เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] – ตอนที่ 169

บทที่ 169: ตัวตนของเจ้าของร้านหลิน

ไม่สิ…นี่ไม่ใช่อะไรที่สามารถตั้งแสดงต่อสาธารณชนได้ มูลค่าของเจ้าสิ่งเล็ก ๆ นี่ไม่ใช่อะไรที่สามารถวัดได้โดยใช้เงิน

ไม่มีใครประเมินค่าให้มันได้ มันเองก็ขายไม่ได้ด้วย เพราะฉะนั้นจึงไม่มีราคาตลาดอะไรนั่นสำหรับของแบบนี้

มิน่า แม้แต่เชอร์รี่ก็ยังพูดว่าเธอต้องใช้เวลาสามปีเต็มในการเตรียมของขวัญชิ้นนี้…

กระทั่งบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ยังต้องลำบากลำบนถ้าพวกเขาอยากจะได้หัวใจดวงนี้มา อย่าว่าแต่หอการค้าแอชเลย นี่เป็นอะไรที่ต้องใช้ทั้งเงินตราและอำนาจ…

หลินเจี๋ยเหลือบมองฟอสซิลสีซีดตรงหน้าตัวเองอย่างไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี มิน่ากระเป๋าถึงได้หนักนัก มันเต็มไปด้วยหินนี่ไงล่ะ!

ฟอสซิลชิ้นนี้มีขนาดประมาณครึ่งตารางมาตรและผ่านการตระเตรียมมาอย่างระมัดระวังแล้ว หัวใจที่อยู่ตรงกลางนั้นมีรูปร่างชัดเจน และเส้นเลือดภายในก็แตกสาขาออกไปทุกทิศอย่างเห็นได้ชัด

จากมุมมองแรกของเขา หลินเจี๋ยก็คิดว่าหัวใจดวงนี้ใหญ่กว่าหัวของเขาเองอีก

เฮ้อ ที่ต่างโลกก็ยังมีฟอสซิลไดโนเสาร์อยู่ด้วยแฮะ…

หลินเจี๋ยคิดในใจ

เนื่องจากการแบ่งชั้นเป็นเขตบนและเขตล่างของนอร์ซินที่เขตบนอยู่เหนือพื้นดินและแยกจากเขตล่างอย่างหมดจด ทรัพยากรใต้ดินทั้งหมดจึงถูกบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ผูกขาด

อะไรก็ตามที่ถูกค้นพบที่ใต้ผืนดิน บริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ย่อมเป็นที่เดียวที่รู้

อีกอย่างหนึ่ง ทฤษฎีเกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของชีวิตในโลกนี้ล้าหลังอย่างมาก หลินเจี๋ยยังไม่เคยได้ยินถึงสิ่งที่อยู่ก่อนประวัติศาสตร์อย่างไดโนเสาร์เลย และกระทั่งฟอสซิลก็มีอยู่ไม่กี่ชิ้นและหาได้ยาก

ฟอสซิลที่อยู่ตรงหน้าเขานี้อาจจะมีค่ามากกว่าที่เขาจินตนาการไว้หลายต่อหลายเท่า

แต่ถ้าไม่นับเรื่องราคาแล้ว ฟอสซิลหัวใจสีซีดนี้ หลังจากได้รับการรื้อฟื้นแล้วก็ดูโดดเด่นราวกับมีชีวิตชีวาจนตัวมันเองก็นับเป็นผลงานศิลปะได้

มันยังละเอียดอ่อนเสียจนให้ความรู้สึกลวง ๆ ว่ามันจะสามารถกะเทาะออกมาจากเปลือกหินแล้วเริ่มเต้นได้

หัวใจดวงนี้คงจะถูกนำออกมาจากฟอสซิลเต็มตัว การนำมันออกมาก็ไม่ได้ง่าย และนี่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่เต็มเปี่ยมของเชอร์รี่

เชอร์รี่หันมามองหลินเจี๋ยอย่างลุ้นระทึก “ของขวัญชิ้นนี้เป็นที่พอใจไหมคะ?”

ในประวัติศาสตร์ที่รู้กันในแวดวงผู้มีพลังเหนือธรรมชาตินั้น หากจะพูดว่ายุคที่สามคือยุคสมัยของมนุษย์ ยุคที่สองคือยุคของเอลฟ์ และยุคแรกคือยุคที่ยักษ์ครอบครองแล้ว ถ้าเช่นนั้นยุคดึกดำบรรพ์ก็จะเป็นช่วงเวลาของมังกรโบราณ

ในระหว่างยุคแรกที่อาณาจักรของยักษ์ตั้งตระหง่านนั้น มังกรโบราณก็ยังมีชีวิตอยู่ แค่ว่าพวกมันหาได้ยากมากแล้ว…

ในตอนที่เกิดยุคที่สองที่ไร้เปลวไฟขึ้น มังกรโบราณได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือไว้เพียงกระดูกของพวกเขาที่หาได้แสนยากและเป็นวัตถุดิบร่ายมนตร์อันล้ำค่า

ยิ่งเป็นโครงกระดูกมังกรที่โบราณเพียงไร ยิ่งมีพลังอำนาจแข็งกล้า

ยุคดึกดำบรรพ์นั้นห่างไกลเสียจนต่อให้มังกรโบราณในตอนนั้นจะหลงเหลืออะไรไว้ ระดับเทคโนโลยีในปัจจุบันก็ยังไม่มีทางเจาะไปถึงชั้นดินที่พวกมันอยู่ได้เลย ดังนั้นเชอร์รี่จึงเลือกใช้ฟอสซิลมังกรโบราณในยุคแรก

ยิ่งกว่านั้น มันยังเป็นส่วน ‘หัวใจ’ ที่เธอนำมามอบให้เขา ความหมายที่แฝงมานั้นไม่จำเป็นต้องสาธยายเลย

เราจะพูดเป็นอย่างอื่นมันก็เป็นไปไม่ได้อีกใช่ไหมล่ะ?

ให้ฟอสซิลเป็นของขวัญนั้นไม่ต่างจากการใช้ระเบิดปรมาณูแทนดอกไม้ไฟเลย อาห์…เว่อร์เกินไปแล้ว

หลินเจี๋ยหยอกเล่นในใจ แต่ภายนอกเขาก็ย่อมรักษารอยยิ้มไว้แล้วพยักหน้า “นี่เป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้อย่างแท้จริงครับ ในขณะที่มันอาจจะเป็นแค่ก้อนหินก้อนหนึ่งสำหรับคนอื่น แต่ในความเห็นของผม ที่จริงแล้วมันเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์…มันล้ำค่าจริง ๆ ครับ”

ดวงตาของเชอร์รี่เบิกกว้าง จะมีใครมองหัวใจของมังกรโบราณเป็นแค่ก้อนหินด้วยเหรอ?!

กระทั่งนักเวทในระดับเหนือนภายังมีความอยากได้ถ้าซากมังกรโบราณถูกเสนออยู่ตรงหน้าพวกเขา แล้วใครมันจะมามองเป็นก้อนหินไปได้?

มันต้องดูอวดดีและโง่เขลาอย่างแน่นอนถ้าคนที่พูดเช่นนี้ออกมาเป็นคนอื่น

แต่ในเมื่อนั่นคือคนที่คุณหลินรู้จักเป็นการส่วนตัว ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็ต้องเป็นตัวตนที่มีความสามารถพอที่จะพูดแบบนั้นออกมาแน่ ๆ

แล้วจากนั้น หลังจากได้ยินคำพูดส่วนหลังของเขาแล้ว เธอก็ตระหนักว่าพลังที่อยู่ในหัวใจนั้นเล็กจ้อยในสายตาของคุณหลิน การ ‘เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์’ ต่างหากที่ให้คุณค่ากับมัน

เชอร์รี่มีลางสังหรณ์…

ใช่แล้ว ต่อหน้าความแข็งแกร่งของคุณหลิน อุปกรณ์เวทใด ๆ ก็เป็นแค่ของเล่นสำหรับเขา

แล้วบางทีคุณหลินก็อาจเคยเห็นมังกรโบราณตัวเป็น ๆ มาก่อนก็ได้ ดังนั้นเขาเลยไม่ได้สนใจซากมังกรเท่าไหร่

ดังนั้นคุณค่าเดียวที่มันมีอยู่คงเป็นการย้ำเตือนเขาถึงอดีต…การใช้คำว่าหัวใจมังกรโบราณดวงนี้เป็นพยานวัตถุแห่งอดีตกาลนั้นดูจะเหมาะสมที่สุด

“แต่ว่า” หลินเจี๋ยพยายามบังคับสีหน้าให้ดูปลาบปลื้มใจอย่างสุดชีวิต “ที่สำคัญที่สุด มันเป็นเพราะเชอร์รี่เป็นคนให้ผมมา นั่นคือสิ่งที่ทำให้มันต่างจากของอื่น ๆ ครับ”

แม้ว่าเขาจะหวังให้เชอร์รี่เปลี่ยนสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้นี้เป็นอะไรที่มีมูลค่าก็ตาม เขาก็รู้ว่าคุณหนูน้อยผู้นี้ได้ใช้เวลานานในการให้คนไปตามหาแล้วฟื้นสภาพมัน แล้วตอนนี้ ใครจะรู้ว่าแรงงานมากแค่ไหนที่ถูกใช้ไปในการผลิตฟอสซิลหัวใจนี้ออกมาได้

เจตนาดีเช่นนี้แหละที่เป็นสมบัติอันไม่อาจประเมินค่าได้อย่างแท้จริง

แน่นอนว่าชายหนุ่มย่อมไม่สามารถมองข้ามความพยายามของเชอร์รี่ไปได้…แค่คิดถึงเม็ดเงินจำนวนมหาศาลและแรงกายที่ทุ่มเทเพื่อแลกมันมาก็ทำให้เขารู้สึกหายใจลำบากแล้ว

นั่นมันเงินทั้งนั้นเลยนะ!!

ถ้าเขามีเงินขนาดนั้น เขาคงไม่มาทำร้านหนังสือที่นี่หรอก คงใช้เวลาเอ้อระเหยลอยชายอ่านหนังสือไปวัน ๆ แล้ว

เจ้าของร้านหลินรู้สึกว่าในใจเขานั้นช่างโหวงเหวง

ใบหน้างดงามของเชอร์รี่ขึ้นสี แล้วเธอก็กระซิบว่า “ฉันปลื้มใจที่คุณชอบมันนะคะ”

เบลล่าไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับนายหญิงของเธอ แค่การติดต่อกับคุณหลินก็ทำให้เชอร์รี่เสียทั้งหลักเหตุผลและการวางตัวไปจนสิ้นแล้ว

เฮ้อ…

เบลล่าถอนหายใจ นายหญิงไม่ได้สังเกตเห็นการปฏิเสธกลาย ๆ ในน้ำเสียงของคุณหลินเลย

ความรู้สึกอ้างว้างในขณะที่เขาทอดสายตามองหัวใจมังกรโบราณนั้นราวกับว่าเขากำลังอาลัยอาวรณ์ เจ็บปวดใจกับบางอย่าง

แม้ว่าหลินเจี๋ยจะซุกซ่อนอารมณ์ของเขาไว้เป็นอย่างดีและความรู้สึกสูญเสียนั้นจะผิวเผินราวกับแมลงปอที่โผบินอยู่เหนือผิวน้ำก็ตามที แต่เบลล่า สาวใช้ที่มีประสบการณ์หลายต่อหลายปีนั้นสามารถอ่านความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนได้อย่างแม่นยำ

เธอสามารถสรุปได้ว่าไม่ใช่แค่คุณหลินเคยเห็นมังกรโบราณตัวใหญ่ยักษ์เหล่านั้นมาแล้วเท่านั้น แต่เขาจะต้องมีความเชื่อมโยงลึกล้ำกับพวกมังกรโบราณพวกนั้นมาก่อนด้วย

ความรู้สึกเพียงชั่ววูบเหล่านั้นบอกชัดว่าเขาจะต้องหวนคิดถึงชีวิตในอดีตและท้อใจที่ตัวเองไม่สามารถกลับไปยังวันเก่า ๆ ได้อีกแล้วอย่างแน่นอน!

ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเธอมีการคาดเดาที่บ้าคลั่งมากมายเกี่ยวกับคุณหลิน

ในบรรดาการคาดเดาเหล่านั้น สิ่งที่ทำให้พวกเธอสงสัยที่สุดคือแสนยานุภาพของคุณหลิน และตัวตนของเขาก็ด้วย

แสนยานุภาพของเขานั้นถูกประมาณคร่าว ๆ ว่าอย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับเหนือนภาจากประสบการณ์ที่ผ่านมา แต่ตัวตนของคุณหลินนั้นเป็นปริศนามาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้

เขาดูจะปรากฏตัวออกมาจากอากาศธาตุ ไร้ร่องรอยในอดีตใด ๆ กระทั่งเอกสารยืนยันตัวตนและการลงทะเบียนร้านของเขานั้นก็เป็นเชอร์รี่ที่ทำขึ้นมาปลอม ๆ เพื่อตอบแทนความช่วยเหลือของเขาในอดีต

ในที่สุดตอนนี้ ยอดของภูเขาน้ำแข็งก็เริ่มปรากฏขึ้นแล้ว!

เบลล่าพยายามสงบหัวใจที่เต้นอย่างรุนแรงของเธอไว้ ถ้าคุณหลินเป็นสัตว์ประหลาดที่เหลือรอดมาจากยุคแรกจริง งั้นก็อาจจะมีร่องรอยการมีตัวตนของเขาเหลืออยู่ก็ได้…

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]

IRNDGL, I’m Really Not the Evil God's Lackey, 我真不是邪神走狗
Score 9
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2020 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]Lin Jie เป็นเจ้าของร้านหนังสือในอีกโลกหนึ่ง เขาเป็นคนใจดีและอบอุ่น มักจะแนะนำหนังสือการรักษาให้กับลูกค้าที่กำลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ในบางครั้งเขาแอบโปรโมตงานของเขาเองด้วย เมื่อเวลาผ่านไป ลูกค้าเหล่านี้เริ่มให้ความเคารพเขาอย่างมาก บางคนถึงกับนำอาหารพิเศษประจำท้องถิ่นมาตอบแทนบุญคุณของเขาบ่อยๆ พวกเขามักจะขอความเห็นจากมืออาชีพเมื่อต้องเลือกหนังสือ และแบ่งปันประสบการณ์กับเจ้าของร้านหนังสือธรรมดาๆ คนนี้ให้คนรอบข้างฟัง พวกเขาเรียกเขาด้วยความเคารพและสนิทสนมโดยใช้ชื่อต่างๆ เช่น “ลูกสมุนของเทพปีศาจ”, “ผู้เผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งเนื้อและเลือด”, “'ผู้แต่งพิธีกรรมและศุลกากรแห่งนิกายกินศพ” และ “ผู้เลี้ยงแกะแห่งดวงดาว”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset