิ่งกว่าอยู่เบื้องหลังมันแน่…

แต่ทว่าหลังจากนั้นก็ดูเหมือนจี้จือซู่จะได้รับการแถลงไข แสดงว่าความสงสัยในใจเธอก็ได้รับคำตอบ นั่นหมายความว่าความจริงแล้ว เบื้องหลังมันนั้นสมเหตุสมผล

และต่อจากนั้นก็เป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ความตระหนกและความกลัวที่หลงเหลืออยู่!

ทำไมถึงตระหนกกันล่ะ? นั่นย่อมมาจากการได้เห็นแผนสมคบคิดที่แท้จริงในจดหมายนั้นซึ่งแย่กว่าการที่เดนมนุษย์นั่นล้อเล่นกับความรู้สึกของเธอหลายเท่าแน่ ถ้าเธอไม่ได้ลงมือล้างแค้นเขาในตอนนั้น ใครจะรู้ว่าผลกระทบของมันจะร้ายแรงขนาดไหน

บางอย่างที่สามารถทำให้คุณหนูจี้รู้สึกตระหนกได้ต้องเป็นเรื่องที่เล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของเธออย่างแน่นอน

และความกลัวที่หลงเหลืออยู่ก็แสดงให้เห็นว่ามันร้ายแรงแค่ไหน

อิทธิพลของเรื่องนี้ได้ไต่สูงขึ้นไปอยู่ในระดับที่เกินกว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวไปแล้ว

ถ้าเช่นนั้น สำหรับคุณหนูจี้ มันก็หมายความได้เพียงว่ามันเกี่ยวกับพ่อของเธอ จี้ป๋อหนง และบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์

และส่วนที่สงสารนั่นก็เพราะเดนมนุษย์ได้ถูกคุณหนูจี้กำจัดฝังคอนกรีตไปอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะได้ทำตามแผนสมคบคิดที่แท้จริงด้วย

ดังนั้น ท้ายสุดของการเปลี่ยนผันของอารมณ์ที่ดูราวกับรถไฟเหาะนี้ จึงยังคงมีความสุขสันต์ซ่อนอยู่

การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไปมานี้ดูจะตรงกับการสันนิษฐานของหลินเจี๋ย

นับว่าความเคลือบแคลงส่วนตัวบางข้อของหลินเจี๋ยได้รับคำตอบแล้วในแง่มุมหนึ่ง

คนแบบไหนกันที่กล้าพอจะจีบคุณหนูของบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์แล้วสุดท้ายก็หักหลังเธอ ทำให้จี้จือซู่ต้องมาเดินกลางสายฝนแล้วหลงเข้ามาในร้านหนังสือด้วยสีหน้าผิดหวังกัน?

ด้วยการให้เหตุผลเช่นนี้ เรื่องทั้งหมดก็กระจ่างขึ้นมาก…

นี่ไม่ใช่แค่การหักหลัง แต่เป็นการสมคบคิดเป็นหมู่คณะในการหลอกลวงและฆาตกรรม!

เป้าหมายที่แท้จริงของเดนมนุษย์นั่นคือจี้ป๋อหนง และเบื้องหลังเขาก็มี ‘แก๊งเดนมนุษย์’ ที่ร่วมกันวางแผนเรื่องทั้งหมดไว้ สิ่งที่พวกเขาเล็งไว้จริง ๆ ไม่ใช่หัวใจของหญิงสาว แต่เป็นทรัพย์สิน

ยิ่งกว่านั้น มันยังไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ ด้วยความกระหายอยากขนาดนี้ พวกเขาจะต้องเล็งบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์แน่

หลินเจี๋ยคิดว่าบางทีการผูกขาดของบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์อาจจะยาวนานเกินไป แล้วนำไปสู่ความไม่พอใจของบริษัทอื่น ๆ

และเพราะฉะนั้น พวกเขาจึงพยายามใช้จี้จือซู่เป็นจุดอ่อน…

ปฏิกิริยาของจี้จือซู่ยืนยันการคาดเดาของหลินเจี๋ย

คุณหนูจี้พยักหน้าอย่างเครียดขึ้ง “ใช่ค่ะ องค์กรนี้แข็งแกร่งและซ่อนตัวเนียนมาก ฉันเกรงว่าเฮริสคงเป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งของพวกเขา แค่คิดว่าพวกเขาสามารถควบคุมชีวิตคนไว้บนฝ่ามือได้ก็ทำให้ฉันกลัวได้แล้วค่ะ”

“แต่ว่า เรื่องราวต่อ ๆ ไปจะเป็นเรื่องที่น่ากลัวกว่าที่ฉันคิดอีก”

“การล้างแค้นของฉันยังอีกยาวไกล แต่ครั้งนี้จะไม่ใช่แค่เรื่องของฉันแล้วค่ะ”

เธอพับกระดาษทั้งสองแผ่นแล้วสอดมันกลับไปในรอยแยกในกล่อง

สายตาของเธอทอดมองหลอดที่บรรจุของเหลวสีแดง

อำนาจของเธอจะถูกสร้างขึ้นอย่างแท้จริงได้ด้วยสูตรดั้งเดิมที่อยู่ในมือของเธอในตอนนี้

เฮริสคือชื่อของเจ้าเดนมนุษย์เจ้าชู้นั่นเหรอ? หลินเจี๋ยอดไม่ได้ที่จะยกถ้วยของเขามาจิบชาหนึ่งจิบ ดูเหมือนว่าเจ้าหมอนี่จะไม่ได้แค่ถูกหลอกใช้ แต่เป็นเครื่องมือที่ถูกปั้นมาเพื่อใช้แล้วทิ้งอย่างสมบูรณ์

ไม่แปลกเลยที่คุณหนูจี้จะมีสีหน้าเวทนา

แต่การพูดว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องของเธอแล้วหมายความว่าบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์จะกำลังไล่ล่าองค์กรนี้แล้ว

หลินเจี๋ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เรื่องสงครามองค์กรแบบนี้เป็นอะไรที่เขาไม่ค่อยมีความรู้เท่าไหร่

ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงเตือนเธอ “บอกให้คุณพ่อของคุณระวังตัวกว่านี้ด้วยนะครับ ในเมื่อคุณคิดว่าองค์กรนี้น่ากลัวมาก พวกเขาอาจจะเป็นภัยคุกคามต่อบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ได้”

“อย่าเลินเล่อ เพราะอีกฝ่ายคงจะใช้ทุกวิถีทางแน่ครับ”

เขาถอนหายใจในใจ เรื่องเปลี่ยนจากความขัดแย้งทางอารมณ์ไปเป็นสงครามองค์กรแล้ว…

เรื่องราวชักน่าสนใจขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสิ

“ขอบคุณสำหรับคำเตือนค่ะ ฉันจะจำมันไว้” คำพูดของหลินเจี๋ยทำให้จี้จือซู่เปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจัง

เธอต้องเตือนพ่อของเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้จริง ๆ

จี้จือซู่ในตอนนี้เป็นตัวแทนของบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์และกำลังค่อย ๆ เหยียบเข้าสู่โลกของสิ่งเหนือธรรมชาติ เธออาจจะต้องเผชิญกับฝ่ายต่าง ๆ ที่มีอายุยืนยาวแทบทั้งยุคได้ และเรื่องเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยในอดีตอีกต่อไปแล้ว

แค่ประมาทเพียงนิดเดียวก็อาจส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ได้

โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาอยู่ในที่แจ้งแล้วองค์กรนั้นซ่อนอยู่ในเงามืด ใครจะรู้ว่ามีบุคคลเหนือธรรมชาติคนอื่น ๆ อีกกี่คนที่ถูกพวกเขาฟูมฟักแล้วใช้งานอย่างเฮริส

การพิจารณาของจี้จือซู่นั้นไม่รอบคอบพอ แต่โชคดีที่เธอยังมีคุณหลินอยู่

ในขณะที่จี้จือซู่แสดงความยินดีกับตนเองที่เดินเข้ามาในร้านหนังสือในวันฝนตกนั้นเอง เธอพลันคิดถึงบางเรื่องที่ไม่อาจเพิกเฉยได้ขึ้นมา

เมื่อนึกแล้ว วิธีการเข้าหาของคุณหลินก็ดูคลับคล้ายกับวิธีที่องค์กรนั้นเข้าหาเฮริสเหมือนกัน ทั้งคู่ให้ความช่วยเหลืออย่างลับ ๆ แล้วตามด้วยให้ภารกิจ

หรือจะเป็นไปได้ไหมว่า…

คุณหลินที่กำลังใช้ชีวิตสันโดษอยู่ที่นี่ได้จัดเตรียมเรื่องต่าง ๆ ขึ้นมาแล้วชักใยบงการเพื่อเล่นเกมกับองค์กรในความมืดที่เธอไม่เคยรู้ว่ามีตัวตนอยู่?!

ไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองฝ่ายได้วางแผนลบเหลี่ยมกันมากี่หนแล้ว แต่ครั้งล่าสุดคือเหตุกระจกมนตรา และเห็นได้ชัดว่าสุดท้ายมันจบด้วยชัยชนะของเจ้าของร้านหนังสือ

หัวใจของจี้จือซู่เต้นระรัวในขณะที่เธอจ้องกล่องตรงหน้าเธอ รู้สึกได้ว่าเธอได้เปิดโปงความจริงหนึ่งที่น่าสะพรึงกลัวออกมาได้อีกครั้ง…

ถ้าทั้งหมดนี้เป็นไปตามแผนของคุณหลิน งั้นสูตรดั้งเดิมนี่ก็คือรางวัลสำหรับเธอ

หลินเจี๋ยขัดจังหวะความคิดของเธอ “โอ้ จะว่าไป ในเมื่อคุณมาที่นี่ ผมยังมีอีกเรื่องนึงที่ต้องขอคุณหน่อยครับ”

“เป็นเกียรติที่ฉันได้ช่วยคุณค่ะ” จี้จือซู่ตอบทันที

“คืออย่างนี้ครับ” หลินเจี๋ยกระแอมให้คอโล่ง “ลูกค้าคนหนึ่งของผม เบอร์ตัน แอกเกอร์แมนเพิ่งจะเสียงานของเขาไปและสภาพจิตใจค่อนข้างตกต่ำ บางทีคุณอาจจะเสนองานใหม่ให้เขาได้นะครับ”

จี้จือซู่ตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วจึงมีปฏิกิริยา

‘ผู้เฝ้ายามราตรีอันจืดจาง’ เบอร์ตัน แอคเกอร์แมน? นักล่าที่เพิ่งจะรับภารกิจค่าหัวไวลด์เป็นบททดสอบเพื่อเลื่อนขั้นเป็นระดับภัยพิบัติน่ะนะ?!

การตัดสินใจทิ้งภารกิจไวลด์ของแอกเกอร์แมนเพิ่งจะถูกสมาคมแห่งสัจธรรมประกาศออกมาก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน นักล่าที่เคยไร้นามคนนี้ได้รับชื่อเสียงแทบจะในทันที แต่ส่วนใหญ่แล้วมักเป็นชื่อเสีย…

คนมากมายคิดว่าเจ้าหมอนี่เป็นคนขลาดที่เลือกจะหนีจากการต่อสู้ แต่ก็มีคำร่ำลืออยู่ว่าที่จริงแล้วไวลด์ไม่ได้บาดเจ็บหนักและได้อำนาจระดับภัยพิบัติขึ้นมาแล้ว ดังนั้นการตัดสินใจเลิกล้มของแอคเกอร์แมนจึงเป็นการมองการณ์ไกลและมีเหตุผล

แต่ไม่ว่ากรณีใด ในสังคมของนักล่าแล้ว แอคเกอร์แมนนั้นอยู่ดีและมีชื่อเสียงจริง ๆ

นี่คือที่เจ้าของร้านหนังสือจะสื่อว่า ‘เขาเสียงาน’ เหรอ?

แต่ไวลด์ก็เป็นลูกค้าที่ร้านหนังสือนี้ด้วย นั่นหมายความว่าเรื่องทั้งหมดถูกคุณหลินชักใยอยู่อย่างลับ ๆ!

การเรียกเหตุนี้ว่า ‘ตกงาน’ นี่… คุณหลินนี่มีอารมณ์ขันจริง ๆ

“ฉันยิ่งกว่ายินดีที่จะเสนองานใหม่ให้เขาอีกค่ะ!”

จี้จือซู่คงโง่เง่าเต็มทนถ้าจะปล่อยนักล่าที่ใกล้ระดับภัยพิบัติเต็มทีนี้ไป ในตอนนี้ องค์กรของเธอมีสูตรที่จะเป็นเสาหลักของมันและกำลังต่อสู้ระดับสูงอีกหนึ่งคนแล้ว

สมกับเป็นคุณหลินผู้คำนึงถึงทุกอย่างไว้แล้ว

“เยี่ยมเลย ให้ที่อยู่ที่เหมาะสมมาเลยครับ แล้วผมจะให้เขาไปพบคุณเอง” หลินเจี๋ยพูดพลางพยักหน้า

สมกับเป็นคุณหนูจี้จริง ๆ ที่หางานมาให้ได้ทันที คนรวย ๆ นี่ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวดีแท้

หลินเจี๋ยคิดกับตนเอง

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]

IRNDGL, I’m Really Not the Evil God's Lackey, 我真不是邪神走狗
Score 9
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2020 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]Lin Jie เป็นเจ้าของร้านหนังสือในอีกโลกหนึ่ง เขาเป็นคนใจดีและอบอุ่น มักจะแนะนำหนังสือการรักษาให้กับลูกค้าที่กำลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ในบางครั้งเขาแอบโปรโมตงานของเขาเองด้วย เมื่อเวลาผ่านไป ลูกค้าเหล่านี้เริ่มให้ความเคารพเขาอย่างมาก บางคนถึงกับนำอาหารพิเศษประจำท้องถิ่นมาตอบแทนบุญคุณของเขาบ่อยๆ พวกเขามักจะขอความเห็นจากมืออาชีพเมื่อต้องเลือกหนังสือ และแบ่งปันประสบการณ์กับเจ้าของร้านหนังสือธรรมดาๆ คนนี้ให้คนรอบข้างฟัง พวกเขาเรียกเขาด้วยความเคารพและสนิทสนมโดยใช้ชื่อต่างๆ เช่น “ลูกสมุนของเทพปีศาจ”, “ผู้เผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งเนื้อและเลือด”, “'ผู้แต่งพิธีกรรมและศุลกากรแห่งนิกายกินศพ” และ “ผู้เลี้ยงแกะแห่งดวงดาว”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset