บทที่ 167 : ไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญกันจริง ๆ ครับ
เบลล่า หัวหน้าสาวใช้ผู้เยือกเย็นและพึ่งพาได้ยิ้มให้กับนายหญิงที่กระปรี้กระเปร่าของเธอแล้วหิ้วกระเป๋าหนักอึ้งตามเธอไป
อักษรรูนสีแดงเข้มวูบไหวบนผิวกระเป๋าสีดำ บอกใบ้ว่านี่ไม่ใช่กระเป๋าธรรมดา
อักษรรูนเหล่านี้คล้ายคลึงกับตราที่วาดและสลักไว้บนกล่องทองเหลืองที่หมาป่าขาวใช้เก็บสูตรเลือดดั้งเดิมมาก แต่พวกมันดูล้ำกว่า และมีตราที่ถูกเพิ่มเข้าไปด้วย
พูดสั้น ๆ นี่ก็คือชุดอักษรผนึกที่ใช้เพื่อป้องกันไม่ให้ออร่าของสิ่งของภายในหลุดรั่วออกไป และในขณะเดียวกันก็รักษาสภาพของสิ่งของชิ้นนั้นไว้ให้ดี
ยิ่งกว่านั้น การสร้างของมันก็เป็นไปอย่างประณีต เห็นได้ชัดว่าเป็นงานของนักเวทมนตร์ขาวระดับสูง
เบลล่าย่อมรู้ดีว่าความมั่นใจของเชอร์รี่นั้นไม่ได้มาลอย ๆ เธอได้ใช้เวลาสามปีในการเตรียมของขวัญชิ้นนี้อย่างระมัดระวัง และมันเองก็เป็นสิ่งมหัศจรรย์หาใดเปรียบจริง ๆ หอการค้าแอชก็คิดเช่นนั้น แม้ว่ามันจะมีทรัพยากรการเงินอันกว้างไกลและเครือข่ายเชื่อมต่อมหาศาลก็ตามที
เทียบกับสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าใบนี้แล้ว เหรียญแห่งเคราะห์ที่บัตเลอร์มอบให้เขาก่อนหน้านี้เป็นเพียงของเรียกน้ำย่อยเท่านั้น มันชิดซ้ายไปเลยเมื่อเทียบกับของที่อยู่ในกระเป๋านี้
ของขวัญนี้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน ต่อให้เป็นตัวตนที่ร้ายกาจอย่างคุณหลินซึ่งเชื่อกันว่าอยู่มานานแล้วก็ตาม
ในขณะที่เธอก้าวออกมาจากตรอกนั้นเอง เชอร์รี่ก็พลันหยุดชะงัก สีหน้าดี๊ด๊าของเธอแข็งค้างในขณะที่เธอจ้องถนนที่อยู่ตรงข้ามร้านหนังสือ
นี่คือจุดที่เกิด ‘แก๊สระเบิด’ ขึ้น แน่นอนว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทุกคนต่างรู้ว่านี่คือซากหลังสงครามระหว่างมหาปราชญ์เอลฟ์และผู้นำของลัทธิสีชาด
ทั้งบริเวณกลายเป็นซากปรักหักพัง และตอนนี้กำลังถูกสร้างใหม่อยู่…
ในด้านขนาดแล้ว มันดีกว่าร้านค้าปลีกย่อยเก่า ๆ ที่ตั้งหรอมแหรมอยู่ก่อนหน้านี้มาก
แน่นอนว่าเชอร์รี่ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้หรอก
สายตาที่เฉียบคมของเธอจับจ้องป้ายกำลังก่อสร้าง
คำว่า ‘บริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์’ ถูกพิมพ์ไว้ด้วยสีเหลืองสะดุดตาบนป้ายนั้น
นี่หมายความว่าพื้นที่ก่อสร้างที่อยู่ตรงข้ามร้านหนังสือพอดิบพอดีนั้นเป็นโครงการที่ทำสัญญาโดยบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์
“ทำไมบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ต้องมาอยู่ที่นี่ด้วย? ที่นี่เป็นที่ไกลปืนเที่ยงใกล้กับสลัมเลยนะ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่สนใจพัฒนาพื้นที่แบบนั้นมาตลอดเหรอ?”
เชอร์รี่ขมวดคิ้ว รู้สึกไม่สบายใจ
เธอรู้สึกราวกับว่ามีกลุ่มก็อบลินโลภมากกลุ่มหนึ่งมาหมายตาดินแดนที่ซ่อนสมบัติลับสุดยอดที่ก่อนหน้านี้มีแค่เธอที่รู้
แล้วมามองใกล้ ๆ อีกที เธอก็พบว่าเจ้าพวกก็อบลินพวกนี้ไม่ได้ทำเพียงครอบครองพื้นที่ใกล้ ๆ เป็นวงกว้างเท่านั้น แต่ยังเริ่มพัฒนารังของมันใกล้กับสมบัติของเธอแค่นิดเดียวด้วย!
มันทำให้หัวใจของเธอถึงกับชาวูบ
เชอร์รี่กำหมัดน้อย ๆ ของตัวเองพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจ้องป้าย “บ้าจริง ฉันมัวแต่ยุ่งสืบเรื่องของคอนกรีฟจนไม่ได้ใส่ใจการเคลื่อนไหวของบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์เลย…ไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน เจ้าพวกก็อบลินพวกนี้จะไม่ทำเรื่องที่ตัวเองไม่ได้ประโยชน์แน่”
“ฉันสืบพื้นที่บริเวณนี้มานานแล้ว มันไม่มีราคาค่างวดอะไรเลย ดังนั้น… สิ่งเดียวที่สามารถดึงดูดบริษัทพัฒนาทรัพยากรมาได้ก็คือคุณหลิน”
จากสัมผัสที่เฉียบขาดและสติปัญญาของเธอแล้ว เชอร์รี่ก็ตระหนักเรื่องนี้ได้ทันที
ในตอนนี้ ดินแดนล้ำค่าที่เธอซุกซ่อนอยู่หลายปีถูกเจ้าพวกก็อบลินตัวเขียวน่าเกลียดพวกนี้เล็งไว้แล้ว!
“ถ้าไม่ใช่เพราะฉันไม่อยากรบกวนคุณหลินล่ะก็ จะยังเหลือพื้นที่ให้บริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์อยู่เหรอ?”
“บ้าจริง!”
เชอร์รี่กระทืบเท้าอย่างเดือดดาล โชคร้ายที่ร่างเล็ก ๆ ของเธอดูไร้พิษภัยโดยสิ้นเชิง มันดูราวกับว่าเธอทำได้แค่กระโดดสูงพอที่จะเคาะเข่าคนได้เท่านั้นเอง
แม้ว่าเจ้านายของเธอจะพ่นคำเปรียบเปรยแปลก ๆ อย่างก็อบลินออกมาอย่างกะทันหัน เบลล่าก็ยังคงรักษาความเยือกเย็นไว้แล้วแย้มยิ้ม
เธอโน้มตัวลงต่ำลงแล้วเอ่ยถาม “นายหญิงคะ ต้องการให้ดิฉันสืบว่าใครเป็นคนเริ่มโครงการ และบุคคลที่รับผิดชอบเรื่องนี้ไหมคะ?”
แฮ่ก แฮ่ก!
เชอร์รี่พองแก้มอย่างโกรธเคืองและใช้เวลาสักพักในการสงบใจลง แล้วฮึดฮัดออกมา “ตรวจสอบมันซะ!”
“สืบให้หมดทุกเรื่องเลยนะ! จะไม่มีใครปล้นของ ๆ ฉันไปได้ ไม่แม้แต่บริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์!”
“รับทราบค่ะ”
เชอร์รี่ปรับสีหน้าของเธอ เชิดคางขึ้นแล้วพูด “ไม่ว่ายังไงก็ตาม ฉันก็เป็นคนที่รู้จักคุณหลินมาก่อนใคร อีกอย่าง คุณหลินจะต้องพอใจกับของขวัญในวันนี้มากแน่ ลูกไม้ตื้น ๆ ของพวกเขาเทียบกับมันไม่ได้หรอก”
ฮึ…ใช้มาตรการรุนแรงแบบนี้เพราะอยากเข้าหาคุณหลินล่ะสิ? ฝันไปเถอะ!
พวกเขาไม่เข้าใจคุณหลินเอาซะเลย สิ่งที่เขาไม่ชอบที่สุดก็คือการถูกรบกวนในตอนที่ร้านหนังสือเปิดอยู่นี่แหละ เพราะถึงอย่างไรเขาก็เคร่งครัดมากในการสวมบทเจ้าของร้านหนังสือ ซึ่งก็เป็นความสนใจที่สุดของเขาด้วย
และถ้าความสนใจนี้ของเขาถูกแทรกแซง อย่างเช่นมีคนแสร้งเป็นลูกค้าเข้ามาในร้านหนังสือของเขาล่ะก็ พฤติกรรมนี้จะถูกคุณหลินเอาเรื่องอย่างหนักแน่
อารมณ์ของเชอร์รี่ดีขึ้นอีกครั้ง
เธอกระโดดเหยง ๆ ไปอยู่ที่ประตูร้านหนังสือ วางมือของเธอลงบนประตู แล้วผลักมันเปิดออกเล็กน้อย
เชอร์รี่สัมผัสได้ว่าหัวใจของเธอเต้นเร็วเสียจนมันจะกระเด็นออกมาจากคอเธอได้อยู่แล้ว
หลังจากผ่านไปสามปี ในที่สุดเธอก็ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง
จุดเปลี่ยนที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอ และเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
กริ๊ง!
เสียงที่คุ้นเคยทำให้น้ำตารื้นในดวงตาของเธอเล็กน้อย แล้วร่างของเธอก็สั่นไหวเบา ๆ
ประตูเปิดออก ทุกอย่างในร้านหนังสือก็ปรากฏต่อสายตา
ชั้นหนังสือที่เต็มไปด้วยหนังสือเรียงราย เคาน์เตอร์ที่อยู่ใกล้ ๆ บันไดที่อยู่ด้านหลัง ชายหนุ่มผมดำที่กำลังจัดหนังสือบนชั้นในขณะที่อ่านอยู่เล่มหนึ่ง ทุกอย่างต่างถูกแสงสลัว ๆ ฉาบให้สว่างขึ้น
ทุกอย่างแทบจะเหมือนกับสิ่งที่มันเป็นเมื่อสามปีก่อนทุกประการ…
แซก…
หลินเจี๋ยพลิกหน้ากระดาษ และในตอนที่เขาเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นคุณหนูตัวน้อยยืนอยู่ที่หน้าประตูแล้วมองมาทางเขาอย่างรักใคร่
“เชอร์ร…”
ก่อนที่เขาจะทันพูดจบ คุณหนูน้อยก็พุ่งเข้าใส่อ้อมแขนของเขาไวปานสายลม
ปึ้ก!
เสียงหัวของเธอกระแทกกับอกของเขาดังไปทั่ว
หลินเจี๋ยกางแขนออกรับเธอไว้โดยสัญชาตญาณ แต่เขาก็ยังสัมผัสความเจ็บจุกที่อกของตัวเองได้อยู่ดี
ถ้าเป็นคนปวกเปียกที่ไม่เคยออกกำลังกายคงล้มลงไปนอนพังพาบแล้ว หลินเจี๋ยคิดในใจ
ร่างเล็ก ๆ ที่ยืดหยุ่นนี่มีแรงเยอะจริง ๆ
เขาลูบหลังเชอร์รี่ที่แนบร่างกับเขาเสียแน่นแล้วพูดอย่างปลอบประโลม “น่า ๆ ทุกอย่างปลอดภัยนะครับ”
แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็คิดกับตนเองว่ายัยหนูน้อยนี่ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อสามปีก่อนเลยสักนิด
เขาคิดว่าเชอร์รี่คงเรียนรู้ที่จะกระทำการโดยอิสระในช่วงสามปีที่ผ่านมานี้แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะยังเป็นยัยเด็กขี้แยคนเดิมหลังจากผ่านไปนานขนาดนั้น
หลังจากกอดหลินเจี๋ยอยู่สักพัก เธอก็พลันตระหนักได้ว่าเธอลืมตัวไปแล้ว
เธอก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างอับอาย จับกระโปรงของเธอแล้วละล่ำละลักอย่างประหม่า “ขอโทษค่ะ คุณหลิน…”
แม้ว่าเธอจะโอ่ว่าตัวเองรู้จักหลินเจี๋ยมานานที่สุดก็ตาม แต่พฤติกรรมเช่นนี้ก็ยังถือว่าใกล้ชิดเกินไป
เธอเป็นกังวลว่าหลินเจี๋ยอาจจะโกรธ
หลินเจี๋ยอดหัวเราะไม่ได้แล้วย่อตัวนั่งลงหยิกแก้มของเธอ “ไม่เป็นไรหรอกครับ เราไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน”
หัวใจของเชอร์รี่เต้นรัวเร็ว และแค่มองใบหน้ายิ้มแย้มของเขา เธอก็รู้สึกหวิว ๆ พูดอะไรไม่ออกแล้ว
โชคดีที่เบลล่าเดินเข้ามาในร้านหนังสือแล้ววางกระเป๋าสีดำลงบนเคาน์เตอร์ เธอค้อมตัวลงในขณะที่มือทั้งสองประสานกันอยู่ตรงหน้าเธอ “คุณหลินคะ เรามาตามสัญญาแล้ว ดิฉันหวังว่าคุณจะยกโทษให้เราที่กระทำการโดยบุ่มบ่ามด้วย นี่คือของขวัญจากนายหญิงของดิฉันค่ะ”
หลินเจี๋ยเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์แล้วมองที่กระเป๋า มันเป็นกระเป๋าเสื้อผ้าปิดผนึกที่มักจะเต็มไปด้วยก้อนธนบัตรอย่างที่เขาเห็นในละครในโทรทัศน์
เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “แค่การมาเยือนก็เกินพอแล้วล่ะครับ ไม่จำเป็นที่จะต้องให้ของขวัญที่ล้ำค่าขนาดนี้กันเลยจริง ๆ นะครับ…”