บทที่ 174 : มิคาเอล
มิคาเอลไม่ได้สนใจสิ่งมีชีวิตปวกเปียกทั้งสองที่เดินสวนกันกับตัวเองเลย
แม้ว่าเจ้าพวกอ่อนแอพวกนี้จะดูระแวงเขาก็ตาม แต่ก็เหมือนที่มนุษย์ไม่สนใจความเห็นของแมลง เขาก็มองข้ามสิ่งมีชีวิตไร้พิษภัยพวกนั้นไป…
ในสายตาเขา สิ่งมีชีวิตต่ำต้อยเหล่านั้นซ่อนความลับอะไรจากเขาไม่ได้เลย
ด้วย ‘เนตรหยั่งรู้’ ของเขา ไม่ว่าจะเป็นความคิดภายในใจ เผ่าพันธุ์ ตัวตน ความสามารถ หรือกระทั่งประสบการณ์เก่าหรือแนวโน้มในอนาคตของเขา ทั้งหมดนี้ก็จะเผยให้เขาเห็นในทันทีได้
นี่คือช่องว่างมโหฬารระหว่างสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระดับต่างกัน
บางที ในตอนที่มิคาเอลจุติลงมาบนดินแดนแบบนี้เป็นครั้งแรก เขาคงจะตื่นเต้นและสนอกสนใจเกี่ยวกับการมองหรือกระทั่งควบคุมชะตากรรมของคนอื่น ๆ
แต่เมื่อชายหนุ่มได้พบคนมากขึ้นและเห็นชีวิตมานับหมื่น ๆ แสน ๆ การมองโชคชะตาของคนอื่น ๆ อย่างดูแคลนก็กลายมาเป็นเรื่องที่เกิดทุกวัน แล้วก็เริ่มหมดความสนใจไปเอง
มิคาเอลตระหนักได้ว่าคนเหล่านี้ ที่จริงแล้วก็ไม่ได้ต่างจากมดมากนัก
โชคชะตาของพวกเขาไม่ได้มีอะไรมากไปกว่ามดที่เดินไปเดินมาในรังของมันเลย มีเพียงความเป็นไปได้สองสามอย่างเมื่อมีอะไรที่ต้องเลือก และเมื่อขยายสาขาความเป็นไปได้ออก ระดับความบังเอิญในชะตาของพวกเขาก็ทวีคูณขึ้นอย่างมหาศาล
เขาคิดมานานแสนนานแล้วว่าโลกนั้นช่างจืดจาง…
ทว่าวันหนึ่ง จู่ ๆ มิคาเอลก็ค้นพบความเป็นไปได้แบบใหม่บนโลกนี้ ความฝันคือสถานที่อันมีความเป็นไปได้ไม่จบสิ้น และไม่เคยมีใครย่างกรายเข้าไปได้มาก่อน
ความหวังที่หายไปนานได้กลับมาในหัวใจที่ตายด้านของมิคาเอลอีกครั้ง
ทว่า…แดนนิมิตเหล่านั้นถูกกำแพงหมอกผนึกไปแล้ว และแสนยานุภาพของแม่มดบรรพกาลทั้งสี่ก็ยิ่งใหญ่เสียจนมิคาเอลทำได้เพียงร้องอุทานอย่างทึ่ง ๆ มีเพียงการเกิดรอยร้าวจากความไม่เสถียรระหว่างสองโลกเท่านั้นที่จะทำให้สัตว์มายาหลุดรอดออกมาได้
สิ่งนี้เองที่นำไปสู่การเกิดขึ้นขององค์กรนักล่าเพื่อล่าสัตว์มายาเหล่านั้น
คนเหล่านี้หวาดกลัวสัตว์มายาเหมือนกับที่กลัวสัตว์ป่า แล้วคิดว่าแดนนิมิตเป็นต้นตอแห่งความชั่วร้าย ทว่ามิคาเอลกลับมองต่างออกไป
ภายในรูปลักษณ์ที่เลวร้ายของแดนนิมิตนั้น มีเส้นทางอันไม่เคยมีอยู่ซ่อนเอาไว้ภายใน
มันเป็นเส้นทางอันไร้ขอบเขตที่ใกล้กับจุดกำเนิด
และเพื่อเดินบนเส้นทางนั้น มิคาเอลก็ต้องฉีกแนวป้องกันของแดนนิมิตออก ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่เขาทำไม่ได้ด้วยตนเอง แม้ว่าเขาจะถือตนว่าเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงกว่าก็ตาม แต่มันก็เป็นในด้านสติปัญญาเท่านั้น และนี่คือช่องว่างระหว่างดินแดน
หรือพูดสั้น ๆ นี่ก็คือสาเหตุที่ ‘วิถีแห่งดาบอัคคี’ ถูกก่อตั้งขึ้น
พวกเขาคือกลุ่มคนที่คิดตรงกัน มารวมตัวกันเพื่อไล่ตามเป้าหมายและอุดมการณ์เดียวกัน
แต่แน่นอนว่า ‘วิถีแห่งดาบอัคคี’ ไม่ได้มีแค่พวกเขาไม่กี่คน นับแต่ก่อตั้งมาไม่รู้กี่ปี พวกเขาก็ได้ขยายองค์กรออกไปทุกแขนงที่คิดได้
ในหมู่พวกเขามี ‘นักเวทสาปโลหิต’ จุยคาคุ เจ้าของหนังสือหนังมนุษย์นั้นรวมอยู่ด้วย
แต่เดิมแล้ว จุยคาคุควรจะเป็นบุคคลที่รับหน้าที่ติดต่อกับคอนกรีฟเพื่อควบคุมบุคคลหนุ่มสาวที่มีความสามารถที่สุดในหอการค้าแอช
แม้ว่าเชอร์รี่จะโผล่มาจากไหนไม่รู้และการสืบค้นก็แสดงให้เห็นว่าเธอมีความเชื่อมโยงกับหลินเจี๋ยก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับแผนของพวกเขานัก
คอนกรีฟนั้นเป็นเพียงตัวช่วยเสริม แก่นของแผนที่แท้จริงของพวกเขาคือโบสถ์แห่งจุดสูงสุดต่างหาก!
แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันรู้ตัว คนทรยศคนหนึ่งก็โผล่มาภายในโบสถ์แห่งจุดสูงสุดโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว แล้วทำให้เกิดความอลหม่านใหญ่โต
และจากการสืบค้น เจ้าของร้านหนังสือที่ชื่อหลินเจี๋ยนี่ก็มีส่วนพัวพัน
ถ้าไม่ใช่เพราะแผนของพวกเขาถูกป่วนไปสอง…ไม่สิ สามครั้ง และหน่วยข่าวรายงานมาว่าเจ้าของร้านหนังสือผู้นี้ ‘รอบรู้ทุกเรื่อง’ ล่ะก็ มิคาเอลคงไม่ลงมือด้วยตนเองหรอก
สำหรับมิคาเอลแล้ว การที่แผนถูกทำลายไม่ได้สำคัญนัก แต่เป็นความ ‘รอบรู้ทุกเรื่อง’ ของเจ้าหมอนี่ที่ว่ามานี่แหละที่ทำให้เขาอยากจะหัวร่องอหาย
กระทั่งตัวมิคาเอลเองยังไม่กล้าอ้างตัวว่า ‘รอบรู้ทุกเรื่อง’ เลย แต่เจ้าคนระดับเหนือนภาที่โผล่มาอย่างเป็นปริศนานี้ดันกล้าประกาศตัวอย่างบุ่มบ่ามเช่นนั้น…
ในขณะที่คำบรรยายนี้ถูกเขียนขึ้นโดยผู้อื่น แต่ส่วนใหญ่แล้วมันก็มักจะผ่านคำยินยอมของบุคคลที่เกี่ยวข้องมาแล้วทั้งนั้น
ไหนขอดูหน่อยว่าอะไรทำให้เจ้ามีสิทธิ์จะถูกเรียกว่า ‘รอบรู้ทุกเรื่อง’ ได้ ถ้ามันไม่เข้าท่าล่ะก็ ข้าก็จะทำให้ชะตาของเจ้าจบลงที่นี่แหละ!
มิคาเอลยิ้มน้อย ๆ ในขณะที่ผลักประตูเปิดออกแล้วชักดาบออกมาจากฝักกางเขน
ความจริงแล้ว เขานับว่าผิดหวังหน่อย ๆ ตั้งแต่เขาเริ่มเฝ้ามองอยู่อย่างลับ ๆ แล้ว
การที่เชอร์รี่และเบลล่านำหนังสือหนังมนุษย์มาที่นี่นั้นอยู่ในการจัดวางของ ‘วิถีแห่งดาบอัคคี’ อยู่แล้ว
ประการแรกสุด พวกเขาไม่มีทางใดเลยที่จะหาที่ตั้งของร้านหนังสือนี้โดยใช้วิธีปกติหรือเวทมนตร์ได้ แม้ว่าพวกเขาจะลองแล้วก็ตาม ราวกับว่าร้านหนังสือนี้ถูกหมอกบังไว้ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่มันกระตุ้นความสนใจของพวกเขา
ดังนั้น พวกเขาจึงให้จุยคาคุควบคุมไส้ศึกที่อยู่ฝั่งคอนกรีฟ และมอบหนังสือหนังมนุษย์ที่มีความสามารถติดตามตัวได้ให้กับเชอร์รี่
สุภาพสตรีทั้งสองนั้นก็จะถือหนังสือเล่มนี้ที่เต็มไปด้วยอักษรโบราณว่าเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่พวกเธออ่านไม่ออก และเพราะเช่นนั้นจึงส่งมันให้คนที่ชักใยอยู่หลังม่าน ซึ่งก็คือหลินเจี๋ย
ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของแผน…
ในเวลาเดียวกัน สายข่าวจากภายในสมาคมแห่งสัจธรรมที่จับตามองการเคลื่อนไหวของสาวกส่วนใหญ่จากโบสถ์แห่งจุดสูงสุดโดยใช้ระบบติดตามอีเธอร์ก็ได้ส่งข่าวว่ามีสาวกบางคนมารวมตัวกันข้าง ๆ ร้านหนังสือ
วินเซนต์ผู้นอกรีตอาจจะได้รับคำแนะนำจากหลินเจี๋ยเพื่อสร้างศาสนาใหม่และโค่นล้มโบสถ์แห่งจุดสูงสุด
ในขณะที่พวกเขาเตือนร็อดนีย์ไม่ให้ให้ความสำคัญกับโบสถ์มากนัก แต่พวกเขาก็ปล่อยให้ความปั่นป่วนดำเนินต่อไปไม่ได้ด้วย
สิ่งที่ทำให้มิคาเอลผิดหวังนั้นก็คือหลินเจี๋ยไม่แม้แต่จะสังเกตว่าหนังสือหนังมนุษย์นั้นมีอำนาจติดตามตัวอยู่ หรือแม้กระทั่งหยั่งรู้ถึงการมาถึงของเขาเลย
ไม่อย่างนั้น เขาต้องไม่ปล่อยให้เชอร์รี่กับเบลล่าเดินออกไปอย่างนั้นแน่
ดูเหมือนว่าความรอบรู้ที่ว่าของเจ้านั่นเป็นเพียงเรื่องขำขัน
ดังนั้น วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าสักหน่อย และทำให้เจ้าเข้าใจว่าการไร้พลังมันเป็นยังไง?!
และในขณะที่สีหน้าของมิคาเอลตื่นตัวขึ้นนั้นเอง จุยคาคุก็จะนำกองทัพนักเวทของเขาไปทำลายคาเฟ่หนังสือข้าง ๆ ไปกับทุกคนที่อยู่ในนั้นด้วย
หวังว่าสีหน้าเจ็บปวดของเจ้าหมอนี่จะสร้างความสุขให้ข้าได้บ้างนะ
ในขณะที่มิคาเอลกำลังคิดอยู่นั้น เขาก็สังเกตเห็นว่าร่างที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์หันหน้ามาแล้ว ในร้านหนังสือที่มืดสลัวนี้ มีดวงตาสีทองข้างหนึ่งที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและโทสะเรืองแสงขึ้นอย่างเจิดจ้า
ใบหน้าของชายในความมืดนั้นถูกแสงส่องสว่างเพียงครึ่งเดียว เกล็ดสีดำทอประกายควบคู่กับรอยยิ้มร้ายกาจและเขี้ยวขาวเรียงตัวสวย ทำให้เขาดูราวกับสัตว์ประหลาดกินคน
เสียงหัวใจหนัก ๆ ดังลั่นทำให้อีเธอร์โดยรอบทั้งหมดกระเพื่อมเป็นคลื่น แต่ดูเหมือนมันจะกินขอบเขตแค่ในร้านหนังสือที่ไม่มีอะไรพิเศษนี้
สีหน้าของมิคาเอลแข็งค้าง เมื่อจู่ ๆ เขาก็ได้ประสบกับความน่าขนลุกอันคุ้นเคยที่ไม่ได้พบมาเสียนาน ความน่าหวาดหวั่นที่ต้องสยบให้กับปีกมโหฬารที่บดบังท้องฟ้า
อำนาจแห่งมังกร!
ดวงตานั้นเปิดแล้วปิดลง แล้วสายตาก็ทอดมองลงบนดาบของมิคาเอล
ใบหน้าของหลินเจี๋ยพลันมืดลง
คนคนนี้ดูจะมีเจตนาร้าย หรือเขาจะพยายามฆ่าเราเนี่ย?!