บทที่ 144 : น่าสะพรึงกลัว
“การต่อต้านของวินเซนต์ต่อแก่นจันทร์ศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นเพราะว่าเขาปรับตัวเข้ากับดวงจันทร์ได้พอสมควร ดังนั้นการกระตุ้นเขาจึงถูกทำให้เสื่อมไปหลังจากใช้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาเห็นภาพที่แท้จริงของดวงจันทร์ ที่จริงแล้วนี่นับว่าธรรมดา”
“ในเมื่อเขาก้าวออกมารายงาน มีความเป็นไปได้ต่ำว่าเขาจะเคลือบแคลง แต่เรื่องใหญ่แบบนี้ต้องจัดการอย่างระมัดระวังและต้องแน่ใจว่าจะไม่มีใครรู้ถึงความผิดปกติที่เขาประสบ”
วาเนสซาพึมพำขณะที่รับเทียนขี้ผึ้งสีขาวมาแล้วให้บริวารกลับไป
ไส้เทียนถูกจุดขึ้นจากการสัมผัสจากมืออรชรของเธอเพียงครั้งเดียว กลุ่มควันสีขาวลอยเหนือเปลวเพลิงที่วูบไหว บิดวนจนกลายเป็นม่านควันสีขาว
ตราศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณของพวกเขานั้นไม่ใช่เพียงอุปกรณ์เวทมนตร์ที่ดีที่สุด แต่มันยังเป็นเครื่องมือที่บุคคลระดับสูงกว่าใช้จับตามองพวกเขาด้วยโดยที่สมาชิกสมณเพศระดับต่ำกว่าไม่รู้
เมื่อถูกชำระบาปและมอบตรานักบวชให้ นั่นหมายถึงเขาตกอยู่ในการจับตามองแล้ว ทุกคำพูดและการกระทำของเขาจะไม่หลุดรอดไปจากสายตาที่เฝ้ามองอยู่ของบุคคลระดับสูงกว่าไปได้
เทียนขี้ผึ้งสีขาวในมือวาเนสซานั้นถูกทำขึ้นด้วยพิมพ์เดียวกับที่ใช้หลอมตรานักบวช มันสร้างขึ้นจากวัตถุดิบพิเศษและมีการสอดประสานกับตรานักบวชอย่างน่าพิศวง ตราบใดที่จุดเทียนนี้ วาเนสซาจะสามารถเห็นทุกสิ่งที่คนที่เธอติดตามประสบได้…จากมุมมองของตรานักบวช
ดังนั้น ตรานักบวชจึงเป็นสิ่งที่ต้องสวมหรือถือติดตัวไว้แทบตลอดเวลา
วาเนสซาร่ายคาถา แล้วฉากจาง ๆ ที่วูบไหวก็ปรากฏขึ้นบนม่านควัน
ตรงข้ามกับโบสถ์ที่ตกแต่งอย่างงดงามและเหล่าผู้ศรัทธาที่มีมากมาย มุมมองในตอนนี้แสดงให้เห็นเพียงมือของชายผู้หนึ่งที่วางบนศีรษะของสาวก และเสียงสวดภาวนาอย่างนุ่มนวลของวินเซนต์ก็ดังออกมา
แล้วก็มีภาพของวินเซนต์ที่เดินทางบนเส้นทางเปื้อนฝุ่นอันยาวไกลเพื่อมาเยือนอัครสาวกเดือนดับข้างแรมวาเนสซาที่วิหารแห่งนี้ ตามด้วยฉากการปัดรังควานหลายต่อหลายฉาก
ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นธุระประจำวันที่วินเซนต์มักจะทำที่วิหารเล็ก ๆ ในสังฆมณฑลของตัวเอง และไม่มีเรื่องสลักสำคัญอะไรนัก
หัวใจของวาเนสซาเต้นกระตุกในฉับพลันที่ภาพเปลี่ยนไปเป็นข้อความที่เจ้าของร้านสื่อวีดิทัศน์คอลินส่งมาขอให้ไปช่วยปัดรังควานครั้งล่าสุด
แล้วภาพก็เปลี่ยนเป็นการเดินทางที่ยาวนาน ก่อนที่คุณพ่อวินเซนต์จะมาถึงร้านสื่อวีดิทัศน์ หลังจากทำสมาธิและสงสัยในสภาพของตนเองอยู่หนึ่งคืน สุดท้ายเขาก็เข้าไปในร้านหนังสือเพื่อทำภารกิจของตัวเอง
ภาพด้านนอกของร้านหนังสือซอมซ่อปรากฏขึ้นแล้วในตอนนี้ แต่ทุกอย่างก็ยังคงปกติดี
ยิ่งไปกว่านั้น ร้านหนังสือนี้ยังปกติสุด ๆ จนปกติไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว มันเป็นแค่ร้านหนังสือที่ไม่มีอะไรโดดเด่นเลย
วาเนสซาขมวดคิ้ว แล้วคลายคิ้วของตัวเองออกในขณะที่คิดในใจ บางทีเราอาจคิดมากเกินไป เป็นไปได้ว่ามันจะเป็นปฏิกิริยาของร่างกายจากการที่วินเซนต์ดูดซับแก่นจันทร์ศักดิ์สิทธิ์เร็วเกินไป ทำให้การกระตุ้นของเขาทะลักล้นและทำให้เกิดเหตุการณ์อย่างตอนนี้ก็ได้
การให้เขาใช้มันมากกว่าเก่าสักสองสามครั้งเป็นเวลานาน ๆ น่าจะทำให้มันสมดุลได้…
ในขณะที่เธอคิดขำ ๆ กับตนเองอยู่นั้น ฉากก็เปลี่ยนไปเป็นด้านในร้านหนังสือ
สิ่งแรกที่เธอเห็นคือพื้นไม้เก่า ๆ ของร้านหนังสือ และเมื่อมุมมองถูกเงยขึ้น ภาพก็เผยให้เห็นเคาน์เตอร์ตัวหนึ่งและเก้าอี้ รวมไปถึงเจ้าของร้านหนังสือที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์
วาเนสซาสูดหายใจเฮือก เธอกะพริบตาอยู่หลายทีเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้ตาฝาด
คนที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์นั่น…ไม่สิ นั่นไม่ใช่คน!
สิ่งที่ทำท่านั่งอยู่นั่นเห็นได้ชัดว่าเป็นภาพเงาที่ไม่สามารถระบุได้ที่มีรูปร่างเหมือนกับคน!
วาเนสซารู้สึกหนาววูบที่สันหลังในขณะที่เธอผงะเด้งไปเบื้องหลัง หัวใจของเธอเต้นอย่างบ้าคลั่งและขมับของเธอก็เต้นตุบในขณะที่เธอจ้องเขม็งไปที่ภาพเบื้องหน้า
มันเกิดอะไร…ขึ้นกันแน่?!
วินเซนต์ดูจะไม่สามารถสัมผัสได้เลยว่ามีอะไรผิดแปลกไปแล้วเข้าไปเริ่มสนทนากับเงามืดนั่น ตัวตนในฐานะบาทหลวงของเขาถูกมองออกและเขาก็ถูกบังคับให้มีปฏิสัมพันธ์กับการ์กอยล์หินและเมล็ดแห่งความปรารถนาแทนคำเตือน
จริง ๆ ด้วย ร้านหนังสือที่ดูธรรมดานี้ดูเหมือนรังปีศาจมากกว่า ในเมื่อมีสิ่งของและเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังและร้ายกาจขนาดนี้ตั้งให้มองเห็นกันง่าย ๆ แบบนี้
วินเซนต์สามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจนว่าของพวกนี้คืออะไรแล้วร้องอุทานออกมาอย่างหวาดกลัว แต่ก็ยังไม่ตระหนักอยู่ดีว่าสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดนั้น จริง ๆ แล้วอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง
หัวใจของวาเนสซาพุ่งมาจุกปากเมื่อเงาร่างนั้นคว้าข้อมือของวินเซนต์แล้วเข้ามาใกล้ขึ้น
เมื่อภาพของสิ่งที่ดูเหมือนเงานั้นเข้ามาใกล้ขึ้นในระยะสายตาของเธอ วาเนสซาก็เห็นได้ว่าความมืดนี้ดูราวกับขุมนรกอันไร้ก้นบึ้งที่สั่นกระเพื่อมอยู่ตลอดกาล เธอเหมือนจะเห็นดวงตานับล้าน ๆ คู่ที่วูบไหวอยู่ภายในนั้นได้ลาง ๆ ราวกับดวงดาวบนท้องฟ้ายามราตรี ทั้งยังมีหนวดยุกยิกที่ขดสุมเข้าหากันและพร้อมจะพุ่งออกมาจากภาชนะทรงมนุษย์นั้นได้ทุกเมื่อด้วย
มะ…ไม่นะ!
เราจะตาย!
เราจะอยู่รอความตายที่นี่ไม่ได้!
ต้องขัดขืน!
วาเนสซากรีดร้องในใจ เชื่อสนิทใจว่านี่คือคาถาลวงตาบางอย่างในขณะที่เธอดิ้นรนเรียกใช้ ‘อาณาเขตแห่งความเงียบ’ อย่างรวดเร็วเพื่อหยุดอีเธอร์ทั้งหมดที่อยู่รายล้อม
ทว่าทันทีที่เธอใช้พลังของตัวเอง ดวงตาทุกคู่ก็จ้องเธอเขม็ง หนวดที่ไร้รูปร่างที่ทั้งลื่นและเหนียวรัดเข้าที่ข้อเท้าและคอของเธอ ทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ออก
ร่างของวาเนสซาหนาวเยือกและเธอก็ตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับตัว
การ์กอยล์หินและเมล็ดแห่งความปรารถนาบนเคาน์เตอร์นั้นเทียบกันไม่ได้เลย แต่แค่สองสิ่งนี้ก็แทบทำให้วินเซนต์กลัวจนตายได้แล้ว
ในภาพที่เห็น วินเซนต์ยังคงพูดคุยกับเงาร่างคล้ายมนุษย์นั่น
คำพูดที่พวกเขาแลกเปลี่ยนกันถูกบิดเบือนไปโดยอำนาจที่มองไม่เห็นและเคล้าไปด้วยเสียงโหยหวนระงม แต่ดูเหมือนว่าวินเซนต์จะตื่นตัวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดหลังจากเรียนรู้บางอย่าง
สุดท้ายแล้ว หนังสือเล่มหนึ่งก็ถูกส่งให้กับวินเซนต์
ดวงตาของวาเนสซาจับจ้องที่หนังสือ แต่ในตอนที่เธอกำลังจะเห็นชื่อของมันนั้นเอง พันธนาการรอบ ๆ ตัวเธอก็พลันหายไป และพลังของเธอก็ทำงานขึ้นมา เทียนถูกดับในทันทีและภาพก็ตัดหายไป
‘อาณาเขตแห่งความเงียบ’ ขยายออก ทำให้อีเธอร์ที่ถูกกระตุ้นในบริเวณรอบ ๆ สงบลง แล้วทุกอย่างก็เงียบสงัด
เหลือเพียงเสียงหอบหายใจของวาเนสซาที่ยังได้ยินได้
วาเนสซาผู้ใบหน้าซีดเซียวลงสงสัย นั่นมันอะไรกัน? สัตว์มายา สัตว์ประหลาด หรือ…สิ่งนอกรีตในรูปลักษณ์ของเทพปีศาจ?!
หลังจากนั้นพักใหญ่ ความเชื่อมั่นของวาเนสซาต่อดวงจันทร์ก็กลับมาอีกครั้ง เธอหลับตาลงครู่หนึ่งเพื่อสงบจิตใจที่ว่อกแว่กของเธอลง
ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร เจ้าวินเซนต์คนนี้ต้องมีบางอย่างอยู่แน่ เขาได้รับภารกิจพิเศษที่จะมาลองเชิงเรา และหนังสือเล่มนั้นก็ทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจ เราต้องทำอะไรสักอย่าง!
ประกายเย็นชาวาบผ่านดวงตาของวาเนสซาในขณะที่เธอเรียกบริวารของเธอมา
บริวารผู้นั้นคุกเข่าลงบนพื้นอย่างนอบน้อม…
เธอยื่นมือออกไปลูบศีรษะของบริวารผู้นั้นด้วยรอยยิ้มอบอุ่นที่สามารถติดต่อได้ “ไปเถิดไฮมาน ฆ่าเขาซะแล้วเอาหนังสือมาให้ฉัน ทำให้แน่ใจว่าไร้ตำหนิและอย่าทิ้งร่องรอยอะไรไว้เหมือนครั้งก่อนนะ”
ใบหน้างดงามของวาเนสซาสะท้อนในดวงตาหลงใหลของบริวารในขณะที่เขาก้มลงจูบที่หลังเท้าของวาเนสซาช้า ๆ
“ผมจะทำตามที่ท่านปรารถนาครับ เป็นเกียรติและเป้าหมายสุงสุดในชีวิตของผมที่จะได้รับใช้ท่าน” บริวารผู้นั้นพูดด้วยสีหน้าท่าทางตื้นตันอย่างล้นพ้น
วาเนสซาพยักหน้าแล้วมองบริวารของเธอจากไป แล้วเธอก็เดินไปที่ถังใส่น้ำที่อยู่มุมห้องสารภาพบาป จุ่มนิ้วของเธอลงไปในนั้น วาดเป็นวงกลม แล้วภาพของชายสูงวัยในชุดนักบวชสีทองอลังการที่กำลังหลับตาภาวนาก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางคลื่นกระเพื่อม
ชายสูงวัยลืมตาขึ้น “เกิดเรื่องอะไรหรือ อัครสาวกลำดับ 7?”
“เรียนสาธุคุณเจ้า ดิฉันมีรายงานที่ผิดปกติค่ะ…”