บทที่ 193 : นี่มันเทพปีศาจชัด ๆ!
กร้วม
ทั้งห้องเงียบสงัด มีเพียงเสียงหายใจแรง ๆ และเสียงกระดูกถูกบดเท่านั้นที่ยังดังอยู่ ผู้รอดชีวิตที่เหลือของงานเลี้ยงโลหิตต่างแข็งทื่อกับที่ ตัวสั่นงันงกอย่างคุมไม่ได้และไม่กล้ากระดิกกระเดี้ย
พวกเขาได้เห็นสิ่งมีชีวิตตัวใหญ่นั่นบดขยี้เจ้าคนดวงซวยด้วยกรามราวกับกำลังกินเคบับอย่างเอร็ดอร่อย แล้วในระหว่างนั้นก็ย้อมห้องทั้งห้องด้วยเลือด
พวกที่อยากกรีดร้องขอความช่วยเหลือสุดเสียงพลันร้องไม่ออกเพราะกลัวว่าตัวเองจะถูกไวลด์ถามคำถามเดิมเป็นคนต่อไป ก่อนจะถูกส่งไปโลกหน้า
ไม่ว่าใครที่เข้าร่วมงานเลี้ยงโลหิตต่างไม่ใช่พวกเซ่อซ่า และพวกเขาก็ไม่ได้โง่
พวกเขาทุกคนต่างมีสติและรู้ว่าไวลด์ไม่ได้สนใจหรอกว่าพวกเขาอยากจะพูดอะไร เขาแค่เชือดไก่ให้ลิงดู!
ไม่ว่าพวกเขาจะโหวกเหวกออกมาหรือเปล่าก็ไม่ได้ทำให้อะไรต่างออกไป
สิ่งที่สำคัญจริง ๆ คือการเชือดไก่ให้ลิงดูนั้นเพื่อแสดงผลลัพธ์ของการปฏิเสธเขา
พวกเขาตะลึงงันเพราะสัตว์ร้ายที่น่าขยะแขยง และสมองของพวกเขาก็ว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง
แต่เมื่อได้เห็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์กลายเป็นหมูปิ้งไปกะทันหันนั้นทำให้พวกเขาได้สติกลับมา!
ช่วงเวลาที่สมองปลอดโปร่งนั้นบอกพวกเขาเพียงเรื่องเดียว…สยบต่อไวลด์ซะ!
“ผมครับ! ผมเชื่อ! ผมเชื่อที่คุณพูดทุกอย่างเลย!”
คนที่ขี้ขลาดที่สุดในกลุ่มพยักหน้ารัวเร็วยอมรับ ‘พระเจ้าและผู้กอบกู้’ ที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนและยิ้มเขิน ๆ ให้กับไวลด์
ไวลด์ยิ้มตอบแบบที่สามารถบรรยายได้ว่าเมตตาและเป็นมืออาชีพ ก่อนที่จะกวักมือเรียกเขา “ดีเลย มานี่สิ”
เจ้าคนที่ไวลด์เรียกปลื้มปีติ ความรู้สึกโล่งใจอย่างหนักหน่วงปรากฏบนใบหน้าในขณะที่เขาตะเกียกตะกายไปอยู่ข้างหน้าไวลด์อย่างรวดเร็ว “ผมชื่อดอยล์ครับ เป็นนักล่า แต่จากวันนี้ไป ผมจะเป็นสาวกผู้ทุ่มเทของคุณหลินครับ บอกผมได้ทุกเรื่องเลย แล้วผมจะทำให้สำเร็จให้ได้เลยครับ!”
เขาไม่รู้เลยว่าคุณหลินคือใคร และไม่รู้ด้วยว่าเขามีพลังอำนาจอะไรที่ทำให้ไวลด์ยอมทุ่มเทได้ขนาดนี้ ทว่าเพื่อรักษาชีวิตตนเอง ต่อให้เขาต้องรับใช้สัตว์ประหลาดสปาเกตตี้บินได้ ขอแค่บอกมา เขาก็จะทำ!
ทว่าดอยล์ไม่ได้คาดหวังว่าคำพูดเยินยอของเขาจะถูกถือเป็นจริงเป็นจัง ไวลด์เหลือบมองเขาแล้วพูดขึ้น “พอดีเลย ฉันมีเรื่องจะขอให้นายทำอยู่พอดี”
ดอยล์ชะงักพลางก่นด่าตัวเองในใจในความปากพล่อย แล้วฝืนยิ้มประจบประแจงขณะเอ่ยตอบ “ได้เลยครับ ผมสัญญาว่าจะทำมันให้ดี”
“อ่านหนังสือเล่มนี้ให้จบสิ” ไวลด์ส่งหนังสือในมือเขาให้ดอยล์
ดอยล์รับมันมาอย่างระมัดระวังแล้วอ่านหน้าปก หลังจากสรุปได้ว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่สัตว์ประหลาดปลอมตัวมาและเห็นว่าไวลด์พูดจริงจัง ดอยล์ก็ถอนหายใจโล่งอก
เฮ้อ…แค่อ่านหนังสือเอง น่าจะบอกเราเสียตั้งแต่แรก ‘ขนมปัง’ ตายฟรีจริง ๆ
‘ขนมปัง’ คือโค้ดเนมของสมาชิกที่ตอนนี้ไปตั้งรกรากในท้องของสัตว์ร้ายเรียบร้อย
เรื่องทั้งหมดดูเป็นเรื่องตลกร้ายเมื่อคำนึงถึงโค้ดเนมของเขา
โชคดีที่เรารอดตัว บางทีเราอาจจะเลียแข้งเลียขาไวลด์แล้วอาศัยบารมีเขาได้
สมกับที่เขาเป็นนักเวทระดับภัยพิบัติ ไม่คิดฝันเลยว่าเขาไม่ได้ตายไปตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน และดูเหมือนเขาจะกระทั่งแข็งแกร่งขึ้นเหมือนผ่านปาฏิหาริย์มาอีก!
นั่นคือสิ่งที่ดอยล์คิดในขณะที่เปิดหนังสือนิกายกลืนศพ พิธีกรรมและขนบธรรมเนียมออกอ่านอย่างเบิกบานใจ
เนื้อหาน่าสยดสยองของหนังสือทำให้หลังของเขาหนาววาบและหัวใจสั่นสะท้าน เขารู้สึกราวกับมีมือนับไม่ถ้วนรายล้อมเขา พยายามจะลากเขาไปสู่ความมืดและความน่าสะพรึงกลัวอันเป็นนิรันดร์
ทว่าสีหน้ายินดียังแปะอยู่บนใบหน้าของเขาแต่ต้นจนจบ
คนอื่น ๆ ที่เห็นดอยล์ถูกสั่งให้อ่านหนังสือต่างมีความสงสัยของตนเอง แต่ไม่ว่าอย่างไร ความรู้สึกโล่งใจที่พวกเขารู้สึกก็จริงเหลือเกิน
จากที่เห็น หากคนคนนี้คือไวลด์จริง ๆ มันก็หมายความว่าเขายังไม่ตายแล้วพึ่งพาคุณหลินอะไรนั่นเพื่อให้รอดมาได้ จากนั้นก็กลายมาเป็นสาวกของเขา และตอนนี้ก็กำลังช่วยเผยแพร่คำสอนของนิกายกลืนศพ
ผู้เผยแพร่ศาสนาย่อมต้องการให้คนเปลี่ยนเป็นสาวก!
คนตายเป็นสาวกไม่ได้ ดังนั้นแปลว่าพวกเขายังมีโอกาสรอด!
เมื่อรู้เช่นนี้ ความสิ้นหวังในใจของพวกเขาก็สลายไปนิดหน่อย
แต่วินาทีต่อมา พวกเขาทั้งหมดก็ได้เห็นสีหน้าของดอยล์เปลี่ยนไปอย่างสุดขั้วกะทันหัน ดวงตาของเขาแดงก่ำแล้วเริ่มทะลักออกมาจากเบ้า รูม่านตาของเขาหมุนติ้วอย่างไร้การควบคุม เสียง ‘ฮี่ ๆ’ ที่ฟังรบกวนจิตใจเปล่งออกมาจากในลำคอของเขา
มือที่ถือหนังสืออยู่ของเขาสั่นระริกราวกับเขาเพิ่งได้เห็นอะไรน่ากลัวจับใจมา ทว่าเขากลับไม่สามารถเบือนสายตาหนีจากหน้ากระดาษได้
เส้นเลือดสีเขียวอมน้ำเงินที่เด่นชัดเริ่มก่อตัวขึ้นบนคอของเขา ดูราวกับสิ่งมีชีวิตแปลก ๆ บางอย่างกำลังเลื้อยอยู่ใต้ผิวหนัง
“ฮะ ๆ ฮ่า ๆ ๆ!”
ดอยล์เริ่มหัวเราะชั่วร้าย แต่ตรงข้ามกับมัน สีหน้าของเขามีแต่จะยิ่งรวดร้าวกว่าเก่า “ฮ่า ๆ ๆ น่ากลัวจัง…ช่วยด้วย…ฮ่า ๆ ๆ ไม่นะ! อย่าเข้ามาใกล้กว่านี้นะ ฮ่า ๆ ๆ พระเจ้า ฮ่า ๆ พระเจ้าของผม… ฮ่า ๆ ๆ”
โพละ!
เสียงหัวเราะนั้นหยุดลงกะทันหันเมื่อทั้งศีรษะของดอยล์ระเบิดออก
สมาชิกที่เหลืออยู่ตัวแข็งทื่ออย่างตื่นตกใจ พวกที่ตาเฉียบคมหน่อยพลันเห็นแวบ ๆ ว่ามีอะไรที่ดูเหมือนเส้นหนวดบาง ๆ ยังยุกยิกอยู่บนก้อนเลือดที่เคยเป็นคอของดอยล์อยู่เลย
มันเหมือนกับว่าพวกเส้นเลือดพวกนั้นมีชีวิตขึ้นมา…
เฮือก!
เหล่าคนที่เห็นเหตุการณ์นี้สูดหายใจเฮือก สันหลังชาวาบ
ไวลด์เฝ้ามองเรื่องทั้งหมดนี้อย่างเฉยเมย เขารับหนังสือคืนมาจากมือของศพแล้วพูดว่า “พวกนายต้องทำงานนี้ให้ลุล่วงนะ เพราะถ้าพวกนายทำไม่ได้ พวกนายจะตาย”
เขาหันไปมองสมาชิกที่ยังเหลืออยู่ “แล้วพวกนายที่เหลือล่ะ? เต็มใจจะทำมั้ย? ความอดทนฉันมีจำกัดนะ”
สมาชิกงานเลี้ยงโลหิตที่ยังเหลือรอดต่างหน้าซีดเมื่อได้ยินเช่นนี้
‘เหยี่ยวราตรี’ คือโค้ดเนมของสมาชิกคนที่ล้อเลียนเกรดี้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขามีใบหน้าบูดบึ้งพลางก่นด่าตัวเองในใจ ไม่เชื่ออีกต่อไปว่าอีกฝ่ายยังพยายามเผยแพร่คำสอนอยู่
บ้าเอ๊ย!
จะทางไหนก็ตาย ไม่ว่าเราจะเลือกศรัทธาหรือไม่ก็ตายอยู่ดี!
ใครจะไปเชื่อว่าเขากำลังเผยแพร่ศาสนาอยู่เนี่ย?!
เขาแค่เล่นสนุกอยู่กับเรา ทรมานพวกเราอย่างพวกซาดิสม์ก่อนจะส่งพวกเราไปปรโลก!
เขาคือไวลด์ตัวจริงแน่นอน มีแค่ฆาตกรสังหารหมู่จิตวิปริตเท่านั้นที่ทำเรื่องแบบนี้ได้!
ช่างหัวมันแล้วโว้ย!
น่าเวทนา ในตอนที่เหยี่ยวราตรีก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวนั้นเอง หนวดเส้นหนึ่งก็เสียบเข้าไปในท้องของเขาในเสี้ยววินาที ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ
ทำไมมันเร็วนักล่ะ?!
เหยี่ยวราตรีพลันนึกขึ้นได้ว่ารูปร่างของเจ้าสัตว์ประหลาดนี่เหมือนอะไร “สะ…สกายวูล์ฟ อั้ก!”
ใบหน้าของเขาซีดขาวในขณะที่เขากระอักเลือดออกมาเต็มคำ ระดับภัยพิบัติทั้งคู่ เราไม่มีทางสู้เลย!
ไวลด์เปิดหนังสือออกแล้ววางมันตรงหน้าเหยี่ยวราตรี เส้นหนวดเกี่ยวไปบนหน้าของเหยี่ยวราตรี ขึงร่างเขาไว้กับที่แล้วบังคับให้อ่านมัน
“อ๊าาาา!”
ตุ้บ!
โชคชะตายังปรานีเหยี่ยวราตรีเพราะเขาสามารถทนต่ออักษรในหนังสือของคุณหลินได้ เขาแค่ตาเหลือกกลับเข้าไปในศีรษะแล้วหมดสติไปเท่านั้น นอกจากเสียสติไปแล้ว เขาก็แทบจะไร้รอยขีดข่วน
ไวลด์ฉีกยิ้มให้กับสมาชิกที่กำลังตัวสั่นเทาที่ยังเหลืออยู่
“เอาล่ะ คนต่อไปใครดี?”
สมาชิกคนอื่นที่เหลือต่างสิ้นหวังโดยสมบูรณ์
หนังสือบ้าอะไรฟะเนี่ย?!
พระเจ้าและผู้กอบกู้? นี่มันเทพปีศาจชัด ๆ!
แม้พวกเขาจะอ้อนวอนขอให้ไวลด์หยุดมือเสียงดังแค่ไหนก็ไร้ผล พวกเขาแต่ละคนต่างอ่านมันทีละคนจนกระทั่งจากเก้าคน เหลือเพียงสามคนเท่านั้นที่ยังอยู่ครบสามสิบสอง…เฉพาะทางกายภาพน่ะนะ
สุดท้ายแล้ว คนสุดท้ายที่ยังมีสติที่เหลืออยู่ในห้องก็คือผู้จัดงานเลี้ยง ‘มังกรทะยาน’ ดันลอป กัล
เขาสมองชาและอยู่ในสภาวะงุนงงทำอะไรไม่ถูกไปแล้ว
เขามองไวลด์เดินเข้ามาใกล้ด้วยร่างสั่นระรัวที่ติดแนบกับกำแพง
“ผะ…ผะ…ผมเต็มใจครับ แต่ผมอยากจะรบกวนขอ…ไม่ ๆ ๆ มีความปรารถนาอยู่ครับ!” กัลพูดรัวเร็ว
ไวลด์หัวเราะขำ “พระเจ้าผู้สามารถรอบด้านของเราจะเติมเต็มทุกความปรารถนาของนายได้นะ”
“งั้น…ผมขอลายเซ็นคุณได้ไหมครับ?”
กัลถามพลางล้วงปากกากับสมุดโน้ตออกมาจากกระเป๋าเสื้อ