บทที่ 141 : ฮัสกี้
กรร…! แฮ่!
เมื่อได้ยินเสียงที่ดุร้ายมาจากหลังฉากกั้น หลินเจี๋ยก็หันไปมองในทันที
แล้วจากนั้น หางยาว ๆ ที่ฟูฟ่องก็โผล่มา ส่ายเล็กน้อยก่อนจะพุ่งกลับไป จากนั้นสักพัก มันก็ถูกแทนที่ด้วยหัวสีเทาที่เต็มไปด้วยขน
มันมีหูตั้งสองหู ลิ้นแลบออกมาจากปาก และดวงตาสีฟ้าซีด ๆ ที่เต็มไปด้วยทิฐิดุร้าย หางของมันส่ายไปมาแล้วมันก็ยกเท้าหน้าข้างหนึ่งขึ้นเป็นครั้งคราว ดูเหมือนจะมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะฉีกบ้านให้เป็นชิ้น ๆ
แต่ว่าหน้ามันดูโง่ ๆ
เห็นได้ชัดว่านี่มันคือสิ่งที่เรียกกันว่า ‘โง่แต่น่ารัก’ ‘ยอดนักทำลายล้าง’ ‘กับดักงับไม่ปล่อย’ หรือเจ้าหมาฮัสกี้!
การเป็นหนึ่งใน ‘สามหมาลากเลื่อนหน้าโง่ ’ ก็เป็นการบ่งชี้เรื่องนี้เช่นกัน
มองแวบแรกแล้วมันก็เป็นสัตว์ป่าที่น่ากลัวจริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีความสูงเกือบเมตรซึ่งใหญ่กว่าฮัสกี้ทั่วไปถึงสองเท่า พูดตรง ๆ แล้วมันดูเหมือนหมาป่าดุร้ายมากกว่าด้วยซ้ำ
ทว่าสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้นั้นเป็นสายพันธุ์สุนัขแรกเริ่มที่ใกล้ชิดกับหมาป่า ความเหมือนของทั้งสองจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลก หมาป่าหลายตัวตามละครทีวีที่จริงแล้วก็ใช้หมาฮัสกี้มารับบทเหมือนกัน
ไม่ว่ามันจะดูกดดันน่ากลัวแค่ไหน แต่ดวงตาที่ดูเปิ่น ๆ น่ารักนั้นเผยธรรมชาติต๊อง ๆ ของมันออกมา
หลินเจี๋ยสังเกตเจ้า ‘ฮัสกี้’ ที่เป็นสายพันธุ์ขึ้นชื่อด้านความสามารถเหลือเชื่อในการทำสิ่งของเละเทะนี่ แล้วในที่สุดเขาก็หันไปถามไวลด์ “นี่คือสิ่งที่คุณไปรับมาจากซอย 52 เหรอครับ?”
ไวลด์พยักหน้าอย่างจริงจัง สัมผัสได้ถึงพลังมิติและเวลาที่แข็งแกร่งและเข้มข้นจากร่างที่ยืดหยุ่นของสัตว์มายาขนสีเงินในระดับภัยพิบัตินี้ได้อย่างชัดแจ้ง มันดูราวกับหลุมดำขนาดเล็กที่เก็บกักพลังมหาศาลไว้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือสกายวูลฟ์ตัวจริง!
สัตว์มายาที่สามารถข้ามผ่านมิติและเวลาเพื่อตามรอย ไล่ล่าและสังหารเหยื่อใด ๆ ที่มันสนใจได้อย่างอิสระ
“ใช่ครับ…นี่คือจุดประสงค์ที่ผมไปที่ซอย 52 ครับ” ไวลด์รู้สึกภาคภูมิใจกับผลงานสร้างที่ประสบความสำเร็จที่สุดในตลอดชีวิตเขา แม้ว่าส่วนใหญ่แล้วมันจะมาจากวิธีบวงสรวงและการชี้นำของหลินเจี๋ยก็ตามที
เจ้าสกายวูลฟ์ตัวนี้อยู่ในระดับภัยพิบัติอย่างแท้จริง เหมือนกับที่เขาเป็น
มันยังไม่ได้เข้าสู่ระดับภัยพิบัติอย่างเต็มที่เพราะมันยังอยู่ในสถานะทารกและยังไม่ได้สร้างความสามารถของมันขึ้นมา แต่ตราบใดที่มันได้กินเลือดเนื้อของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเป็นอาหาร มันก็จะเป็นตัวสนับสนุนที่ดีที่สุดของไวลด์ได้อยู่ดี
แต่ตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือต้องทำพันธสัญญาและเปลี่ยนมันเป็นอสูรคู่สัญญาของเขาให้ได้ก่อน ไวลด์เดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ สกายวูลฟ์
ไวลด์วางมือข้างหนึ่งลงบนหน้าผากของมันและอีกข้างที่ด้านหลังศีรษะของมันแล้วใช้อีเธอร์ข่มการดิ้นรนของสกายวูลฟ์ไว้อย่างหนักแน่น
ทว่าการกระทำนี้ราบรื่นกว่าที่เขาคาดฝัน และอันตรายที่คาดว่าจะมีก็ไม่ได้เกิดขึ้น
อันที่จริง หลังจากการดิ้นรนอย่างกระสับกระส่ายในตอนแรก เจ้านี่ก็ได้เข้าสู่สภาวะ ‘ติงต๊อง’ อย่างบอกไม่ถูกไปแล้ว
เพราะว่าเจ้าของร้านหลินอยู่ที่นี่…ไวลด์คิดกับตนเองแล้วก็เข้าใจว่าทำไมสกายวูลฟ์ถึงเป็นเช่นนี้ทันทีที่ทำพันธสัญญากัน
ร่างสั่นเล็กน้อย สายตาจ้องอย่างแข็งทื่อ หางส่าย และความที่ไม่สามารถเงื้อกรงเล็บขึ้นได้…ทั้งหมดนี่บ่งบอกว่ามันกลัว!
นักล่าที่ดุร้ายแห่งแดนนิมิตที่ทำให้คนอื่นส่วนมากตื่นกลัวตัวนี้ ที่จริงแล้วกำลังตัวสั่นงันงกอย่างหวาดกลัวเมื่อเห็นชายหนุ่มที่กำลังเผชิญหน้ากับมัน ท่าทีของมันนั้นราวกับอยากจะหนีไปเสียเดี๋ยวนั้น
ไวลด์ขนลุกซู่ในขณะที่ลูบคอสงบใจสกายวูลฟ์ลง หลินเจี๋ยมองชายชราที่ยิ้มอย่างเมตตาพลางลูบสุนัขแล้วรู้สึกสบายใจ
โอ้…ดูเหมือนโจเซฟจะเข้าใจผิดแล้วแฮะ เหตุผลที่เฒ่าไวลด์ไปป้วนเปี้ยนที่ซอย 52 ก็เพื่อไปรับหมาจรตัวนี้มาเลี้ยงนี่เอง
เป้าหมายของเขาในการเข้าร่วมกับ ‘งานเลี้ยงโลหิต’ นั่นก็เพื่อให้เจ้าพวกอาชญากรหัวรุนแรงพวกนั้นได้พบความหมายในชีวิตแล้วลากมารับซุปไก่ที่ร้านหนังสือ เฮ้อ…ชีวิตของชายชราผู้โดดเดี่ยวที่เคยอ้างว้างไร้หนทาง ในที่สุดก็ดีขึ้นแล้ว!
การมีสัตว์เลี้ยงและอุดมการณ์นั้นก็เหมือนการได้กลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้ง เฒ่าไวลด์ต้องสุขใจมากแน่ ๆ
หลินเจี๋ยเหลือบมองเหรียญในมือของเขาแล้วลังเล เฒ่าไวลด์ได้พบสิ่งที่เขาอยากทำ ในที่สุดก็ก้าวข้ามเงาในใจของเขาไปได้แล้ว แล้วเขาก็มีปฏิสัมพันธ์และเกลี้ยกล่อมคนอื่น ๆ อย่างเมตตา
การหยุดเขาในตอนนี้ดูจะทำร้ายความภาคภูมิใจตนเองของเฒ่าไวลด์เอามากทีเดียว…
เมื่อมองเรื่องต่าง ๆ ในตอนนี้แล้ว เราจะหยุดเขาแบบนี้ไม่ได้แล้ว
ในขณะที่หลินเจี๋ยคิดเรื่องทั้งหมดนี้ เขาก็เห็นไวลด์พาเจ้าฮัสกี้มาหาเขาอย่างทุลักทุเลเล็กน้อย เจ้าสุนัขแสดงอาการขัดขืนอย่างเห็นได้ชัด มันร้องหงิง ๆ อย่างต่อเนื่องในขณะที่พยายามถอยหนี แต่เฒ่าไวลด์ก็ทำได้เพียงบังคับลากมันมา
หือ? เดี๋ยวนะ เฒ่าไวลด์มีแรงพอจะสู้แรงแล้วลากฮัสกี้ตัวใหญ่ขนาดนี้ได้ด้วยเหรอ?
ดวงตาของหลินเจี๋ยเบิกกว้างในขณะที่เขามองเฒ่าไวลด์ด้วยความสนใจที่ลุกโชนขึ้นใหม่
มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ
เขาอายุมากแล้วแน่ ๆ แต่ก็ยังบึกบึน ดูเหมือนว่าเราจะไม่ได้รู้จักเฒ่าไวลด์ดีขนาดนั้นจริง ๆ ไม่แปลกเลยที่เขากล้าเดินทางมาที่ร้านหนังสือคนเดียวในเวลามืดค่ำใกล้เช้า เขายังแข็งแรงจริง ๆ
มุมมองของหลินเจี๋ยต่อเฒ่าไวลด์เปลี่ยนไปอย่างมาก จากที่เขาเห็น การติดต่อของเฒ่าไวลด์กับ ‘งานเลี้ยงโลหิต’ ก็ไม่เลวเท่าไหร่…บางทีเขาอาจจะถามซิลเวอร์ได้ว่าเธอมีวิธีไหนที่จะช่วยคุ้มครองคนอื่นได้
ไวลด์กดตัวเจ้าสุนัขลงกับพื้นแล้วออกคำสั่ง “เกรดี้ อยู่นิ่ง ๆ”
ความสนใจของหลินเจี๋ยถูกเบนไปที่เจ้าสุนัขน่ารักน่าชัง แล้วเขาก็เอื้อมมือไปลูบหัวมันอย่างใคร่รู้ “นั่นเป็นชื่อที่น่ารักดีนะครับ”
ไวลด์พยักหน้า การมี ‘คนบาปแห่งความโลภ’ เป็นเครื่องสังเวยนั้นทำให้สกายวูลฟ์มีความกระหายเลือดที่ไม่รู้จักพอ เพราะเช่นนั้นชื่อเกรดี้ ที่มาจาก Greedy ที่แปลว่า ความโลภ จึงเหมาะสมที่สุด
เจ้าฮัสกี้ที่แต่แรกแล้วมีท่าทีกระสับกระส่ายก็เงียบไปเมื่อหลินเจี๋ยลูบหัวของมัน ดวงตาของมันไร้แววอย่างสมบูรณ์ในขณะที่มันนั่งไม่ไหวติงกับพื้น มันทำกระทั่งเก็บลิ้นห้อย ๆ ของมันแล้วส่งเสียงงี้ด ๆ เบา ๆ ออกมาจากในลำคอ
“สุนัขตัวนี้ค่อนข้างความประพฤติดีเลยนะครับ…” หลินเจี๋ยว่า
ในขณะที่มันยังมีอุปนิสัยของหมาฮัสกี้และมีรูปร่างหน้าตาที่ดูน่ากลัว แต่ที่จริงแล้วมันว่าง่ายกว่าที่หลินเจี๋ยคิดไว้มาก เขาจ้องดวงตาติงต๊องไร้เดียงสาของมัน แล้วหลินเจี๋ยก็ลูบหัวของมันอีกสองครั้งแล้วหัวเราะขำ
“ฮะ ๆ เจ้าหมาตัวนี้นี่เหมาะเป็นสัตว์เลี้ยงจริง ๆ ด้วยครับ เฒ่าไวลด์ รสนิยมคุณดีนะครับ”
“ฮ่า…คุณนี่รู้วิธีพูดติดตลกจริง ๆ เลยนะครับ” ไวลด์ตอบอย่างระมัดระวัง มีแต่คุณเท่านั้นแหละที่จะเรียกสกายวูลฟ์ระดับภัยพิบัติเป็นสุนัขเลี้ยงได้
หลังจากฉีกยิ้มกว้าง หลินเจี๋ยก็ยื่นมือของเขา “จับมือมั้ย?”
เกรดี้ยกเท้าหน้าของมันอย่างงก ๆ เงิ่น ๆ แล้ววางลงบนมือของหลินเจี๋ย แล้วเชกแฮนด์กันอยู่สองสามที แล้วหลินเจี๋ยก็เปลี่ยนมือ “ข้างนี้ล่ะ?”
เกรดี้ไม่กล้าส่งเสียง มันยกขาหน้าอีกข้างแล้วส่ายหาง
สกายวูลฟ์อย่างมันโดนลดขั้นเหลือแค่สุนัขเลี้ยง ริมฝีปากของไวลด์กระตุกในขณะที่ตัวเองเบนสายตาหนี เลือกที่จะเมินสายตาวิงวอนขอความช่วยเหลือของเกรดี้ไป ในเมื่อเจ้าของร้านหลินชอบใจแก งั้นแกก็ทนอีกสักพักแล้วกันนะ
เกรดี้ยังคงมองอย่างไร้เดียงสา