บทที่ 215 : ที่ถามว่าร้านหนังสือไหน คุณหมายความว่าไง?
“เมี้ยว…”
จากการนั่งของมัน แมวสีขาวราวหิมะนั้นดูค่อนข้างอวบอ้วนจนเกือบจะเหมือนลูกบอลกลม ๆ ลูกใหญ่ ดู ๆ ไปแล้วมันก็ดูน่ารักไร้เดียงสาดี
หัวของเจ้าแมวขาวเอียงไปข้าง ๆ ขณะมองผู้บุกรุกทั้งสองด้วยดวงตากลมโตสีเหลืองของมันด้วยท่าทางที่พูดได้ว่า ‘น่าเอ็นดู’
แต่ภายใต้สถานการณ์ตอนนี้ การเคลื่อนไหวนี้ดูคุกคามอย่างมาก
เอลฟ์ดำชะงักมือแล้วขมวดคิ้วมองเจ้าแมว เธอรู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้เลย
มันก็แค่แมวธรรมดา ๆ ตัวนึง… แต่ทำไมเรารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องกันนะ?
แล้วเธอก็สำรวจบริเวณรอบ ๆ ร้านหนังสือนี้ดูจะ…ธรรมดาสุด ๆ ใช่ มันดูไม่มีอะไรพิเศษเลย ที่จริงแล้วร้านหนังสือร้านนี้เทียบกับร้านหนังสือธรรมดา ๆ ไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป
ไม่มีเครื่องประดับตกแต่งใด ๆ หรือเฟอร์นิเจอร์มากนัก มีเพียงชั้นวางหนังสือแถวแล้วแถวเล่าที่อัดหนังสือเข้าไปจนแน่น แทนที่จะเป็นร้านหนังสือ มันดูเหมือนที่วางหนังสืออย่างเดียวมากกว่า
แถมยังไม่มีท่าทีใด ๆ ว่าเจ้าของร้านหนังสือนี้จะอยากดึงดูดลูกค้าด้วย
หลังจากกวาดสายตาเร็ว ๆ สายตาของเอลฟ์ดำก็กลับมาที่เคาน์เตอร์ จนตอนนี้ เจ้าแมวเหมียวก็แกว่งหางของมัน แต่มันกระโดดลงมาจากเคาน์เตอร์แล้ว
เคาน์เตอร์ดูว่างขึ้นมากเมื่อมันไม่อยู่ และของชิ้นอื่น ๆ ก็ไม่มีอะไรน่าจดจำเป็นพิเศษเลย
เนื่องจากร่างอ้วนตุ๊ต๊ะของมัน การเดินของเจ้าเหมียวถึงไม่เสถียร แล้วมันก็โซเซไปหาเอลฟ์ดำพร้อมเสียงครางครืด ๆ
เอลฟ์ดำรู้สึกอยากถอยหนีกะทันหัน แต่เธอฝืนตัวเองไม่ทำอย่างนั้น
ฉัวะ!
เธอเอื้อมมือลงไปดึงมีดที่ฝังอยู่ในไหล่ของพรีม่าออกมา สีน้ำเงินที่เคลือบบนใบมีดของเธอบ่งบอกว่ามันอาบยาพิษไว้
“อึ้ก”
พรีม่าโอดโอย ใบหน้าของเธอขาวซีดเป็นกระดาษ ร่องรอยการกระจายของพิษชัดเจนขึ้นมาแล้ว หน้าผากของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ๆ แล้วเส้นเลือดสีเขียวฟ้าก็ปรากฏขึ้นบนคอ และกำลังเลื้อยขึ้นมาด้านบน
เอลฟ์ดำคว่ำมีดของเธอลงตั้งท่าอย่างระแวดระวังพลางมองเจ้าเหมียวเดินเซ ๆ มาหาเธอ
ภารกิจของเธอเสร็จแล้ว และเธอก็ควรจากไปได้แล้ว
แต่ชื่อเสียงที่เธอสั่งสมมาคงพังไม่มีชิ้นดีแน่ ถ้ามีใครรู้ว่าเธอหนีกระเจิงไปเพราะแมวตัวเดียว
มันก็แค่แมว…
เธอสูดหายใจลึก ๆ แล้วสายตาของเอลฟ์ดำก็เปลี่ยนเป็นดุร้าย มีดในมือเธอทอประกายเย็นเยียบ ในพริบตานั้นอีเธอร์ก็ไหลมารวมกันที่คมมีดแล้วสร้างเป็นคมมีดที่แหลมคมสุด ๆ
การโจมตีที่เฉียบขาดถูกส่งออกไปโดยไร้เสียง
เจ้าแมวขาวตรงหน้าเธอหยุดฝีเท้าลงครู่หนึ่ง ก่อนที่มันจะถูกผ่าเป็นสองท่อน บริเวณรอบ ๆ มันไม่มีรอยขีดข่วนใด ๆ
แรงของการโจมตีนี้ถูกคำนวณไว้อย่างเชี่ยวชาญ แสดงให้เห็นถึงอำนาจแข็งแกร่งของระดับสัตว์ประหลาด
“เฮ้อ…”
เอลฟ์ดำถอนหายใจโล่งอก เธอเก็บมีดของเธอแล้วคิดในใจว่าการตกใจไปเองครั้งนี้ออกจะตลกอยู่
มันก็แค่แมวตัวนึงเอง
เธอเลิกสนใจพรีม่าที่กำลังอ่อนแอลงเรื่อย ๆ แล้วหันหลังหยิบคริสตัลทรงหกเหลี่ยมออกมาแล้วใส่อีเธอร์เข้าไป เส้นแสงปรากฏขึ้นบนคริสตัลก่อนที่จะสร้างเป็นข่ายมนตร์สื่อสารบนอากาศอย่างรวดเร็ว
เหล่านักสะกดรอยไม่ใช้อุปกรณ์สื่อสารในการติดต่อกันเพราะมันง่ายที่จะถูกดักฟัง แม้ว่าการใช้คริสตัลสื่อสารที่ตั้งค่าไว้แล้วจะเป็นวิธีโบราณที่ใช้อีเธอร์สิ้นเปลืองกว่า แต่ความเสี่ยงที่มากับมันก็น้อยกว่าด้วย
การติดต่อเชื่อมติดอย่างรวดเร็ว แล้วเสียงจากอีกฝั่งก็ดังออกมาถาม “ภารกิจลุล่วงแล้วเหรอ?”
ดวงตาที่อ่อนล้าของพรีม่าเบิกโพลง เธอเคยได้ยินเสียงนี้ และที่จริงเธอก็คุ้นเคยกับมันมาก ๆ เลยด้วย!
นั่นคือเจโรม ลุงคนหนึ่งของเธอเอง!
แหงล่ะ! เธอกัดฟัน
แหงล่ะว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็คือคนจากตระกูลเธอที่อยากทำลายพันธสัญญาแล้วหาผู้พิทักษ์คนใหม่ พวกเขาคือคนที่ทำอะไรสักอย่างกับพี่สาวของเธอ!
ยิ่งกว่านั้น เจโรมเองก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของสมาคมแห่งสัจธรรมด้วย ครั้งหนึ่งเขาเคยชิงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเภสัชกรรมกับมาร์กาเร็ตแล้วแพ้ เขาต้องผูกใจเจ็บเรื่องนี้มานานแล้วแน่ ๆ!
เอลฟ์ดำพยักหน้า “เธอถูกมีดอาบยาพิษของฉันเข้า แล้วตอนนี้ก็นอนอยู่แทบเท้าฉันนี่แหละ จากสภาพร่างกายแล้ว อีกไม่เกินสามนาทีก็ไปโลกหน้าได้แล้วล่ะ”
“ดีมาก” อีกฝ่ายตอบ “เฮอะ พยายามอัญเชิญวัลเพอร์กิสจากแดนนิมิตเหรอ? การกระทำแบบนั้นโง่เง่าแถมยังอันตรายจะตาย วัลเพอร์กิสหลับมาเป็นพัน ๆ ปี ใครจะรู้ว่าเธอจะไปอัญเชิญตัวอะไรออกมากันแน่ล่ะ? เธอก็แค่ไร้สมองพอ ๆ กับพี่สาวเธอนั่นแหละ!”
ปากของเอลฟ์ดำกระตุก “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน สิ่งที่คุณต้องทำก็คือจ่ายฉันมา ถ้าคุณกล้าผิดข้อตกลงล่ะก็ เลือดของคุณจะอาบมีดฉันเป็นรายต่อไป ชัดไหม?”
“แน่นอน ถ้าฉันผิดคำพูดล่ะก็ ต่อให้เธอไม่ฆ่าฉัน ผู้จัดงานเลี้ยงโลหิตในตอนนี้จะจัดการกับฉันเองเพื่อรักษาชื่อเสียง อย่างน้อยเธอก็คงเชื่อในงานเลี้ยงโลหิตใช่ไหม?”
“เข้าใจก็ดีแล้ว” เอลฟ์ดำเหยียดยิ้ม “จะว่าไป วัลเพอร์กิสที่พวกคุณเชื่อนี่ไม่ได้ฉลาดเท่าไหร่เลยนะ บางทีพวกคุณน่าจะเปลี่ยนความศรัทธามาเชื่อในมารดาแห่งอ้อมกอดอย่างเรานะ”
เจโรมตอบปนขำ “เรื่องนี้ฉันคงต้องขอปฏิเสธ ความพยายามอัญเชิญและการทำนายของพรีม่านั่นยังไงก็ล้มเหลว ฉันเห็นผลลัพธ์นี้มานานแล้ว ต่อให้เธอไม่มาบอกฉันก็ตาม”
“วัลเพอร์กิสหลับลึกไปเป็นพัน ๆ ปี แล้วเธอจะมาตื่นเอาตอนนี้เนี่ยนะ? มีแค่คนโง่อย่างพวกเขาเท่านั้นแหละที่จะยังงมงายในความเชื่อแบบนั้น”
เอลฟ์ดำใช้ส้นรองเท้าของเธอเขี่ยดิถีดวงจันทร์ที่ตกอยู่บนพื้นแล้วตอบอย่างเฉยเมย “ไม่นะ ที่จริงแล้วเธอดูจะทำสำเร็จล่ะ ถึงแม้ว่าแม่มดบรรพกาลจะนำเธอมาที่ร้านหนังสือกาก ๆ แล้วตรงสู่ความตายก็เถอะ คุณไม่คิดว่ามันน่าหัวเราะเหรอ?”
พรีม่านอนแผ่อยู่บนพื้น ร่างของเธอเย็นเยือกจนรู้สึกชาขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเธอได้ยินสิ่งที่เอลฟ์ดำพูด นิ้วของเธอก็หยุดกระดิกพร้อม ๆ กับสีหน้าอ่อนแรงและสิ้นหวังอย่างมากปรากฏบนใบหน้าของเธอ
หรือว่า…วัลเพอร์กิสทอดทิ้งผู้รับการเจิมจากเธอแล้วเหรอ?
เธอใช้แรงทั้งหมดที่เหลืออยู่โงหัวขึ้นมาจ้องความว่างเปล่าตรงหน้าเธอ…
ทว่าสิ่งที่เธอเห็นกลับเป็นก้อนกระดุกกระดิกที่เคยเป็นแมวขาวกระตุกแล้วแบ่งตัว ร่างแมวของมัน ‘สลายไป’ แล้ว เหลือเพียงอะไรที่ดูเหมือนก้อนขยุกขยุยที่เกิดจากหนอนแมลงวันนับไม่ถ้วน เส้นหนวดขยับไปมาตลอดเวลาที่ฐานร่างกายของมัน และในขณะเดียวกัน ช่องว่างขนาดใหญ่ก็เปิดออกที่ใจกลาง เผยให้เห็นลูกตาสีเหลืองที่มีขนาดเกือบเท่าตัวมันกำลังก่อตัวขึ้น
พรีม่าตกตะลึง แม้ว่าเธอจะใกล้ตาย แต่ความรู้สึกหวาดผวาสุดขีดก็ปะทุขึ้นในตัวเธอ
เหนือร่างของเธอ เสียงหัวเราะของเจโรมยังดังออกมาจากคริสตัลสื่อสาร “ฮ่า ๆ ๆ นี่พิสูจน์ว่าทางเลือกของเราถูกต้องแล้ว เจ้าพวกสมองนิ่มพวกนี้จะได้เห็นสักทีว่าความเชื่อของพวกเขานำไปสู่อะไร วัลเพอร์กิสน่ะอยู่ไหนก็ไม่รู้…แล้วร้านหนังสือ”
“ฮ่า ๆ ๆ …เดี๋ยวนะ!”
เสียงหัวเราะของเขาหยุดลงดื้อ ๆ แล้วเจโรมก็ถามออกมาอย่างกระวนกระวาย “ร้านหนังสือไหนนะ?”
เอลฟ์ดำขมวดคิ้วถามอย่างฉงน “ที่ถามว่าร้านหนังสือไหน คุณหมายความว่าไง? มันก็เป็นแค่ร้านธรรมดา ๆ นะ ร้านหนังสือกาก ๆ นี่ไม่มีกระทั่งป้ายร้าน แล้วก็มีแต่กระดิ่งที่ประตูแค่อันเดียวเอง…”
เจโรมเงียบไปสองวินาที ก่อนที่เขาจะร้องออกมาด้วยเสียงแหบ ๆ
“หนีเร็ว!!!”
“หือ?”
เอลฟ์ดำงุนงง เธอจ้องคริสตัลสื่อสารในมือของเธออย่างทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้เลยว่าทำไมจู่ ๆ ลูกค้าของเธอถึงโพล่งอะไรแบบนี้ออกมา
แล้วในขณะที่เธอจ้องคริสตัลนั้นเอง เธอก็สังเกตเงาสะท้อนบนนั้น มีก้อนหนวดสีขาวที่มีดวงตาดวงยักษ์อยู่ตรงกลางจ้องเป๋งมาที่เธอ
ก่อนที่เธอจะทันได้หันไป เอลฟ์ดำนักสะกดรอยก็ถูกงับหัวขาดในง่ำเดียว
แล้วร่างไร้หัวของเธอก็ถูกก้อนหนวดสีขาวเขมือบตามไปติด ๆ หลังจากเสียงเคี้ยวที่ฟังดูน่าขนลุกหยุดลง เส้นหนวดก็หดกลับไปสู่สภาพแมวขาวอ้วน ๆ จากนั้นมันก็เลียอุ้งเท้าของมันอีกครั้ง
“เมี้ยว… เอิ้ก…”